หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


Small Navy of the World กับโอกาสที่ต้องเสียไปของประเทศไทย

โดยคุณ : น่าคิด เมื่อวันที่ : 18/03/2008 08:04:50

เดิมทีผมคิดจะเก็บกระทู้นี้ไว้ดูคนเดียว เนื่องจากผม เสียดายโอกาสของประเทศไทยในการหารายได้เข้าประเทศ เสียดายโอกาสของกองทัพเรือในการพัฒนาองค์ความรู้ในเรื่องการออกแบบ และต่อเรือ

ทำไมผมคิดแบบนี้ ถ้าได้ดูภาพจากลิ้งค์ที่ผมลงไว้จนครบทุกหน้า แล้วเปิดใจให้กว้าง (ผมเน้นอันนี้นะครับ) จะเห็นได้ว่าเรือตรวจการณ์ขนาดเล็ก (ไม่เกิน 100 ตัน) และเรือตรวจการณ์ขนาดกลาง (ไม่เกิน 500 ตัน) ที่เราต่อใช้เองในเมืองไทย ทั้งโดยกรมอู่ฯ หรือ บริษัทเอกชนก็แล้วแต่

- เรือ ต. 91 - 99

- เรือ ต. 991

- เรือ ต. 213

- เรือชุดสัตหีบ

- เรือชุดหัวหิน

สามารถนำเสนอขายแก่กองทัพเรือประเทศที่ยังมีองค์ความรู้เรื่องการต่อเรือสู้เราไม่ได้อย่างสบายๆ

แต่อาจจะมีคนแย้งว่า ติดขัดในเรื่องของกฎหมายรัฐธรรมมนูญ

แต่ถ้าเราขายแต่ตัวเรือพร้อมอุปกรณ์ล่ะ แล้วไปติดตั้งระบบอาวุธที่ประเทศลูกค้า ก็พอที่จะเป็นช่องทางหาเงินเข้าประเทศได้เยอะทีเดียว

อย่างในกลุ่มอาเซียน ผมดูแล้วเราสามารถเสนอขายให้กองทัพเรือฟิลิปปินส์ได้ ถ้าคิดจะทำ

ก็แค่ทำโฆษณาในแผ่น ดีวีดี ส่งให้ผู้ช่วทูตทหารเรือนำเสนอ ก็น่าจะดีไม่น้อย

อยากอ่านความคิดเห็นของสมาชิกท่านอื่น

http://www.militaryphotos.net/forums/showthread.php?t=128802

ภาพเรือตรวจการณ์ของกองทัพเรือ โตโก

 





ความคิดเห็นที่ 1


กองทัพเรือบรูไน ยังไม่พร้อมจะออกสู่ บลูเนวี่ เรือ ต. 991 นี่น่าจะเหมาะในการนำเสนอ

เรือยนต์เร็วโจมตีอาวุธนำวิถีของบรูไน

 


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 15/03/2008 13:36:19


ความคิดเห็นที่ 2


เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ ของAzerbaijan Navy ดูแล้วเรือล่องลมของเราทันสมัยกว่าเยอะเลย


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 15/03/2008 13:39:35


ความคิดเห็นที่ 3


แถมภาพเรือของเพื่อนบ้าน กัมพูชา ให้ดูแก้เซ็ง....

 


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 15/03/2008 13:46:09


ความคิดเห็นที่ 4


สนับสนุนความคิดด้วยคนจ้า
โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 16/03/2008 02:49:56


ความคิดเห็นที่ 5


ยังไงเสียเราก็มีอู่ต่อน่ะครับแต่ว่า นักธุรกิจไทยร้อยละ 75

ชอบขายของในประเทศมากกว่า ถ้าออกนอกประเทศ

ก็โดนลมพัดตกลงเหวแล้ว เพราะเหตุใด

  เราไม่มีเทคโนโลยีที่พอสนับสนุนการต่อเรือให้มั่นคงถาวรได้

เอาง่ายๆคู่แข่งในเอเชีย

ญี่ปุ่น 

 สิงคโปร์

  เกาหลีใต้

จีน

เวียดนาม

อินเดีย

พวกนี้สามารถต่อเรือได้จากเล็กจนถึงใหญ่  เพราะรัฐบาลสนับสนุน

เต็มขั้น

และ พาณิชย์นาวี แข็งแกร่ง กว่ากองเรือไทยในปัจจุบัน

จากข้อความของคุณนิติภูมิลงไว้ว่า จากร้อยเปอร์เซ็นต์กองเรือที่ทำการส่งออกให้ไทยและนำเข้าให้ไทย

เรามีแค่ร้อยละสาม เท่านั้นที่กอง เดินเรือโดยสัญชาติไทย

นอกนั้นต่างประเทศ ทั้งๆที่ไทยเรามีอัตราการเจริญเติบโตในการ

ส่งออกถึงมากและมากที่สุด จำเลขไม่ได้

      อีกทั้งอุตสาหกรรมสนับสนุนเช่นเหล็กกล้า เราต้องนำเข้าวัตถุดิบเหล็กจากต่างประเทศ เช่น จีน ประเทศในเอเชียกลางถึงร้อยเปอร์เซ็นต์

   พอ บริษัท สหวิริยา จะจัดสร้างโรงหล่อเหล็กกล้าที่ ประจวบคีรีขันต์

ก็โดนประท้วงอย่างรุนแรง จนมีข่าวอย่างที่เห็น

    แล้วคุณพี่คิดว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปกับกระแสต่างๆที่ทำธุรกิจการเดินเรือไทยง่อยรับประทาน

   ไม่ต้องพูดถึงเรือรบ เราก็เงียบละ

วิศวกรไทยจบออกมา ร้อยละ 50 ไม่ได้ทำงานตามที่เรียนมา หรือตรง

สายการเรียน มักจะออกไปเป็นเซลแมน ได้เงินเยอะกว่าเยอะครับ

งานก็ง่ายด้วยไม่ลำบาก

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 16/03/2008 05:42:40


ความคิดเห็นที่ 6


เอ....ที่จำได้ สมัยที่ลงข่าวเรื่องการต่อเรือชุด สัตหีบ ในอู่อิตัลไทย ตอนเรือชื่อ รล.คลองใหญ่ หนังสือเล่มนึงไปทำข่าวที่อู่ต่อเรือ ก็มีเรือตรวจการของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ติดอันดามัน กับเรา ต่ออยู่ 1 ลำนะครับ......เราก็เคยส่งออกบ้าง แต่ช่วงนี้รอบๆ ประเทศเราคงชอบเรือตรวจการจีนมั้งครับ.....คงถูกแบบแทบให้ปล่าว
โดยคุณ phantom เมื่อวันที่ 16/03/2008 20:54:40


ความคิดเห็นที่ 7


จะไม่พูดกรณีเรือจีน ที่ส่งไปให้ประเทศข้างบ้านเราและประเทศแถบแอฟริกาแบบให้เปล่าครับ เนื่องจากเป็นการให้เพื่อหวังผลด้านการเมืองและการค้า

แต่ถ้าพูดเรื่องการตอเรือในไทยนั้น หลักสำคัญคือ โรงงานวัสดุต้นน้ำ อย่าง เหล็กกล้า ,หรือวัสดุผสม ซึ่งไทย ไม่มีกำลังพอครับ

ยกตย.กรณีโรงถลุงเหล็กต้นน้ำของรัฐบาลทักกี้ แล้วชาวบ้านออกมาต่อต้าน ทำให้ไทยเสียโอกาสผู้นำด้านการถลุงและส่งออกเหล็กกล้าในแถบอาเซียนครับ 

ฝ่ายค้านเค้าว่าเอาเหล็กจากที่อื่น ขนใส่เรือ มาถลุง มันไม่เป็นการสิ้นเปลืองไปหน่อยเหรอ

แต่จริงๆแล้ว โรงงานถลุงอลูมิเนียมขนาดใหญ่ของประเทศไอซ์แลนด์นั้น ใช้เเร่บอกไซด์จากแถบทวีปเอเชียเป็นส่วนใหญ่

ซึ่งหลังจากถลุงแร่อลูมิเนียมแล้ว ก็ส่งออกไปทางยุโรปนำรายได้เข้าประเทศปีละมหาศาล (และที่สำคัญโรงงานเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้เขตอุทยานแห่งชาติของไอซ์แลนด์มาก ทำไมเค้าถึงไม่เดือดร้อนหว่า  )

หรือวัสดุคอมโพสิทสมัยใหม่ อย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนของตัวไยคาร์บอนนั้นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

อยากได้เรือ หรือ เครื่องบินต้องสร้างโรงงานต้นน้ำเหล่านี้ก่อนครับ

โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 17/03/2008 00:08:46


ความคิดเห็นที่ 8


เห็นด้วยกับ ทาน Icy ครับ โรงงานเหล็กในบ้านเรา กำลังการผลิตไม่มากพอครับ รวมทั้ง ความหลากหลาย ของชนิดเหล็ก ( Grade เหล็ก ) และ ขนาดเหล็กที่ผลิตได้ครับ...แค่ใช้ในอุตสาหกรรม ก็แทบจะไม่เพียงพอแล้วครับ...
โดยคุณ highskygate เมื่อวันที่ 17/03/2008 01:16:41


ความคิดเห็นที่ 9


 

 เห็นด้วยครับ   จากงานต่อเรือุดต.991 แล้วประทับใจมากกว่าเรือจีนที่เขมรต่อมาจากจีนแดงมาก     เราไม่จำเป็นต้องไปสู้เรื่องราคาก็ได้นี่ครับ   ขอให้งานต่อมีคุณภาพดี ส่วนราคาต่อเรือบ้านเราก็แพงกว่าจีนไม่มากและถูกกว่าเกาหลี    ผมว่าราคาขนาดนี้ถ้าเราทำสินค้าได้มีคุณภาพแบที่อู่ในเกาหลีทำได้   รับรองว่าตีตลาดโลกได้แน่ๆ   เพราะเรือต่อจากเกาหลีแพงกว่าจีนพอสมควรแต่ทำไมขายออกดีที่สุดในโลกขณะนี้ล่ะครับ     คำตอบคือคุณภาพงานต่อที่ดีระดับโลก   แต่ราคาระดับท้องถิ่น    งานของเกาหลีกับของจีนนั้นคนละชั้นกันเลย

    ส่วนโรงงานเหล็กต้นน้ำต้องรอนิดนึงแวล่ะครับ    น่าจะภายใน 10 ปี (เร็วแล้วนะครับสำหรับอุตสาหกรรมพื้นฐาน)     เพราะ TSTH  ได้วางแผนขยายโรงงานถลุงเหล็กเฟส 2 แล้วเป็นขนาด 5 ล้านตัน    กะว่าเสร็จเอาตอนที่สหวิริยาสตีลเพิ่งจะตอกเสาเข็มโรงงานแรกได้   ปัจจุบันเราต้องการใช้งานเหล็กดิบประมาณ 13-14 ล้านตันต่อปี    ถ้ารวมของทั้ง TSTH(เฟส2) และ SSI(เฟส 1)  เราก็มีกำลังการผลิต 10 ล้านตันในเวลา 2-3 ปีข้างหน้านี้แล้วครับ   ดังนั้นอีกไม่เกิน 10 ปีเหล็กต้นน้ำจะมีกำลังการผลิตระดับส่งออกได้เลย    หลังจากเหล็กแบบพื้นฐานผลิตจนพอเพียงและส่งออกได้แล้ว    ต่อไปเหล็กเกรดต่างๆก็น่าจะเริ่มสายการผลิตได้แน่นอนครับ     แต่อาจจะนานหน่อยคือ กว่า 10-15 ปี

   ส่วนโรงงานถลุงอลูมิเนียมนั้น    ประเทศเราเปิดสายการผลิตอลูมิเนียมไปแล้ว   เท่าที่จะได้รู้สึกว่าบ.ร่วมทุนญี่ปุ่นขอสิทธิ BOI ในการผลิต  และใช้แก๊สในการผลิตด้วย    ซึ่งต้นทุนต่ำกว่าปกติมากกว่า 30%   ทำให้เรามีอลูมิเนียมราคาถูกใช้แล้วครับ     แต่ผมต้องขอโทษที่จำรายละเอียดของบริษัทและกำลังการผลิตไม่ได้เพราะว่าอ่านผ่านตาในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ    และไม่แน่ใจว่าโรงงานนี้ได้ขยายขีดความสามารถในการทำอลูมิเนียมผสมแบบต่างๆด้วยหรือไม่

 

    ใจเย็นๆครับ    อุตสาหกรรมพื้นฐานเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาแล้วครับ

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 17/03/2008 11:38:45


ความคิดเห็นที่ 10


 

     เรือชั้นแรกที่น่าจะทำการตลาดได้มากที่สุดก็คือ   เรือชั้นต.991 และ OPV ขนาด 80 เมตรลำใหม่ที่กำลังออกแบบต่อลงน้ำ    เพราะเรือ 2 ชั้นนี้เน้นงานคุณภาพเพื่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว    ดังนั้นงานต่อจึงเนี๊ยบเท่าที่เราจะทำได้     ถ้ารัฐสนับสนุนต่อเรือ OPV ชั้นนี้อีกสัก 4-6 ลำ  รับรองว่าขายต่างชาติออกแน่    เพราะระวางน่าอยู่ราวๆ 1000-1200 ตัน   ซึ่งอยู่ในระดับเรือคอร์เวตแล้ว     อืมมมมน่าเจาะตลาดต่างประเทศจริงๆ   ราคา 2000 ล้าน กับเรือระดับคอร์เวต    ถือว่าถูกมากครับ  เพาะเรือขนาดราวๆนี้ต่อจากตะวันตก   อย่างน้อยก็ 5000 - 8000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว   

 

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 17/03/2008 11:45:11


ความคิดเห็นที่ 11


ปัจจุบันมีกองทัพเรือและหน่วยงานทางราชการของหลายๆประเทศที่มีความต้องการจะจัดหาเรือขนาดเล็กถึงขนาดกลางๆระวางขับน้ำไม่มากไปกว่า 1,000-1,500ตัน เพื่อใช้ในภารกิจตรวจการณ์ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งจนถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะไกลฝั่งครับ (อย่างไรก็ตามเรือพวกนี้มักจะเป็นเรือที่ต่อตามมาตรฐานเรือพาณิชย์ ซึ่งมีคุณสมบัติไม่เท่ากับเรือที่ต่อตามมาตรฐานทางทหารเช่นเรือ Corvette จริงๆอยู่ดีครับ)

ถึงแม้ว่าบางประเทศจะมีขีดความสามารถในการต่อเรือขนาดนี้ได้เองในประเทศ แต่บางประเทศก็ยังทำไม่ได้หรือมีTechnology ไม่พอครับ ถ้าไทยเราสามารถทำการตลาดเจาะประเทศที่มีความต้องการเหล่านี้ได้ก็จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมเรือไทยครับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักครับถ้ามองว่ามีประเทศอุตสาหกรรมหลายๆประเทศที่มีประสบการณ์และ Technology สูงกว่าเราและมีช่องทางการตลาดนานและดีกว่าเราครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 17/03/2008 21:04:51