หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


dog fight แปลว่าอะไรครับ

โดยคุณ : YOYoMAN เมื่อวันที่ : 26/03/2008 18:26:45

dog fight แปลว่าอะไรครับ รึว่าแปลว่า หมาต่อสู้




ความคิดเห็นที่ 1


018 ไม่ใช่หมาต่อสู้หรอกครับ

เป็นการต่อสู้ระยะประชิดระหว่างเครื่องบินครับ เครื่องบินที่มีความคล่องแคล่ว(น่าจะ)ย่อมได้เปรียบกว่า
โดยคุณ ZeroCraft เมื่อวันที่ 15/03/2008 05:18:40


ความคิดเห็นที่ 2


แปลตรง ๆ ได้ว่า หมาไล่กัดกันครับ

คือเครื่องบินรบสมัยแรก ๆ จนถึงเจ็ตไฟเตอร์ยุคสงครามเวียดนาม เวลาจะยิงกัน มักจะต้องหาทางเข้าไปอยู่ในตำแหน่งยิงที่ท้าย บ. เป้าหมาย เพื่อให้การใช้อาวุธเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำ คือมีแต่ปืนกับศูนย์เล็ง ระยะยิงก็สั้น ความเร็วก็ไม่แตกต่างกัน ภาพการรบจึงเป็นไปในลักษณะที่แต่ละฝ่ายบินไล่ล่ากันด้วยท่าบินต่าง ๆ ดูคล้ายหมาไล่กัดกันนั้นแล

ต่อเนื่องมาถึงยุคเจ็ตในปัจจุบัน หากไม่มีระบบควบคุมการยิงดี ๆ บวกกับ จรวดนำวิถีระยะสั้นถึงปานกลางนำวิถีด้วยความร้อนที่มีความสามารถในการตรวจจับและล๊อคเป้าเป็นมุมกว้าง ๆ ได้ อย่าง ไซด์ไวน์เดอร์-เอ็กซ์ หรือ แอสแรม ฯลฯ จะยิงจรวดทีหนึ่งก็ต้องหาทางเข้าไปยิงทางด้านท้ายของ บ. เป้าเหมือนกัน เพราะแห่งความร้อนใหญ่ที่สุดก็คือท่อท้ายนั่นเอง หรือไม่ตอนบินสวนกัน (ซึ่งไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนัก)

หนัง Top Gun, Battle of Britain, Dark Blue World น่าจะทำให้เข้าใจความหมายของการ Dog Fight ได้ดีนะครับ

นึกได้เท่านี้แหละครับ

 

 

โดยคุณ เสือใหญ่ เมื่อวันที่ 15/03/2008 05:20:47


ความคิดเห็นที่ 3


คำว่า Dogfight มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งแล้วครับ ก็คือการดวลกันในระยะประชิดนั่นแหละ ถ้าเป้นสมัยนั้นนี่ดวลกันทีใช้ปืนพกลุยเลยนะครับ (Flyboys) แล้วยังมีก้อนอิฐกับหลาวเหล็ก แถมด้วยเชือกสำหรับปล่อยให้มันไปพันใบพัดเครื่องบินข้าศึกเล่น อันที่จริงจะโจมตีกันมันก็ทำได้ทุกทางแหละครับยิ่งถ้าเป็นปืนสั้นแล้วตีคู่ดวลกันเลยก็ได แต่ที่ชอบไล่ยิงกันจากด้านหลังก็เพราะ....

- เป้าหมายยิงตอบโต้ได้ลำบากกว่า ไม่ว่าจะใช้ก้อนอิฐ ปืนพกสั้นหรือปืนกลสู้ก็ตาม นอกจากจะมีปืนด้านหลัง ถ้าประสานงากันรับรองได้ว่าเสี่ยงแบบสุดๆ ครับ

- ช่องว่างของความเร็วระหว่างสองฝ่ายน้อย สามารถเล็งและยิงได้แม่นยำกว่าการโจมตีจากด้านอื่น (ยกเว้นบางคนที่ฝึกการยิงเป้าหมายจากด้านข้างโดยเฉพาะเช่นฮานส์ โจคิม มาร์เซลล์ของเยอรมันสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง)

สมัยนี้ Dogfight ไม่ค่อยมีเพราะว่าเครื่องบินส่วนใหญ่บินมา ปล่อยอาวุธ แล้วเผ่นกลับบ้านทันทีครับ ทั้งระบบขีปนาวุธก็มีความแม่นยำมากกว่าสมัยก่อน (สมัย AIM-9B กับ AIM-7 รุ่นแรกมันเชื่อถือไม่ได้เลย)  เครื่องบินเลยไม่ได้มีโอกาสเข้าทำการรบประชิดเหมือนแต่ก่อน ส่วนมากรู้ผลกันตั้งแต่ระยะ BVR  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นนะครับ เพราะกองทัพอากาศสหรัฐเคยคิดแบบนี้แล้วพลาดมาแล้วในสงครามเวียดนาม


โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 15/03/2008 13:34:33


ความคิดเห็นที่ 4


ในช่วงยุคปี1950s-1960s ซึ่งเป็นยุคที่ บ.ขับไล่ Jet นั้นมีการพัฒนาไปมาก มีบ.ขับไล่ที่สร้างออกมาในยุคนั้นหลายลำที่ไม่ติดปืนครับ เช่น F-86D Saber Dog ซึ่งใช้จรวดอากาศสู้อากาศพับครีบ(ไทยเคยมีประจำการในช่วงสั้น) บ.หลายแบบใน Series 100 เช่น F-102 หรือแม้แต่ F-4 Phantom II รุ่นแรกๆ ก็ไม่ติดปืนครับเพราะตอนนั้นเชื่อว่าการรบสมัยใหม่จะเป็นการใช้ Radar กับอาวุธปล่อยระยะไกล

แต่ในการรบจริงๆในเวียตนามนั้นผลปรากฏว่ายังจำเป็นต้องมีการใช้ปืนยิงกันอยู่ดีครับ(เช่นความน่าเชื่อถือของอาวุธปล่อยหรือกลยุทธของฝ่ายตรงข้าม) บ.ขับไล่จึงยังคงติดปืนใหญ่อากาศอยู่ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 15/03/2008 22:41:22


ความคิดเห็นที่ 5


 

ขำคำแปลตรงๆ

 

โดยคุณ JIB เมื่อวันที่ 15/03/2008 22:45:39


ความคิดเห็นที่ 6


ก็มันมีความหมายเปรียบเทียบแบบนั้นจริงๆ

 

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็มี กระสุนหมดก็แทบจะเอาปืนปาหัวกันเลยล่ะ จึงต้องบินใกล้ๆ

 

สมัยก่อนก่อนที่จะเอาเครื่องบินมาตีกัน ชาติที่เป็นศัตรูส่งบ.ขึ้นตรวจการณ์ เมื่อพบก็จะโบกมือทักทายกัน แต่ฝั่งเสศกลายเป็นชาติแรกที่ทักทายกันด้วยลูกปืน

โดยคุณ บุปผาชน เมื่อวันที่ 16/03/2008 12:14:52


ความคิดเห็นที่ 7


ได้ความรู้เพียบเลย
โดยคุณ xavious เมื่อวันที่ 26/03/2008 07:26:47