ความรู้สึกเมื่อคุณจบการศึกษา สอบวันสุดท้าย(คนไหนนานมากก็พยามยามระลึกค๊า เช็คอายุไปในตัว)
จำกันได้ไหมว่าคุณทำอะไร ใจหวิวไหม? รู้สึกแปลกไหม? หรือสนุกสนานจนลืมจบ เอ๊ะ
คุณคิดและวางแผนกับตัวเองยังไงค่ะตอนนั้น เริ่มคิดอะไรก่อน
สับสนไหมกับก้าวต่อไปของชีวิต คนรอบข้างมีอิทธิพลกับคุณหรือเปล่า?
จบแล้วทำงานเลยหรือเปล่า หรือได้งานตรงตามสาขาจบหรือเปล่า
....
....
....
ขอนอกเรื่องก่อนวันหยุดหน่อยนะค่ะ แฮ่ ^^
ไอเดียเพลงจากบล๊อคแม่แฟนทั้ง 3 ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ajaree&month=03-2008&date=02&group=6&gblog=148
ทำงานเลยครับ พอดีได้งานตอนเรียนอยู่ (ไม่ใช่เก่งอะไรฮะ แต่เขามารับที่มหาลัย เลยได้สมัคร) แต่งานก็ไม่ค่อยตรงสาขา
ตอนเรียนอยากจบ แต่ตอนจบก็ไม่อยากจบ ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิมแล้ว นึกจะโดดก็โดดไม่ได้ นึกจะเที่ยวก็เที่ยวไม่ได้
สรุปคือเปลี่ยนมาก แต่โชคดีอยู่อย่างคือ คนรอบข้างยังปล่อยให้ทำอะไรก็ได้
เป็นเหมือนกันครับ
ตอนนี้เพิ่งจบ แรกๆ รู้สึกเคว้งคว้าง จนต้องเข้าไปปรึกษาอาจารย์
ตอนนี้ได้หนังสือมาสองเล่ม แล้วก็กลับไปอ่านทวนหนังสือ ต่างๆ ที่เคยอ่าน เพื่อฟื้นความรู้ที่เลือนลางนอกจากงานสถาปัตยกรรม แล้วก็ได้คิดอะไร ที่ไม่ได้คิดมานานครับ นอกกรอบการเรียน ตอนนี้เหมือนกับทำอีกโปรเจคนึง ที่อยากทำมานาน แต่ไม่มีเวลาทำเสียที จนจบเนี่ย เพิ่งมาได้ทำอะไรที่อยากทำ
ตอนเรียนจบก็นัดเพื่อนสนิท แล้วพูดว่า ฉันรักเเกว่ะ
แล้วก็เก็บของกลับบ้านจากเชียงใหม่ มากรุงเทพ
เนี้ยหนังเรื่องนี้เอาชีวิตจริงผมมาทำเลย 5555
เนี้ยนู๋นีล เกิดสอบเสร็จมีใครนัดเจอ ระวังน่ะ 5555
ยังจำได้ครับ เหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน
เพราะยื่นขอจบคนสุดท้ายของรุ่น ตอนถ่ายรูปหมู่ยังคิดเหมือนกันว่ายังจะได้เจอกันอีกมั๊ย หวิว หวิว ชอบกล
ผมโชคดีตรงที่จบมาได้งานเลยตรงตามสายงาน ได้เป็น planner ของ บมจ.แห่งหนึ่ง แต่เพื่อนบางคน เกือบ 2 ปี ถึงจะได้งานและเป็นงานสายปกครอง
บางคนจบมา รับช่วงต่อจากกิจการที่บ้าน มาเป็นนายใหญ่แล้วแต่งงาน มีลูก
บางคนขอทุนเรียนต่อเพื่อเอาด็อก จบมาเจอหน้ากัน ไม่รู้จักกันก็มี
ตอนนี้บางเดือน กลุ่มเดิมๆ ยังนัดกินเหล้ากันอยู่เลยครับ ปรับสารทุกข์ สุกดิบกันไป ตอนนี้กลายเป็นว่าอยากจะช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันมากกว่า แก่กันแล้วนี่ครับ
ขำจนท้องแข็งเลยครับ เจอคำตอบของท่านเวปมาสกะเตอร์ ฮ่าๆๆ
แม๊ๆพูดมาได้ชีวิตของผม
นู๋นิลอย่าหลงคารมนะ คริคริ
จะเล่าให้ฟังดีไหมเนี่ย...แบบว่ามัน ลาง ๆ มาก ๆ แต่ไม่ลืมนะ
จบออกมารับปริญญาตอนเพื่อน ๆ มันจบไปก่อนเราตั้งปีครึ่ง
ตอนไปเรียนกับเด็กเล็กที่รังสิตตอนปีท้าย ๆ แทนที่จะเป็นกล้วยน้ำไท
ดีหน่อยที่ได้กลายเป็นพี่เอื้อย น้อง ๆ มากมาย
รับปริญญาเสร็จก็บึ่งรถไปนอนฉลองที่เขาใหญ่ เพื่อนกลุ่มโต รออยู่ที่นั้น ประทับใจไม่ลืมครับ
ผมโชคดีได้งานทำเงินเดือนหมื่นฝ่าๆ ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปี 5 (ชาวบ้านเค้าเรียนกัน 4 ปี) เลยไม่ค่อยรู้สึกเคว้งคว้างแต่อย่างใด แต่งานไม่ตรงกับที่ร่ำเรียนมาหรอกนะครับ
มาโดนเต็ม ๆ ก็ตอนปี 40 นี่แหละครับ ถึงกับต้องเปลี่ยนอาชีพเลย
ชีวิตจริงของคนเรามันโหดร้ายเสมอแหละครับ สำคัญตรงที่ว่า ต้องมีสติเพื่อให้เกิดปัญญา ฟันฝ่าอุปสรรคออกมาให้ได้ครับ...
ชีวิตช่วงนี้เป็นช่วงชีวิตที่คนทุกคนมีความเครียด และกังวลมากที่สุด เพราะเป็นช่วงรอยต่อของทุกๆอย่าง
ผมจบปริญาตรีมา แต่ในใจก็ไม่อยากที่จะทำงานในระบบ จึงต้องหาทางที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาให้ได้ แม้ว่าอุปสรรค์จะเยอะมากก็ตามที
ธุรกิจนั้นมักต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีขึ้นไปในการสร้าง กว่ามันจะเห็นผล มันจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก
ในเวลานั้นเจอเเรงกดดันเยอะมาก ทั้งจากคนรอบข้าง และตัวเอง อีกทั้งปัจจัยหลายๆอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้
คนรอบข้างมักจะถามเสมอว่า เรียนจบแล้วทำไมไม่หางานทำ เป็นคนขี้เกียจหรอ
ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบเขา และก็คงให้เขามองเราอย่างไม่ดีตลอดมา และก็ไม่ได้ใส่ใจ
ความหวัง และความฝันนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ผมเชื่อว่าทุกคนมี แต่จะใช้มันได้แค่ไหน ใช้มันได้อย่างไร และกล้าที่จะใช้มันหรือไม่
ศัตรูที่สำคัญก็คือความท้อแท้ และความไม่แน่ใจในสิ่งที่เราได้หวังเอาไว้
มีคำกว่าคำหนึ่งที่ผมใช้เตือนสติตัวเองมาตลอดคือ ไม่ว่าคุณจะคลาน เดิน หรือ วิ่ง หากคุณไม่ยอมที่จะหยุด คุณก็มีโอกาศประสบความสำเร็จได้
และผมก็เชื่อว่า ความสำเร็จขนาดใหญ่ทุกๆความสำเร็จนั้น เกิดจาก ความสำเร็จเล็กๆหลายความสำเร็จรวมๆกัน
ดังนั้น ผมจึงเริ่มที่จะสร้างความสำเร็จชิ้นเล็กๆที่ว่านี้ ไปที่ละความสำเร็จ รวมกันเข้าๆ
และสักวันหนึ่ง มันก็คงได้เห็นผลอย่างที่มันควรจะเป็น
ความหวังเป็นสิ่งที่ดี และทุกๆคนก็ควรจะมีมัน
จำได้ดีค่ะเพราะพึ่งเรียนจบ 555 จริงๆ เป็นคนภาคกลางแต่เลือกเรียนที่เชียงใหม่(ม.เดียวกับดากานดานั่นแหละค่ะ) ใช้เวลานาน2 ปีกว่าๆ กว่าจะปรับตัวได้ไม่ให้คิดถึงบ้าน ถึงแม้ว่าจะได้เพื่อนที่ดีมากแต่ก็ยังคิดถึงบ้านอยู่ค่ะ คิดขนาดว่าจะเอนฯใหม่ใกล้ๆ บ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็เรียนจนจบ 4 ปี จำได้ว่า ไม่เคยรู้ว่าตัวเองรักเชียงใหม่แค่ไหนจนกระทั่งวันที่แพ็คของกลับบ้านนั่นแหละค่ะ ที่น้ำตาไหลเลย อยู่มาตั้ง 4 ปี พอเรียนจบก็โชคดีที่ได้งานทำพอดีค่ะ ก็ตรงสายเป๊ะเลยเพราะเรียนเอกอังกฤษแล้วก็ได้มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่กองทัพอากาศค่ะ :)