หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


การจัดซื้อรถเกราะ ทบ.ไทย

โดยคุณ : bom123 เมื่อวันที่ : 12/03/2008 17:21:53

ไม่ทราบว่าตอนนี้โครงการจัดหารถเกราะล้อยางของ ทบ.ไทยไปถึงไหนเเล้วครับ เมื่อไม่นานมานี้ ผมดูช่องรัฐธรรมมนูญ ของ ubc เขาบอกว่าจะคัดเลือกรถเกราะล้อยางใหม่อีกรอบเพื่อจะได้รถที่มีคุณภาพมากที่สุดเเละไม่มีการทุจริตในการจัดซื้อ เเละขอถามอีกเรื่องครับ เจ้ารถเกราะสายพานของเเอฟริกาใต้ที่ทบ.ไทยจะซื้อมาลงใต้ไปถึงไหนเเล้วครับ เห็นเค้าว่ากันว่ารถตัวนี้ ห่วยสุดๆ

ปล.ท่านสมาชิกทุกท่านกรุณาบอกผมทีนะครับ





ความคิดเห็นที่ 1


เกราะแอฟริกาใต้น่าจะล้มไปแล้วครับ
โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 07/03/2008 11:56:56


ความคิดเห็นที่ 2


เกาะแอฟริกาใต้ นี้เป็นล้อยางไม่ใช้สายพานครับ อ่อ แล้วก็ล้มไปก็ดีครับ สงสารทหารทีจะเอามาใช้แถวบ้านผมๆละอยากให้เป็นเจ้าตัว บุชมาสเตอร์จริงๆเลย เวลาออกไปลาดตระเวณ หรือคุ้มครองครูจะได้อุ่นใจมาขึ้นทุกวันนี้รอวัน.......... จริงๆ เห็นแล้วสงสารจนท.ที่ปฏิบัติงานใน พท.ครับ

โดยคุณ wingboy เมื่อวันที่ 07/03/2008 21:04:45


ความคิดเห็นที่ 3


เพิ่งเปิดดูเพจของทบ. เจอหน้านี้ครับ, เกี่ยวกับ BTR-3E1
ซึ่ง   มีลิงค์ไปดูข้อมูล ที่คุณโย , คุณ AAG_th1 ทำบล๊อคไว้ด้วย      เฮอๆๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------

http://dopns.rta.mi.th/essay/20080306_01/ess06032008_BTR-3E1.htm

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ หมวด ๕ ส่วนที่ ๒ มาตรา ๗๗ บัญญัตืไว้ว่า “ รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งเขตอำนาจรัฐ และต้องจัดให้มีกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จำเป็นและเพียงพอ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์ของชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อการพัฒนาประเทศ ”

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา หลายท่านคงรับทราบข่าวเกี่ยวกับการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง 8 x8 เพื่อมาใช้งานในกองทัพบก จากสื่อต่างๆมากมาย แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่คงไม่ทราบว่า ข้อมูลที่แท้จริงเป็นอย่างไร เนื่องจากกระแสข่าวที่ออกมาสู่สังคมนั้น เป็นการให้ข่าวโดยกลุ่มบุคคลที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง หรือกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ นอกจากนั้นยังกำลังถูกผูกโยงเป็นประเด็นทางการเมืองอีกด้วย จึงขอถือโอกาสนี้ชี้แจงข้อมูลที่แท้จริง ให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบ

ก่อนอื่น ในนามของกองทัพบกขอทำความเข้าใจกับสาธารณะชนว่า กองทัพบกตระหนักดีเสมอว่าการจัดหายุทโธปกรณ์หลักเข้ามาประจำการ ต้องใช้งบประมาณสูง และงบประมาณดังกล่าวก็มาจากภาษีของประชาชนชาวไทย ดังนั้น กองทัพบกจึงได้กำหนดมาตรการ และขั้นตอนการดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้ได้มาซึ่งยุทโธปกรณ์ที่มีคุณภาพ นำมาใช้งานอีกเป็นระยะเวลานาน โดยดำเนินการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อมิให้กลุ่มผู้ค้าอาวุธฉวยโอกาสเข้ามาแทรกแซง เพราะ จากบทเรียนการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพบกที่ผ่านมา มักมีการแข่งขันสูงโดยกลุ่มผู้ค้าอาวุธ กองทัพบกจึงไม่ยอมให้กลุ่มผู้ค้าอาวุธมีอิทธิพลเหนือกระบวนการตัดสินใจของกองทัพบก โดยกระบวนการคัดเลือกแบบรถหุ้มเกราะล้อยาง ได้ผ่านความเห็นชอบร่วมกันจากหน่วยกำหนดความต้องการ หน่วยสายวิทยาการ หน่วยจัดหา หน่วยซ่อมบำรุง หน่วยงบประมาณ และหน่วยใช้ ว่าเป็นยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุด ในกรอบวงเงินที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ดังนั้น กองทัพบกจึงขอยืนยันต่อผู้เกี่ยวข้องและสังคมว่า การตัดสินใจเลือกแบบรถหุ้มเกราะล้อยางกองทัพบกในครั้งนี้ เป็นไปตามความต้องการเพื่อตอบสนองความพร้อมรบของกองทัพบกอย่างแท้จริง

ขั้นตอนดำเนินการ

ขั้นแรกเป็นการดำเนินการก่อนการจัดหา เป็นการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์ที่จะนำมาใช้งานในกองทัพบก ดำเนินการในกรอบความรับผิดชอบของคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์กองทัพบก (กมย.ทบ.) ซึ่งมี รอง ผบ.ทบ.เป็นประธาน ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกอีก ๑๗ ท่าน เป็นกรรมการ และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเลือกแบบยุทโธปกรณ์ ซึ่งมี ผบ.ศร. เป็นประธาน ผู้แทนหน่วยกำหนดความต้องการ หน่วยสายวิทยาการ หน่วยจัดหา หน่วยซ่อมบำรุง หน่วยงบประมาณ และหน่วยใช้ เป็นกรรมการ ทำหน้าที่ศึกษารวบรวมข้อมูลรถหุ้มเกราะล้อยางทั่วโลกที่ทันสมัยและเหมาะสมที่จะนำมาใช้งานในกองทัพบก (การดำเนินการของคณะทำงานฯนี้ เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนเพียงพอ โดยไม่มีข้อผูกพันกับทางราชการแต่อย่างใด) ต่อจากนั้นคณะทำงานฯ จึงนำเสนอข้อมูลให้ กมย.ทบ. เพื่อพิจารณากำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้งานในกองทัพบก โดย กมย.ทบ.จะพิจารณาในกรอบรายละเอียดที่กว้างขวางกว่าการรวบรวมข้อมูลของคณะทำงานฯ กล่าวโดยสรุป คือ คณะทำงานเลือกแบบยุทโธปกรณ์ เป็นผู้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ส่วนคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์ เป็นผู้พิจารณารับรองแบบ นำเรียนผู้บัญชาการทหารบก เพื่อกรุณาพิจารณาอนุมัติ

ขั้นต่อมา เป็นขั้นการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อนำมาประจำการในกองทัพบก การดำเนินการในขั้นนี้จะยึดถือระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดหาพัสดุ พ.ศ.๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบราชการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาเปรียบเทียบ

ได้แก่ ปัจจัยด้านยุทธการและส่งกำลังบำรุง(รวมทั้งด้านคุณลักษณะและเทคนิค) ปัจจัยด้านงบประมาณ(ราคาและข้อเสนอของบริษัท วิธีการจัดหา) ปัจจัยด้านการผลิต(ความทันสมัยของยุทโธปกรณ์ ขีดความสามารถในการผลิต ขีดความสามารถในการถ่ายทอดเทคโนโลยี) ปัจจัยด้านความนิยม(การเข้าประจำการในกองทัพประเทศผู้ผลิต การเข้าประจำการในประเทศอื่น) ปัจจัยด้านบริษัทผู้ผลิต/ผู้แทน(ความน่าเชื่อถือ/ความมั่นคง) ปัจจัยด้านต่างประเทศ(ความมั่นคงทางการเมือง ความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาล นโยบายการค้าต่างตอบแทน)

เหตุผลที่เลือกรถหุ้มเกราะล้อยาง 8 x 8 แบบ BTR 3E1

ด้วยปัจจัยด้านต่างๆ ที่คณะกรรมการฯใช้ในการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับด้วยความรอบคอบ พบว่ารถหุ้มเกราะแต่ละประเภท มีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกัน แต่ข้อดีเด่นที่ทำให้คณะกรรมการฯ เลือกรถหุ้มเกราะล้อยาง 8 x8 BTR 3E1 ด้วยเหตุผลดังนี้

๑. ความพร้อมรบ กองทัพบกได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง ๔๘ คัน ซึ่งสามารถนำมาประจำการกองพันทหารราบยานเกราะ ได้เพียงครึ่งกองพัน ( ๑ กองพัน มีอัตรารถหุ้มเกราะล้อยาง ๙๖ คัน) แต่ในขั้นการรวบรวมข้อมูลพบว่า ถ้าเลือกแบบ BTR 3E1 จะสามารถจัดหาได้ครบทั้งกองพันในคราวเดียวกัน คณะกรรมการฯ จึงเสนอให้รับรองแบบ BTR 3E1 ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่คณะกรรมการฯใช้ในการพิจารณาคือการ
ให้น้ำหนักกับความพร้อมรบ เพราะกองทัพบกไม่ทราบว่าถ้าเลือกซื้อคราวแรกครึ่งกองพัน
ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาอีกเมื่อใด หลังจากที่
คอยมาเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี จึงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวนนี้ แต่ถ้าเลือกแบบ BTR 3E1 จะมีกองพันทหารราบยานเกราะที่พร้อมรบเต็มหนึ่งกองพัน

๒. อำนาจการยิง BTR 3E1 ติดตั้งอาวุธประจำรถถึง ๕ ระบบ (ในขณะที่แบบอื่นๆ มีเพียง ๑-๒ ระบบ) ได้แก่ ปก.๓๐ มม., ปก.๗.๖๒ มม., จรวด ตถ., ค.อัตโนมัติ ๓๐ มม. และ ค.(ควัน) ๘๑ มม. ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบอำนาจการยิง BTR 3E1 จึงมีอำนาจการยิงต่อหน่วยมากกว่าแบบอื่นๆ เปรียบเสมือนเป็นยานรบทหารราบ อาจกล่าวได้ว่า อำนาจกำลังรบของกองพันทหารราบกองพันนี้ถ้าใช้รถหุ้มเกราะล้อยาง BTR 3E1 แล้ว จะมีอำนาจกำลังรบใกล้เคียงกับกองพันรถถังเลยทีเดียว ความจริงแล้วด้วยประมาณการราคาของรถหุ้มเกราะล้อยาง ๘ x ๘ ตามที่กองทัพบกของบประมาณไว้ คณะกรรมการฯมีความคาดหวังว่า รถหุ้มเกราะที่กำลังจัดหา น่าจะสามารถดัดแปลงเป็นยานรบทหารราบได้ ซึ่งปรากฏว่า BTR 3E1 มีคุณสมบัติเป็นยานรบทหารราบอยู่แล้ว ย่อมเป็นข้อดีเด่นที่สมควรพิจารณา เพราะมีคุณสมบัติเหนือกว่ามาตรฐานที่กำหนด

๓. การถ่ายทอดเทคโนโลยี ผู้ผลิต BTR 3E1 เสนอให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทั้งการประกอบรถหุ้มเกราะ และการผลิตกระสุนของอาวุธประจำรถตามที่กองทัพบกต้องการ ซึ่งจะทำให้ข้อกล่าวหาที่ว่า ขนาดกระสุนที่ไม่ตรงกับกระสุนของผู้ผลิตกลุ่มประเทศยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดปัญหาต่อระบบการส่งกำลังนั้น ไม่เป็นความจริง นอกจากนั้น จากข้อเสนอดังกล่าว กองทัพบกสามารถผลิตกระสุนมาตรฐานโซเวียต ส่งกำลังให้กับอาวุธค่ายโซเวียตที่กองทัพบกประจำการอยู่ได้อีกด้วย

สรุป

กองทัพบกขอทำความเข้าใจกับประชาชนชาวไทยทั่วไป ที่อาจถูกบิดเบือนข้อมูลและมองไปในแง่ทุจริตการจัดซื้ออาวุธ แต่ในทางตรงกันข้าม กองทัพบกได้พยายามสร้างความโปร่งใส เพื่อให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของกลุ่มผู้ค้าอาวุธ ที่อาศัยความไม่รู้ไม่เข้าใจในข้อมูลยุทโธปกรณ์อย่าง เพียงพอ ครอบงำสังคมให้หลงประเด็น ทั้งนี้กองทัพบกขอเรียนว่า ความรู ้เรื่องยุทโธปกรณ์ทางบกนั้น เป็นวิชาชีพเฉพาะที่กองทัพบก มีความเชี่ยวชาญ เพราะกองทัพบกมีทั้งบุคลากร และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทำหน้าที่ติดตามศึกษา ค้นคว้า มีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำการเปรียบเทียบข้อมูลยานรบทุกประเทศในปัจจุบัน จนมั่นใจว่า ได้เลือกแบบยุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ เปรียบเสมือนแฟนพันธุ์แท้ในเรื่องยุทโธปกรณ์ทางบก ดังนั้น สมควรที่สังคมควรมั่นใจในกระบวนการของกองทัพบก มากกว่าการฟังข้อกล่าวหาของกลุ่มผู้ค้าอาวุธที่เสียประโยชน์ หรือกลุ่มบุคคลสาขาอาชีพอื่น ซึ่งพยายามใช้กลวิธีต่างๆ กดดันผ่านสื่อสารมวลชนและหน่วยงานภาครัฐ ให้ชะลอ และยุติโครงการโดยอ้างเหตุผลเพื่อความโปร่งใส ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้น รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า นั่นเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ค้าอาวุธที่เสียประโยชน์ ทำลายความน่าเชื่อถือในการจัดหาแบบรัฐต่อรัฐ ทำให้ประโยชน์ตกอยู่กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นแก่ความมั่นคงของชาติ ทำให้กองทัพบกเสียโอกาสในการเสริมสร้างความพร้อมรบ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐

 

จัดทำขึ้นครั้งแรกเมื่อ 6 มีนาคม 2551
ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อ 6 มีนาคม 2551
โดย กรมยุทธการทหารบก


โดยคุณ Mstn เมื่อวันที่ 08/03/2008 03:27:32


ความคิดเห็นที่ 4


ขออย่างเดียว .. โปร่งใสก็พอแล้วครับ
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 08/03/2008 06:23:08


ความคิดเห็นที่ 5


ก็ดีที่ขยับตัวชี้แจ้งบ้าง แต่ใจผมก็อยากให้เอามาทดสอบนะ ถ้าของมันดีอยู่แล้ว (ผมก็คิดว่าดีแหละ) ถ้าประเด็นผลการทดสอบผ่านเกณฑ์  ประเด็นราคา  การถ่ายทอดเทคโนโลยีผ่านเกณฑ์ ยังไงก็แบเบอร์
โดยคุณ phongrapee เมื่อวันที่ 08/03/2008 08:45:40


ความคิดเห็นที่ 6


ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่กรมยุทธการกองทัพบกเป็นอย่างสูงที่กรุณาลง Link ข้อมูลจาก Blog ของผมในส่วน Link ที่เกี่ยวข้องครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 08/03/2008 11:39:57


ความคิดเห็นที่ 7


ขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่านครับ

โดยคุณ bom123 เมื่อวันที่ 08/03/2008 23:15:08


ความคิดเห็นที่ 8




BTR-3E1 นี้ดูแล้วป้อมปืนค่อนมาทางด้านหน้ามากๆนะครับ.. ก็สงสัยอีกแล้วละ  ว่ามันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ..

ส่วนตัวคิดว่า ข้อเสียคงเป็นเรื่องความเสถียรของป้อมปืน  คงจะมีน้อยกว่าอยู่บริเวรกึ่งกลางตัวรถ.. เพราะถ้ามันค่อนมาหน้าหรือท้ายมาก มันคงกระดกมากหน่อย.. คงจะส่งผลถึงความเม่นยำในการยิงขณะเคลื่อนที่ ..  หรือระบบนี้ออกแบบมาให้เป็นแบบหยุดยิง อันนี้ก็ไม่ทราบจริงๆ นะครับ..


ข้อดี น่าจะต้องได้ไปศึกษาแนวความคิดวิธีออกแบบของวิศวะกร ประกอบด้วยนะครับ ว่าเขามีแนวคิดอย่างไร เช่นในเรื่องของการจัดสรรพื้นที่ภายในรถมั่งครับ.. 

แหะๆ  อันนี้ ทั้งข้อดีและข้อเสียผมประมาณคิดเอาเองนะครับ...
พี่ๆเพื่อนๆท่านใดมีข้อมูลเสริมหน่อยนะครับผม...  ขอบคุณครับ..


...ยินดีกับทัพบกนะครับ  ที่มีแนวคิดในเรื่องการชี้แจงต่อสาธารณะชน.. และจะยินดีมากถ้าจัดหายานเกาะที่ดีมีคุณภาพคุ้มค่า (ไม่ว่าแบบใด) มาใช้ในกองทัพได้ อยากเห็นกองทัพแข้มเข็ง ทหารหาญและครู,และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ปลอดภัย จากภัยโจรใต้.. อยากให้จัดหาได้ไวๆนะครับ..


...
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 09/03/2008 11:55:30


ความคิดเห็นที่ 9


ป้อมอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าข้อดี หลักๆก็คือ มีมุมยิงมากขึ้นครับ(มุมกระดก)นะครับ  สามารถกดลำกล้องได้ต่ำกว่าครับ(กรณีที่รถไต่ขึ้นเนินจะมีผลมากครับ)....ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการลดช่องว่างของหลักนิยม ที่ออกแบบป้อมทรงเตี้ยครับ ทรงป้มทรงเตี้ย ข้อดีคือ ลดความสูงทำให้ลดการถูกตรวจจับและเล็งยิง แต่ข้อเสียคือ มุมการกดลำกล้องลงก็น้อยตามไปด้วย  ดังนั้นถ้าอยู่ค่อนไปด้านหน้าก็ช่วยลดช่องตรงนี้ไปครับ.........

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 12/03/2008 06:21:56