จากเวปไซท์ของสถานทูตฝรั่งเศส
http://www.ambafrance-th.org/th/article.php3?id_article=542
สำหรับผมรู้สึกทะแม่งๆ
สวัสดีครับท่าน Zeroman
สัมพันธภาพดังกล่าวดีขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศไทยร่วมมือทางการทหารกับฝรั่งเศส หลังสงครามสิ้นสุด ในปีพ.ศ.2461 ประเทศสยามได้ส่งทหารเข้าร่วมสวนสนามที่ถนนชองส์ เอลิเซส์ ประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย
น่าจะแม่งๆ สงสัยพิมพ์ผิด น่าจะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มากกว่า แต่ที่ระบุว่าในปี 2461 (หรือปี 1918 ) สยามแค่ส่งทหารไปร่วมสวนสนาม ? แล้วกองยานยนตร์ กองทหารอาสา ไม่ได้เข้าร่วมรบเลยหรือ ?
ในช่วงระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง ประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศสได้กระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านการทูตและการเมือง รวมถึงด้านการทหาร (รัชกาลที่ 7 ทรงเป็นพระสหายร่วมชั้นกับนายพลเดอ โกลล์ของฝรั่งเศส) และด้านวัฒนธรรม นักศึกษาจากประเทศสยามเดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงปารีสเป็นจำนวนหลายคน รวมถึงท่านปรีดี พนมยงค์ ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาประเทศไทยยุคใหม่
น่าจะกล่าวถึงนักเรียนเก่าฝรั่งเศสอีกท่าน ด้วยไม่ใช่ท่านปรีดี คนเดียว
ถ้าอยากเห็นความสะจายของประวัติศาสตร์
ระหว่างไทยกับชาติตะวันตก
ขอแนะนำหนังสือ สี่สี พิมพ์กระดาษ Art อย่างดี
ของสำนักพิมพ์ มติชน หรือเปล่าจำความไม่ได้
แต่เป็นหนังสือเล่มใหญ่ รวบรวมภาพการดำเนินการทาง
การทูตสมัยรัชกาลที่ 4
โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส, อังกฤษ และไทย ลองซื้อหามาอ่านดูครับ
เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่หายากเล่มหนึ่ง เพราะพิมพ์
ไม่มาก และคนน่าจะซื้อไม่มากเช่นกัน เพราะราคาแพง
990 บาท ถ้าอยากหาซื้ออ่าน
ลองไปที่ร้านหนังสือตรง อนุสาวรีประชาธิปไตย ฝั่งศูนย์
เบนซ์ น่ะครับหัวมุม ของอนุสาวรีย์เลยน่าจะพอมีเหลือบ้าง
พิมพ์ผิดครับ
ผมก็น่าจะส่งไปบอกเขาครับว่าผิดยังไง และควรแก้ด้วยนะ อะไรประมาณนี้ครับ
ผมก็เถียงกับคนฝรั่งเศสมาบ้างเรื่องสงครามในตอนนั้น แต่ขอร้องว่าอย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยครับ ....... ผมยังยืนยันว่า เราควรเก็บสิ่งที่ผ่านมาไว้ในหนังสือเรียนและเอามาเป็นบทเรียน ดีกว่าตั้งแง่รังเกียจกัน ...... โลกเรารวมกันมากกว่าเมื่อก่อน ความเปลี่ยนแลงในประเทศหนึ่งส่งผลต่อประเทศอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความเข้าใจและความร่วมมือ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันความขัดแย้งในอนาคตครับ
อ่านะ