หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ดูให้หน่อยครับ ว่าปืนที่ถืออยู่นี้เป็นปืนอะไร

โดยคุณ : CoffeeMix เมื่อวันที่ : 12/03/2008 17:06:16

 

ดูให้หน่อยครับ ว่าปืนที่ถืออยู่นี้เป็นปืนอะไร  ผมดูแล้วมันทะแม่งๆ จะ A2 ก็ไม่ใช่ เพราะ ความยาวลำกล้องมันแปลก จะเป็น A1 ก็งงเข้าไปใหญ่เพราะฝาประกับ

 

CQ ไม่ใช่แน่ๆ เพราะต่างกันเยอะ

 

 

ช่วยดูหน่อยครับ

 

 





ความคิดเห็นที่ 1


what is this one


โดยคุณ Therminator เมื่อวันที่ 03/03/2008 00:15:00


ความคิดเห็นที่ 2


มันก็ดูเป็น M16A2 ปกตินิครับ ดูจากฝาประกับลำกล้อง ศูนย์หลัง ด้ามปืน ฯลฯ

ว่าแต่ เมื่อไหร่จะเปลี่ยนหมวกซะทีล่ะครับ

โดยคุณ rinsc seaver เมื่อวันที่ 03/03/2008 03:03:18


ความคิดเห็นที่ 3


 

เล็งตาแทบเข  ผมว่ายังไงก็ไม่ใช่เอสองครับ

 

เอารูปเอสองมาเปรียบเทียบ

 

 


โดยคุณ CoffeeMix เมื่อวันที่ 03/03/2008 08:52:48


ความคิดเห็นที่ 4


รูปที่เอามาให้ดูมันไม่เต็มทั้งกระบอกนี่ครับผมเองก็เลยบอกอะไรไม่ได้ แต่ดูจากพานท้ายแล้วผมว่าเป็น M4 มากกว่านะครับ

รูปแรกผมลองเทียบดูจากเว็บอื่นๆ แล้วผมก็ว่าน่าจะ M16A2 นะ ฝาประกับ ซองกระสุนก็ดูใช่ M16A4 มันก็ใช้พิคาทินนี่ไปแล้ว
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 03/03/2008 10:05:57


ความคิดเห็นที่ 5


ด้ามเอ1

ศูนย์เล็งเอ1

ฝาประกับเอ2

ชุดคนใส่ สีจางๆ

ถ้ามีรูปโคลสอัพจะดีมาก

ถ้ามีแต่โหมดยิงBurst นี่ เอ 2ชัวร์

 

ปล.ท่าน  Praetorians ครับ ที่พี่ปืนถามนะ รูปบนสุดน่ะครับ

โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 03/03/2008 11:21:48


ความคิดเห็นที่ 6


เหอะ ๆ งง ๆ กันอยู่ครับที่ลิ้งนี้
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6384051/X6384051.html
โดยคุณ Banyat เมื่อวันที่ 03/03/2008 11:26:49


ความคิดเห็นที่ 7


เสียดาย ภาพไม่ชัด จะได้ซูมดูปลอกลดแสงอีกอย่าง  แต่เท่าที่ดูอาจจะเป็นลำกล้องA1  --

สรุป

เอ1 ฝาประกับเอ2 ฟันธง

โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 03/03/2008 11:56:53


ความคิดเห็นที่ 8


ทราบครับคุณไอซี่ ผมก็แค่บอกไปอย่างนั้นแหละว่าอาปืนเอารูป M4 มา ไม่ใช่ M16 เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาจะงงครับ

เว็บพันธุ์ทิพย์คุยกันไฟแลบเลย แต่ก็ได้ความรู้ดีครับว่าทำออกมาหลายแบบไม่ใช่ออกมาแบบเดียวโดดๆ แถมมีชุดแปลง A1 -> A2 ด้วย แปลงได้หมดยกเว้นศูนย์หลัง (แล้วทำไมไม่ซื้อกระบอกใหม่ไปเลยล่ะ) ผมลองเพ่งในรูปดูแล้วศูนย์หลังปรับซ้ายขวาไม่ได้ ด้ามปืนก็ A1 มันเหมือน A1 แปลงร่างยังไงก็ไม่รู้

สรุปคือผมว่าน่าจะเป็น A2 Mod อะไรสักอย่าง (ใน pantip ว่า Mod 737) ไม่ก็ A1 แปลงร่างครับ
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 03/03/2008 21:26:54


ความคิดเห็นที่ 9


ถ้างั้นคงเป็น A1 แปลงกายลูกผสม A2 ล่ะครับ

โดยคุณ rinsc seaver เมื่อวันที่ 04/03/2008 04:25:04


ความคิดเห็นที่ 10


ขอเดามั่วด้วยคน อิอิ

คิดว่าน่าจาเหมือนพี่ไอซี่ ว่า น่าเป็นปืนเอ็ม 16 เอ1 แต่โมดิฟลายบางส่วนโดยใช้ชิ้นส่วนรู่นเอ 2

คุ้นๆเหมือนเคยได้ยินโครงการของทหารหน่วยใดบ่ทราบได้ว่าจะทำการปรับปรุงปืนเอ็ม 16 เอ แนวๆนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าทำเจงป่ะ จำได้เลาๆว่าเปลี่ยนลำกล้องกะไอ้ประกับปืนนี้แหละเรียกมั่วถูกป่ะ ศูนย์เล็งนี้ไม่รู้เปลี่ยนป่ะ หรือเปลี่ยนได้ป่ะ อยากรู้เหมือนกานมานจาเเม่นวขึ้นมากไหม แต่คงไม่เเม่นเหมือนลำกล้องเล็งม้าง อิอิ

และคุณพี่เค้าของทหารน้ำคับ เอ่ะ ใช่ป่ะ

พี่แกคงเป็นนาวิกโยธินสังกัดค่ายจุฬาภรณ์ที่นราธิวาสอ่ะป่ะ

แต่อาจจาเป็นนาวิกมาจากสัตตหีบก็ได้ อ่า น่าคิดไหม อิอิ

ที่พี่แกแต่งตัวชุดพรางลายแปลกแตกต่างจากหน่วย ท.บ. หรือหมวกรุ่นเก่าก็เพราะพี่แกม่ายน่าจาใช่ทหารบก อิอิ

ตกลงผมเดาถูกอ่ะป่ะ อิอิ

^_^

โดยคุณ kingkong_army เมื่อวันที่ 04/03/2008 04:25:47


ความคิดเห็นที่ 11


อย่างที่ว่าหล่ะครับมันมี MOD เยอะ แต่ก่อนผมก็คิดว่ามันมี
A1-A2-A3-A4 กับ M4

ดูไป ๆ มา ๆ มันเยอะชอบกลมีแบบจำเพาะประเทศด้วย(canada-C7,UAE 702)
ในรูปสรุปเป็น A2
แต่ไม่ธรรมดาครับเพราะดูไม่ออกว่า MOD  ไหน ตัวคล้ายสุดที่ซื้อโดยไม่แปลงก็ 737 แต่โอกาสที่แปลงจาก A1 เป็น A2
ก็มีสูงแต่ผมว่าเป็น 737 มากกว่าครับคงเป็น 1 ในสองหมื่นที่สั่งซื้อแหละครับ



PUMPKINbig
โดยคุณ Banyat เมื่อวันที่ 04/03/2008 06:04:40


ความคิดเห็นที่ 12


ตอนแรกก็เข้าใจว่าจะเป็น M16A2 แต่พอท่าน ICY ทักว่าเป็นM16A1 ที่ใช้ประกับหน้าแบบA2 น่า จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลำกล้องดูแล้วไม่หนาเท่าที่ควร น่าจะเป็นลำกล้องของ A1 ขอเดาว่าเป็นM16A1 ที่ประกับหน้าเสียหาย ต้องเปลี่ยนแต่หาประกับหน้าที่ตรงรุ่นไม่ได้ ก็ต้องใช้ของรุ่นA2 แทนโดยอาจต้องเปลี่ยนตัวยืดประกับหน้า เพื่อให้ใช้ประกับหน้ารุ่น A2 บนลำกล้องของรุ่น A1

โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 05/03/2008 05:14:23


ความคิดเห็นที่ 13


  ผมว่าน่าจะเป็น เอ็ม 16 เอ 1 แต่ใส่ประกับลำกล้องของ เอ 2 ครับ...........เท่าที่พยายามซูมสายตามองแล้ว ด้ามปืน ศูนย์หลัง แล้วก็ลำกล้อง มันเป็น เอ 1 ครับ และที่สำคัญ ผมเคยเห็นทหารเรือ ถือ เอ 1 ใส่ประกับลำกล้อง เอ 2 มาก่อน ครับ.....Top Gun เล่มเก่า ฉบับหน้าปกเป็น ทหารพราน นย. ก็มี เจ้าตัว เอ 1 ใส่ประกับ เอ 2 ครับ ใครมีฉบับดังกล่าวลองดูครับ.........แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถึงเป็นในรูปแบบดังกล่าว คือ ใส่ประกับของ เอ2 แต่ถ้าให้เดา อาจจะเป็นที่อะไหล่ครับ อะไหล่เก่าน่าจะใกล้หมดหรือหายากประมาณนั้น   อืมมม แต่คิดดูอีกทีทำไมในส่วนของ ทบ. บางหน่วยที่ยังใช้เอ 1 ถึงไม่เห็นในรูปแบบดังกล่าว และอีกอย่าง ฝาประกับลำกล้องของ เอ 1 ด้านในมันเขียนว่า  ชัยเสรี  ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่.........สุดท้าย ยืนยันคำตอบเดิมครับ คือ เอ 1 ใส่ประกับ เอ 2 ธรรมดานี่แหละครับ ไม่น่าจะ MOD หรอก........
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 05/03/2008 10:57:16


ความคิดเห็นที่ 14


a2 ครับ ดูจากปุ่มด้านหลังช่องขับปลอกกระสุนครับ
จากรูปด้านล่าง ไล่จากบนลงล่าง คือ M16a1, M16a2, M4  และ M16a4
ให้ดูความแตกต่าง ตรงด้านหลังช่องขับปลอก มีปุ่มนูนออกมา คาดว่า น่าจะเป็น ปุ่มบังคับทิศทางของปลอกกระสุนไม่ให้วิ่งเข้าหน้าคนยิงครับ ส่วนในรูป ท่านคอฟฟี่มิกซ์ มองให้เห็นศูนย์เล็งหลัง(นั่งแท่น) ส่วนพานท้ายและปลอกลดแสงมันกะขนาดจากมิติรูปยาก

เข้าใจหารูปมาท้ายจัง...อิอิ... ทร.น่าจะเปลี่ยนหมวกเหล็กได้แล้วจริงๆด้วย

รูปมาจากเว็บศูยน์กำลังสำรอง ครับ ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อhttp://www.ruksadindan.com/web/modules/My_eGallery/gallery/other/beeeb283c970c3d.jpg

โดยคุณ Xmode เมื่อวันที่ 06/03/2008 00:49:11


ความคิดเห็นที่ 15


 แท่นที่คุณ  เอ็กซ์โหมด ว่านั้น เป็นแท่นสำหรับกันปลอกกระสุน กระเด็นโดนหน้าในกรณีผู้ที่ยิงถนัดซ้ายครับ ซึ่งใน เอ 1 บางตัวก็มีแท่นดังกล่าวครับ(เข้าใจว่าเป็นตัวหลังๆ ก่อนที่จะพัฒนาเป็น เอ2)..........รูปดังกล่าวไม่ชัดเจนครับ อาจจะเป็น เอ 1(ใส่ประกับ เอ2) หรือ เอ 2 ก็ได้ ที่ผมว่าน่าจะเป็น เอ 1 ใส่ประกับ เอ 2 ก็เพราะว่าเคยเห็นรูปแบบดังกล่าวของ ทร. มาก่อนครับ(แต่มันก็อาจจะเป็น เอ 2 ก็ได้).......... เอ็ม 16 มันประกอบไปด้วย 2 ส่วนใหญ่ๆคือ โครงปืนส่วนบน(ประกอบไปด้วย ชุดห้องลูกเลื่อนซึ่งภายในจะมีลูกเลื่อน คันรั้งลูกเลื่อน ปุ่มดันลูกเลื่อน คันรั้ง หูหิ้วและศูนย์หลัง ลำกล้อง ฝาประกับลำกล้อง ท่อนำแก๊ส แท่นศูนย์หน้า แท่นยึดด้ามดาบปลายปืน หูกระวินหน้า และปลอกลดแสง) และโครงปืนส่วนล่าง(ชุดเครื่องลั่นไก ด้ามปืน ช่องรับซองกระสุน ชุดพานท้ายซึ่งภายในมีแหนบรับแรงถอย หูกระวินหลัง).......(มีต่อ)
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 06/03/2008 06:13:36


ความคิดเห็นที่ 16


ผมขอยืมรูปคุณ เอ็กซ์โหมดครับ......ส่วนหมายเลข 1 คือ โครงปืนส่วนบน และ หมายเลข 2 คือ โครงปืนส่วนล่างครับ


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 06/03/2008 06:19:15


ความคิดเห็นที่ 17


 ซึ่งหลักๆแล้ว  ส่วนที่ เอ 1 ต่างจาก เอ 2(เอ3 และ เอ 4) ที่เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกคือ ศูนย์หลัง(ซึ่ง เอ 2 ขึ้นไป จะปรับได้ละเอียดกว่า) ลักษณะจะเห็นได้ชัด   ตัว เอ 1 ในส่วนของบังศูนย์หลังจะเป็นชิ้นเดียวกับหูหิ้ว แต่ เอ 2 ขึ้นไป จะแยกเป็น 2 ชิ้น(เพราะมันสามารถยืดขึ้นลงได้ ตามระยะยิงจริง)   ดูหมายเลข 1 ตามภาพประกอบ...............ด้านขวาของศูนย์หลัง เอ 1 จะมีเพียงจานควง(วางตัวแนวตั้ง)สำหรับปรับทางทิศเพียงอันเดียว(หมายเลข2)  แต่ เอ 2 ขึ้นไปจะมี 2 จาน คือ จานควงอันหนึ่ง(ด้านบน)วางตัวแนวตั้ง(หมายเลข3) สำหรับปรับทางทิศในการยิงปรับศูนย์รบ(สนาม 25 เมตร หรือ 1000 นิ้ว)  และจานอันล่าง(วางตัวแนวนอน)(หมายเลข4) สำหรับปรับตามระยะยิงจริง(หลังปรับศูนย์รบมาแล้ว) ซึ่งจะปรับได้จนถึง 800 เมตร(มีหมายเลขกำกับอยู่) และเวลาปรับต้องมองด้านซ้ายของตัวปืน เพราะมาตรชี้มันอยู่ด้านนั้น...............ความแตกต่างดังกล่าวทำให้ ศูนย์ เอ 2 ขึ้นไป  ปรับได้ละเอียดกว่า     ศูนย์หลังปืนตระกูล เอ็ม 16 จะเป็นแบบศูนย์รู 2 อัน กระดกเปลี่ยนได้   ซึ่งใน เอ 1 ขนาดของรูศูนย์ในแท่นกระดกทั้งสองอันจะเท่ากันจะเท่ากัน แต่ต่างกันที่ความสูงของรู อันสูงจะมีเครื่องหมาย ตัว L กำกับอยู่ จนทำให้เราเรียกจนชินปากว่า ศูนย์รูใหญ่ทั้งที่จริงๆแล้วมันเท่ากัน  ศูนย์รูสูงใช้สำหรับการยิงระยะไกล ส่วนอันต่ำ(ที่ไม่มีตัว L) สำหรับระยะใกล้........ในส่วนของ เอ 2 ขึ้นไป นั้นจะเป็นศูนย์ 2 อันกระดกได้เหมือนกัน แต่ขนาดจะต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ศูนย์รูใหญ่สำหรับการยิงระยะประชิด และในสภาพทัศนวิสัยจำกัด(เพราะสามารถจับเป้าได้ดีกว่า) ส่วนศูนย์รูเล็กสำหรับยิงในสภาวะทัศนวิศัยปกติ....จานควงตัวล่าง มีหมายเลขกำกับอยู่ มี เลข 3 ถึง เลข 8  ในส่วนเลข 3 กับ เลข 8 มันจะเขียนว่า 3/8 เพราะมันหมุนมาครบรอบ 360 องศา พอดี......การปรับศูนย์รบ เอ 2 จะยิงที่ระยะ25 เมตร ใช้ศูนย์รูเล็ก และหมุนจานควงตัวล่างมาที่เลข 3 แล้วหมุนถอยหลัง 3 คลิ๊ก      แล้วยิง ส่วนการปรับกลุ่มกระสุนทางทิศ(ซ้าย ขวา) จะหมุนปรับที่จานควงตัวบนทางด้านขวาของศูนย์ สำหรับศูนย์หน้าใช้ปรับ ทางระยะ (คือ สูง ต่ำ)   พอปรับจนกลุ่มกระสุนเข้ากลางเป้าแล้ว  เวลาใช้ยิงตามระยะจริง เราจะปรับเอาที่จานตัวล่าง ตามหมายเลขตามระยะที่ต้องการ ส่วนจานตัวบนห้ามหมุนปรับ..............(มีต่อ)


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 06/03/2008 06:55:25


ความคิดเห็นที่ 18


อนึ่ง ต้องขอย้อนความก่อนว่า    ปืนทุกชนิดที่หัวกระสุนมันยังวิ่งด้วยแรงขับดันของดินปืนนั้น กระสุน มันไม่ได้วิ่งในแนวตรงเป๊ะ(ตราบใดที่ยังมีแรงโน้มถ่วงและไม่เปลี่ยนกระสุนเป็นแสง) แต่จะวิ่งในแนวโค้ง(จะโค้งมากโค้งน้อยก็แล้วแต่ปืน)........เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมทั้งๆที่แนวเล็ง(ศูนย์หน้า ศูนย์หลัง)(ตามรูปประกอบคือ เส้นสีน้ำเงิน) มันอยู่สูงกว่าแนวลำกล้อง แต่เหตุไฉนไยกระสุนมันถึงวิ่งชนเป้าตามแนวที่เราเล็ง   เหตุผลก็ตามที่บอกครับ ว่ากระสุนมันวิ่งวิถีโค้งดังนั้นแนวลำกล้องมันจึงต้องวางเฉียงทำมุมกระดกหรือเงย เล็กน้อย(ตามแนวปากลำกล้อง)  หรือพูดง่ายๆว่า แนวเล็งกับแนวลำกล้องมันไม่ได้ขนานกัน แต่มันทำมุมกันอยู่ครับ(ซึ่งมันไม่มาก ทำให้เรามองด้วยสายตาแล้วจึงดูว่าแนวลำกล้องมันไม่ได้กระดกขึ้น).......ดังนั้นด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้แนวของวิถีกระสุน(เส้นสีแดง) มันจึงมี 2 ลักษณะคือ ขาขึ้นและขาลง  ดังนั้นมันจึงมีสองระยะที่แนวของวิถีกระสุนจะตัดกับแนวของการเล็งพอดี คือแนวตอนขึ้นและตอนลงหรือตก   ในกรณี เอ็ม 16 นั้น ในแนวขาขึ้นมันจะตัดกับแนวเล็งที่ระยะ 25 เมตรครับ(เป็นเหตุผลว่าทำไมสนามยิงปืนสำหรับปรับศูนย์รบจึงทำระยะ 25 เมตร)   ส่วนขาลงที่ไปตัดกันพอดีนั้นผมจำไม่ได้ แต่ถ้าจำไม่ผิด ใน เอ 1(ศูนย์ ตัว L) จะตัดขาขึ้นที่ระยะ 25 เมตร และ ขาลงที่ระยะ 375 เมตร(ขาขึ้นชัวร์แต่ขาลงไม่แน่ใจครับเพราะลืม)  ในกรณีศูนย์หลังอีกอันของ เอ 1(ไม่มีรูปตัว L) ซึ่งจะอยู่ต่ำกว่า ดังนั้นระยะตัดขาขึ้นและขาลงจึงไม่เหมือนศูนย์ตัว L  ซึ่งถ้าจำไม่ผิดในขาขึ้น จะตัดที่ระยะต่ำกว่า............ด้วยเหตุผลที่ว่าสายตาคนเราไม่เหมือนกัน จะสั้น จะยาว จะเอียงซ้ายแม่ยายรัก เอียงขวาพ่อตาชัง(สายตานะครับ อย่าคิดมาก)   ดังนั้น จึงต้องมีการยิงปรับปืน  เพื่อให้แนวเล็งตรงกับแนวกระสุน(เพราะแนวกระสุนนั้นมันมีค่าเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าแนวเล็ง จึงต้องเอาแนวกระสุนเป็นหลัก)...............ในสมัยโบราณบานบุรี ครั้งที่ กองทัพประเทศสารขัณฑ์ ยังคงใช้ เอ็ม 16 เอ 1 เป็นอาวุธหลัก  นั้น  การยิงปรับศูนย์รบในสนาม 25 เมตร(หรือแม้แต่ยิงในระยะจริง ที่เราเรียกกันว่ายิงทราบระยะ)นั้น เรายังใช้เป้าแบบตาวัว(วงกลมซ้อนกัน) และใช้การเล็งแบบ เล็งนั่งแท่น(คือให้วงกลมสีดำอยู่บนยอดศูนย์หน้า)  โดยเราลืมนึกไปว่า เป้าที่เราจะยิงกันจริงๆนั้นมันคือ คน ซึ่งรูปทรงมันไม่ได้กลมบ็อกแต่มันมีลักษณะคล้ายขวด(ถ้าเป้าทหารข้าศึกมีรูปทรงเหมือนตาดิ่งนรกหมดทุกคนก็อีกเรื่องหนึ่ง)...........การเล็งยิงลักษณะข้างต้นนั้นทำให้กลุ่มกระสุนจะสูงกว่าแนวเล็งซึ่งมันก็ไม่ผิดถ้าเป้าที่ยิงจริงๆมันคือตาดิ่งนรก เอ๊ย มันคือ เป้าวงกลม แต่เป้าจริงๆมันไม่เป็นเช่นนั้น  มันมีลักษณะทรงคล้ายขวด  ดังนั้นเวลาเรายิงจริงซึ่งเราเล็งกลางตัวคนอย่างแน่นอน มันจึงทำให้โอกาสยิงโดนน้อยลงซึ่งถ้าเล็งยิงปรับมาในลักษณะดังกล่าวถ้าจะเพิ่มโอกาสยิงโดนให้สูงขึ้น จะต้องเล็งที่เท้า    ซึ่งในสภาวะจริงที่เป้ามันอยู่ในที่กำบังและเคลื่อนที่ ยิ่งทำให้เป้าเล็กลงและมีโอกาสพลาดสูง(กรณียิงระยะไกล แต่ถ้ายิงระยะใกล้แล้วอีกเรื่องหนึ่ง).....และที่ผิดพลาดอีกอย่างก็คือในการยิงปรับข้างต้น เราดันใช้ศูนย์หลังที่ไม่ใช่รูปตัว L ซึ่งมันมีค่าขีปนวิถี ที่ต่างจากศูนย์ตัว L ซึ่งไม่เหมาะกับสนามปรับปืนระยะ 25 เมตร  และการใช้ก็บอกว่าเมื่อไปยิงที่สนามทราบระยะแล้วให้ใช้ศูนย์ตัว L ยิ่งทำให้คลาดเคลื่อนไปกันใหญ่ เพราะยิงปรับศูนย์หนึ่ง พอใช้ยิงจริงใช้ อีก ศูนย์หนึ่ง..............การเล็งนั่งแท่นต่อศูนย์ตาวัวดังกล่าว จึงเหมาะกับการยิงแข่งขันที่ใช้เป้าตาวัว เพราะเล็งนั่งแท่นต่อวงดำ จะทำให้ความคลาดเคลื่อนจากการที่สายตาเราล้าจากการยิงติดต่อนานๆลดลง...........แต่เราก็มีการพัฒนา ดังนั้น  เป้าปรับปืนจึงเปลี่ยนเป็นรูปเงาคนแทน และการยิงปรับก็ใช้ศูนย์ตัว L ซึ่งมีค่าขีปนวิถี เหมาะกับสนามดังกล่าว และใช้การเล็งจี้กลางเป้าแทนการเล็งนั่งแท่น  และใช้ศูนย์ตัว L เป็นหลักในการยิงจริง....อืมมม  เริ่มเข้าท่า  แต่ถ้าเรามองดีๆ อีกที ด้วยข้อจำกัดของศูนย์หลังของ เอ 1 ที่มันอยู่กับที่ไม่สามารถเลื่อนสูงต่ำได้ ตามระยะยิง จึงทำให้มันไม่ระเอียด  แต่ถ้าคนยิงเข้าใจถึงหลักการดังกล่าว ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการยิงแก้ยิงเผื่อ เอาเอง  กล่าวคือ ถ้าเป้าอยู่ที่ระยะประมาณ 100 เมตร ก็เล็งเผื่อต่ำ(เล็งต่ำกว่ากลางเป้า)เล็กน้อย ระยะประมาณ 250 เมตร ก็เล็งเผื่อต่ำมากๆหน่อย ถ้าเกิน 375 เมตรขึ้นไปก็เล็งเผื่อสูงแทน(เล็งสูงกว่ากลางเป้า)..................แต่ปัญหาดังกล่าวก็ได้รับการแก้ไขใน เอ 2 ที่ศูนย์หลังปรับได้ละเอียดขึ้น คือ หลังยิงปรับศูนย์รบแล้ว ก็สามารถหมุนให้ศูนย์หลังสูงต่ำได้ตามระยะเป้า.............(มีต่อ)


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 06/03/2008 07:47:05


ความคิดเห็นที่ 19


จุดต่อไปคือ ฝาประกับลำกล้อง(หมายเลข 1)..........ลำกล้อง(ส่วนปลายที่โผล่พ้นฝาประกับออกไป)(หมายเลข 2)   เอ 1 ลำกล้องส่วนดังกล่าวจะเรียวบางกว่าและมีขนาดเล็กกว่าปลอกลดแสงอย่างเห็นได้ชัด    ส่วน เอ 2 จะอวบหนาจนมีขนาดเท่าๆกับปลอกลดแสง    แต่ลำกล้องส่วนที่ซ่อนอยู่ในฝาประกับแล้วมีขนาดเท่ากัน ดังนั้นถ้าเราถอดฝาประกับ เอ 2 ออกแล้ว จะเห็นลำกล้องทั้งหมดเป็นลักษณะต้นและกลางจะเล็กเท่ากันและปลายบานใหญ่ขึ้น  เหตุผลเค้าบอกว่าลำกล้องลักษณะดังกล่าวของ เอ 2 จะทำให้มีการระบายความร้อนจากการยิงต่อเนื่องได้ดีกว่า...........ปลอกลดแสง(หมายเลข 3)   เอ 1 ปลอกลดแสงจะมีรูด้านข้างตลอดจนครบรอบ  แต่ เอ 2 จะมีรูเฉพาะครึ่งบน ส่วนครึ่งล่างไม่มี  เหตุผล เพราะช่วยลดอาการเงยของลำกล้องขณะยิง เพราะแรงแก๊สจะพ่นขึ้นด้านบนด้านเดียวเพื่อกดลำกล้องไว้ ในขณะที่ เอ 1 มันจะพ่นทุกทิศ  และช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น(จากการยิงในท่าที่ปลอกลดแสงอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะๆ)  เป็นการลดการถูกตรวจพบที่ตั้งยิง     แต่รูปลักษณ์ดังกล่าวจะเห็นไม่ค่อยชัดจากรูปถ่ายบางมุม....และผมก็เคยเห็นปืน เอ 2 บางกระบอกที่ปลอกลดแสงหมุนขันไม่ตรงตำแหน่งที่ต้องการในการออกแบบ กล่าวคือ ด้านที่ไม่มีรูระบายไม่อยู่ด้านล่าง แต่อยู่ด้านข้างหรือด้านบนแทน(ปลอกลดแสงจะมีเกลียวสำหรับขันยึดติดกับปลายลำกล้องโดยมีแหวนรองรับอยู่)................อนึ่ง   เกลียวภายในลำกล้องของ เอ 1 และ เอ 2 จะไม่เหมือนกัน  กล่าวคือ เกลียว เอ 1 จะหมุนครบรอบที่ระยะ 12 นิ้ว(ถ้าจำไม่ผิด) ส่วน เอ 2 จะครบรอบที่ระยะ 7 นิ้ว(ถ้าจำไม่ผิด)  หรือพูดง่ายๆก็คือ เอ 2 มีเกลียวที่หมุนจัดกว่า เอ 1    และ เอ 2 ถูกออกแบบให้ใช้กับกระสุนแบบใหม่(กระสุนธรรมดาไอ้กันเรียก เอ็ม 855  ส่วนนาโต้ เรียก เอสเอส 109)  ซึ่งหัวกระสุนจะหนักกว่ากระสุนตัวเก่า(กระสุนธรรมดา เอ็ม 193)และเสริมแกนเหล็ก(เลียนแบบกระสุนของ เอเค 47) ซึ่งกระสุนตัวเก่าจะไม่เสริม       น้ำหนักหัวกระสุนที่มากขึ้นจึงทำให้ดินขับต้องมากขึ้น และ บวกกับเกลียวที่รีดรอบได้จัดกว่า ทำให้กระสุนตัวใหม่มีอำนาจการทำลายสูงขึ้นและมีระยะยิงหวังผลที่ไกลขึ้น........และถ้าถามว่า เอา กระสุนทั้งสองแบบมายิงแทนกันได้ไหม  ตอบว่าได้  แต่    กรณีเอากระสุนตัวเก่ามายิงใน เอ 2 นั้น ยิงได้แต่จะทำให้ค่าขีปนวิถีเปลี่ยนไป และอำนาจการทำลายลดลง....แต่ถ้าเอากระสุนตัวใหม่มายิงใน เอ 1 ละก็ตอบว่ายิงได้เช่นกัน แต่ไม่รับประกันความปลอดภัยของคนยิง เพราะกระสุนตัวใหม่มีแรงดันสูงกว่า ถ้ากล้าเสี่ยงก็เชิญ หุหุ.....................(มีต่อ)


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 06/03/2008 08:14:20


ความคิดเห็นที่ 20


ต่อไปคือ ด้ามปืน(หมายเลข 1)   เอ 1 ด้ามปืนด้านหน้าจะเรียบ แต่เอ 2 จะมีแหง่ร่องนิ้วยื่นมาข้างหน้า 1 อัน.......หมายเลข 2 คือ คันดันหน้าลูกเลื่อน(ขออภัยจำชื่ออย่างเป็นทางการไม่ได้)  ซึ่งเจ้าตัวดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อดันหน้าลูกเลื่อนให้ขยับไปข้างหน้า เหตุเพราะในบางครั้งที่เรายิงติดต่อกันบ่อยๆโดยที่เราไม่ได้ทำความสะอาดจะทำให้มีคราบเขม่าจับที่บริเวณหน้าลูกเลื่อนและในรังเพลิงมากจนทำให้หน้าลูกเลื่อนเข้าที่ไม่สนิดไม่ขัดกลอนและส่งผลให้ไม่สามารถยิงได้   จึงออกแบบคันดังกล่าวมาเพื่อกดย้ำให้หน้าลูกเลื่อนเข้าที่จนสามารถยิงได้   คันดังกล่าวปรับปรุงใน เอ็ม 16 เอ 1  เอ็ม 16 จะไม่มี...................ในส่วนของ เอ 1 และ เอ 2 นั้น เจ้าปุ่มดังกล่าวจะมีรูปทรงไม่เหมือนกันกล่าวคือ เอ 1 จะรีๆยาวๆลงมาด้านล่าง ส่วน เอ 2 จะเป็นวงกลม......แต่ทั้งนี้ผมก็เห็น เอ็ม 16 เอ 1 ในกองร้อยผมบางกระบอกมีรูปทรงของส่วนดังกล่าวเป็น วงกลมเหมือน เอ 2 ซึ่งเข้าใจว่าเอาอะไหล่ เอ 2 มาใส่.....(มีต่อครับ โปรดรอติดตาม)


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 06/03/2008 08:27:55


ความคิดเห็นที่ 21


รอกินเนื้อย่างะหมวดบอมบ์ฮะ

ปลายเดือนนี้ว่างกันมั๊ยพี่น้อง

โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 06/03/2008 09:15:12


ความคิดเห็นที่ 22


 มาต่อกันครับ

....อีกส่วนหนึ่งที่ เอ 1 ต่างจาก เอ 2 คือ การเลือกแบบการยิง  เอ 1 มี 3 ตำแหน่ง คือ ห้ามไก   ยิงกึ่งอัตโนมัติ(ยิงทีละนัดต่อการเหนี่ยวไก 1 ครั้ง) และยิงอัตโนมัติเต็มตัว(กระสุนจะถูกยิงออกไปจนกว่าเราจะปล่อยไกหรือกระสุนหมด)  ส่วนเอ 2 มี 3 ตำแหน่ง เหมือนกันคือ ห้ามไก  ยิงกึ่งอัตโนมัติ  และ ยิงชุด 3 นัด(กระสุนจะถูกยิงออกไป 3 นัด  ในการเหนี่ยวไกค้างไว้ 1 ครั้ง)..........จากรูปแบบดังกล่าว ทำให้เอ 2 ต่างจาก เอ 1 ตรงที่ เอ 2 ไม่สามารถยิงแบบอัตโนมัติเต็มตัวได้  แต่จะทำการยิงเป็นชุดๆ ชุดละ 3 นัดแทน   เพื่อเป็นการประหยัดกระสุนและบีบกลุ่มกระสุนในการยิงอัตโนมัติ..............สำหรับผู้ที่ฝึกมาจนมีทักษะการใช้อาวุธเป็นอย่างดี นั้น  การยิงที่เหมาะสมคือ การยิงกึ่งอัตโนมัติโดยยิ่งย้ำอย่างต่อเนื่องต่อเป้าหมาย เพื่อเป็นการประหยัดกระสุนและบีบกลุ่มกระสุนให้เล็กลง แต่ในบางกรณี การยิงอัตโนมัติก็ยังคงจำเป็นอยู่.........สำหรับใน เอ 1 นั้นถ้าผู้ยิงมีทักษะแล้ว ก็สามารถยิงและคุมปืนในการยิงชุด 2-4 นัด ได้เช่นกัน ซึ่งต้องอาศัยการกะจังหวะในการเหนี่ยวไกเอง.............(มีต่อ)

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 07/03/2008 05:26:10


ความคิดเห็นที่ 23


........อีกส่วนหนึ่งคือ ในส่วนของพานท้ายปืน(หมายเลข1)  เอ 2 พานท้ายปืนจะยาวกว่าและมีช่องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดตรงบริเวณปลายพานท้าย(หมายเลข2)  พานท้ายแบบยาวจะมีสีออกด้านๆ แต่แบบสั้นจะเงากว่า........แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใน เอ 1 บางกระบอกก็ใช้พานท้ายแบบเดียวกับ เอ 2 เหมือนกัน.....................มีอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ  ชิ้นส่วนอะไหล่ส่วนใหญ่ของปืนตระกูล เอ็ม 16 นั้นสามารถใช้ร่วมกันได้   และอย่างที่บอกข้างต้นว่าปืนมี 2 ส่วนใหญ่ๆคือ โครงปืนส่วนบน และ โครงปืนส่วนล่าง ซึ่งสามารถแยกออกจากกันได้   ดังนั้นถ้าเรานำโครงปืนส่วนบนของ เอ 2 มาประกบร่างกับโครงปืนส่วนล่างของ เอ 1 เราก็จะได้ ปืนที่มีศูนย์เล็งและลำกล้องเป็น เอ 2 แต่มีรูปแบบการเลือกแบบการยิงเหมือน เอ 1   หรือในทางกลับกันถ้าเรานำโครงปืนส่วนบนของ เอ 1 มาประกบร่างกับโครงปืนส่วนล่างของ เอ 2 เราก็จะได้ปืนที่มีระบบการเล็งและลำกล้องของ เอ 1 และมีรูปแบบการยิงเหมือน เอ 2.........หรือจะเอา คาร์ไบด์ มาเล่นสลับร่างกับ ไรเฟิล ก็ได้ เช่น เอาโครงปืนส่วนบนของ เอ็ม 4 มาประกบร่างโครงปืนล่างของ เอ 2  เราก็จะได้ปืนที่ลำกล้องสั้น(คาร์ไบด์) แต่พานท้ายเป็นแบบตายตัว ยืดหดไม่ได้  หรือในทางกลับกัน เราก็จะได้ ไรเฟิล ที่สามารถยืดหดพานท้ายได้................

 

  กรณี เอ 1 นั้นเท่าที่จับและยิงมา ผมเห็นมีหลายรูปแบบมาก ทั้งมาตรฐาน    มีแท่นสะท้อนปลอกกระสุนก็มี   ใช้พานท้ายแบบ เอ 2 ก็มี     ใช้ปุ่มดันหน้าลูกเลื่อนแบบ เอ 2 ก็มี.........และด้วยเหตุผลต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ถ้าเราจะแยกระหว่าง เอ 1 และ เอ 2 ขึ้นไปนั้นให้ดูลำกล้องและศูนย์หลังเป็นหลักครับ  เพราะมันเป็นจุดที่แบ่งแยกขีดความสามารถอย่างชัดเจน(ระยะยิงหวังผลและความระเอียดต่างกัน)......แต่(มีแต่ตลอดเลยวุ้ย!) ผมเคยเห็น เอ็ม 16 เอ 2 รุ่นหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดเคยเห็นใน Top Gun เล่มแรกๆเลยครับ(น่าจะฉบับที่ 4) หน้าปกเป็นรูปหน่วย พาทไฟเดอร์ ของอังกฤษ(ถ้าจำไม่ผิด)กำลังใช้เครื่องมือในการวัดคำนวณความเร็วลมอยู่  ซึ่งรูปภายใน ผมเห็น เอ็ม 16 ของหน่วยดังกล่าว มีลำกล้องและปลอกลดแสงเป็นแบบ เอ 2 แต่ศูนย์หลังเป็นแบบ เอ 1 ครับ.............. ในกรณี ของรูปในภาพนั้น เนื่องจาก เห็นลำกล้อง และศูนย์หลังไม่ชัด จึงยากที่จะบอกได้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ผมเคยเห็น ทร. ถือ เอ 1 ที่ใช้ประกับ เอ 2 มาแล้ว(ตอนปฏิวัติ) และก็เคยเห็นรูปของ นย. และ ทหารพราน นย. ถือปืนลักษณะดังกล่าวด้วยเช่นกัน..........


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 07/03/2008 05:27:36


ความคิดเห็นที่ 24


เพิ่มเติมอีกหน่อยครับ   ในการฝึกยิงปืนปัจจุบันนั้น  หลังจากยิงปรับปืนแล้ว เราก็จะยิงบันทึกแต้ม โดยใช้เป้าที่มี รูปแบบเป้าเป็นรูปเงาคน ขนาดย่อตามระยะต่างๆ(คือจำลองขนาดเป้าที่เราจะเห็นจริงๆในระยะนั้นๆครับ) จำนวน 10 เป้า ต่อกระดาษเป้าหนึ่งแผ่น ยิงในสนาม 25 เมตร นั้นแหละครับ     ในการยิงเบื้องต้นนั้นก็ถือว่าดีครับ เพราะเป็นการจำลอง(ย่นระยะ)ในการเล็งต่อขนาดเป้าที่เราจะเห็นจริงๆในระยะต่างๆ   แต่ถ้าเราไปยิงในสนามทราบระยะจริงๆ(คือระยะยิงตามระยะจริง)  มันจะมีปัจจัยอื่นที่มาส่งผลกระทบต่อวิถีกระสุนครับ  หลักๆก็คือ ความเร็วและทิศทางของลม ครับ    ในการยิงจำลองระยะนั้น กระสุนมันวิ่งแค่ 25 เมตร ดังนั้นความคลาดเคลื่อนจากปัจจัยกระทบภายนอกก็จะน้อย  แต่ยิ่งมันวิ่งไกลมากเท่าไหร่ ความคลาดเคลื่อนดังกล่าวก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะกระสุนในขาลง เพราะความเร็วมันลดลง    กระสุนที่มีนำหนักเบาก็จะแกว่งได้ง่ายเมื่อเจอลม  และอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องเหมือนกันคือ แสง และเงา ครับ  ผมเคยเจอมากับตัวเองตอนยิงปืนแข่งขันอุดมศึกษา  ในตอนยิงปรับปืน และยิงบันทึกแต้มช่วงแรกๆนั้น สภาพของแสงที่เป้าและที่ตำแหน่งที่ยิงไม่มีแดดเพราะมีเมฆอยู่  แต่พอขณะที่ยิงบันทึกแต้มช่วงกลางๆอยู่นั้น ปรากฏว่าเมฆหายไป  กลายเป็นว่า ที่บริเวณเป้าเป็นเงาร่ม ส่วนตรงกลางและตำแหน่งยิงมีแสงแดด  ผลออกมาว่ากลุ่มกระสุนช่วงหลัง หลังจากสภาพแสงเปลี่ยน นั้น เปลี่ยนไปทันที จึงต้องเล็งแก้เอาเองครับ  นี่ขนาดระยะยิงแค่ 50 เมตร กลุ่มกระสุนยังเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร ส่วนเหตุผลนั้นก็เพราะว่าแสงมีผลต่อสายตาเราในการมองและเล็งเป้าครับ.......ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ รู้สึกว่าถ้า ตรงเป้ามีแสงมาก ขนาดเป้าจะเล็กกว่าความเป็นจริง แต่ถ้ามีแสงน้อย ขนาดเป้าจะใหญ่กว่าความเป็นจริงครับ....................ดังนั้น การเพิ่มทักษะในการยิงระยะไกลๆ เราต้องสามารถคำนวณลมและแสง เพื่อเล็งแก้อย่างง่ายๆได้ครับ เพื่อเพิ่มโชคในการยิงให้สูงขึ้น.......และการยิงต่อเป้าหมายที่เป็นคนนั้น  ความคลาดเคลื่อนทางทิศ(ซ้าย-ขวา) จะส่งผลเสียมากกว่า ความคลาดเคลื่อนทางระยะ(สูง-ต่ำ) ครับ เพราะเป้ารูปคนนั้นมันจะมีขนาดทางสูงมากกว่าทางกว้าง   และการเล็งเผื่อ(เล็งแก้)นั้นถ้าเราจำเป็นต้องเผื่อจริงๆให้เล็งเผื่อต่ำ ดีกว่า เผื่อสูงครับ เพราะถ้ากระสุนตกต่ำกว่าเป้าในมุมน้อยๆ มันยังมีโอกาสแฉลบไปโดนเป้าครับ แต่ถ้าข้ามหัวก็หมดสิทธิ์ทันที   มีครั้งหนึ่งผมดูหน่วยใกล้ๆ เค้าฝึกยิงบนรถมอเตอร์ไซด์  ที่เป้าผูกลูกโป่งไว้   ผมเห็นกับตาว่า กระสุนมันตกต่ำกว่าเป้า(ตกดินก่อนถึงเป้า) เพราะดินตรงนั้นมันกระจายขึ้นมาเพราะกระสุนวิ่งชน แต่ลูกโป่งดันแตก ซึ่งแสดงว่ากระสุนมันแฉลบไปโดนครับ............

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 07/03/2008 05:29:39


ความคิดเห็นที่ 25


 แถมอีกนิดครับ    เนื่องจากกระสุนมันวิ่งเป็นแนวโค้ง ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ดังนั้นในการยิงระยะไกลมากๆ เช่น ปืนกล ในระยะประมาณ 900 เมตร ขึ้นไปนั้น มันจะมีพื้นที่บางส่วน คือช่วงที่กระสุนวิ่งขึ้นสูงนั้น  กระสุนมันจะวิ่งสูงกว่าความสูงคนโดยเฉลี่ยครับ หรือพูดง่ายๆว่ามันวิ่งข้ามหัวครับ(พื้นที่ที่แรเงาไว้)    ดังนั้นมันจะมีระยะระยะหนึ่งที่เค้ากำหนดไว้ในการยิงกวาด(ไม่ใช่กราด) ซึ่งมันจะเป็นระยะที่ไกลที่สุดที่ไม่มีพื้นที่อับกระสุนดังกล่าว  พูดง่ายๆก็คือ จุดที่กระสุนวิ่งขึ้นสูงที่สุดจะต้องไม่สูงกว่าระยะความสูงคนโดยเฉลี่ยครับ................. อันนี้คร่าวๆครับ  ถ้าพูดรายละเอียดจริงๆแล้ว เยอะมากครับ     ปืนกล ที่เราเห็นยิงกันอย่างเมามันในหนังสงครามบางเรื่องนั้น จริงๆแล้ว หลักการใช้จริงๆมีเยอะมากครับ..........

   


โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 07/03/2008 05:32:56


ความคิดเห็นที่ 26


ขอบคุณ ท่านFW190 ที่อธิบายครับ แต่ก่อนผมดูที่ความหนาลำกล้องกับเจ้าแง่ บังปลอกกระสุน ว่าเข้าลักษณะM16A2หรือไม่ ตอนนี้ จะดูที่ลำกล้องอย่างเดียวแล้ว�
ที่ผมคิดว่าในรูปเป็นM16A1ที่ฝาประกับเสียหาย แล้วใช้ฝาประกับของรุ่นA2 แทน ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ สงสัยว่า จะมีM16A2ที่ ย้อนยุคกลับไปใช้ลำกล้องบาง แบบรุ่นM16A1แลัวไทยเราซื้อมาใช้บ้างหรือไม่ เป็นคำถามครับ


โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 08/03/2008 04:32:28


ความคิดเห็นที่ 27


ซูฮกเลยหมวดบอมม์ แน่นปึ๊กเลย...

ถามอีกเรื่องครับ.... ฮ.ในรูปหมวด คุ้นๆ อะครับ เหมือนจะนำไปสเตติกที่ไหนซักแห่ง... ช่ายไม๊ครับ....?

โดยคุณ Xmode เมื่อวันที่ 10/03/2008 02:43:54


ความคิดเห็นที่ 28


สำหรับรูปแรกสุดอย่าไปคิดมากครับ
เคยเห็นมาแล้วกับตา
A1 ใช้ฝาประกับ A2  ทร. ทำอย่างนี้เยอะครับ...

โดยคุณ tr_f22 เมื่อวันที่ 11/03/2008 12:13:53


ความคิดเห็นที่ 29


 ตอบคุณ เอ็กซ์ โหมด ครับ   ฮ. ในรูป  ผมถ่ายตอนไปดูงานที่ศูนย์การบินทหารบกนะครับ     ถ่ายตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนนะครับ
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 12/03/2008 06:06:17