หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับพรรค PAS

โดยคุณ : neosiamese เมื่อวันที่ : 21/02/2008 17:04:56

ขอส่งคำเตือน : สถานการณ์ภาคใต้ กำลังเข้าสู่ ภาวะการณ์ต้องระวังระดับพิเศษ
เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียประกาศยุบสภาฯ และให้จัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ทั่วประเทศ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาท้องถิ่น จึงเป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแก้ปัญหาภาคใต้ควรต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ผู้เขียนขอย้อนความเป็นมาอย่างย่อๆ ของมาเลเซีย เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ ดังนี้คือ.
มาเลเซีย แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 รัฐ กับ 1 เขตปกครองพิเศษ แต่ละรัฐจะมีสุลต่านเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐ และจะหมุนเวียนกันขึ้นเป็นพระราชาธิบดี หรือพระเจ้าแผ่นดินคราวละ 5 ปี หมุนเวียนกันไป แต่ละรัฐจะมีรัฐบาลท้องถิ่น ปกครองตนเอง ออกกฎหมาย และบังคับใช้ภายในเขตแดนรัฐของตนเองได้

มาเลเซียมีพรรคการเมืองหลักๆ อยู่ 18 พรรค แต่ 14 พรรคจับมือรวมกลุ่มกันเรียกชื่อว่า กลุ่ม BN ชื่อเต็มว่า Barisan Nasional พวกนี้เป็นฝ่ายรัฐบาล มีพรรคอัมโน่เป็นแกนนำ กลุ่มนี้มีทั้งมุสลิม, พุทธ, ฮินดู และคริสต์ มุสลิมในกลุ่มนี้จึงเน้นความเป็นมุสลิมสายกลาง ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข กับทุกเผ่าพันธุ์บนผืนแผ่นดิน โดยใช้นโยบาย เศรษฐกิจนำหน้า การศาสนาตามหลัง และชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล บริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 2500 จนถึงปัจจุบัน

พรรคฝ่ายค้านกลุ่ม BA ชื่อเต็มว่า กลุ่ม Barisan Alternative ภายใต้การนำของพรรค PAS ชื่อเต็มว่า Parti Islam Se Malaysia พรรคนี้เน้นความเคร่งครัดทางศาสนามากๆ ซึ่งคนมาเลเซียเรียกพรรคนี้ว่า พวกหัวรุนแรงทางศาสนา นโยบายของพรรค PAS เน้น การศาสนานำหน้า และเศรษฐกิจตามหลัง โดยพรรค PAS นี้มีฐานที่มั่นอยู่ที่รัฐกลันตัน ติดกับจังหวัดนราธิวาสของเรา และพรรค PAS ได้ปกครองรัฐกลันตันติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึง 18 ปี และใช้กฎหมายอิสลามเต็มรูปแบบบังคับใช้กับรัฐกลันตันมาโดยตลอด และปัจจุบันทั้งประเทศมาเลเซีย มีเพียงรัฐกลันตันเท่านั้นที่ปกครองโดยพรรค PAS และโดยกฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัด และความเข้มงวดของกฎหมายอิสลาม ตลอดระยะเวลา 18 ปี ที่พรรค PAS ปกครองรัฐกลันตัน ได้ส่งผลให้รัฐกลันตันคือ รัฐที่ยากจนที่สุดของมาเลเซีย




ประวัติ การได้รับเลือกตั้งของ กลุ่ม BN ที่รัฐกลันตัน
สมาชิกสภาท้องถิ่น สมาชิกสภาผู้แทนฯ ได้รับเลือกตั้งเมื่อปี
2 2 1995
7 2 1999
21 14 2004
จะเห็นได้ว่าประชาชนชาวรัฐกลันตัน เริ่มมองเห็นความแตกต่าง ระหว่างความเคร่งครัดทางศาสนาแบบเข้มงวดเต็มรูปแบบ ของพรรค PAS กับความเป็นมุสลิมสายกลาง ที่มุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข กับทุกเผ่าพันธุ์ ในรูปแบบของกลุ่ม BN มากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้ ในส่วนอื่นๆ ของมาเลเซีย จะไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าใดนัก การต่อสู้อย่างรุนแรงเต็มรูปแบบ จะเกิดขึ้นที่รัฐกลันตัน และรัฐตรังกานู ที่ติดกับจังหวัดนราธิวาสของเรา เพราะกลันตันคือฐานที่มั่นของพรรค PAS ถ้าพรรค PAS สูญเสียรัฐกลันตันให้กับกลุ่ม BN ความพยายามอย่างยาวนาน 20 กว่าปี ของพรรค PAS ในการจัดตั้งรัฐอิสลาม ซึ่งประกอบด้วย ปัตตานี-เคดาห์-เปรัก-กลันตัน-ตรังกานู ก็จะจบสิ้น

ตลอดเวลาในช่วงปี 2549 - 2550 รัฐบาลมาเลเซียพยายามที่จะยุบสภาฯ เพื่อเลือกตั้งใหม่หลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเกมส์การเมืองในรัฐกลันตันไม่ลงตัว พอบุคลากรของกลุ่ม BN ในรัฐกลันตันเริ่มเป็นที่รักใคร่นับถือของประชาชน ทางพรรค PAS ก็จะซื้อตัวมาอยู่กับพรรค PAS เสียทุกครั้ง จนกระทั่งบัดนี้ทุกอย่างลงตัว แม้แต่ในรัฐตรังกานู(หัวหน้าพรรค PAS มาจากรัฐตรังกานู) บุคลากรคนสำคัญๆ ของพรรค PAS ก็ถูกกลุ่ม BN ดึงตัวมาร่วมงานเสียเกือบทั้งชุด จึงเป็นโอกาสเหมาะในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปของรัฐบาลมาเลเซีย

ท่านผู้อ่านที่เคารพฯ หากพรรค PAS สามารถจัดตั้งรัฐอิสลาม ซึ่งประกอบด้วย ปัตตานี-เคด้าห์-เปรัก-กลันตัน-ตรังกานู ได้จริงประเทศไทยเสียดินแดน คิดเป็นเปอร์เซ็นรวมของประเทศ ไม่มากเท่าไหร่ แต่มาเลเซียเจอเต็มๆ เกือบครึ่งประเทศ และสิ่งที่รัฐบาลมาเลเซียวิตกกังวลมากที่สุด ก็คือการที่กลุ่ม อูลาหม่าในพรรค PAS เข้ามาสนับสนุนการก่อการร้ายในประเทศไทย เพราะหากทางการไทยตอบโต้กลับข้ามแดนเข้าไปในมาเลเซียเมื่อใด สถานการณ์ในมาเลเซียจะลุกเป็นไฟทั่วแผ่นดิน เพราะว่าคนเชื้อสายจีน 22% ของพลเมืองทั้งหมดของมาเลเซีย ถูกกดขี่ข่มเหง ไม่ได้รับสิทธิในการทำมาหากินเท่าเทียมกับคนเชื้อสายมาเลย์ ถ้าท่านผู้อ่านยังจำได้ เมื่อช่วงปลายรัฐบาลท่านนายกฯ ทักษิณฯ รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีช่วยกลาโหมของจีนมาเยือนไทย และขอซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพไทย และกองทัพจีน ที่ชายแดน ไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของกลุ่มโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ที่เราเอามาชุบเลี้ยงไว้ ในฐานะ ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งท่านผู้อ่านน่าจะยังจำพวกเขาได้ เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของพวกเรามีเสรีไทย และกลุ่มโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาพวกนี้ ก็คือเสรีมลายู แต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง เสรีไทยของเราก็ได้บริหารปกครองประเทศไทย แต่เสรีมลายูต้องเข้าป่าเป็นโจรจีนฯ อำนาจการบริหารประเทศตกเป็นของคนมลายู ที่นอนอยู่เฉยๆ ไม่เคยแบกปืนออกไปต่อสู้กับญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย แถมเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศยังออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิในการประกอบอาชีพของคนเชื้อสายจีนอีกด้วย ซึ่งเป็นความไม่พอใจอย่างรุนแรงของรัฐบาลจีน ต่อรัฐบาลมาเลเซีย แต่การขอซ้อมรบร่วม ไทย-จีนครั้งนั้นทางการไทยปฏิเสธ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้กับเพื่อนบ้าน ท่านรัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีช่วยกลาโหมของจีน จึงขอรับรถถัง T54 ที่กองทัพจีนให้กองทัพไทยในช่วงสงครามระหว่างเขมรแดง กับเวียตนามกลับไป Upgrade ให้ภายใต้งบประมาณความช่วยเหลือทางทหาร 200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และความช่วยเหลือมูลค่า 200 ล้านเหรียญนี้ ถ้ามองอย่างผิวเผินก็จะดูว่าธรรมดาที่อากง จะให้ความช่วยเหลือประเทศลูก-หลาน แต่ที่จริงๆ ไม่ใช่เท่านั้น เพราะในช่วงสงครามระหว่างเขมรแดง กับเวียตนามนั้นรัฐบาลจีนให้อาวุธยุทโธปกรณ์ แก่เขมรแดงเท่าใด กองทัพไทยก็ต้องได้เท่ากัน รถถังให้เขมรแดง 50 คัน ไทยก็ต้องได้ 50 คัน ปืนใหญ่ 130 มม. ให้เขมรแดง 30 กระบอก ไทยก็ต้องได้ 30 กระบอกเช่นกัน ถ้าท่านผู้อ่านจะใช้ความสังเกตดีๆ ในช่วงนั้น จะเห็นทหารไทยหลายกองพัน แต่งตัวคล้ายๆ ทหารจีน ใช้รถยนต์ของจีน ใช้ปืนอาก้า รวมถึงเงินเดือน ก็ถูกส่งมาจากจีนทั้งหมด แต่ทหารเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเขมรนะครับ เป็นทหารที่เราใช้ประจำการในประเทศของเราตามปกติ แต่ใช้งบประมาณของกองทัพจีน ในช่วงนั้นท่านอธิบดีกรมตำรวจ ประทิน สันติประภพ เคยหน้าแตกยับเยินมาแล้วที่เอาตำรวจ เอาผู้สื่อข่าวไปจับคลังอาวุธใหญ่ที่ตาพระยา แต่วันรุ่งทุกอย่างก็เงียบสนิท เพราะนั่นเป็นความลับเกินกว่าที่ชั้นของอธิบดีกรมตำรวจต้องรับรู้ การช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 200 ล้านเหรียญครั้งนี้จึงแฝงคำมั่นสัญญาบางประการต่อทางการไทย ในกรณีของมาเลเซีย และการก่อการร้ายในภาคใต้ของเรา

เพราะฉะนั้นการที่พรรค PAS เข้ามาก่อการร้ายในภาคใต้ของเรา ทำให้มาเลเซียมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการตอบโต้ของทางการไทย ที่ทางการจีนรอคอยที่จะสนับสนุน และปฏิบัติการร่วมทันที เพื่อปลดปล่อยคนจีนในมาเลเซีย ที่ถูกกดขี่ข่มเหงมานานกว่า 30 ปี อีกทั้งถ้าหากทางการมาเลเซียปล่อยให้พรรค PAS แข็งแกร่งขึ้น โอกาสถูกแบ่งครึ่งประเทศแยกไปเป็นรัฐอิสลามมีความเป็นไปได้สูงมาก เมื่อได้จังหวะเวลาในการโค่นล้มพรรค PAS รัฐบาลของกลุ่ม BN จึงรีบดำเนินการทันที
พรรค PAS หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Islamic Party of Malaysia หรือชื่อในภาษามลายูว่า Parti Islam Se Malaysia หรือชื่อย่อว่า PAS นี้ผู้ที่อยู่บนสูงสุดของผู้บริหาร ก็คือ Dato Abdul Aziz Nik Mat ในตำแหน่งประธานพรรค ซึ่งสมาชิกพรรคยกย่องให้เป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรค และทำหน้าที่เป็นมุขมนตรี หัวหน้าฝ่ายบริหารของรัฐกลันตันมาตลอด เขาขึ้นมาจากกลุ่มอูลาหม่า ซึ่งปัจจุบันอายุ 76 ปีแล้ว เขาจบวิชากฎหมายอิสลาม จากมหาวิทยาลัยอัลอัชชา ที่เมืองไคโรประเทศ อิยิปต์ เขามีลูก 10 คน ลูกชายคนที่ 3 ชื่อ Nik Adli Nik Abdul Aziz เป็นผู้บัญชาการกองกำลังลับชื่อ KMM หรือชื่อเต็มว่า Kamn Mujahideen Malaysia ซึ่งเป็นเครือข่ายของ อัลกออีดะประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถูกประเทศมหาอำนาจกดดันให้รัฐบาล ดร.มหาธีร์ โมฮะหมัด จับกุมคุมขังภายใต้กฎหมายความมั่นคงภายใน ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2544 และถูกปล่อยตัวออกมาในสมัยของท่านนายกฯ อับดุลลา บาดาวี เมื่อวันพุธที่ 18 ตุลาคม 2549 นายคนนี้มีเมียชื่อ Sles Monica Siles เป็นชาวเขมรจากเมืองกำปงจาม

หัวหน้าพรรค คือ Tuan Guru Abdul Hadi Awang เป็นสมาชิกพรรคจากรัฐตรังกานู เคยเป็นมุขมนตรีของรัฐตรังกานู 1 สมัย และเอากฎหมายอิสลามไปบังคับใช้กับรัฐตรังกานู จนถูกขับไล่ออกจากตรังกานู โดยกลุ่มสตรีมุสลิม WAO คนนี้ก็ขึ้นมาจากกลุ่มอูลาหม่า

รองหัวหน้าพรรคคือ Nasaruddin Mat Isa คนนี้เป็นพวกเทคโนแคร็ตเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เป็นนักวิชาการ เขาขึ้นมาจากกลุ่มเปอร์มูดอ พวกนี้เคร่งครัดทางศาสนาน้อยกว่าพวกอูลาหม่า

โครงสร้างการบริหาร ของพรรค PAS
พรรค PAS เขาแบ่งสายการบริหารภายในของเขาเป็น 3 กลุ่ม
1. กลุ่ม Dewan Permuda หรือกลุ่มเปอร์มูดอ พวกนี้เป็นกลุ่มคนหนุ่มที่มีความรู้ มีหัวคิดก้าวหน้า ไม่เคร่งครัดทางศาสนา ไม่เน้นความรุนแรง พวกนี้ต้องการเปลี่ยนแนวคิดของพรรคให้เป็นแบบเดียวกันกับกลุ่ม BN กิจกรรมความช่วยเหลือคนมุสลิมในฝั่งไทยคือ การสนับสนุนให้จัดการชุมชุมประท้วง
2. กลุ่ม Dewan Ulama หรือกลุ่มอูลาหม่า เป็นพวกผู้สูงวัย มีความรู้ความวชาญทางศาสนา พวกนี้เคร่งครัดมาก ต้องการกำกับประชาชนในปกครองด้วยความเข้มงวด และเด็ดขาด ทำผิดก็ต้องตัดมือตัดแขนทันที กิจกรรมความช่วยเหลือคนมุสลิมในฝั่งไทย คือการปฏิบัติการทางทหาร (การก่อการร้าย)
3. กลุ่ม Muslimat หรือกลุ่มมุสลิมมะ คือพวกผู้หญิงล้วน ผู้บริหารของกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภริยา หรือคนใกล้ชิดภริยาของพวกอูลาหม่า กิจกรรมความช่วยเหลือคนมุสลิมในฝั่งไทย คือการจัดการเดินขบวนประท้วงโดยกลุ่มผู้หญิง
ชื่อบุคคลในกลุ่มอูลาหม่า ที่ควรจดจำไว้
1. Harun Tiab เป็นอดีตประธานกลุ่มอูลาหม่า และลาออกไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรค แต่พ่ายแพ้ ตอนนี้กลับมาช่วยงานในกลุ่มอูลาหม่าแล้ว
2. Datuk Muhamad Daud หรือฉายาว่า Daud Iraqi เป็นประธานกลุ่มอูลาหม่าคนปัจจุบัน รับหน้าที่สนับสนุนการก่อการร้ายในประเทศไทยต่อจาก Harun Tiab
3. Hashim Jamin รองประธานกลุ่มอูลาหม่าคนปัจจุบัน เป็นผู้ช่วยของ Daud Iraqi
4. Nik Adli Nik Abdul Aziz ลูกชายของประธานพรรคฯ เป็นหัวหน้ากองกำลัง Kamn Mujahideen Malaysia คนนี้สามารถเรียกกำลังหนุนจากเขมร และจากยะไข่ในพม่าได้

ที่ให้ข้อมูลมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่า คนมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสมาชิก หรือเป็นเครือข่ายของพรรค PAS ทั้งหมด พวกนี้มีไม่มากครับ น้อยกว่ามุสลิมสายกลางเยอะมาก ดูจากการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเมืองกลันตัน เมื่อ 6 ธันวาคม 2548 คนจากฝั่งไทยข้ามไปลงคะแนนให้พรรคอัมโนของกลุ่ม BN มากกว่าลงคะแนนให้พรรค PAS และพรรคอัมโนเป็นฝ่ายชนะ จึงของส่งคำเตือนมายังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ระมัดระวัง พวกเคร่งครัดทางศาสนาให้มาก พวกอูลาหม่าจะใช้ลูก-หลานที่เป็นคนหนุ่มออกมาทำงานแทน ก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง ระวังพวกเขาจะก่อเหตุใหญ่ เพื่อหวังให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปราบปรามด้วยความรุนแรง และพรรค PAS ก็จะเอาไปโฆษณาหาเสียงว่า ถ้าไม่มีพรรค PAS แล้ว ใครจะคอยช่วยเหลือมุสลิมในฝั่งไทย ขอให้ระวังเรื่องนี้ให้ดี

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6351210/P6351210.html




ความคิดเห็นที่ 1


 

  มิน่าดูจากความขัดแย้งทางการเมืองในมาเลย์แล้ว   ท่าทีของบาดาวีดูจะอึดอัดในเรื่องสถาณะการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ของเราอย่างมาก    ในขณะที่มหาธีร์ดูจะกร้าวต่อเราในเรื่องนี้และเข้ามาจุ้นจ้านเป็นอย่างมาในการสนับสนุนการจัดตั้ง เขตปกครองพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนไทย     

         ยิ่งในขณะนี้มหาธีร์กำลังสูญเสียอำนาจในพรรคอัมโน่ไปเกือบหมด   แม้แต่ราจีปก็หนีไปซบอกบาดาวี   ทำให้มหาธีร์ยิ่งมีทางเลือกน้อยลงและต้องพึ่งพาพรรค PAS มากขึ้น   ผมละเสียวถ้ามหาธีร์จะสามารถกลับมามีอำนาจในมาเลย์อีกครั้ง .................  แต่ก็คงยากส์มากแล้วล่ะ   เพราะที่ต้องสูญเสียอำนาจแทบทั้งหมดไปก็เนื่องมาจากปัญหาด้านสุขภาพ..... ซึ่งดูแล้วจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

   ถ้าบาดาวีสามารถกุมอำนาจได้เด็ดขาดทั้งหมด    และสถาณะการ์ทางการเมืองภายในของเราจบ  .............  ผมว่าแนวโน้มที่เรากับเขาจะตกลงกันได้ในเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนใต้น่าจะดีขึ้นและสถาณะการณ์น่าจะเบาบางลงมานะครับ   

    ถึงเวลานั้นการเมืองระหว่างประเทศน่าจะเป็นตัวนำการทหารในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 20/02/2008 14:05:02


ความคิดเห็นที่ 2


พรรคร่วมรัฐบาลชนะขาดและได้เป้นรัฐบาลต่อครับ  ส่วนกลันตันไม่ต้องเลือกBN ชนะไปเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ไปชิงกันที่ตรังกานู-เคด้าห์-เปรัก แต่ดูจากการเลือกตั้งครั้งก่อนก็ไม่ชนะขาดเท่าไหร่ แต่ที่นี้ เร้วๆนี้แหละ รัฐเข้าไปพัฒนาตังกานูและลงทุนมากมายให้รัฐนี้ ชาวบ้านเลยเทใจมาให้พรรคBNเยอะละ คือเอาใจและหาเสียงก่อน ซึ่งได้รับการตอบรับจากรัฐดีมากครับ  พี่เล่นลงทุนเป็นหมื่นล้าน

 

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ทำไม่ต้องแยกเป้นรัฐอิสลามอยู่ด้วยกันไม่ได้หรือ ผมติดใจความคิดตรงนี้แหละ ดูรายชื่อละองค์ หน่วยงานของพรรคนี้ ไม่ต่างฮิชบันเลาะห์ของเลบานอนเลย

 

เชียร์บัดดาวีสุดทิ่มครับ พี่แกทางสายกลาง ต่างจากมหาเธร์ นั้นซ้ายจัด.

โดยคุณ qoop เมื่อวันที่ 21/02/2008 06:04:57