หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สวีเดนแถมดัดแปลงบ.C-130 ไทยเป็นบ.เติมน้ำมัน บ.กริปเปน-39

โดยคุณ : สกายนาย เมื่อวันที่ : 22/02/2008 15:41:56

..................เนื่องจากผมไปพบข้อมูลจาก บทความกริเพนของแฟนพันธุ์แท้เครื่องบินรบ สรศักดิ์ สุบงกชจากเว็บไซด์ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skyman&month=01-2008&date=05&group=1&gblog=68 ซึ่งบทความนี้ ท่านสรศักดิ์ สุบงกช แฟนพันธุ์แท้เครื่องบินรบ  ลงเนื้อความว่า

พูดถึงตัวกริปเปน C และ D ทั้ง12 เครื่องพร้อมระบบอาวุธแล้ว ในแพคเกจจากสวีเดนนั้นเราจะได้อะไรบ้าง ที่ได้แน่ๆก็คือ
- สถานี Tactical Information Data-Link 3 สถานี
- ระบบควบคุมและแจ้งเตือนในอากาศ(Airborne Early Warning and Control System) ประกอบด้วยเครื่องบิน SAAB 340 ติดตั้งเรดาร์ Erieye 2 ลำ
- เครื่องบิน SAAB 340 เพื่อใช้ฝึกนักบิน พร้อมดัดแปลงเป็นเครื่องบินทำฝนเทียม 1 ลำ
- ดัดแปลงเครื่องบินลำเลียง C-130 เป็นเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ เพื่อเพิ่มพิสัยบินของกริปเปน
- เชื่อมต่อระบบควบคุมและแจ้งเตือนการป้องกันภัยทางอากาศ(RTADS)ของไทย
โดยเฉพาะระบบแจ้งเตือนในอากาศที่ใช้เครื่องบิน SAAB 340 นั้นถือว่าเป็นของที่อยากได้มานาน รอจัดซื้ออย่างเดียวก็ยังไม่เห็นอนาคต ได้มาพร้อมกับกริปเปนจึงถือว่าเป็นจังหวะที่ดีมากๆ สถานีแจ้งเตือนการป้องกันภัยทางอากาศอาจจะสนองความต้องการได้ในระดับหนึ่ง แต่การมีเครื่องบินแจ้งเตือนจะลดปัญหาได้มากโดยเฉพาะกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามบินเกาะภูมิประเทศหลบเรดาร์ การกวาดจับจากเบื้องบนจะลลดโอกาสหลุดรอดสัญญาณภาคพื้นดินได้เกือบหมด นั้น

.............ผมขอรบกวนสอบถามเพื่อนๆในเว็บบอร์ดนี้หรือรวมทั้งท่านโต ท่านด้วยถึงข้อมูล แพคเกจ ขอแถมจาหสวีเดนที่ว่าจะมีการ ดัดแปลงเครื่องบินลำเลียง C-130 เป็นเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ เพื่อเพิ่มพิสัยบินของกริปเปน ให้ไทยเราด้วยนั้น  ข้อมูลนี้แน่นอนหรือไม่ มีเพจเกจนี้ด้วยหรือไม่ ถ้ามีจะทำบ.C-130 TANKER ให้ไทยเรากี่ลำ เพราะว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยทราบข้อมูลส่วนนี้มาก่อน.....ครับ/สกายนาย

 

ภาพประกอยนำมาจาก http://www.sargentfletcher.com/co_info_page_images/c130_wsfi_products_.jpg






ความคิดเห็นที่ 1


ข้อมูลล่าสุดคือไม่มีการจัดหาชุด kit นี้แล้วครับผม
โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 18/02/2008 00:17:54


ความคิดเห็นที่ 2


ปัจจุบันกองทัพอากาศมี C-130H ใช้งานอยู่จำนวน12ลำครับ ซึ่งใช้งานบ่อยมาก ถ้านำเครื่องที่มีอยู่ไปดัดแปลงเป็น บ.Tanker นั้นคงไม่เหมาะเท่าไรเพราะจะทำให้เครื่องที่ใช้ในภารกิจลำเลียงลดลงครับ ซึ่งล่าสุดเครื่องC-130ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในการดำเนินการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นครับ

แนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าสำหรับ บ.Tanker คือคงต้องจัดหา บ.ใหม่ซึ่งอาจจะเป็น C-130J หรือ บ.แบบอื่นสัก1-2ลำมาดัดแปลงเป็น บ.Tanker ครับ แต่ค่าใช้จ่ายในการจัดหาและดัดแปลงคงจะค่อนข้างมากอยู่ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 18/02/2008 01:10:03


ความคิดเห็นที่ 3


เห็นคุยกันแต่ต้นปีใหม่ละเรื่องนี้ ปัญหาคือเครื่องบินจะเอาที่ไหนไปให้ดัดแปลง สละสักลำก็โอนะ  ฮ่าๆๆ มุขไก่ทั้งวันละ จบ

เครื่องบินนะมีไม๊  เครื่องบินนะมีไม๊ 

 

โดยคุณ qoop เมื่อวันที่ 18/02/2008 01:58:04


ความคิดเห็นที่ 4


เห็นด้วยกับคุณ AAG_th1 ครับเรื่องนี้ เพราะ C-130 เราก็ใช้มานาน (กี่ปีแล้วจำไม่ได้) ดัดแปลงไปก็ใช้ได้ไม่ค่อยคุ้มครับหาของใหม่เลยน่าจะดีกว่า

มีแล้วไม่ได้ใช้ ยังดีกว่าต้องใช้แล้วไม่มีครับ

โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 18/02/2008 21:30:15


ความคิดเห็นที่ 5


ผมสงสัยอย่างครับ........ตอนนี้เท่ากับว่า เราจะมีเครื่องบินที่มีระบบการรับเชื้อเพลิงกลางอากาศอยู่ 2 แบบครับ.....คือ เอฟ 16 เป็นรูเสียบกลางหลัง ต้องใช้ แทงเกอร์ ที่มีท่อเติมแบบ บูม   ส่วน เจ้า กริพเฟ่น ที่เราจะได้  มีระบบรับแบบ ท่อ(ยืดๆหดๆ)ได้ ซึ่งต้องใช้ แทงเกอร์ ที่มีระบบเติมแบบ  อืม มันชื่อระบบอะไรหว่า  จำไม่ได้ ระบบพร็อบเปล่าหว่า เอาเป็นว่า เป็น แบบตะกร้า ตะแกรง ลอยมาให้ข้าเสียบ ละกัน.......ดังนั้นถ้า รัฐบาล ใจปล้ำ อนุมัติให้ ทอ.จัดหา แทงเกอร์ได้ ก็ต้องเป็น แทงเกอร์แบบมีระบบทั้ง 2 แบบในตัวเดียวกัน เรียกว่า ทู อิน วัน  ทีนี้ ราคาน่าจะสูงครับ......กรณี ดัดแปลง ซี 130 ทีเรามีอยู่ เป็น แทงเกอร์ ก็เกือบจะแถบเป็นไปไม่ได้ เพราะ ลำพัง ปัจจุบัน ฝูง 601 ก็มีงานสายตัวแถบขาด อยู่ แล้ว และก็ติด บูม ไม่ได้(หรือได้หว่า).......ดังนั้น ทอ. จะมีรูปแบบทางเลือกอย่างไรดี....เท่าที่เห็น แทงเกอร์ที่มี 2 ระบบ จะเป็นในรูปแบบ บูม ตรงหาง และตะกร้า 2 ตัวที่ปีกซ้ายขขวา ครับ.......แต่รู้สึกว่าก็เคยเห็นแบบลูกผสมอีกแบบครับ คือ เป็นท่อบูม แต่ที่ส่วนปลายสวมถุง เอ๊ย สวมระบบตะกร้า ไว้ครับ.....น่าคิดครับ
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 19/02/2008 01:22:23


ความคิดเห็นที่ 6


เห็นด้วยกับหมวดบอมครับ เพราะถ้าดัดแปลง C-130 ให้เป็น KC-130 มันก็จะเกิดได้แต่ Gripen เติม F-16 ไม่ได้ แค่นี้ผมว่าหาชุด Kit มาก็ไม่คุ้มแล้วครับ กับการต้องเอา C-130 ออกไปจาก 601 อีก 2 ลำ หรือต้องเสียเงินอีกเกือบ 200 ล้านหา KC-130J มาใหม่อีก 2 ลำ ..... ซึ่งถ้าจะให้เติมได้ทั้งคู่ ก็ต้องหา Tanker ที่เป็นแบบ Boom มาใช้ เพระมันจะมีตัว converter ให้เป็นแบบ Probe ก็ได้ด้วย ...... ในตลาดตอนนี้ก็มี A330  MRTT ที่ขายอยู่ กับ KC767 ซึ่ง A330 พร้อม Boom นี่ ออสเตรเลียซื้อไป 5 ลำ รวม  1.5 พันล้านเหรียญ .. ลำละ 300 ล้านเหรียญเชี่ยวครับ ราคานี้ซื้อ Gripen ได้อีก 6 ลำ+ Erieye 1 ลำ ...... ทอ.สามารถจัดได้เต็มฝูง 18 ลำพร้อม Erieye 3 ลำเลยด้วยซ้ำ หรือแม้ว่า KC767 จะถูกกว่า แต่ราคาก็มากกว่า 200 ล้านต่อเครื่องแล้วครับ

ผมว่าเราไม่ไหวครับ

โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 19/02/2008 02:06:33


ความคิดเห็นที่ 7


ที่ว่าราคานี้ซื้อ Gripen ได้อีก 6 ลำ เพระว่าถ้าจะซื้อ ก็ต้องหามาอย่างน้อย 2 ลำครับ
โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 19/02/2008 02:09:42


ความคิดเห็นที่ 8


ที่ผ่านมาในการฝึกร่วมกับต่างประเทศเช่นสหรัฐฯหลายๆครั้งนั้น F-16 ของไทยก็มีโอกาสได้ทำการฝึกเติมน้ำมันกลางอากาศครับ ซึ่ง บ.ที่ใช้ฝึกก็เป็น บ.ระบบ BOOM เช่น KC-135 ของ USAF เป็นต้น 

สำหรับ Gripen ก็คงจะเป็นไปแนวทางเช่นเดียวกันครับคือคงจะได้ฝึกร่วมกับกองทัพต่างประเทศที่มี บ.Tanker ระบบ Probe (เช่นกองทัพเรือสหรัฐฯซึ่งใช้ บ.Tanker ระบบ Probe) ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 19/02/2008 07:15:07


ความคิดเห็นที่ 9


เหมือนว่าผมจะเคยพูดเรื่อง การดัดแปลง C-130 เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงไปแล้ว....ก่อนปีใหม่....

วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ท่านผู้บัญชาการทหารอากาศ แถลงออกมาแล้วว่า สรุปว่าไม่มีการดัดแปลง C-130 ผมก็นึกว่าทุกท่านจะเข้าใจ..แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปเอาเรื่องในอดีต (ก่อนรายละเอียดในสัญญาจะปรับแก้กันหลายตลบ โดยก่อนหน้านี้อาจจะมีรายละเอียดข้อนี้) อย่างที่เคยคุยไว้หลายครั้งว่า...เมื่อเวลาผ่านไปหลายเพลา...เมื่อมีการชี้แจงแถลงข่าวใหม่ๆออกมาแล้ว...ก็ควรจะยึดในคำแถลงอันใหม่ล่าสุด...

รายละเอียดที่ชี้แจงแถลงข่าวมีดังนี้ครับ...

...................สำหรับแผนการดำเนินงานที่สำคัญของโครงการ ได้แก่

- การผลิตและส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Gripen 39 C/D ใช้ระยะเวลาประมาณ ๓๖ เดือน ภายหลังจากลงนามในหนังสือข้อตกลงการซื้อขาย โดยจะส่งมอบเครื่องบิน ๓ เครื่องแรกในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ และอีก ๓ เครื่องในเดือนมีนาคม ๒๕๕๔

- การปรับปรุงอาคารสถานที่ สาธารณูปโภค และติดตั้งระบบซ่อมบำรุง ณ กองบิน ๗ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ เป็นต้นไป

- การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกอบรมในประเทศสวีเดน จะเริ่มดำเนินการในปี ๒๕๕๑

- การฝึกอบรมนักบิน ครูการบินและนักบินลองเครื่อง ชุดแรกรวม ๔ คน จะดำเนินการฝึกกับกองทัพอากาศสีเดนใช้ระยะเวลาประมาณ ๑๒ เดือน ชุดที่สองรวม ๖ คน จะฝึกบินขั้นต้นในประเทศสวีเดนระยะเวลารวม ๕ เดือน จากนั้นจะกลับมาฝึกบินกับเครื่องบิน Gripen ของไทย ณ กองบิน ๗ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีก ๖ เดือน สำหรับการฝึกเจ้าหน้าที่เทคนิคของเครื่องบิน Gripen และเครื่องบิน Saab 340 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการ ณ ประเทศสวีเดน ในปี ๒๕๕๓ นอกจากนี้จะมีครูการบินสวีเดน ๒ คน มาฝึกนักบินในประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมาเป็นที่ปรึกษาและประสานงานด้านเทคนิค และการส่งกำลังบำรุงภายในประเทศไทยอีก ๒ ปี

- การส่งมอบเครื่องบิน Saab 340 ทั้ง ๒ เครื่อง จะส่งมอบประมาณปลายปี ๒๕๕๓

- การส่งมอบอะไหล่ และอุปกรณ์ รวมทั้งการเตรียมรับนั้น จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี ๒๕๕๓ ก่อนการส่งมอบเครื่องบิน

- ด้านการส่งกำลังบำรุงเครื่องบิน Gripen กองทัพอากาศได้จัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้การซ่อมบำรุง และอะไหล่ที่จำเป็น สำหรับการซ่อมบำรุงใน ๒ ปีแรก และจะเข้าสู่ระบบการส่งกำลังบำรุงแบบรวมการ หรือ Pooling system อย่างต่อเนื่องต่อไป
แผนงานที่สำคัญดังกล่าวนี้ จะทำให้เครื่องบิน Gripen 39 C/D ทั้ง ๖ เครื่อง มีความพร้อมปฏิบัติการได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๔ และสอดคล้องกับแผนการปลดประจำการของเครื่องบิน F-5 ที่กองบิน ๗ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกันนี้ขีดความสามารถการแจ้งเตือนในอากาศ หรือ Early warning ระบบควบคุมและสั่งการ พร้อมระบบ Data link ซึ่งกองทัพอากาศได้รับมอบเพิ่มเติม จะช่วยเสริมขีดความสามารถของกองทัพอากาศในภาคใต้ ให้มีขีดความสามารถเท่าเทียมกับประเทศรอบบ้านตามยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ สำหรับความร่วมมือในระดับรัฐบาลระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรสวีเดน จะมีความร่วมมือทวิภาคีด้านต่าง ๆ การถ่ายทอดเทคโนโลยีสำหรับกองทัพอากาศ และกองทัพไทย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ประสบการณ์ให้สามารถรองรับเทคโนโลยี รวมทั้งต่อยอดในอนาคต ซึ่งจะกำหนดรายละเอียดและดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ได้แก่

- ด้านทุนการศึกษาระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสวีเดน จำนวน ๙๒ ทุน ระหว่างปี ๒๕๕๒ - ๒๕๕๕ โดยทุนการศึกษาจำนวน ๘๐ ทุน กองทัพอากาศจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพิจารณาจัดสรรให้แก่บุคคลพลเรือน ข้าราชการทั่วไป ตามพระราชประสงค์ และอีก ๑๒ ทุนจะเป็นทุนสำหรับข้าราชการของกองทัพอากาศ

- นอกจากนี้จะมีความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรม เกี่ยวกับวิชาการ การลงทุน การผลิตสินค้า และการบริการ ซึ่งจะมีส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนดรายละเอียดต่อไปภายหลังประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดซื้อตามโครงการในครั้งนี้ ได้แก่

- ได้รับเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ซึ่งมีสมรรถนะสูงและทันสมัย จำนวน ๖ เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ และระบบสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ F-5 ที่จะปลดประจำการในปี ๒๕๕๔

- เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับอากาศยาน และเป้าหมายภาคพื้นดินและพื้นน้ำ รวมทั้งระบบบัญชาการและควบคุมในพื้นที่ภาคใต้

- การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้สามารถนำมาพัฒนากองทัพอากาศให้ก้าวทันเทคโนโลยี

- ยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ได้รับในการจัดซื้อตามโครงการนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนกองทัพอากาศและกองทัพไทย ให้มีขีดความสามารถเพียงพอ และเท่าทันเทคโนโลยี เพื่อปกป้องอธิปไตย และรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ

 

รายละเอียดความคืบหน้าโครงการ Gripen 39 ของกองทัพอากาศไทย สามารถอ่านได้ที่ www.wingsofsiam.pantown.com


โดยคุณ ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ 21/02/2008 01:10:18


ความคิดเห็นที่ 10


แล้วทำไมเราไม่ยืมเครื่องบินของการบินไทยมาซัก2-3ลำบางลำเขาจะเลิกใช้อยู่แล้วอย่างa-330บางรุ่นเขาก็จะปลดอยู่แล้วหรือไม่ก้ซื้อใหม่ไปเลยสัก2ลำคงจะไม่เท่าไหร่ละมั่ง
โดยคุณ ttrc เมื่อวันที่ 22/02/2008 04:41:57