หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ยานเกราะเบาเหมาะสำหรับภารกิจในภาคใต้

โดยคุณ : Samurai เมื่อวันที่ : 26/02/2008 13:23:40

จากที่มีการสูญเสียชีวิตทหารในภาคใต้ เพราะนั่งปิกอัพออกตรวจการณ์ทำให้โดนระเบิด ที่คนร้ายลอบวางไว้ โดยที่ยานพาหนะไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับภารกิจสงครามนั้น ผมเห็นว่ารัฐบาลควรอนุมัติจัดซื้อยานลำเลียงพลหุ้มเกราะที่เหมาะสม เพื่อนสมาชิกท่านใดเห็นว่าแบบไหนรุ่้นไหนที่เหมาะกับ ภูมิประเทศ งบประมาณ วิถีการเมือง บ้านเราครับ 




ความคิดเห็นที่ 1


ส่วนตัวผมเชียร์เจ้านี่ครับ 200 mrap ขับเคลื่อน 6 ล้อ มีล้อยางทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วครับ และโหลดกำลังพลได้มากด้วย


โดยคุณ Samurai เมื่อวันที่ 17/02/2008 05:52:54


ความคิดเห็นที่ 2


อีกภาพครับ


โดยคุณ Samurai เมื่อวันที่ 17/02/2008 05:53:40


ความคิดเห็นที่ 3


ส่วนภาพนี้นำมาจาก www.sae-dang.com ภาพอาจจะดูรุนแรงไปนิดขออภัยด้วยครับแต่ต้องการให้ดเห็นว่า เราต้องการยานพาหนะที่สามารถคุ้มครองทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของประเทศครับ นายทหารคนหนึ่งกว่าจะเป็นทหารได้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า เจ็ดปีในการหล่อหลอมจากพลเรือนกลายเป็นทหาร ประเทศชาติสูญเสียงบประมาณไปเท่าไร กับแค่การที่จะหาสิ่งมาคุ้มครองชีวิตเขาเหล่านั้นมันยากเย็นมากหรือ

http://www.sae-dang.com/cgi-bin2/dangBoard/OpenMessage.php?no=34949

โดยคุณ Samurai เมื่อวันที่ 17/02/2008 05:56:40


ความคิดเห็นที่ 4


 ถ้าจัดหามาก็ดีครับ แต่กลัวว่าจะไม่เพียงพอและอาจจะใช้งานไม่คุ้มค่านะครับ เพราะคงไปจอดสแตนบายตามจุดสำคัญเช่นเคย.........ถ้าผมเป็นฝ่ายตรงข้ามที่จ้องหมายปองจะเด็ดหัวทหารไทยให้ได้  ด้วยยุทธวิธีของฝ่ายที่มีศักดิ์ด้านอำนาจอาวุธที่ด้อยกว่าแล้ว ก็ต้องเล่นแบบ หมาลอบกัด(ซึ่งจะไปด่ามันก็ไม่ได้ เพราะเป็นเราเราก็ทำ)  และแน่นอน ผมก็ต้องเลือกเป้าหมายที่ผมคิดว่ามันเป็นเป้าหมายที่มีโอกาสทำลายได้เกือบ 100 % และหัวข้อของโจทย์อีกอันที่สำคัญก็คือ เวลา ครับ ต้องปฏิบัติให้รวดเร็ว เพราะรู้ว่า ทหารไทยจะต้องมาเสริมกำลัง(แบบวัวหายแล้วล้อมคอก)อย่างแน่นอน.......ดังนั้นการจะตอบโจทย์ก็คือจะทำยังไง ไม่ให้เป็นเป้าหมายที่เป็นเป้าหมายมีโอกาสสำเร็จ เกือบ 100%ของเค้า และทำยังไงถ้าพลาดแล้วจะตอบโต้ให้เร็วที่สุด...........ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ายุทธวิธี มีผลมากครับ  ต่อให้ใช้รถกระบะ แต่ถ้าใช้ยุทธวิธีที่เหมาะสม   มันก็ใช้ได้ครับ.........ส่วนตัวแล้วผมชอบรถโครงการณ์ ชัยปราการณ์ ครับที่นำเอาแคร่รถของรถกระบะตลาดทั่วๆไปมาทำ   ผมว่ามันน่าจะใช้งานได้ดี.....ฮัมวี่ ลว. ตัวถังแบบปิด  การขึ้น-ลงรถกระทำได้ลำบาก  มีความกว้างมาก เข้าออกตรอกซอยที่แคบๆได้ลำบากหรือเข้าภูมิประเทศลอดช่องตามต้นไม้ได้ลำบาก  เครื่องยนต์วี8 กินน้ำมัน อะหลั่ยไม่สามารถหาได้โดยทั่วไป......รถชัยปราการณ์ อะไหล่สามารถหาได้โดยทั่วไปเพราะใช้แคร่รถของรถกระบะทั่วๆไป ความกว้างด้านหน้าแคบ พอที่จะเข้าออกซอยแคบๆได้คล่องตัว และประหยัดน้ำมันกว่า........ผมว่ารถปฏิบัติการ น่าจะเป็นรถที่สามารถขึ้น-ลงรถได้รวดเร็ว มีความคล่องตัว และความเชื่อถือได้สูงในเรื่องของการปรนนิบัติบำรุง.........ลงว่าถ้าได้พลาดโดน IEDเข้าไปแล้วยังไงก็มีบาดเจ็บครับ แต่อยู่ที่ว่าจะทำยังไงที่จะลดหรือจำกัดการสูญเสียนั้นให้มากที่สุด  การปฏิบัติโดยฉับพลันของผู้ที่เหลือที่ยังไม่บาดเจ็บต่อการการต่อต้านการซุ่มโจมตี การปฏิบัติในการช่วยเหลือปฐมพยาบาลและนำผู้บาดเจ็บเข้าทีี่ปลอดภัย   การติดต่อขอกำลังเสริม  ภาวะผู้นำของผู้บังคับหน่วย ณ ขณะนั้น   ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันจะได้มาจากการฝึกครับ.............ความจริงแล้วมันไม่ได้มีเพียงแค่ภารกิจ รปภ. ครับ ยังมีอีกหลายภารกิจ เช่น การปิดล้อมตรวจค้น และภารกิจในทางลับ  แต่ภารกิจที่อ่อนแอสุดและมีเปอร์เซ็นต์ตกเป็นเป้าหมายเกือบ 100 % มากที่สุดคือ การ รปภ. เพราะมันจำกัดด้วยเวลาและเส้นทาง ครับ  ดังนั้นจึงมองมาที่ภารกิจนี้เป็นสำคัญในการลดการสูญเสียครับ......................
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 17/02/2008 08:16:26


ความคิดเห็นที่ 5


ผมว่าน่าจะใช้คูก้านะครับ เห็นในหนังสือทหารต่างชาติหลายเล่มเค้าเอาภาพมาให้ดูโดนระเบิดแล้วของให้มันไม่หงายท้อง เป็นปราการด่านที่2ใหทหารได้ใช้ปักหลังสู้ก็ยังดีคับ
โดยคุณ easycompany เมื่อวันที่ 17/02/2008 08:26:17


ความคิดเห็นที่ 6


ขอนกน้อยด้วย ใครรู้ราคามั้งครับ

โรงงานถลุงเหล็กก็มี น่าจะคิดทำได้แล้วเนอะ รถในตลาดไทยเอามาดัดแปลงก็โอนะ แนะนำ มิซู ฟูโซ วิ่งเร็วสุดๆ แรงไม่ตก มีให้เลือกหลายออฟชั่น 4 6 10 น่าสน เอามาทำ ไม่ได้ลำเอียงค่ายนี้นะ ค่ายอื่นก็ได้ถ้ามีนะครับ  ให้ราคาสูงสุดทำเองไม่รวมอุปกรณ์และอาวุธ 15 ล้าน

อันนี้อยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้มีอำนาจ คนออกแบบมีเยอะแยะโดยเฉพาะในเวปนี้ว่าม๊ะ เดียวเครื่องลงสมบูรณ์ จะไปขีดๆแบบใน3ดีมาให้ขำๆเล่นครับ

ในรูปหาอะไรมาปิดเพลาหน่อยก็ดีนะครับ กลัวเจอบึ้มแล้วเพลาแตกเอา

โดยคุณ qoop เมื่อวันที่ 18/02/2008 02:14:04


ความคิดเห็นที่ 7


ทำเองดีกว่าครับประเทศไทยสามารถทำได้

ไม่ยากแต่ห่วงว่าจะไม่มีค่าคอมมิสชั่นนะสิครับฮิฮิ

โดยคุณ tavv เมื่อวันที่ 18/02/2008 02:24:48


ความคิดเห็นที่ 8


ค่าคอมมิสชั่นหรอ คุยหลังไมค์ อิอิ ทำเพื่อประเทศก่อนนะนะ
โดยคุณ qoop เมื่อวันที่ 18/02/2008 04:15:23


ความคิดเห็นที่ 9


รถที่เห็นก็เหมาะนะครับ แต่ปีที่แล้วกองทัพได้งบประมาณมาแค่800ล้าน(ถ้าจำผิดขออภัยนะครับ)

คงจะได้แค่ไม่กี่คันมั้งครับ

จริงๆคือเมื่อเอาระเบิดไปวางใต้รถสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนมากคือรถบินได้ครับ

แถมตีลังกาด้วย คนที่อยู่กะบะหลังก็ลอยกระจายครับ

ถ้าเราทำรถไม่ได้ลอยหรือกระเด็นได้ก็อาจแค่หูอื้อกันครับ

หรือก้นกระแทกกันแรงหน่อย

จริงๆถ้าเกราะใต้ท้องรถมันแบนมันจะรับแรงอัดแบบเต็มๆครับ

ลองเอากล่องกระดาษแล้วหาอะไรมาเป่าผิวแบนๆดูสิครับ

ต้องใช้น้ำหนักมากถึงจะถ่วงให้มันไม่ปลิวได้

แตตถ้าเราลองหากระดาษแข็งมาแบะไว้ที่ใต้กล่องแล้วกระดาษแข็งทำมุม

เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เอาส่วนแหลมหันลงแล้วลองเป่าใต้ท้องมันดู

มันจะไม่ปลิวโดยใช้น้ำหนักที่ถ่วงเบากว่าแบบแบนๆ

มันก็เป็นหลักการหักแหแรงครับ เกราะรถถังแบบT-35ของโซเวียต

ก็ใช้เป็นเจ้าแรกๆทำให้รัถถังที35เบากว่าไอ้เสือของเยอร์มันมากมายครับ

นี้คือขอเสนอแนะเล็กน้อยครับ ติ ชม ยังไงก็ขอบพระคุณครับ

 

 

โดยคุณ kid481 เมื่อวันที่ 18/02/2008 09:11:23


ความคิดเห็นที่ 10




ขออภัยก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาด  ผมก็ไม่ได้จะรู้อะไรมากมายเท่าไหร่นะครับ.. ข้าน้อยจริงๆนะครับ..

ผมสงสัยว่า ตอนนี้ที่รถทหารโดนโจมตีกันเป็นว่าเล่น  ผมก็ไม่ทราบว่าแผนการออกปฏิบัติการจริงๆแล้วเป็นยังไง..

ผมก็เลยคิดเล่นๆว่า ถ้าทหารออกปฏิบัติลาดตระเวน มีฮัมวี่ 2คัน รถสายพานติดปืนกลหนัก 1คัน.. แล้วมาคิดกันว่าจะไปอย่างไร ใครก่อนหลัง มีไปเท่าไหร่..  ทหารหาญของเราจะปลอดถันขึ้นกว่าเดิมมั๊ยครับ..
หรือจะปรับแผนอย่างอื่นๆก็ได้ ที่ดูแล้วปลอดภัยกว่าเดิม..

ส่วนหนึ่งผมก็คิดไว้แล้วว่า เราติดปัญหา เพราะมีไม่เพียงพอใช่มั๊ยครับ..  ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็มองว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ทหารหาญเราสูญเสียไปมากแล้วนะครับ..
รู้สึกเป็นห่วงเป็นกังวลนะครับผม....  

   .                                                 ..thk นะครับ..


...



..
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 18/02/2008 12:02:38


ความคิดเห็นที่ 11


ก็เคยมีการคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วครับ และมีความเห็นกันว่าการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเสียใหม่จะช่วยได้มากกว่าการจัดหายานเกราะหนักครับ คุณ charchar เองก็มีความคิดที่ตรงกับผมและอาจจะเป็นใครหลายๆ คนในนี้คือต้องไปด้วยกันอย่างน้อยสองคันขึ้นไปจะได้ช่วยกันได้ครับ

แต่ถ้าอยากได้ยานเกราะจริงๆ เอาแบบพวกต่อต้าน IED โดยเฉพาะก็คงต้องเล่นระดับพวกสไตรเกอร์ล่ะครับเพราะใต้ท้องมันสูงรับแรงอัดน้อยหน่อย เสียอย่างเดียวอเมริกาไม่ขาย และก็อย่างที่ว่าครับ มันหาอะไหล่ไม่ได้ง่ายนักถึงจะใช้อะไหล่ของ CAT ก็เถอะนะ โดนระเบิดที (ซึ่งต้องมีอะไรเสียแน่นอนสักอย่าง) แล้วต้องจอดตายรออะไหล่ยาวเลยแบบนี้ก็ไม่ดีครับ ของมันต้องใช้บ่อยด้วย ผมเองก็เห็นด้วยที่ว่าจัดหารถตลาดๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมจะดีกว่า ไม่ต้องถึงกับออกแบบใหม่หมดเสียทีเดียว ของพรรค์นี้เราทำเองได้อย่างแน่นอนครับ

ว่าแต่ตัวโครงการชัยปราการไปถึงไหนแล้วครับเนี่ย ผมหวังว่าคงจะพร้อมแล้วนะ เห็นเงียบๆ ไปเลย

โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 18/02/2008 22:06:59


ความคิดเห็นที่ 12


  ผมเชื่อว่า หน่วยน่าจะทราบว่า  จะต้องไปกันหลายๆคัน แต่ บางทีมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำได้ เลยต้องเสี่ยงต่อการมีโอกาสเสี่ยงสูง ซึ่งก็ต้องทำ เพราะภารกิจ.....และก็เชื่อว่า บางหน่วยก็ยังไม่เข้าใจยุทธวิธี รูปแบบ การใช้ อย่างถ่องแท้...........ไป 2 คันก็จริง แต่ถ้าใช้ยุทธวิธีที่ต่างกัน  ใช้กับรูปแบบของภูมิประเทศที่ต่างกัน  หรือ สภาวะของกำลังพล(หมายถึง ขวัญ กำลังใจ และการปฏิบัติอย่างฉับพลัน) สภาวะผู้นำ ต่างกัน ผลมันก็ไม่เหมือนกันครับ   หน่วยที่พร้อมเกือบทุกด้านที่กล่าวมาก็อาจจะสูญเสียน้อย หรือ ไม่สูญเสีย(กรณีที่พลาด) แต่ถ้าหน่วยที่ไม่พร้อม ไป 2 คันก็จริง ก็อาจจะกลายเป็นว่า เอาศพไปเพิ่มให้เขาก็ได้..............ดังนั้น วิธีที่จะให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งนำเอาบทเรียนที่ได้จากการรบจริงแบบเดียวกันมาใช้   ต้อง  จัดตั้ง ศูนย์ฝึก สำหรับผู้ที่จะลงปฏิบัติงาน โดยเฉพาะครับ เป็น แบบรวมการ   ประมาณว่า หน่วยที่จะต้องลงสับเปลี่ยนตามวงรอบ ทั่วประเทศ จะต้องมาเข้าฝึกที่ศูนย์นี้ก่อนลงครับ......และที่สำคัญ ต้องให้ได้คุณภาพจริงๆ ไม่ใช่ สักแต่ทำ เพื่อเอาหน้า ครับ
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 19/02/2008 00:36:52


ความคิดเห็นที่ 13


ระเบิดที่เจอประเมินว่า 99 เปอร์เซ็นต์บรรจุภายในถังดับเพลิง

ดังนั้นแรงดันจะอยู่ระหว่าง 100,000-400,000 บาร์ไม่เกินกว่านี้

ดังนั้นคิดว่าเจ้าสไตร์เกอร์ไม่น่าเอาอยู่คงต้อง M 3 แบรดลี่ย์ล่ะครับ

แต่ไทยคงไม่มีงบขนาดนั้นคงต้องใช้ยุทธวิธีเอา

เช่น รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยถ้าเช็คแล้วเป็นรถขโมยมาทำลายทิ้งเถอะครับ  รถมือสองราคาแค่ หมื่นกว่าบาทแลกกับตำรวจกู้ระเบิดฝีมือดีๆ 3-4 นายไม่คุ้ม 

ยุทธวิธีที่ได้ผลที่ตรงกับหลายๆคนคิดคือไปกันหลายๆคันก็ดีนะครับลดความเสี่ยงไปได้มาก(ซ้อนเวฟ100ไป 3-4 คัน พลปืน 1 พลขับ 1)

 

โดยคุณ seesaning เมื่อวันที่ 19/02/2008 03:14:02


ความคิดเห็นที่ 14


โจรใต้มันใช้สว่านติดเครื่องตัดหญ้าเจาะถนนไม่ถึง 10นาทีก็วางระเบิดได้แล้วครับ ถ้าเวลาค่ำๆแสงไม่ค่อยมีหน่วยมอเตอร์ไซต์ เคลียพื้นที่ล่วงหน้าก็ยากจะมองเห็นครับ ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องรอเช้าเลยค่อยกลับบ้าน แต่บางทีก็มีงานด่วนต้องกลับกลางคืนก็โดนมันกดบึ๊มอีกแหละครับ ทหารเราประเภทไปทางไหนกลับทางนั้น ไม่ชอบเปลี่ยนเส้นทางดังนั้นผมว่า ถ้าให้ชัวร์ต้องแก้ด้วยยุทธวิธีครับ ไม่ใช่ด้วย อุปกรณ์ เพราะใน อิรัค หรืออาฟกัน นี่ขนาดรถถังเบา หรือรถเกราะ ยังเอาไม่อยู่ครับ พวกนี้ได้รับการฝึกมาอย่างดี จากนอกประเทศครับ ทหารต้องรับการฝึกยุทธวิธีการรับมือกับพวกนี้โดยเฉพาะครับอย่าเอาแต่ปริมาณส่งเข้าไปอย่างเดียวเพราะจะตายเปล่าครับ

โดยคุณ data เมื่อวันที่ 19/02/2008 09:18:48


ความคิดเห็นที่ 15


ขอแจมครับ

เรื่องแรงอัดจากใต้ท้องรถ จนพลิกคว่ำนั้น ลองนั่งคิดดูแล้ว ไม่พูดแบบ

วิศวะ นะ คืออยากให้มองแบบลดแรงอัดนะครับ............

มีคนเสนอเรื่องท้อง เหมือนสามเหลี่ยม ส่วนผมเองอยากให้เป็นท้องแบบกระทะครับ

ลองหงายแล้วเอาน้ำฉีดดูครับ จำลองรถเด็กเล่นครับ

สามเหลี่ยมแล้วฉีดน้ำถูกมุมก็ไปเหมือนกันครับ

ส่วนท้องกระทะฉีดน้ำแล้วไม่กระเด็นตามแรงที่ตกกระทบครับ แต่มีการเคลื่อนตัวเหมือนกัน น้ำที่ฉีดเปลี่ยนมุมกระเด็นแรงอัดตรงๆลดน้อยลง  ก็เลยเข้าใจว่า ไม่มีมุมตรงๆ ให้พลิกตัวรถให้หงายท้องนะครับ   ซึ่งใต้ท้องถ้าเคลือบด้วยน้ำยาที่ทำให้ผิวมันลื่นและแข็ง (คาร์บอน เคลพล่า ) ผมว่าการถ่ายแรงอัดไปทิศทางรอบๆด้านจะช่วยให้ รถขนาด 1- 2 ตัน แบบชัยปราการ นี่ สามารถใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งครับ

อันนี้คิดเองนะ.....อย่าคิดว่าผมบ้านะ มั่วนิ่ม อะ...เคยได้ยินป่าว

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 26/02/2008 02:23:41