เฉลิมลุยตั้งเขตปกครองพิเศษจว.ชายแดนใต้ |
เฉลิม เดินหน้าตั้งเขตปกครองพิเศษจังหวัดชายแดนใต้ เน้นให้การเมืองนำการทหาร ยอมรับการข่าวอาจเกิดเหตุระเบิดที่ กทม.หาดใหญ่และ 3 จว.ใต้
(12กพ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ ว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องให้ทหารเป็นหลัก โดยกระทรวงมหาดไทยในฐานะฝ่ายปกครองก็จะมีส่วนผสมผสาน ตนไม่ได้เป็นรัฐมนตรีที่เข้ามานั่งเฉยๆ ต้องคิดค้นหาสูตรว่าที่ผ่านมาแม้พยายามแก้แล้วทำไมแก้ไม่ได้ ยังมีการลอบทำร้ายและฆ่ากันอยู่เป็นประจำ ซึ่งเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ตนได้หารือกับผู้ว่าฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผอ.ศอ.บต.ว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเมืองศาสนา โดยให้มีการทำประชาพิจารณ์ และมีแนวคิดคือ ไม่เพิ่มสถานบริการ ในส่วนที่มีอยู่เดิมก็ไปคิดว่าจะลดลงได้หรือไม่ ใครอยากเที่ยวก็ให้ไปที่สตูลและหาดใหญ่ แล้วลองดูว่าผลกระทบจะมีมากน้อยแค่ไหน รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในส่วนแนวคิดการตั้งเขตปกครองพิเศษ ก็ต้องมาช่วยกันดูว่าจะให้เป็นรูปแบบใด จีนหรือเยอรมัน ให้ช่วยกันคิดไม่ใช่มานั่งเฉยๆ แล้วปล่อยให้เกิดเหตุร้ายรายวันโดยไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตามประเทศไทยปกครองในระบบรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ใช่นั่งรอวันตาย สำหรับตนคงไม่เน้นการลงไปในพื้นที่ เพราะเราต้องรู้ว่ากองกำลังฝ่ายตรงข้ามพอมีผู้ใหญ่ลงพื้นที่ไปก็จะมีการโต้กลับค่อนข้างรุนแรง และการลงพื้นที่ของตนก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ข้าราชการในพื้นที่ก็เหนื่อย ต้องมารับมาดูแลความปลอดภัย แล้วอยากถามว่าถ้ารัฐมนตรีลงไปแล้วขวัญกำลังใจดีขึ้นหรือเปล่า มันคนละเรื่อง วันนี้ตนคิดหลายเรื่องแต่บางเรื่องก็บอกไม่ได้ เมื่อถามว่าต้องทำความเข้าใจกับกองทัพหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เราต้องปรึกษากับกองทัพ เพราะมหาดไทยเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ทหารเขามีบทบาทสำคัญที่สุดในการกำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ซึ่งวันนี้กองทัพได้ส่งแม่ทัพนายกองฝีมือดีลงไปมากแล้ว สำหรับตนในฐานะ รมว.มหาดไทยก็ต้องเอาของเก่ามาศึกษาว่าเป็นอย่างไร บกพร่องตรงไหนแล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร โดยจะต้องทำควบคู่กันไประหว่างมวลชนและการทำหน้าที่ของทหาร โดยการเมืองจะต้องนำการทหาร ต้องทำให้ประชาชนที่ยังมีความคลางแคลงใจกลับมาเป็นพวกให้ได้ และที่สำคัญที่สุดต้องใช้หลักนิติธรรมนิติรัฐเอาความเป็นธรรมเป็นตัวตั้ง ตนจะทำให้ประชาชนเกิดความสบายใจ ในเรื่องของความเด็ดขาดทหารเขาทำหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนนี้ต้องให้ทหารเขาเป็นหลัก และการหารือกันเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผมได้ยืนยันไปแล้วว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงโดยการยกเลิกนั้นไม่มี แต่จะต้องมีการปรับปรุงตามที่ร้องขอว่าประชาชนต้องการและไม่ต้องการอะไร ส่วนจะมีโอกาสได้หารือกับฝ่ายทหารเมื่อไหร่นั้นคงต้องปรึกษากับนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมก่อน ผมจะเข้ามาทำงานไม่ได้นั่งเฉยๆผูกไทใส่เสื้อนอกเดินแอ๊คไปแอ๊คมาแถวกระทรวงนั้นไม่ใช่ผม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว ต่อข้อถามว่าแนวโน้มการตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษมีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่รูปแบบค่อยมาว่ากันภายหลัง และปีนี้ต้องรู้ว่าผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดจะต้องจัดทำงบประมาณเอง ตนจะปรับความคิดผู้ว่าฯ ให้ทำตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของจังหวัดนั้นๆ ส่วนความเป็นไปได้เมื่อไหร่นั้นต้องหารือกันก่อน ส่วนเรื่องการเรียนการสอนในปอเนาะห์และตาดีกานั้น เป็นเรื่องยาวมีประวัติศาสตร์มานานต้องใช้เวลาศึกษาและแก้ไข ในส่วนที่ผมระบุว่าอาจเกิดเหตุการณ์ระเบิดในช่วงนี้ ก็เป็นการคาดการณ์เพราะมักมีเหตุการแบบนี้เกือบทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ซึ่งจุดที่จะมักเป็นเป้าเกิดเหตุคือ กรุงเทพมหานคร แถวๆกระทรวงมหาดไทย หาดใหญ่ และที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมักจะเกิดเหตุที่คาราโอเกะต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการคาดการณ์ของตนและยอมรับว่ามีข้อมูลด้านการข่าวนิดหน่อย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
http://www.komchadluek.net/2008/02/12/x_main_a001_189692.php?news_id=189692 |
ผมว่า คนระดับ รมต เวลาจะพูด อะไร ควรระมัดระวังหน่อยนะครับ
ข่าวนี้ ไม่สร้างสรรค์ยังไงไม่รู้ มีความรู้สึกแปลก ๆ
อืมม ใช้ได้ครับ อย่างน้อยมีไอเดียอะไรใหม่ออกมาให้ถกกัน
กรุงเทพกับเมืองพัทยาก็เป็นเขตปกครองพิเศษ ถ้าเราศึกษาโมเดลของทั้งสองที่และหาจุดแข็งมาใช้กับสามจังหวัดได้ น่าจะเป็นทางออกที่ยังยืนแบบหนึ่งเหมือนกัน และถ้าประสบความสำเร็จ เราก็น่าจะสามารถรปะยุกต์โมเดลพวกนี้ไปใช้ได้ทั่วประเทศ สุดท้ายการกระจายอำนาจที่พูด ๆ กันมานานก็น่าจะเกิดขึ้นเสียที
เคยไปอ่านเจอบทความนึงที่น่าสนใจมาก คิดว่ารัฐบาลน่าจะนำมาศึกษาเพื่อเป็นแนวทางนะครับ
-------------------------------------
วิธีปกครองชนกลุ่มน้อย
มีข้อเสนอหลากหลายเพื่อการแก้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ยังแก้กันไม่สำเร็จ
ตอนนี้นอกจากเหตุเกิดรายวันใน 3 จังหวัดแล้ว ยังลามมาถึงสงขลาอีกด้วย
ไทยเรายังแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ที่ประเทศจีนพูดได้ว่าเขามีวิธีปกครองชนกลุ่มน้อยโดยเฉพาะมุสลิม ให้อยู่กันอย่างสงบสุขและสันติ
อุดร ตันติสุนทร แห่งมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อดีตนักการเมือง นำเสนอบทความเรื่อง วิธีปกครองชนกลุ่มน้อย (มุสลิม) ของจีนที่มณฑลซินเจียง จึงขอนำมาลงในคอลัมน์นี้ อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาได้
มณฑลซินเจียงมีพื้นที่ 1.66 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่าประเทศไทย 3 เท่า) มีประชากร 20.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชนชาติมุสลิมและชนชาติอื่น 13 ชนชาติ และขยายเป็น 47 ชนชาติ
ปัจจุบันชนชาติเหล่านี้บางชนชาติก็มีวิถีชีวิตและความคิดที่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว และมักจะมีการขัดแย้งกันอยู่เสมอ
รัฐบาลกลางของจีนได้มองเห็นสภาพนี้ จึงมีแนวคิดที่จะปกครองชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ให้มีความสงบสุขอยู่ในเขตพื้นที่ของประเทศจีน โดย
1.มีกฎหมายให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาของชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่ม มณฑลซินเจียงมี 12 จังหวัด รัฐบาลกลางปกครอง 7 จังหวัด ให้ชนกลุ่มน้อยปกครองกันเอง 5 จังหวัด มี 76 อำเภอ รัฐบาลกลางปกครอง 70 อำเภอ ให้ชนกลุ่มน้อยปกครองกันเอง 6 อำเภอ
2.สร้างความเจริญให้มณฑลซินเจียงโดยการตัดถนน 4 เลน ยาว 4,000 กิโลเมตรจากปักกิ่ง และทางรถไฟไปยังเมืองอุรุมูฉี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซินเจียง และมีสายการบินในประเทศต่างประเทศถึง 100 สาย
3.ที่เมืองคาซัค ซึ่งเป็นเมืองที่ติดกับประเทศคาซัคสถาน มีพลเมือง 1.3 ล้านคน ชนชาวมุสลิมที่เมืองนี้ต้องการอยู่กับจีนมาก กว่า เพราะรัฐบาลกลางไปสร้างวิทยาลัยโปลีเทคนิค 13 แห่ง สร้างมหาวิทยาลัย และสร้างศูนย์ศิลปวัฒนธรรม 13 แห่ง สร้างห้องสมุด 11 แห่ง สร้างศูนย์การค้าเพื่อขายของพื้นเมือง ซึ่งผลิตโดยคนมุสลิมและชนกลุ่มน้อย
ศูนย์การค้าที่สร้างนี้ใหญ่กว่าไนท์บาซาร์ของเชียงใหม่ 10 เท่า
4.หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 อเมริกาได้ประกาศเป็นศัตรูกับโลกมุสลิมอย่างชัดแจ้ง ทำให้มุสลิมทั่วโลกเป็นศัตรูกับอเมริกา และก่อความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ และมุสลิมหัวรุนแรงได้ก่อความวุ่นวายขึ้นที่มณฑลนี้ด้วย
5.รัฐบาลกลางได้แก้ไขปัญหาโดยประกาศกฤษฎีกา 3 ฉบับ ย้ำสิทธิของประชาชนว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพจะนับถือศาสนาใด ๆ ก็ได้ แต่การเบี่ยงเบนคำสอนศาสนาซึ่งผิดหลักสากล เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาตินั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายต้องถูกลงโทษ
ตั้งแต่ประกาศกฤษฎีกาแล้ว ปรากฏว่ามีมุสลิมที่เป็นหัวโจกถูกประหารชีวิต 4 คน อีก 200 คนถูกจับตัวมาลงโทษให้กวาดถนนและรับการอบรมใหม่ แล้วจึงปล่อยไป
6.ผลจากการพัฒนามณฑลซินเจียงให้เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ประชาชนมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้มากขึ้น รัฐบาลกลางจึงได้รับการสนับสนุนจากชนชาวมุสลิมอย่างกว้างขวาง
เมื่อมีผู้จงใจเบี่ยงเบนคำสอนของศาสนา ก็จะมีผู้แจ้งให้ผู้ปกครองท้องถิ่นและรัฐบาลกลางทราบ รัฐบาลกลางก็รีบปราบปรามด่วน
ดังนั้น จีนจึงสามารถปกครองคนมุสลิมได้อย่างสงบสุข
คุณอุดรบอกว่าหัวโจกถูกประหารไป 4 คนแค่นั้น แต่ของเราตายไปเป็นร้อย
สงสัยว่ายังหาหัวโจกไม่เจอกระมัง.
กำแหง ภริตานนท์
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=40452&NewsType=2&Template=1
ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว และระบอบการปกครองก็ไม่เหมือนกับในประเทศที่เค้าทำได้ เรื่องนี้เสี่ยงและอ่อนใหวเป็นอย่างยิ่งครับ
และท่าทีกลุ่มคนที่ก่อเหตุต้องการเขตปกครองพิเศษหรือไม่ หรือเค้าต้องการตั้งรัฐอิสระไปเลย เป็นเรื่องที่ต้องรอบคอบมากๆครับ ไม่งั้นแผ่นดินไทยอาจแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะการอยู่รวมกันในวันนี้ก็ยังมีความต่างของชาติพันธ์อยู่ เช่นความต่างของ อีสาน ล้านนา ลุ่มน้ำอยุธยา และทางใต้
ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองควรคิดให้รอบคอบก่อนพูดผมเห็นว่าจะเหมาะกว่าครับ
ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เขตการปกครองแต่อย่างใด แต่อยู่ที่ผู้ดำเนินนโยบายการปกครองมากกว่า เพียงท่านเริ่มมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและมีคุณธรรม(สักนิด) ปัญหาก็คงจะลดไปได้บ้างในระดับหนึ่ง
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ มีค่าเท่ากับเราแพ้เกมส์ทางการเมืองระหว่างประเทศกับมาเลย์และจะยิ่งทำให้มาเลย์มีอำนาจทางการเมืองสูงขึ้นในภูมิภาค
งานนี้ควรใช้วิธีหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งแบบที่อินโดนีเซียล่อเอาเถิดกับมาเลย์ที่สถานฑูตออสเตเรียในกัวลาลัมเปอร์ เท่านั้นล่ะครับมาเลย์วิ่งแจ้นไปขอคุยจบเรื่องปัญหาบ่อน้ำมันกับอินโดแทบไม่ทัน
คนไทยในมาเลย์มีตั้ง 5 - 6 แสน คน...............ทำไมไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์แบบทางเขาล่ะครับ อย่าบอกนะว่ารัฐบาลมาเลย์ไม่เกี่ยวกับเรื่องไฟใต้ของเรา........ผมได้รับคำยืนยันมาเป็นปีจากญาติที่เป็นนายทหารยศพันโทอย่างชัดเจนเต็ม 2 รูหูครับว่า รัฐบาลมาเลเซียให้การสนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการต่อกลุ่มขจก.ใต้
ถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเราจบแบบอินโดในเรื่องรัฐอาเจ๊ะที่มีข่าวหนาหูว่ามาเลย์มีส่วนให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนรัฐอาเจ๊ะ ซึ่งเป็นการพ่ายแบบหมดรูปในทางการเมืองของอินโดต่อมาเลย์........และมันทำให้มาเลย์มีอำนาจมากขึ้นในเวทีอาเซี่ยน
ต้องสอนให้คนมาเลย์รู้ว่ากำลังเล่นกับใครมากกว่านะครับ อย่าลืมว่าเราคือ จ้าวอาณานิคมเดิมของพวกมัน
ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตั้งเขตการปกครองพิเศษนะครับ
(แต่ในขณะเดียวกันส่วนตัวก็คิดว่าคงไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้หรอกครับ ถ้ายังคงคิดแบบเดิมๆว่า ปัญหาทุกเรื่องมีประเทศเพื่อนบ้านอยู่เบื้องหลังแล้วเราต้องตอบโด้วยความรุนแรงนะครับ)
เหนือ ใต้ อิสาน ล้านนา ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะแยกตัวออกหรอกครับ เพราะพื้นฐานวัฒนธรรมมันใกล้กันมากแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ขาดแต่ความ อยุติธรรมเท่านั้น ที่จะแบ่ง ประเทศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างที่ กทม. กำลังทำกับ ชนบท (หรือ ตจว.) นั่นไง เคยได้ยินไหมครับ เรื่องสองนครานั่นไง (คน ชนบท ตั้งรัฐบาลแต่ คน กทม. ล้มรัฐบาล)
เรื่องมุสลิมภาคใต้ เป็นปัญหาเรื้อรังมานานครับ ต้องยอมรับว่าผู้คนเขาต่างกับเรา หรือคนส่วนใหญ่ของประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้นจะให้ปกครองกันเหมือนกับอีก 70 กว่าจังหวัดย่อมเป็นเรื่องยากครับ มหาดไทย เรา มีงานล้นมืออยู่แล้ว ถ้าจะให้ดีลองตั้ง ทบวงพิเศษเพิ่มขึ้นอีก อันนึงเอาไว้ดูแล 3 จว. นี้โดยเฉพาะน่าจะเหมาะสมกว่านาครับ เรื่องเขาจะแยกตัวเป็นเอกราชนี่ ไม่ต้องไปคิดครับ ถ้าคนเขาอยู่ดีมีสุข เขาไม่แยกตัวออกไปให้โง่หรอกครับ ในรัฐธรรมนูญ ก็เขียนไว้ชัดเจนแล้วครับว่าแยกตัวออกไปไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่เห็นด้วยครับ
ด้วยเงื่อนไขของการแก้ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จะปกครองที่นั้นอย่างไร จะเอามาเปรียบกับกรุงเทพและพัทยาไม่ได้มันคนละเงื่อนไข 3จังหวัดใต้เป็นมุสลิมส่วนใหญ่ก็จริงแต่เขาก็คือคนไทยไม่ใช่คนต่างชาติ ที่มีปัญหาทุกวันนี้ก็คือข้าราชการในอดีตที่เอาเปรียบเหยียบย้ำพวกเขาตลอด ดูถูกศาสนาเขา เป็นผมก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ทางแก้ไขของท่านเหลิมที่เสนอไม่รู้ว่าที่ปรึกษาท่านหรือท่านเองที่เป็นคนออกไอเดีย คิดได้ไง น่าจะทบทวนก่อนที่จะออกสื่อ มันไม่ใช่ของเล่นๆนะท่านด้วยความเคารพ