หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


แฉเหตุ “สมัคร”นั่งกลาโหม!ผลิตอาวุธครบวงจร-ทุ่ม 4.4 ล้านๆปั้นเมกะโปรเจกต์ (จากผ๔จัดกวน ดูมันเขียนเข้า)

โดยคุณ : Johnny_Thunders เมื่อวันที่ : 14/02/2008 10:37:33

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9510000015800

เนื้อข่าวก็ดีนะ แต่พาดหัวซะ โห เพื่อนๆคิดว่าไงครับ





ความคิดเห็นที่ 1


คิดว่า ฟังหูไว้หู คิดตามข่าว อย่าฟังความข้างเดียว เปลี่ยบเที่ยบหาข้อ

เท็จจริง เชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด อย่าให้ใครจูง จมูก ข่าวจากรัฐ ข่าวจาก

สำนักข่าวต่างประเทศ ข่าวจากสำนักข่าวไทย ข่าวจากบทความวิเคราห์

ต่างๆ ยึดแนวทาง ไม่มีมูล สุนัขไม่ถ่าย ที่สำคัญวิเคราะห์ก่อนด้วยตนเอง

เสมอครับ เหรียญมีสองด้านฉันท์ใดข่าวสารย่อมมีสองด้านฉันท์นั้น

 

เพ้อเจ้อไปป่าวเนี้ยเรา - -

โดยคุณ Acid เมื่อวันที่ 09/02/2008 08:12:07


ความคิดเห็นที่ 2


เวลาอ่านข่าว  คงต้องพิจรณาความน่าเชื่อถือและเป็นกลางของ ผู้นำเสนอข่าวเป็นหลักครับ....

อย่างที่รู้ๆ ว่า นสพ. ผู้จัดการ...ใครเป็นเจ้าของ และเป็นฝ่ายแค้นของใคร .... อ่านเนื้อความดู จะออกไปในเชิงปรามาศซะส่วนใหญ่...ส่วนเจ้าตัวท่านนายกจะขายฝันจริงหรือไม่...อีกไม่เดี๋ยวก็รู้

ส่วน....ผู้จัดการ เวลาเขียนข่าวเกี่ยวกับทางทหาร .... นั้งเทียนซะส่วนใหญ่ ...มั่วข่าวก็เยอะ ...ไม่รู้ซิผมมักไม่อ่านข่าว การทหาร ของผู้จัดการนะ...

แต่ก็อยากให้ ผู้จัดการ ลองไปขุดคุ้ยเรื่องทางทหารนิดนึงเรื่องที่ท่านหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหนีเกณฑ์ทหารบ้างจัง....จนป่านนี้ยังไม่รู้เลย ...ว่าหนีจริงไม่จริง ....

โดยคุณ maverick เมื่อวันที่ 09/02/2008 08:35:32


ความคิดเห็นที่ 3


1.โครงการรถไฟฟ้า 9 สาย

2.โครงการขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขง

3.โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่

4.โครงการบ้านการรถไฟที่มีความคล้ายคลึงกับแฟลตข้าวโพด

5.โครงการถนนเครือข่ายใยแมงมุม

6.โครงการเซาท์เทรินส์ซีบอร์ด

7.โครงการขยายเพิ่มเติมสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และ

8.โครงการทดแทนการนำเข้ายุทธปัจจัยด้วยการปฏิรูปกระทรวงกลาโหม ด้วยการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเพื่อผลิตยุทธปัจจัยขึ้นมาใหม่

 

ถ้าทำได้จริง ประเทศ ก็จะพัฒนาขึ้นแยะนะครับ โดยเฉพาะข้อ 8 ทหารไทยน่าจะแข็งแกร่งขึ้นครับ

โดยคุณ แมวบิน เมื่อวันที่ 09/02/2008 09:13:48


ความคิดเห็นที่ 4


อยากให้ดูรัฐบาลทำงานก่อนครับ
โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 09/02/2008 09:54:51


ความคิดเห็นที่ 5


ผ่าตัดกลาโหม
       ตั้งหน่วยงานผลิต ยุทธปัจจัย
       
        นอกจากนี้มีโครงการทดแทนการนำเข้ายุทธปัจจัย ใช้งบประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยกระทรวงกลาโหมจะเป็นแกนหลักในเรื่องนี้ วิธีการก็คือจะมีการปฏิรูปกระทรวงกลาโหมใหม่ โดยตามเป้า ภายใน 3 ปี รัฐบาลจะต้องมีการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นมาใหม่ 4-5 แห่ง เพื่อรองรับในการผลิตยุทธปัจจัยด้วยตนเองเพื่อทดแทนการนำเข้าที่ไทยต้องเสียงบประมาณจำนวนมากต่อปี
       
       ที่สำคัญคือ ต่อไปอาวุธปืน และการต่อเรือจะต้องมีการทำในประเทศไทยทั้งหมด รวมทั้งเครื่องมือสื่อสาร ทางการทหารด้วย เพื่อความมั่นคง ความเข้มแข็งของประเทศชาติ และเพื่อลดภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายของประเทศลง โดยจะใช้วิธีซื้อสิทธิบัตรจากต่างชาติมาผลิตเอง และบางชิ้นส่วนอาจใช้ความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ด้วย เช่น ผลิตองค์ประกอบรถถังร่วมกับอิสราเอล หรือ ผลิตองค์ประกอบรถเกราะร่วมกับจีนและไต้หวัน
       
       โดยหลังจากตั้งรัฐวิสาหกิจต่างๆ แล้วก็จะมีการผลักดันให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน เพื่อความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้นด้วย และนี่อาจเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม “สมัคร” จึงต้องนั่งคุมกระทรวงกลาโหมด้วยตนเอง นอกเหนือจากเหตุผลด้านความมั่นคงเฉกเช่น กับ อีก 2 พลเรือนก่อนหน้านี้ที่นั่งในตำแหน่งดังกล่าว
โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 09/02/2008 10:02:33


ความคิดเห็นที่ 6


 

    ทำแบบระบบธุรกิจในชาติตะวันตกเลยนะนี่  .................  ผมอยากให้มีอย่างนี้มานานแล้วครับ    บริษัทพวกนี้จะได้ยืนได้ด้วยตนเอง   โครงการใดๆที่ปั้นขึ้นมาจะได้ไม่พับไปง่ายๆเหมือนในอดีต......เพราะจะต้องหวังผลกำไรในอนาคตเนื่องจากลงเงินไปแล้วนั่นเอง

         ........ขายความตายให้ประเทศอื่นๆบ้างน่ะแล้วโกยเงินตราเข้าประเทศ......จะลงนรกอะป่าวเนี่ย   แหมเกาหลีใต้เขาก็กำลังโกยกำไรเอาๆๆๆจากการตัดราคาสินค้านี่นะ    เห็นว่าฟิลิปปินส์สนใจ F-50 มากๆเลยและท่าทางจะพัฒนา f-50 ได้ดีจนเกือบเท่า Jas-39 นะครับ    เพราะดูสเปกแล้วใช้ได้เลยแถมราคาแค่ 22 ล้านเหรียญ..........ตัดราคากระจาย

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 09/02/2008 10:09:05


ความคิดเห็นที่ 7


 

พิจารณาประโยคนี้ครับ

   ที่สำคัญคือ ต่อไปอาวุธปืน และการต่อเรือจะต้องมีการทำในประเทศไทยทั้งหมด รวมทั้งเครื่องมือสื่อสาร ทางการทหารด้วย เพื่อความมั่นคง ความเข้มแข็งของประเทศชาติ และเพื่อลดภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายของประเทศลง โดยจะใช้วิธีซื้อสิทธิบัตรจากต่างชาติมาผลิตเอง และบางชิ้นส่วนอาจใช้ความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ด้วย เช่น ผลิตองค์ประกอบรถถังร่วมกับอิสราเอล หรือ ผลิตองค์ประกอบรถเกราะร่วมกับจีนและไต้หวัน

งั้นเรือฟรีเกตป้องกันภัยทางอากาศก็คงต้องต่อในประเทศแน่นอน   อู่ที่น่าจะพร้อมคงเป็นอู่อิตตัลไทยและยูนิคไทย............เพราะอู่ใหญ่และมีประสบการณ์มากที่สุด      หรืออาจจะต่อที่ประเทศที่เราซื้อ 1 ลำ(แล้วเรียนรู้การต่อรวมทั้งจัดหาเครื่องจักรที่เหมาะสมสำหรับงานต่อเรือ)      ลำที่เหลือต่อเองในประเทศ  

   ปืนคงไม่มีปัญหา   เพราะเคยผลิตเองมาก่อน    กระสุนก็ผลิตเองอยู่แร้น....สบายๆๆ

    รถเกราะรถถังนี่สนใจมากครับ.........ถึงเวลาซะที    เพราะเห็นแต่ต้นแบบมาตลอด   ทั้งๆที่เราอยากจะเป็นดีทรอยแห่งเอเซีย   แต่สร้างรถถังเองไม่ได้สักที

    แล้วโรงงานผลิตเครื่องบินล่ะครับว่าไง    เผื่อว่า TAI จะได้สร้างเครื่องบินเองสักทีแม้ว่าจะซื้อสิทธิบัตรมาผลิตก็ตาม    แหมฝันถึงโครงการ F/A-50 รุ่นเวอร์ชั่นไทยแลนด์ทุกคืน.............แบบว่าจะได้เครื่องที่มีเรด้าร์ AESA แบบแรกของไทย    มีระบบดาต้าร์ลิ้งค์ชั้นดี    เห็นสเปกจากเกาหลีแล้วน้ำลายหยด.......หรูเกือบเท่า Jas-39 ในราคาแค่ 22 ล้านเหรียญ (ประมาณเกือบ 700 ล้านบาทต่อลำ   ถูกกว่ากันเยอะเลย)     ราคาเท่านี้สเปกขนาดนี้   ขอสิทธิบัตรมาเลยครับ 100 เครื่อง   ....  ว่าเข้านั่น

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 09/02/2008 10:39:27


ความคิดเห็นที่ 8


ขอ โครงการดาวเทียม ดวงตาแห่งสยาม  สมัยรัฐบาลพ่อใหญ่จิ๋วคืนชีพด้วยก็ดีครับ  ไม่ต้องไปเช่าช่องสัญญาณไทยคม (โครงการล้มเพราะ..อิ อิ) และที่สำคัญมากๆทางด้านความมั่นคง ไทยคมก็ไม่ไช่ของคนไทยแล้ว...ฝากลุงหมักช่วยประเทศชาติด้วยเถิด..สาธุ  
โดยคุณ ฟินิกส์ เมื่อวันที่ 09/02/2008 11:25:44


ความคิดเห็นที่ 9


ราคา 22 ล้านนั้นมันเป็นรุ่น T-50 แบบไม่ติดอะไรเลยไม่ใช่เหรอครับ

สนับสนุนครับ ผมว่าเราน่าจะเรียนรู้ข้อผิดพลาดอะไรได้เยอะแล้วล่ะตอนแฟนเทรนเนอร์ เอามาแทน L-39 จะดีไม่หยอก
โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 09/02/2008 11:50:39


ความคิดเห็นที่ 10




อยากเห็น JAS-39 Made In Thailand นะครับผม..  จะเป็นไปได้แค่ไหนครับ..


โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 09/02/2008 12:54:03


ความคิดเห็นที่ 11


ไม่แปลกหรอกครับที่เห็นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการจะเขียนข่าวแบบนี้ เพราะเขาไม่ถูกกันคอยจับผิดกันตลอด มันก็ดีครับคอยจับผิด แต่บางทีมันก็เขียนผิด มันก็เลยเข้าใจกันผิด ๆ ถ้าคนอ่านความรู้ไม่พอ หรืออ่านเพียงแหล่งข่าวนี้แหล่งเดียว มันจะเป็นอย่างไร 

อ่านข่าวจากหลายแหล่ง ฟังคนพูดจากหลายแหล่ง(คนที่พูดต้องมีความรู้และเชื่อถือได้นะครับ) แล้วเราก็เอาข่าวทั้งหมดที่ได้ มารวบรวม จากนั้นเราก็วิเคราะห์ด้วยตัวเราเองอีกที  นั้นแหละครับข่าวที่พอจะมีเป็นความจริง

โดยคุณ ทอแสง เมื่อวันที่ 09/02/2008 18:23:38


ความคิดเห็นที่ 12


ผมว่าข่าวหัวเขียวยังมีข้อเท็จจริงดีกว่าอีก
  อีกทั้ง การจะผลิตอาวุธเองเนี่ย มันก็มีตั้งแต่สมัยนมนาน ช่วงรัฐบาลปฏิวัติสามสิบปีที่แล้ว เพี้ยงแต่ว่า ต้องดูตัวอย่างของรัฐวิสาหกิจ
ปัจจุบันที่โดนยุบไปเช่น รัฐวิสาหกิจ แบตเตอรี่ เป็นตัวอย่าง ว่าถ้าคุณต้ั้งขึ้นมาแล้วไม่สามารถตอบสนองกับตลาดในภาวะปัจจุบันได้ก็
เตรียมโดนยุบทันที เพราะขาดทุนบักโกรก
   รัฐวิสาหกิจไทยหลายแห่งยังมีแนวคิด เช้าชามเย็นชาม ไม่มีความเป็นมือ
อาชีพในการบริหารที่เจ๋งพอ พอให้ทำการตลาดหาลูกค้าเองหน่อย
มือไม้นี่ง่อยเลยครับ ทำไม่เป็นเพราะยุคที่ผา่นมา มัวแต่ให้คนคอยไปเข้าหาอย่างเดียว
พอต้องไปหาลูกค้าเองกลับทำอะไรไม่เป็นเลย
         หรือรัฐวิสาหกิจ รสพ.ตัวอย่างนี้เลย ขนส่งสถานเดียว ที่ต้องยุบเพราะขาดทุน มัวแต่ให้ลูกค้าเข้าไปหา ่กระบวนการบริหาร ไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะตอบสนองความต้องการ
ของลูกค้าได้ อย่างเช่น การจะัไปเอาสินค้าออกมาจากคลังของ รสพ.
ต้องเสียเวลา ทั้งวันกว่าจะได้สินค้าหนึ่งรายการ อีกทั้งยังต้องเดินเอกสาร
เองอีกต่างหาก
          ถ้าคุณผู้อ่านเคยไปเอาของออกจาก TAG (Thai air ground service) น่าจะรู้ดีว่าเป็นอย่างไร เวลาเอาของออกจากคลังสินค้าที่ส่งมาจาก
ต่างประเทศ มันสุดยอดมากค รับ ต้องใช้วิทยายุทธ ทั้งบนดิน และใต้ดิน ผ่านกระบวนการ
แจกแจงสินค้ากันมันมือเลย ขนาดต้องมี  shipping มาช่วยยังเสียเวลาหนึ่งวันเต็มๆ
      เพราะถ้าไม่มี shipping มาช่วยนะครับ สามวันอย่างต่ำครับกว่าจะได้สินค้า และเราต้องเดินเอกสารเองทั้งหมด
โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 10/02/2008 00:05:45


ความคิดเห็นที่ 13


สำคัญว่าจะอยู่นานหรือเปล่า...?

เค้ายิ่งพยายามลดรัฐวิสาหกิจให้เหลือลง

ถ้าจะทำจริงก็ทำในรูปบริษัทไปเลยครับ ให้คลังกับกลาโหมถือหุ้นใหญ่+เอกชนไทย+เจ้าของเทคโนโลยี่ไทยและต่างชาติ

แล้วก็เลือกผลิตไอ้ที่ไม่ซ้ำกับที่ทหารเค้ามีไลน์ผลิตอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ไปซ้ำซ้อนยุ่งขิงกับทหารเค้า ยิ่งขี้รำคาญอยู่เดี๋ยวมันจะไปไม่รอด อย่างเช่นพวก กระสุน จรวด ปืนใหญ่ อะไรพวกนี้ ที่ผ่านมาผลิตไม่เต็มกำลัง หรือหยุดผลิตไปเพราะไม่มีงบประมาณให้ งบวิจัยก็น้อย มันถึงไปไม่ถึงไหน จะโทษใครดี ทหารขอเงินไม่เก่ง หรือการเมืองไม่ให้ความสำคัญเลยไม่ให้งบประมาณ

บริษัทใหม่น่าจะมุ่งไปที่ผลิตภัณฑ์ทางการทหารที่ใช้ร่วมกันได้ทุกเหล่าทัพ เพื่อให้ได้จำนวนผลิตมาก ๆ อย่างเช่น ไรเฟิลจู่โจมรุ่นใหม่ รถบรรทุกเล็ก-กลาง-ใหญ่ รถหุ้มเกราะต่อต้านกับระเบิด อุปกรณ์สื่อสาร ระบบตรวจจับต่าง ๆ ยูเอวี ไปจนถึงอุปกรณ์ช่วยรบและปฐมพยามบาลเบื้องต้น

ส่วนจะให้ถึงขั้นสร้างรถถังเองเนี่ย ผมว่าความเป็นไปได้มีน้อยนะครับ เพราะจำนวนผลิตมันจะสักกี่คันเชียว ราคาต่อหน่วยมิแพงกว่าซื้อเค้าหลาย ๆ เท่าหรือครับ

ถ้าผลิตได้เยอะ ๆ ขายชาวบ้านใช้ด้วย อันนี้มีความเป็นไปได้ครับ

ฟังดูโก้หรูดีครับ แต่เอาไว้ดูตอนจบดีกว่าว่าจะทำได้สักกี่เปอร์เซ็นต์

เห็นด้วยกับแนวคิดครับ แต่ไม่อยากบอกว่าเป็นกำลังใจให้ เพราะฟังดูแล้วให้รู้สึกยังไงไม่รู้ว่าจะเป็นแบบ ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่พอสุดท้ายกลายแต่บ้องกัญชา

 

 

 

โดยคุณ เสือใหญ่ เมื่อวันที่ 10/02/2008 12:38:18


ความคิดเห็นที่ 14


 

อนาคตไม่มีอะไรแน่นอนครับ ต้องอดใจรอดูกันต่อไปดีกว่าครับ

โดยคุณ TigerOod เมื่อวันที่ 13/02/2008 08:31:24


ความคิดเห็นที่ 15


ถ้าผลิตอาวุธอยากให้้เป็นของรัฐมากกว่า  กลัวมันจะแปรรูปไปเป็นของคนแค่คนไม่กี่คน
รัฐเป็นเจ้าของรายได้ยังเข้าประเทศบ้างนะ  จะรอดูคับ
โดยคุณ atipu เมื่อวันที่ 13/02/2008 23:37:33