หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เสื้อเกราะ(2)

โดยคุณ : PHEETOH เมื่อวันที่ : 06/02/2008 12:18:41

ตามที่กล่าวไปแล้วว่าแม้เกราะจะป้องกันกระสุนได้แต่ผู้สวมก็ยังรู้สึกถึงแรงกระแทก  เมื่อมันทะลุไม่ได้กระสุนก็จะเปลี่ยนรูปร่าง  จากหัวแหลมๆกลมๆกลายเป็นรูปร่างบุบบู้บี้  โดยเฉพาะเกราะอ่อนนั้นมีอยู่เสมอที่กระสุนยุบตัวติดเกราะแต่ไม่ทะลุ  ผู้สวมบาดเจ็บแค่รอยฟกช้ำและอาจขวัญเสียไประยะหนึ่ง  ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันทะลุเข้าไปทำอันตรายอวัยวะสำคัญๆในช่องท้อง  เช่นตับ,ปอด,ม้าม,หัวใจ,ลำไส้และอื่นๆ  เพราะอวัยวะในช่องท้องและหน้าอกนั้นสำคัญมาก  หากถูกกระสุนที่หมุนรอบจัดๆเพราะเกลียวลำกล้องเจาะ  มันจะไม่เพียงแค่เป็นรูขนาดเส้นผ่าศูนย์เท่าหัวกระสุนเท่านั้น  แต่จะถึงกับแหลกเหลวไม่เหลือเค้าเดิมเลย  ใครเคยเห็นเนื้อหมูสับแพ็กกล่องในซูเปอร์มาร์เก็ต  คงนึกออกว่าตับไตไส้พุงของตัวเองจะเป็นอย่างไรเมื่อกระสุนปืนวิ่งผ่าน

                แม้เกราะจะเป็นที่รู้จักมาหลายพันปีก็จริง  แต่เกราะกันกระสุนที่ถือว่า”แจ๋ว”ที่สุดนั้นเกิดขึ้นในออสเตรเลียเมื่อปี 1879   ใครที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งจิงโจ้นี้ช่วงศตวรรษที่ 18 จะรู้จัก”แก๊งเคลลี่”ดีว่าเป็นโจรพวกแรกที่รู้จักป้องกันตนเองด้วยเกราะเหล็ก  แก๊งนี้มีเนด  เคลลี่พี่ชายคนโตเป็นผู้นำ  หลังจากก่อเรื่องเป็นปัญหากับรัฐบาลออสเตรเลียทั้งแบบตั้งใจและโดนใส่ความ  เขาก็เกิดความคิดว่าเมื่อพวกน้อยก็ต้องช่วงชิงความได้เปรียบไว้ก่อน  เกราะของแก๊งเคลลี่จึงเกิดขึ้นจากการใช้แผ่นเหล็กที่หนาและหนักมาตีและยึดติดด้วยหมุดเหล็กเพื่อสวมและถอดได้สะดวก

                เกราะของแก๊งเคลลี่”เวิร์ค”พอสมควร  กว่าตำรวจออสซี่จะจัดการได้อยู่หมัดก็สูญเสียตำรวจมือดีไปพอประมาณ  ลำพังยิงกระสุนใส่ยังทำอะไรพวกเคลลี่ไม่ได้เพราะเล่นคลุมกันตั้งแต่หัวถึงหน้าแข้ง  ต้องใช่เล่ห์กลสารพัดจนถึงขนาดจุดไฟเผาบ้านไล่นั่นแหละจึงจะยอม  เรื่องของ”Kelly Gang”เป็นอย่างไรคงต้องให้แฟนๆไปสืบค้นเอาเอง  จะได้ทราบประวัติศาสตร์อันด่างพร้อมหน้าหนึ่งของออสเตรเลียเป็นของแถม

                ถัดมาจากเกราะเหล็กของพวกเคลลี่ก็คือเกราะผ้าไหม  วัสดุที่แทบไม่มีใครคิดว่าจะทำเสื้อเกราะได้  ขนาดแผ่นเหล็กยังโดนยิงทะลุแล้วผ้าไหมนุ่มๆนี่จะเหลือหรือ?  คิดอย่างนี้ก็ถูก  แต่ลองเอาผ้าไหมมาวางทับกันสัก18ถึง30ชั้นเถอะจะรู้ว่ามันโอเคเลยล่ะ  ชาวยุโรปใช้วัสดุนี้มานานปีตั้งแต่ใช้ธนูรบกัน  แต่เปลี่ยนมาใช้เหล็กเพราะหาง่ายและสร้างง่ายกว่าใยไหมซึ่งต้องผ่านกรรมวิธียุ่งยากมากมาย

                เรื่องเริ่มขึ้นในปี1881ชายชาวอาริโซนานามว่านายแพทย์จอร์จ เอเมอรี่ กูดเฟลโลว์ ได้รักษาชายผู้ถูกยิงในการดวลปืนกับคู่อริแล้วพบว่ากระสุนที่ยิงโดนกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกนั้นช้าลง  เป็นเพราะตรงนั้นเขายัดผ้าเช็ดหน้าไหมพับซ้อนหลายชั้นเอาไว้แผลเลยฉกรรจ์น้อยกว่าที่ควร   พอเจอกรณีนี้หมอกูดเฟลโลว์เลยหันมาสนใจผ้าไหมในแง่ของการป้องกันกระสุนแทนที่จะเป็นความสวยงาม  เขาเก็บสถิติของพวกถูกยิงเอาไว้มากเพราะช่วงนั้นอเมริกายังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน  ยิ่งแถบอาริโซนาที่คุณหมออยู่ยิ่งดวลปืนกันไม่เว้นแต่ละวัน  แต่ก็ทำได้แค่เก็บสถิติไม่ได้สร้างสรรค์ชิ้นงานเป็นเรื่องเป็นราว  จะเป็นเพราะมีงานผ่าตัดและรักษาคนล้นมือหรืออย่างไรไม่ทราบ   ทั้งที่ค้นพบความโดดเด่นของผ้าไหมแต่ก็ไม่ได้สร้างเสื้อเกราะจากวัสดุนี้

                คาซิเมอร์  เซกเลนจากชิคาโก อิลลินอยส์คือตาอยู่หยิบชิ้นปลามัน ที่ใช้ผลจากสถิติของกูดเฟลโลว์มาพัฒนาเกราะกันกระสุนในช่วงปลายปี1800  เสื้อเกราะจากไหมทับซ้อนของเซกเลนแพงก็จริงแต่สามารถป้องกันอันตรายจากกระสุนปืนคาบสิลาได้  ใครที่เคยดูหนังเรื่องนเรศวรของท่านมุ้ยมาแล้วคงนึกออก  มันคือกระสุนกลมบรรจุทางปากกระบอกตามหลังดินขับแล้วใช้ก้านกระทุ้ง จะยิงทีก็ต้องบรรจุทีพร้อมดินขับ 





ความคิดเห็นที่ 1


เรื่องของ Kelly Gang เคยชมที่สร้างเป็นภาพยนตร์มาเมื่อสัก2-3ปีนี้ครับ สุดท้ายพรรคพวกในGang ที่รอดตายจากการปะทะก็ถูกจับ มีชาวบ้านออกมาลงนามคัดค้านการประหารชีวิตต่อทางการแต่สุดท้ายก็ถูกประหาร(ถ้าจำไม่ผิดแขวนคอ)อยู่ดีครับ(อันนี้จากภาพยนตร์นะครับ)

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 06/02/2008 01:18:41