หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


Mega Project World War I

โดยคุณ : photo pds เมื่อวันที่ : 06/02/2008 15:33:39

สงครามโลกครั้งที่ 1

         

                เป็นสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร(Allied  Powers) กับมหาอำนาจกลาง(Central Powers) เกิดขึ้นเมื่อวันที่  4  ส.ค.  1914  และสิ้นสุดลงเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ (Treaty of Versailles)  ที่กรุงปารีสเมื่อวันที่  28 มิถุนายน  1919  สงครามไม่ได้จำกัดขอบเขตเฉพาะในทวีปยุโรปเท่านั้น  แต่ยังขยายตัวไปยังดินแดนส่วนอื่น ๆ ของโลกและมีประเทศที่เข้าร่วมกว่า 30 ประเทศ สงครามได้สร้างความหายนะและความพินาศแก่คู่สงครามอย่างไม่เคยปรากฏในสงครามครั้งใดมาก่อน  ทั้งเป็นสงครามที่นองเลือดและยืดเยื้ออยู่ถึง  4  ปี  สงครามโลกครั้งที่  1  ได้ชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นของยุคการทำสงครามเบ็ดเสร็จ “Total War)  เพราะในการต่อสู้ในสงครามประเทศต่าง ๆ ได้ใช้ทรัพยากรและอาวุธที่มีอยู่ทุกอย่างโดยไม่มีข้อจำกัดเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงกันข้าม  อำนาจการทำลายของอาวุธประเภทต่าง ๆ และขอบเขตของพื้นที่ทำสงครามที่ขยายตัวอย่างกว้างขวางมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้สงครามที่เกิดขึ้นเป็นมหาสงคราม ( Great  War)

          1.สาเหตุของสงคราม  ชนวนระเบิดของสงครามโลกครั้งที่  1เกิดขึ้นเมื่ออาร์ชดุ๊ก  ฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ (Archduke  Francis Ferdinand) มกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีและพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์ขณะเสด็จเยือนกรุงซาราเจโวในโดยชาวเซอร์เบีย

การแบ่งเป็นค่ายมหาอำนาจก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

               1. Triple  Enténe  มีฝรั่งเศส  อังกฤษ  รัสเซีย  ต่อมารัสเซียถอนตัวออกจากสงครามในปี 1917 เพราะเกิดการปฏิวัติภายในประเทศ  อังกฤษจึงมาเจรจาให้อิตาลีย้ายค่ายโดยสัญญาว่าจะยกดินแดน 5 รัฐริมฝั่งทะเลเอเดรียติกให้คือ สโลเวเนีย โครเอเชีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ยูโกสลาเวีย และ อัลบาเนียให้แก่อิตาลีเนื่องจากอิตาลีต้องการมีอิทธิพลในทะเลอาเดรียติก  และต่อมาสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโดยอ้างว่าเรือดำน้ำของเยอรมนีทำให้ชาวอเมริกันซึ่งโดยสารในเรือสินค้าของอังกฤษแล่นอยู่ในน่านน้ำเสรีตาย ส่วนญี่ปุ่นเข้าข้างอังกฤษเพราะเคยเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางนาวีกับอังกฤษใน ค.ศ. 1902

              2. ค่าย Triple  Alliance  มีเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี  ต่อมาตุรกีเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วย

              ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่  1  รัสเซียต้องการหาทางออกทะเลน้ำอุ่นและพันธมิตรในคาบสมุทรบอลขานจึงมาเซ็นสัญญากับประเทศในคาบสมุทรบอลขาน โดยอ้างว่ารัสเซียเป็นชนเผ่าสลาฟด้วยกัน เรียกสนธิสัญญานี้ว่า  PAN  SLAVISM  ซึ่งสัญญานี้กระทบกับอิทธิพลของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเพราะส่วนมากประเทศในคาบสมุทรบอลขานอยู่ในอิทธิพลของออสเตรียฮังการี Triple  Entén =  F,  Eng. ,Rus. + Jan.+ (U.S.A.+It.เข้า1917)

Triple  Alliance =  G., Aus.-H., It. (ออก 1917)+ Tur. )

(Sarajevo)นครหลวงของแคว้นบอสเนียเมื่อวันที่  28 มิถุนายน

                1914   รัฐบาลออสเตรียฮังการีจึงประกาศสงครามต่อเซอร์เบียเมื่อวันที่  28  มิถุนายน  1914  รัสเซียซึ่งสนับสนุนเซอร์เบียเพราะ     เซอร์เบียเป็นสมาชิกขององค์กร (Pan- Slavism) จึงระดมกำลังทหารขณะที่เยอรมนีซึ่งเป็นพันธมิตรกับออสเตรีย-ฮังการรีได้เรียกร้องให้รัสเซียหยุดระดมกำลังทหาร  แต่รัสเซียปฏิเสธ  เยอรมนีจึงประกาศสงครามกับรัสเซียในวันที่  1  สิงหาคม  1914  และต่อฝรั่งเศสซึ่งสนับสนุนรัสเซียในวันที่  3  สิงหาคม  1914

               ในวันที่  4  สิงหาคม  เยอรมนีก็บุกเบลเยียมซึ่งได้ได้รับการประกันความเป็นกลางมาตั้งแต่  ค.ศ. 1839  การบุกเบลเยียมทำให้อังกฤษประกาศสงครามต่อเยอรมนี  เมื่อวันที่  4  สิงหาคม  1914 ความขัดแย้งระดับภูมิภาคระหว่างออสเตรีย-ฮังการีกับเซอร์เบียจึงกลายเป็นสงครามระหว่างนานาประเทศ  ต่อมาก็มีประเทศต่างเข้าร่วมสนับสนุนกลุ่มสัมพันธมิตรของตน  การรบได้ขยายตัวไปยังดินแดนส่วนต่าง ๆ  จนกลายเป็นสงครามโลกในที่สุด

           

                2. ปัจจัยที่นำไปสู่สงครามโลก  ที่สำคัญมีดังนี้

                2.1  ลัทธิชาตินิยม แนวความคิดชาตินิยมที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสและเยอรมนีทำให้สัมพันธมิตรระหว่างประเทศทั้งสองตึงเครียดเพราะฝรั่งเศสซึ่งเคยพ่ายแพ้ เยอรมนีในสงคราม 1870-1874  ต้องการแก้แค้นและแย่งชิงแคว้นอัลซาซ-ลอแรน  ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสำคัญที่เยอรมนียึดไปกลับคืน  เซอร์เบียพยายามรวบรวมชนเผ่าสลาฟในคาบสมุทรบอลข่านให้เป็นอันหนึ่ง

อันเดียวกัน  รัสเซียซึ่งต้องการความช่วยเหลือพวกสลาฟในคาบสมุทรบอลขานจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะขยายอำนาจและอิทธิพลเข้าไปในคาบสมุทรบอลขาน  ลัทธิชาตินิยมของพวกสลาฟจึงมีผลกระทบต่อความมั่นคงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี

                2.2 ลัทธิจักรวรรดินิยม  การขยายอำนาจและแย่งชิงดินแดนของประเทศมหาอำนาจเพื่อเข้าควบคุมคาบสมุทรบอลขานและตะวันออกกลาง  รวมทั้งแอฟริกาเหนือ ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศที่ตึงเครียดดังกล่าวจึงพัฒนานำไปสู่การเกิดสงคราม

                 2.3 ลัทธินิยมทหาร  ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปแข่งขันกันสะสมอาวุธและสร้างแสนยานุภาพทางทหารด้วยการเพิ่ม

งบประมาณป้องกันประเทศและขยายเวลารับราชการทหารให้นานขึ้น  การแข่งขันเสริมสร้างกองทัพบกระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศสและการแข่งขันกันสะสมอาวุธทางทะเลระหว่างอังกฤษกับเยอรมนี  ทำให้อังกฤษซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทางทะเลไม่พอใจ  บรรยากาศของความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจกันจึงเริ่มก่อตัวขึ้น

                2.4  ระบบพันธมิตรในยุโรป  การที่ยุโรปแบ่งออกเป็น  2  ค่าย คือกลุ่ม  Triple  Alliance  ซึ่งประกอบด้วย  เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการีและอิตาลี  กับกลุ่ม  Triple  Enténe  ซึ่งประกอบด้วย  อังกฤษ  ฝรั่งเศส และรัสเซียทำให้ประเทศทั้งสองค่ายต่างเผชิญหน้ากันในวิกฤติการณ์ ต่าง ๆ และต่างสนับสนุนกลุ่มของตน การเจรจาแก้ไขปัญหาและการประนีประนอมระหว่างกัน

จึงยากที่จะเกิดขึ้นเพราะแต่ละกลุ่มปฏิเสธที่จะยอมโอนอ่อนให้กับฝ่ายตรงกันข้ามเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการเสียศักดิ์ศรี

( ที่เหลืออ่านได้ที่  http://thaimilitary.multiply.com/journal/item/20 ครับ ไม่อยากเปลืองที่เปล่าเพราะมันเยอะมากกกกกกคราบบ และยังจะมี ครั้งที่ 2 และ สงครามเย็นตามมาอีก 2 ชุดครับผม )





ความคิดเห็นที่ 1


3.  การรบในสงครามโลกครั้งที่  1  การรบในสงครามโลกครั้งที่  1  มีทั้งการรบทางอากาศ ทางบกในสนามเพลาะและทางเรือทั้งบนผิวน้ำและใต้ดิน  ปรากฏการณ์ที่สำคัญ  คือกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศประสานการรบอย่างเป็นเอกภาพเป็นครั้งแรก  นอกจากนี้ประเทศคู่สงครามต่างแข่งกันประดิษฐ์และผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ มากมายหลายประเภทที่มีอำนาจทำลายล้างสูง รวมทั้งหาวิธีป้องกันพรมแดนของตน เบลเยียมและฝรั่งเศสได้สร้างป้อมคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อสกัดกั้นการบุกรุกของศัตรู  แต่เยอรมนีก็แก้ปัญหาโดยการใช้ปืนใหญ่ที่สามารถยิงได้ไกลถึง 120 กิโลเมตรด้วย รวมทั้งปืนโฮวิทเซอร์ (Howitzer) ที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูง

                นอกจากนี้ก็มีการประดิษฐ์รถถัง เครื่องบินต่อสู้อากาศยาน ปืนกล ระเบิดมือ และระเบิดรวมทั้งแก๊สพิษ  ในการรบทางเรือก็มีการประดิษฐ์เรือดำน้ำเพื่อใช้โจมตีเส้นทางลำเลียงของข้าศึกและเยอรมนีก็เป็นผู้นำในการใช้เรือดำน้ำโจมตี  แต่ประดิษฐ์กรรมที่สำคัญคือเครื่องบิน เพราะเครื่องบินทำให้เกิดสงครามทางอากาศขึ้นเป็นครั้งแรกและการต่อสู้ทางอากาศก็ชี้ให้เห็นว่าแนวหลังของแต่ละฝ่ายไม่สามารถรอดพ้นจากการโจมตีของข้าศึกได้อีกต่อไป  อาวุธและประดิษฐ์กรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ทำให้สงครามโลกนองเลือด และมีผู้บาดเจ็ดล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล  สงครามที่กระทำกันครบทั้ง  3  มิติ คือ ทางบก ทางเรือและทางอากาศทำให้สงครามครั้งนี้แตกต่างจากสงครามในอดีตอย่างมาก  ทั้งเป็นสงครามที่ชี้ให้เห็นว่าพัฒนาการของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมทหารก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการแพ้ชนะอีกด้วย  สงครามโลกครั้งที่  1 จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการปะทะกันด้านกำลังของสังคมอุตสาหกรรมของแต่ละฝ่าย และสะท้อนลักษณะของสงครามในศตวรรษใหม่

            

                4.  ความหายนะของสงคราม  สงครามโลกครั้งที่  1  ได้สร้างความพินาศและหายนะอันใหญ่หลวงแก่ประเทศคู่สงครามทั้ง 2 ฝ่าย ประมาณว่าในปลาย ค.ศ 1919  ผู้คนทั่วโลกกว่า  65  ล้านคนเข้ามามีส่วนร่วมในสงคราม  เมื่อสงครามสิ้นสุดลงจำนวนทหารที่เสียชีวิตประมาณ  13  ล้านคน  บาดเจ็บกว่า 20  ล้านคน และกว่า 7 ล้านคนต้องทุพพลภาพ  พลเรือนที่เสียชีวิตมีประมาณ 9 ล้านคน และอีก 9 ล้านคนเสียชีวิตโดยตรงในสงคราม  ประมาณว่ามูลค่าทรัพย์สินที่เสียหายจากสงครามคิดเป็นมูลค่า 186,000  ล้านเหรียญสหรัฐและระบบเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆอยู่ในสภาวะ พังพินาศและสงครามยังทำให้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของยุโรปทั้ง 4 จักรวรรดิอันได้แก่ จักรวรรดิรัสเซีย จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี รวมทั้งจักรวรรดิออตโตมันต้องล่มสลายลง  นอกจากนี้ การปฏิวัติที่เกิดขึ้นในรัสเซียใน 1917 ยังทำให้รัสเซียเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์และทำให้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์เป็นพลังทางการเมืองที่มีอิทธิพลสำคัญในคริสต์ศตวรรษที่  20

            

           5.  ผลสำคัญของสงครามโลกครั้งที่  1  ผลที่สำคัญประการหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่  1  คือการตั้งองค์การสันนิบาติชาติ (The League  of  Nations) ขึ้น  ซึ่งเปิดประชุมเป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1920  เพื่อให้เป็นองค์การระหว่างประเทศที่จะทำหน้าที่ประสานประโยชน์และแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ  ตลอดจนสร้างสันติภาพและความช่วยเหลือระหว่างชาติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกขึ้นอีก  นอกจากนี้ยังมีประเทศใหม่ในยุโรปตะวันออกเกิดขึ้นอีกหลายประเทศ เช่นเชโกสโลวะเกีย โปแลนด์  ฮังการีเป็นต้น ประเทศเหล่านี้ต่างพยายามสร้างระบบการเมืองการปกครองให้มั่นคง แต่ก็ประสบความสำเร็จไม่มากนัก

 

เพิ่มให้อีกคราบบผมมมมมมมแต่ยังไงที่เหลือก็ตามอ่านที่ link นะครับ

โดยคุณ photo pds เมื่อวันที่ 05/02/2008 10:02:47


ความคิดเห็นที่ 2


เออคือว่า เรื่องนี้ใครเขียนเหรอครับ? ผมสงสัยตรงที่บอกว่าสงครามโลกครั้งที่1สิ้นสุดลงในปี 1919????

ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นปี 1918ไม่ใช่เหรอครับ ในวิกิพีเดียก็บอกว่าสงครามสิ้นสุดในวันที่11 เดือนพฤศจิกายน ปี1918 (ซึ่งมีท่านหนึ่งบอกว่าทั่วโลกจึงถือเอาวันนี้เป็นวันทหารผ่านศึก) แต่เรื่องสนธิสัญญานี่น่าจะทำกันในปี 1919 มั้งครับไม่แน่ใจ

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 06/02/2008 04:33:40