บังเอิญผมเข้าไปในเวปไซต์
http://www.abhisit.org/sapa_talk_item.php?tid=819
วันนี้ผมได้รับฟังข่าวเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีงบประมาณ 2551 ที่กองทัพจะได้ 140,000 ล้านบาท ซึ่งหากมองในเรื่องเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2550 จะพบว่าเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้ามองจากคนที่ไม่รู้จริงหรือไม่เข้าใจกองทัพ (พวกมีอำนาจในสภาและพวกนักวิชาการจำอวดบางคน ขอย้ำว่า บางคน นะครับ) อาจจะเห็นว่าเป็นการเพิ่มที่มากมายเกินไปและไม่จำเป็น ซึ้งเป็นการมองที่ผิดอย่างยิ่งครับ เพราะความจริงก็คือ ณ ตอนนี้กองทัพของเราอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ เพราะตั้งแต่ปี 2540 กองทัพถูกตัดงบไปกว่า 400,000 ล้านบาท (ก็จากคนพวกที่เอ่ยมา) ในขณะที่เพื่อนบ้าน เริ่มจาก
มาเลเซีย
1.ตอนนี้กองทัพซื้อเครื่องบินขับไล่ SU-30MKM 18 เครื่อง (900 ล้านเหรียญสหรัฐ) และกำลังจะซื้ออีก 18 เครื่อง
2.เรือดำน้ำจากฝรั่งเศส 3 ลำ
3.เรือป้องกันภัยทางอากาศ 2-4 ลำ ลำละ 30,000 ล้านบาท
4.เรือตรวจการไกลฝั่ง 6 ลำ ลำละ 8,000 ล้านบาท ตามโครงการ 27 ลำ
5.รถถังจากยูเครน 48 คัน
ฯลฯ
สิงคโปร์
1.ตอนนี้กองทัพซื้อเครื่องบินขับไล่ F-15SG จำนวน 12 ลำ (1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีแผนซื้ออีก 8 ลำ
2.เรือฟรีเกตล่องหนจากฝรั่งเศส 6 ลำ
3.เรือดำน้ำจากสวีเดน 4 ลำ
4.รถถังจากเยอรมัน 100-200 คัน
ฯลฯ
อินโดนีเซีย
1.ตอนนี้กองทัพซื้อเครื่องบินขับไล่ SU-30MK จำนวน 4 ลำ และจะซื้อเพิ่มอีก 8 ลำ
2.เรือตรวจการไกลฝั่ง 4 ลำจากเนเธอร์แลนด์ ลำละ 13,500 ล้านบาท
3.มีโครงการจัดหาเรือดำน้ำ 6 ลำจากเกาหลีใต้
ฯลฯ
นี้แค่บางส่วนนะครับ และถ้ามองจากงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีงบประมาณ 2551 ที่กองทัพจะได้ 140,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 1.58 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ในขณะที่เพื่อนบ้านของเราทุกประเทศจะอยู่ที่ 2.3 ขึ้นไปทั้งหมดครับ และปี 2551 ที่ ทอ. มีความต้องการเครื่องบินขับไล่แบบใหม่มาทดแทนรุ่นเก่าที่ประจำการมา 35 ปี ก็ยังไม่ได้รับความสนใจและใส่ใจเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็แย่ครับ
ผมยังไม่รู้ว่าเมืองไทยจะมีแนวโน้มของการจัดซื้อแบบ
ประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ เลยนำมาบอกเล่าเก้าสิบครับ
ต้องขอประทานอภัยครับ เวปบอร์ดมัน โพสไปสองรอบ อีกอัน
ช่วยลบออกด้วยนะครับท่าน เวปมาสเตอร์
สวัสดีครับคุณ กบ ไม่เห็นซะนานเลย ยังไม่หายเคือง พี่เขียวๆ เค้าอีกหรือครับพี่ อิอิอิ
นานๆมาทีก็ยังดีนะครับ ยังคิดถึง ขอมูลและ comment ดีๆของ คุณกบ อยู่ครับ หวังว่าคงจะหาเวลาว่างเข้ามาบ้างนะคราบผม
ปล.ช่วงนี้มีน้องๆใหม่เค้าเข้ามาปล่อยของอยู่บ่อย เผื่อจะสนใจเข้ามาช่วยสอยบ้างคราบ อิอิอิ
ผล มันก็มาจาก เหตุ
ที่กองทัพถูกจำกัดทางงบประมาณมาตลอด ก็เพราะมาจาก การเมือง...
แล้วทำไม การเมือง ถึงมากดดัน กองทัพ....ก็เพราะ กองทัพ ไปยุ่ง การเมือง....
กองทัพของประเทศไทย เหมือน พรรคการเมือง พรรคหนึ่ง....ที่มักใช้โวหาร ทำการยึดอำนาจจาก การเมือง.....การเมือง ก็เลยมักใช้โวหาร มากดดัน กองทัพเช่นเดียวกัน...เพราะมันคือ การเมือง.....
ตราบใด กองทัพไทย ยังไม่เป็น กองทัพเพื่อป้องกันประเทศอย่างสมบูรณ์...ยังมีความสุ่มเสี่ยง ในการยึดอำนาจทางการเมืองอยู่....ผมว่า มันก็คงเป็นอย่างนี้ตลอดไป....ชั่วกาลนาน...
และในการของบประมาณในการจัดซื้ออาวุธ อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่า กองทัพได้ชี้แจง ถึงความจำเป็น และการเปรียบเทียบศักยภาพของกองทัพไทย กับประเทศเพื่อนบ้าน ให้หัวหน้ารัฐบาล แต่ละยุค แต่ละสมัย ให้เห็นภาพชัดเจนเพียงพอหรือยัง.....หรือ ยังมีความเห็นว่าส่วนตัวของกองทัพเองที่ว่า ไม่มั่นใจในหัวหน้ารัฐบาล ว่าควรล่วงรู้ข้อมูลของกองทัพ เพราะคาดการณ์เอาว่า คงจะเก็บความลับไม่อยู่....
การประชาสัมพันธ์ของกองทัพ ควรเริ่มอย่างจริงจัง ในฐานะการป้องกันประเทศจากภัยคุกคามภายนอก และภัยการก่อการร้าย....อย่าสร้างภาพว่า กองทัพเก่งมากในการป้องกันประเทศ (เก่งนัก ? จะเอาอาวุธไปทำอะไร ภาพเปรียบเทียบมันยังฝังใจกับเหตุการณ์การเมืองในปีที่ผ่านมา ทหารยืนยามบนถนนในกรุงเทพ เป็นหน่วยรบพิเศษ อาวุธครบมือ แต่ทหาร 3 จังหวัดภาคใต้ ต้องมีการเรี่ยไร การกุศล เพื่อจัดหายุทธภัณฑ์ให้ ) ในสภาพปัจจุบัน...ควรจะสะท้อนความเป็นจริง ว่าสามารถป้องกันประเทศได้ในระดับหนึ่ง เปรียบเทียบกับเทคโนโลยี่ในปัจจุบัน ว่าเราตามหลังเทคโนโลยี่อยู่เพียงใด เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน....
เป็นความคิดส่วนตัวของผมครับ...กองทัพ ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองเท่านั้น...ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ว่าเป็นกองทัพเพื่อป้องกันประเทศจากภายนอก และการก่อการร้าย ไม่ใช่กองทัีพเพื่อถ่วงดุลการเมือง....และผมว่าคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 ปี (เพราะขนาด 15 ปี ที่ผ่านมา ยังเกิดการยึดอำนาจ ทั้งที่ในความรู้สึกของผู้ที่ต่อต้านกองทัพ (ทั้งนักการเมือง และนักวิชาการ) เขายังคิดว่ามันไม่น่าจะมีอีกแล้ว แต่มันก็ยังเกิดขึ้น ดังนั้น ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ต่อกองทัพ มันก็ต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ไปอีก 15 ปี ล่ะมั๊งครับ)
ผมไม่ต้องการให้กระทูกลายพันธุ์ แต่แสดงข้อมูลเชิงประจัก บ้านผมอยู่ห่างจากประเทศมาเลย์ 8 กิโลเมตรโดยประมาณ ห่างพอที่จะเห็นโคมไฟจากเรือ ตรวจการมาเลย์ส่องไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า และจุดพรุที่ดังมากๆพอๆกับระเบิดโจรไต้ ในงานวันฉลองเอกราชมาเลย์และอีกหลายๆงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผมเสียวสันหลัง ทั้งๆที่บ้านเราต้องระวังโจรไต้ที่มักจะใช้โอกาศสำคัญของมาเลย์มาก่อเหตุในบ้านเรา ทำให้ผมและคนอื่นๆที่มองเพื่อนบ้านของเราด้วยอาการเสียวๆ เพราะ Su-30 และเรือรบต่างๆดูแล้วเขาเหนือกว่าเรามาก และช่วงหลังๆเขาไม่ค่อยเห็นเราอยู่ในสายตา ซึ่งมีเหตุการหลายๆอย่างที่สามารถอ้างอิ้งได้
เพราะฉนั้นงบประมาณที่นำมาป้องกันประเทศแม้จะมากขนาดใหนก็จำเป็นจะต้องมี ดีกว่าไม่มีประเทศให้ป้องกัน ส่วนนักวิชาการทั้งหลายก่อนที่ท่านจะวิภาควิจารณ์ อะไรมาก ท่านช่วยลงมามาที่สามจังหวัดชายแดนเพื่อศึกษาข้อมูลให้แท้ แล้วท่านจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนบ้านเรา ที่ทำกับเราในตอนนี้ และผมขอร้องอย่านำข้อมูลที่ขาดซึ่งการศึกษาอย่างถ่องแท้มาตัดสินใจในเรื่องต่างๆอีกเลย ผมสงสารตัวเอง สงสารคนไทยที่กำลังถูกไล่ออกจากสามจังหวัดชายแดนภาคไต้ ด้วยวีธีการที่โหดร้ายที่สุด เราจำเป็นต้องมีทหารที่เก่ง มีอาวุธทันสมัย และมีจำนวนมากพอจะคุ่มครองคนไทยที่อยู่ทกุๆที่ได้