หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เสียงสะท้อนจากเวปบอร์ด

โดยคุณ : siamman18 เมื่อวันที่ : 04/02/2008 14:18:56

บังเอิญผมเข้าไปในเวปไซต์

http://www.abhisit.org/sapa_talk_item.php?tid=819

วันนี้ผมได้รับฟังข่าวเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีงบประมาณ 2551 ที่กองทัพจะได้ 140,000 ล้านบาท ซึ่งหากมองในเรื่องเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2550 จะพบว่าเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้ามองจากคนที่ไม่รู้จริงหรือไม่เข้าใจกองทัพ (พวกมีอำนาจในสภาและพวกนักวิชาการจำอวดบางคน ขอย้ำว่า บางคน นะครับ) อาจจะเห็นว่าเป็นการเพิ่มที่มากมายเกินไปและไม่จำเป็น ซึ้งเป็นการมองที่ผิดอย่างยิ่งครับ เพราะความจริงก็คือ ณ ตอนนี้กองทัพของเราอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ เพราะตั้งแต่ปี 2540 กองทัพถูกตัดงบไปกว่า 400,000 ล้านบาท (ก็จากคนพวกที่เอ่ยมา) ในขณะที่เพื่อนบ้าน เริ่มจาก

มาเลเซีย
1.ตอนนี้กองทัพซื้อเครื่องบินขับไล่ SU-30MKM 18 เครื่อง (900 ล้านเหรียญสหรัฐ) และกำลังจะซื้ออีก 18 เครื่อง
2.เรือดำน้ำจากฝรั่งเศส 3 ลำ
3.เรือป้องกันภัยทางอากาศ 2-4 ลำ ลำละ 30,000 ล้านบาท
4.เรือตรวจการไกลฝั่ง 6 ลำ ลำละ 8,000 ล้านบาท ตามโครงการ 27 ลำ
5.รถถังจากยูเครน 48 คัน
ฯลฯ

สิงคโปร์
1.ตอนนี้กองทัพซื้อเครื่องบินขับไล่ F-15SG จำนวน 12 ลำ (1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีแผนซื้ออีก 8 ลำ
2.เรือฟรีเกตล่องหนจากฝรั่งเศส 6 ลำ
3.เรือดำน้ำจากสวีเดน 4 ลำ
4.รถถังจากเยอรมัน 100-200 คัน
ฯลฯ

อินโดนีเซีย
1.ตอนนี้กองทัพซื้อเครื่องบินขับไล่ SU-30MK จำนวน 4 ลำ และจะซื้อเพิ่มอีก 8 ลำ
2.เรือตรวจการไกลฝั่ง 4 ลำจากเนเธอร์แลนด์ ลำละ 13,500 ล้านบาท
3.มีโครงการจัดหาเรือดำน้ำ 6 ลำจากเกาหลีใต้
ฯลฯ

นี้แค่บางส่วนนะครับ และถ้ามองจากงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีงบประมาณ 2551 ที่กองทัพจะได้ 140,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 1.58 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ในขณะที่เพื่อนบ้านของเราทุกประเทศจะอยู่ที่ 2.3 ขึ้นไปทั้งหมดครับ และปี 2551 ที่ ทอ. มีความต้องการเครื่องบินขับไล่แบบใหม่มาทดแทนรุ่นเก่าที่ประจำการมา 35 ปี ก็ยังไม่ได้รับความสนใจและใส่ใจเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็แย่ครับ

  ผมยังไม่รู้ว่าเมืองไทยจะมีแนวโน้มของการจัดซื้อแบบ

ประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ เลยนำมาบอกเล่าเก้าสิบครับ

 

 





ความคิดเห็นที่ 1


ต้องขอประทานอภัยครับ เวปบอร์ดมัน โพสไปสองรอบ อีกอัน

ช่วยลบออกด้วยนะครับท่าน เวปมาสเตอร์

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 01/02/2008 23:15:46


ความคิดเห็นที่ 2


วัต (วัด-ตะ) มีเจริญและเสื่อมไปตามระยะเวลา อธิบายโดยหลักปรมัต (ปอ-ระ-มัด) ก็ต้องบอกว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง ถ้านึกไม่ออกมองไม่เห็นก้ลองนึกถึง เคอร์ฟไฟฟ้ากระแสสลับ ไซน์เวฟ ขึ้นลงๆ มีทิศทางแต่ไร้อัตภาพ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แยกเล็กเป็นพารติเคิ้ลย่อยๆเบียดชิดเรียงกัน เกิดดับเกิดดับต่อเนื่องเรียงไปประหนึ่งเหมือนว่ามีตัวตน.......................... เมื่อมีสูงก็มีต่ำ  .....................เมื่อวันนี้ต่ำเดี๋ยวซักวันหล่ะว้า มันต้องกลับมาสูง........................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 02/02/2008 06:47:43


ความคิดเห็นที่ 3


สวัสดีครับคุณ กบ ไม่เห็นซะนานเลย ยังไม่หายเคือง พี่เขียวๆ เค้าอีกหรือครับพี่ อิอิอิ

โดยคุณ weeranat เมื่อวันที่ 02/02/2008 10:51:46


ความคิดเห็นที่ 4


สวัสดีครับ สวัสดีทุกๆคน.................... อารมณ์ก็มีขึ้นๆลงๆสลับไปหน่ะครับ ตัวจริงเสียงจริง เอิ๊กอ๊ากได้ทุกเวลา......................... พอดีช่วงนี้เปลี่ยนงานใหม่ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นขรับ..........................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 02/02/2008 11:03:28


ความคิดเห็นที่ 5


นานๆมาทีก็ยังดีนะครับ ยังคิดถึง ขอมูลและ comment ดีๆของ คุณกบ อยู่ครับ หวังว่าคงจะหาเวลาว่างเข้ามาบ้างนะคราบผม

ปล.ช่วงนี้มีน้องๆใหม่เค้าเข้ามาปล่อยของอยู่บ่อย เผื่อจะสนใจเข้ามาช่วยสอยบ้างคราบ อิอิอิ

โดยคุณ weeranat เมื่อวันที่ 02/02/2008 11:48:22


ความคิดเห็นที่ 6


ขออภัย รีบไปหน่อย ข้อมูล ครับไม่ใช้ ขอมูล 5555
โดยคุณ weeranat เมื่อวันที่ 02/02/2008 11:50:03


ความคิดเห็นที่ 7


ผล มันก็มาจาก เหตุ

ที่กองทัพถูกจำกัดทางงบประมาณมาตลอด ก็เพราะมาจาก การเมือง...

แล้วทำไม การเมือง ถึงมากดดัน กองทัพ....ก็เพราะ กองทัพ ไปยุ่ง การเมือง....

กองทัพของประเทศไทย เหมือน พรรคการเมือง พรรคหนึ่ง....ที่มักใช้โวหาร ทำการยึดอำนาจจาก การเมือง.....การเมือง ก็เลยมักใช้โวหาร มากดดัน กองทัพเช่นเดียวกัน...เพราะมันคือ การเมือง.....

ตราบใด กองทัพไทย ยังไม่เป็น กองทัพเพื่อป้องกันประเทศอย่างสมบูรณ์...ยังมีความสุ่มเสี่ยง ในการยึดอำนาจทางการเมืองอยู่....ผมว่า มันก็คงเป็นอย่างนี้ตลอดไป....ชั่วกาลนาน...

และในการของบประมาณในการจัดซื้ออาวุธ  อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่า กองทัพได้ชี้แจง ถึงความจำเป็น และการเปรียบเทียบศักยภาพของกองทัพไทย กับประเทศเพื่อนบ้าน ให้หัวหน้ารัฐบาล แต่ละยุค แต่ละสมัย ให้เห็นภาพชัดเจนเพียงพอหรือยัง.....หรือ ยังมีความเห็นว่าส่วนตัวของกองทัพเองที่ว่า ไม่มั่นใจในหัวหน้ารัฐบาล ว่าควรล่วงรู้ข้อมูลของกองทัพ เพราะคาดการณ์เอาว่า คงจะเก็บความลับไม่อยู่....

การประชาสัมพันธ์ของกองทัพ ควรเริ่มอย่างจริงจัง ในฐานะการป้องกันประเทศจากภัยคุกคามภายนอก และภัยการก่อการร้าย....อย่าสร้างภาพว่า กองทัพเก่งมากในการป้องกันประเทศ (เก่งนัก ? จะเอาอาวุธไปทำอะไร ภาพเปรียบเทียบมันยังฝังใจกับเหตุการณ์การเมืองในปีที่ผ่านมา ทหารยืนยามบนถนนในกรุงเทพ เป็นหน่วยรบพิเศษ อาวุธครบมือ แต่ทหาร 3  จังหวัดภาคใต้ ต้องมีการเรี่ยไร การกุศล เพื่อจัดหายุทธภัณฑ์ให้ ) ในสภาพปัจจุบัน...ควรจะสะท้อนความเป็นจริง ว่าสามารถป้องกันประเทศได้ในระดับหนึ่ง เปรียบเทียบกับเทคโนโลยี่ในปัจจุบัน ว่าเราตามหลังเทคโนโลยี่อยู่เพียงใด เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน....

เป็นความคิดส่วนตัวของผมครับ...กองทัพ ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองเท่านั้น...ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ว่าเป็นกองทัพเพื่อป้องกันประเทศจากภายนอก และการก่อการร้าย ไม่ใช่กองทัีพเพื่อถ่วงดุลการเมือง....และผมว่าคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 ปี (เพราะขนาด 15 ปี ที่ผ่านมา ยังเกิดการยึดอำนาจ ทั้งที่ในความรู้สึกของผู้ที่ต่อต้านกองทัพ (ทั้งนักการเมือง และนักวิชาการ) เขายังคิดว่ามันไม่น่าจะมีอีกแล้ว แต่มันก็ยังเกิดขึ้น ดังนั้น ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ต่อกองทัพ มันก็ต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ไปอีก 15 ปี ล่ะมั๊งครับ)

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 02/02/2008 20:02:49


ความคิดเห็นที่ 8


 น้องๆที่ทำงานของผมว่ากองทัพซื้ออาวุธมาทำไมซื้อมาแล้วก็เอามายึดอำนาจ..เอาเงินไปทำอย่างอื้นดีกว่า....
โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 02/02/2008 22:26:13


ความคิดเห็นที่ 9


ผมไม่ต้องการให้กระทูกลายพันธุ์ แต่แสดงข้อมูลเชิงประจัก บ้านผมอยู่ห่างจากประเทศมาเลย์ 8  กิโลเมตรโดยประมาณ ห่างพอที่จะเห็นโคมไฟจากเรือ ตรวจการมาเลย์ส่องไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า และจุดพรุที่ดังมากๆพอๆกับระเบิดโจรไต้ ในงานวันฉลองเอกราชมาเลย์และอีกหลายๆงาน  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผมเสียวสันหลัง ทั้งๆที่บ้านเราต้องระวังโจรไต้ที่มักจะใช้โอกาศสำคัญของมาเลย์มาก่อเหตุในบ้านเรา ทำให้ผมและคนอื่นๆที่มองเพื่อนบ้านของเราด้วยอาการเสียวๆ เพราะ Su-30 และเรือรบต่างๆดูแล้วเขาเหนือกว่าเรามาก และช่วงหลังๆเขาไม่ค่อยเห็นเราอยู่ในสายตา ซึ่งมีเหตุการหลายๆอย่างที่สามารถอ้างอิ้งได้

เพราะฉนั้นงบประมาณที่นำมาป้องกันประเทศแม้จะมากขนาดใหนก็จำเป็นจะต้องมี ดีกว่าไม่มีประเทศให้ป้องกัน ส่วนนักวิชาการทั้งหลายก่อนที่ท่านจะวิภาควิจารณ์ อะไรมาก ท่านช่วยลงมามาที่สามจังหวัดชายแดนเพื่อศึกษาข้อมูลให้แท้ แล้วท่านจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนบ้านเรา ที่ทำกับเราในตอนนี้ และผมขอร้องอย่านำข้อมูลที่ขาดซึ่งการศึกษาอย่างถ่องแท้มาตัดสินใจในเรื่องต่างๆอีกเลย ผมสงสารตัวเอง สงสารคนไทยที่กำลังถูกไล่ออกจากสามจังหวัดชายแดนภาคไต้ ด้วยวีธีการที่โหดร้ายที่สุด  เราจำเป็นต้องมีทหารที่เก่ง มีอาวุธทันสมัย และมีจำนวนมากพอจะคุ่มครองคนไทยที่อยู่ทกุๆที่ได้

โดยคุณ prem เมื่อวันที่ 04/02/2008 03:18:57