หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 95 ปีก่อน? ..... เรื่องจริงข้างหลัง "รักสยามเท่าฟ้า"

โดยคุณ : Skyman เมื่อวันที่ : 05/02/2008 12:00:22

 




ผมเป็นคนบ้าเครื่องบินครับ คนประเภทนี้มีลักษณะพิเศษอยู่อย่าง คือเห็นอะไรบินได้ ตั้งแต่เครื่องบิน เครื่องร่อน บอลลูน ไปจนถึงนก ถึงผีเสื้อ หรือแม้แต่สากกะเบือที่บินข้ามหัวมา ก็ยังต้องเหลียวมอง (อันหลังมองเพราะกลัวว่ามันจะหล่นมาลงหัวหรือเปล่า)

ผมนั่งอ่านประวัติศาสตร์การบินของไทยมาก็หลายครั้ง นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่า สมัยนั้น มันเป็นยังไง ...... พอมาเห็นโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้จึงค่อนข้างตกใจ ..... ตกใจเพราะ ไม่คิดว่า จะมีนายทุนและผู้กำกับ ที่ใจกล้า ท้าความเจ้ง ทำหนังประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ท่ามกลางหนังตลกไทย หนังซุปเปอร์ฮีโร่ฮอลลิวู้ด และหนังรักเกาหลี ..... ยิ่งเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อเกือบร้อยปีก่อนอีกด้วย ที่สำคัญ เป็นเรื่องที่ผู้คนส่วนมาก แทบจะลืมไปแล้ว

ผมไม่ใช่นักวิจารณ์หนังครับ อีกอย่างผมก็ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ด้วย แต่มานั่งคิดว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงข้างหลังหนังเรื่องนี้ พอจะมีความน่าสนใจอยู่บ้าง จึงขออนญาต ใช้พื้นที่ตรงนี้ เล่าเรื่องราวของบรรพบุรุษการบินสยาม ที่ใจกล้าไม่น้อยไปกว่าสตั้นแมนส์สมัยนี้ วางรากฐานของกิจการการบินของไทย ให้ก้าวหน้าจนถึงทุกวันนี้ หวังว่าคงได้รับอนุญาตครับ



.....ข้าพเจ้าตกลงใจทำเรื่องการบินขึ้น ด้วยเห็นเป็นประโยชน์
โดยได้แผ่ความรู้ เรื่องนี้ให้แพร่หลายออกไปในหมู่คนไทย
ซึ่งยังไม่สู้ได้เอาใจใส่ในเรื่องการบินกันนัก
และก็ไม่ค่อยปรากฏว่าผู้ใดได้เรียบเรียงขึ้นไว้
สำหรับอ่านกันเป็นความรู้ ทั่ว ๆ ไปเลย...


นายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัต ต่อมาเป็น นาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต
บ้านเหนือสถานีสามเสน.
จังหวัดพระนคร.
วันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖

(ขอบคุณ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ)





เพียง 7 ปี หลังจากวิวเบอร์ และ เออร์วิล ไรต์ สร้าง Flyer เครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์ลำแรก พามนุษย์บินขึ้นท้องฟ้าได้เป็นผลสำเร็จ ณ เนินเขา Kitty Hawk ในสหรัฐ ...... พ.ศ. 2453 ชาร์ล ฟัน เดอร์ บอร์น (Charles Van Den Born) ชาวเบลเยี่ยม ได้ขับเครื่องบินที่ชื่อ Henri Farman IV ร่อนลงจอดที่สนามม้าปทุมวัน ..... สนามบินแห่งแรกของประเทศไทย ... เพื่อแสดงการบินให้คนไทยในสมัยนั้นได้ชม


[ภาพ Charles Van Den Born]


ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก ที่ทรงดำริที่จะตั้งกิจการการบินขึ้นในประเทศสยาม จึงทรงส่งนักบินไทยชุดแรก 3 ท่าน ไปเรียนการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านการบินของโลกในสมัยนั้น คือ

- นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ
- นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร
- นายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัต


หลังจากที่เดินทางกลับมาประเทศไทยในปี พ.ศ. 2456 ทั้งสามท่าน ได้กลายมาเป็นบุพารีของกองทัพอากาศ และสร้างกองบินทหารบก ซึ่งต่อมากลายเป็นกองทัพอากาศไทย (Royal Thai Air Force)

และเราถือว่า ปี พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) คือจุดเริ่มต้นของกิจการการบินของไทย



ทั้งสามท่านไม่ได้กลับมาตัวเปล่า แต่จัดซื้อเครื่องบินกลับมาด้วยจำนวน 8 ลำ คือ Breguet ปีก 2 ชั้น จำนวน 4 ลำ และ Nieuport ปีกชั้นเดียว จำนวน 4 ลำ

เครื่องบินที่เห็นในภาพยนต์ ก็คือ Breguet เครื่องบินแบบแรกของไทยนั่นเองครับ


[ภาพวาดของเครื่องบินทั้งสองแบบในสมัยเริ่มแรก]


น่าเสียดาย ที่ในสมัยนั้น ยังไม่มีแนวคิดที่จะอนุรักษ์เครื่องบินเหล่านี้เอาไว้ ปัจจุบัน จึงคงเหลือเพียงภาพถ่าย และเครื่องบินจำลอง ที่ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศเท่านั้น


[ภาพวาด บุพการีทหารอากาศ นำเครื่องบินมาลงที่สนามบินดอนเมืองเป็นครั้งแรก]


สมัยนั้น Breguet ถูกใช้ในกิจการหลาย ๆ อย่าง เช่นการขนส่งไปรษณีย์ทางอากาศในปี 2462 จากดอนเมืองไปยังจังหวัดจันทบุรี การขนส่งยาและเวชภัณฑ์ ไปช่วยผู้ป่วยจากอหิวาตกโรคที่จังหวัดอุบลราชธานี ในปี 2464 และเป็นเครื่องบินลาดตระเวน รวมถึงเดินทางไปอวดธง ซึ่งคือการเดินทางไปเยี่ยมอินโดจีนฝรั่งเศส เพื่อวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ทหารฝรั่งเศสที่เสียชีวิตในสงครามโลก ครั้งที่ 1 ณ เมืองไฮฟอง ในวันที่ 22 ตุลาคม 2465



และในสมัยนั้น ยังมีประเพณีหนึ่ง ที่เจ้านายชั้นสูง หรือประชาชน มักจะรวบรวมเงินกัน จัดซื้อเครื่องบินบริจาคให้ทางราชการเอาไว้ใช้ในกิจการของรัฐ และมักจะตั้งชื่อตามต้นทางของเงินที่ได้มา เช่น ขัติยะนารี ๑ ที่ตั้งอยู่ ณ พิพิธภัณธ์กองทัพอากาศ (เป็นเครื่องจำลอง)



กองทัพอากาศไทย เกิดขึ้นหลังจากพี่น้องกระกูลไรต์ขึ้นบินได้เพียง 10 ปี และจัดตั้งก่อนการจัดตั้งกองทัพอากาศสหรัฐ (United State Air Force) ถึง 10 ปี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในยุคที่รุ่งเรืองสูงสุดก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพอากาศไทย คือกองทัพอากาศที่มีนภานุภาพมากเป็นอันดับสองของเอเชียรองจากญี่ปุ่น ด้วยจำนวนอากาศยานกว่า 300 ลำ ทั้งที่ออกแบบสร้างขึ้นเอง ซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมาสร้าง จนถึงจัดซื้อมาโดยตรง ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้น ประเทศในอาเซียนทุกประเทศ ยังไม่ได้ตั้งประเทศเลยด้วยซ้ำ กองทัพอากาศมีบทบาทอย่างสูงในกรณีพิพากอินโดจีน ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส โดยได้ใช้กำลังทางอากาศ โจมตีที่มั่นของทหารฝรั่งเศสในอินโดจีน และสามารถยิงเครื่องบินของฝรั่งเศสตกได้หลายลำ จนสิ้นสุดสงคราม

แต่แม้ว่าอากาศยานจะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่ทันสมัยนัก และกำลังทางอากาศส่วนใหญ่ ถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่สองด้วยหลายสาเหตุ และเริ่มต้นยุคใหม่ของกองทัพอากาศไทย ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา


[ภาพวาดการโจมตีเมืองศรีโสภณ ในสงครามอินโดจีนฝรั่งเศส]



ถ้าจะพูดถึงกิจการการบินพลเรือน ก็ต้องพูดถึงเครื่องบินพลเรือนลำแรกของประเทศไทย คือ นางสาวสยาม หรือ Miss Siam

นางสาวสยาม คือเครื่องบินรุ่น OX-5 Travel Air 2000 ซึ่งนาวาอากาศเอก เลื่อน พงษ์โสภณ ใช้เงินส่วนตัวที่ได้จากการแสดงการบินในประเทศสหรัฐอเมริกา ซื้อกลับมาในเมืองไทย ในปี 2475

นางสาวสยาม โดยนาวาอากาศเอก เลื่อน พงษ์โสภณ เคยทำการบินครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน โดยนาวาอากาศเอกเลื่อน บินนางสาวสยามจากประเทศไทย ผ่านลาว เวียดนาม ไปสู่ประเทศจีน และบินย้อนกลับมา ใช้เวลาเดินทาง 5 วัน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงการบินไปทั่วโลก ตลอดเส้นทางที่นาวาอากาศเอกเลื่อนแวะพัก จะมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ออกมาต้อนรับมากมาย หนังสือพิมพ์ของต่างประเทศในสมัยนั้น ถึงกับชื่นชมว่า ประเทศไทย มีกิจการการบิน ที่ก้าวหน้า แะลล้ำหน้ากว่าชาติใดในภูมิภาค

ปัจจุบัน มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ได้ทำการอนุรักษ์และฟื้นฟูเครื่องบินประวัติศาสตร์ลำนี้ให้สามารถทำการบินได้อีกครั้ง และยังมีความพยายาม ที่จะทำการบินย้อนรอยเส้นทางเดิมของนาวาอากาศเอกเลื่อนในอนาคต



นักบินในสมัยนี้ ขับเครื่องบินไอพ่นที่มีระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เครื่องบินใช้วัสดุผสมที่ทันสมัย นำทางด้วยเรด้าร์ การฝึกบิน ใช้เครื่องฝึกจำลองการบินที่จำลองได้แทบทุกสถานการณ์ การเรียนก็มีความปลอดภัยสูง

แต่ในสมัยนั้น ทั้ง Breguet และนางสาวสนาม ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบ ที่ไม่ได้ดีไปว่าเครื่องยนต์ของรถยนต์ในสมัยนี้ ส่วนมากใบพัดจะทำด้วยไม้ ลำตัวบุด้วยผ้า เดินทางโดยใช้ระบบ Mannual ล้วน ๆ ไม่มีการพยากรณ์อากาศล่วงหน้า ไม่มีระบบนำร่อง

ไม่ใช่ว่านักบินสมัยนี้ไม่เก่ง แต่นักบินสมัยก่อน ต้องใช้ความพยายามมากมาย กว่าจะบินได้แต่ละครั้ง ถือว่ากล้าหาญมากทีเดียว



[ภาพวาดยุทธเวหาเหนือบ้านยางในสงครามโลกครั้งที่สอง]


และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็นำมาสู่คำถามที่ว่า สิบโท โทน บินดี มีจริงหรือไม่?

ร้อยเอก หลวงสัดทัดยนครกรรม หรือ สิบโท โทน บินดี (นามสกุลเดิม ใยบัวเทศ) เป็นคนเมืองนนท์ โดยนามสกุล บินดี เป็นนามสกุลพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 เข้ารับราชการทหารสังกัด กองพันที่ 2 กองร้อยที่ 5 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ท่านได้ทิ้งยศสิบโท ไปเป็นพลทหารนักบินหลังจากเรียนช่างเครื่องอยู่ 6 เดือน และสามารถสอบไล่ได้เป็นอันดับสอง พระยาเฉลิมอากาศ จึงขออนุมัติจากกระทรวงกลาโหม ส่งสิบโท โทน บินดี ไปฝึกบินพร้อมกับนายทหารชั้นสัญญาบัตรอีก 5 นายเป็นเวลา 4 เดือน ถือเป็นนักบินคนที่ 6 ของกองการบินสยาม

ในสงครามโลกครั้งที่ 1 สิบโท โทน บินดี เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เมื่อครั้งที่ไปฝึกบินผาดแผลงทิ้งระเบิดด้วยท่าควงสว่านในเครื่อง Nieuport ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยสามารถฝึกบินผาดแผลงได้สำเร็จเป็นคนแรก ก่อนหน้านายทหารจากหลายชาติ และได้รับเหรียญ ครัวซ์ เดอ แกร์จากฝรั่งเศสจากการเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1

ร้อยเอก หลวงสัดทัดยนครกรรม ถึงแก่กรรมในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2508 ที่อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง

(ข้อมูลจาก พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ)





ในวันที่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลไทยมีเครื่องบินรวมกันเฉียด 500 เครื่อง การบินไทย สายการบินแห่งชาติ หนึ่งในสายการบินชั้นนำของโลก มีเครื่องบินรวมกันกว่า 90 เครื่อง รวมถึงสายการบินอื่นๆ ทั้ง Bangkok Airways สายการบินต้นทุนต่ำ บริษัทการบิน และอากาศยานของเอกชนมากมายหลายร้อยลำ กว่าที่ประเทศไทยจะมีกิจการการบินที่ก้าวหน้าไม่แพ้ชาติใดในโลก ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากวิสัยทัศน์และความพยายามของบรรพบุรุษด้านการบินทุกท่าน ที่ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย (มากจริง ๆ) จนทำให้สยามประเทศในวันนี้ พูดได้อย่างเต็มปากกว่า นักบินไทย ก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

ผมคงหยุดพูดเรื่องประวัติศาสตร์ช่วงนั้นไว้เพียงเท่านี้ เพราะเดี๋ยวจะเป็นการสปอยด์หนังทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ดู

ผมพบคุณ Tom Claytor เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้คุยกับแกพักหนึ่ง มีประโยคหนึ่งซึ่งแกพูดกับผม ด้วยดวงตาเป็นประกายว่า คุณรู้ไหม ประเทศไทยมีการบินที่ก้าวหน้า มีมาก่อนหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ คุณควรภูมิใจว่า ประเทศไทยมีบรรพบุรุษที่กล้าหาญจริงๆ ..... เขาพูดพลางชี้นิ้วไปที่หัวใจ

ผม, คุณ 001 JZ Team, และคุณ Luftwaffe อึ้งไปพักหนึ่งทีเดียว

...
...
...

สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่าน สวัสดีครับ

ปล. ผมไม่ได้รับจ้างมาโพสนะครับ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=30-01-2008&group=2&gblog=60





ความคิดเห็นที่ 1


ขอบคุณมากครับผม


โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 30/01/2008 04:26:12


ความคิดเห็นที่ 2


เชื่อครับผมก็เป็นคนหนึ่งซื่งบ้าเครื่องบิน  เป็นชีวิต   ซื้อแทงโกเล่มแรกแม่ไม่ว่าพอซื้อ6-7เล่มแม่ด่าผมทุกวันเลยครับอ่านอะไร         ของตูดดดดดด(เซ็นเซอร์นิดหน่อย)ฮะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


โดยคุณ tavv เมื่อวันที่ 30/01/2008 04:00:48


ความคิดเห็นที่ 3


เอ่อ ผมหมายถึง ฝากลบ comment แรกหน่อยครับผม พอดีผมใส่ code ผิด แล้วเพลงมันจะขึ้นซ้อนกัน 2 layer ครับผม ขอบคุณมากครับ
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 30/01/2008 04:04:43


ความคิดเห็นที่ 4


   พูดถึงท่าน สิบโท โทนบินดี  อยากฝาก ท่านท้าว น่าจะรวมเล่มประวัติของท่านให้หน่อยครับ  เพราะ ผมเคยอ่านใน TOP GUN  เมื่อประมาณ 5 ปีก่อนครับ แต่จำไม่ได้ว่าฉบับที่เท่าไหร่   ประวัติท่านอ่านสนุกมากครับ

โดยคุณ not95 เมื่อวันที่ 30/01/2008 05:10:31


ความคิดเห็นที่ 5


โดยส่วนตัวผมชอบคุณ ทอม คเลเตอร์ มากครับ..

ยิ่งได้ฟังประโยคที่แกพูดในรายการ(อะไรไม่ทราบ ช่อง 5 )..ยิ่งประทับใจ..

และเปป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การบินของไทยด้วยแล้ว..ยิ่งน่าภูมิใจ..

กะจะไปดูหนังเรื่องนี้..เช่นกันครับ..

โดยคุณ Mycomputer เมื่อวันที่ 30/01/2008 05:38:21


ความคิดเห็นที่ 6


ผมชอบอ่านบทความคุณสกายแมนมากๆ ข้อมูลแน่น ขยันทำการบ้านจริงๆ ขอบคุณนะครับ

ตอนผมเด็กๆ-วัยรุ่น เพื่อนๆชอบล้อว่า ไอ้บ้าเครื่องบินแต่ผมไม่เคยโกรธ และเพื่อนก็ชอบชี้เครื่องบินบนฟ้าแล้วให้เราบอกว่าเป็นเครื่องบินอะไร.555 แต่ผมก็รู้แค่งูๆปลาๆ ก็คนมันชอนนิ โมเดลก็เล่นครื่องบินซะส่วนใหญ่ ชอบเครื่องบิน อยากเป็นทหารบก ชีวิตจริงเป็นทหารเรือซะงั้น(เป็นอดีตแล้ว).....ว๊า  อยากเป็นคนเช็ดเครื่องบิน จะได้อยู่ใกล้ๆกัน อิ อิ  ขอบคุณที่ฟังผมโม้คร๊าบบ 

โดยคุณ ฟินิกส์ เมื่อวันที่ 30/01/2008 05:43:58


ความคิดเห็นที่ 7




ผมเป็นคนบ้าเครื่องบินครับ คนประเภทนี้มีลักษณะพิเศษอยู่อย่าง คือเห็นอะไรบินได้ ตั้งแต่เครื่องบิน เครื่องร่อน บอลลูน ไปจนถึงนก ถึงผีเสื้อ หรือแม้แต่สากกะเบือที่บินข้ามหัวมา ก็ยังต้องเหลียวมอง

พวกเราก็เป็นคนประเภทเดียวกันหมดเลยสิครับนี่
หนังเข้าพรุ่งนี้แล้ว อย่าลืมไปดูกันนะครับ
โดยคุณ Tasurahings เมื่อวันที่ 30/01/2008 08:07:10


ความคิดเห็นที่ 8


อ่านประวัติศาสตร์แล้วมันทำให้ภูมิใจ บรรพบุรุษของเรามากเลยครับ 

แต่พอมามองบ้านเมืองในปัจจุบัน โอ้..มันช่างน่าเศร้าใจจริง ๆ นี่หรือสยามประเทศที่ใคร ๆ ก็ต่างเกรงกลัวในอดีต

โดยคุณ ทอแสง เมื่อวันที่ 30/01/2008 08:35:22


ความคิดเห็นที่ 9


ขอบคุณมากคับ  สกายแมน กับเรื่องดีๆ

ผมเป็นอีกคนที่มองดูทุกอย่างที่มันบินได้

อยากเอาความภูมิใจนี้บอกคนไทยทุกคนว่า

บรรพบุรุษการบินของสยามยิ่งใหญ่เเค่ไหน

   นักบินไทยก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก        

                  รักสยามเท่าฟ้าคับ

โดยคุณ catz เมื่อวันที่ 30/01/2008 12:15:54


ความคิดเห็นที่ 10


ผมเองก็เกิดมา..ท่ามกลางกลิ่นเหงื่อ...กลิ่นเหม็นๆของรองเท้าคอมแบต..ครับ...พ่อผมเป็น..รบพิเศษ...ผมจำฝังใจ..ตอนเล็กๆ..ผมเห็น พ่อนั่ง..เฮลิคอปเต้อร์..กลับจากสนาม..โดยท่านขอให้เพื่อนที่เป็นนักบิน..บินวนผ่านหลังคาบ้าน...พ่อโบกมือให้ครอบครัวเรา...ผมยังจำได้ติดตาครับ...จนวันนึงผมคิดว่าผมคงเป็นอะไรไม่ได้แล้ว...นอกจากทหาร...ผมไม่เคยเอ็นทรานซ์...ผมสอบ..แต่นักเรียนทหาร....สมัยนั้นรู้สึกจะเป็นรวมเหล่า...แต่ผมคง...ไม่เก่งพอ....เลยสอบไม่ได้...ไม่เป็นไร...ชีวิตยังอีกไกล....ปีต่อมา..สอบมันเป็นนักเรียนนายสิบ..ซะเลย...ผมเลยได้เป็นทหารสมใจ...ผมเป็นนักเรียนนายสิบ ทบ.รุ่น 19/29 เหล่าพลา..ครับ...ผมอยากเป็น..นักบินเฮลิคอปเต้อร์มาก..เพราะติดตามาตั้งแต่ๆ..เด็กๆ...จนรับราชการ..ก็ขออนุญาติเรียนต่อ..ปริญญา..จนจบ...กะไปสอบนักบิน.ทบ....ซะหน่อย...พอดี..ยศ.ทบ.เปิดสอบนายทหาร..จากนายทหารประทวนที่มีวุฒิปริญญาตรี..ซะก่อน..ผมเลยสอบ..ไม่รู้ว่า..ชะตาฟ้าลิขิต..โชค..ดวง..หรือความสามารถ..ผมสอบได้...แต่ไม่ได้เป็นนักบิน...เป็น..นายทหารตรวจบัญชี..เสียนี่..มาทางบุ๋น..ซะ...

ที่พล่ามมาเนี่ย..ไม่ใช่อะไรดอกครับ..ผมทราบมาว่าในบอร์ด..มีน้องๆ..เยอะ..มีน้องๆ..ทหารอีกหลายคน...อย่าหมดความฝัน..อย่าหมดกำลังใจ...เราต้องมีฝันมีจินตนาการ..และต้องมีความกระสันอยาก..มีความพยายาม..ความกระตือรือร้น....เชื่อผมเถอะ...ไม่มีใครช่วยเราได้.ดีกว่าเราช่วยตัวเอง.....ความพยายามอยู่ที่ไหน..ความสำเร็จอยู่ที่นั่น...เป็นอมตะวาจา...จริงๆ..ครับ........

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 30/01/2008 19:04:15


ความคิดเห็นที่ 11


ผมจะไปดูครับ

โดยคุณ eragon เมื่อวันที่ 31/01/2008 01:46:19


ความคิดเห็นที่ 12


แจ่มครับ ติดตามมาตลอด 

โดยคุณ Exocet เมื่อวันที่ 31/01/2008 02:04:49


ความคิดเห็นที่ 13


จะไปดูค่ะ แม้พระเอกจะบอบบางไปหน่อย
โดยคุณ ti.sira เมื่อวันที่ 30/01/2008 19:57:58


ความคิดเห็นที่ 14



เข้าแล้วครับวันนี้ ท่านใดจะไปดูบ้างเอ่ย
ส่วนผม รอวันจันทร์หน้าครับ วันพฤหัสตั๋วแพง ^^
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่ 31/01/2008 00:31:26


ความคิดเห็นที่ 15


เยี่ยมเสมอ สำหรับบทความดีๆของน้องโย ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย ขอบคุณครับ

ขออนุญาติดูดเก็บไว้นะครับ อิอิอิ

โดยคุณ wingboy เมื่อวันที่ 30/01/2008 21:40:56


ความคิดเห็นที่ 16


เพลงเพราะดีครับ อ่านไปฟังเพลงไปซึ้งจริงๆครับ
โดยคุณ SpruenceT เมื่อวันที่ 30/01/2008 23:55:37


ความคิดเห็นที่ 17


ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ และก็มีโอกาสได้ไปดูเรื่อง รักสยามเท่าฟ้า ก่อนใคร ในรอบปฐมทัศน์เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา  ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับหนังเรื่องนี้  ความเห็นส่วนตัวคิดว่า แนวประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้ ความสมจริงก็ไม่มี  ถ้าผมต้องเสียตังค์ไปดูคงเสียดายเงินแย่เลย  ทั้งเรื่องมีสิ่งเดียวที่ทำให้ประทับใจ คือ นางเอกและเพื่อนนางเอก เท่านั้นเอง จริงๆๆ 

เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าไม่อยากไปดูหนังเรื่องนี้  

โดยคุณ Gapster เมื่อวันที่ 01/02/2008 00:11:31


ความคิดเห็นที่ 18


อ่านกระทู้นี้แล้วมีความสุขจริงๆครับ
โดยคุณ Aceน้อย เมื่อวันที่ 05/02/2008 01:00:23