ประเทศไทยเลือกกริพเพนและ Erieye
รัฐบาลไทยได้ประกาศว่า ได้ตัดสินใจเลือกเครื่องบินรบกริพเพนรุ่นใหม่ของ Saab และระบบเตือนภัยล่วงหน้าทางอากาศ Erieye (AEW) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการป้องกันประเทศ
10/17/2007 | คณะรัฐมนตรีของไทยได้มีมติเห็นชอบให้กองทัพอากาศไทยซื้อเครื่องบินรบหลากภารกิจกริพเพนจำนวน 12 ลำ พร้อมทั้งอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่า 34,400 ล้านบาท (1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อแทนเครื่องบิน F-5 B/E และเครื่องบิน Saab Erieye AEW ที่มีอยู่ การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยและสวีเดนจะมีขึ้นต่อไปเพื่อจัดทำความตกลงอย่างเป็นทางการ
ขั้นตอนของการจัดซื้อจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้น ขั้นแรกประกอบด้วยการซื้อเครื่องบินรบกริพเพน 6 ลำ รวมถึงอุปกรณ์อะไหล่และการฝึกหัด และเครื่องบินของระบบ Saab Erieye AEW จำนวน 1 ลำ รวมมูลค่า 19,000 billion บาท (600 billion เหรียญสหรัฐ) ภายใน 5 ปีงบประมาณ ระหว่างปี 2008-2012 ส่วนขั้นที่สอง กองทัพอากาศไทยมีจุดประสงค์จะซื้อเครื่องบินรบกริพเพนเพิ่มอีก 6 ลำ พร้อมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อุปกรณ์อะไหล่และการฝึกหัด รวมถึงเครื่องบินของระบบ Saab Erieye AEW ลำที่ 2 รวมมูลค่า 15,400 ล้านบาท (500 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายใน 5 ปีงบประมาณ ระหว่างปี 2013-2017
นาย Carl Bildt รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดนกล่าวว่า ตนมีความยินดีที่รัฐบาลไทยตัดสินใจที่จะเริ่มการเจรจากับรัฐบาลสวีเดนเพื่อซื้อเครื่องบินรบกริพเพนและเครื่องบินของระบบ Saab Erieye AEW การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า กริพเพนได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยคู่แข่งของกริพเพนในการพิจารณาของไทยครั้งนี้ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย
นาย Bildt กล่าวด้วยว่า ต่อจากนี้ เราจะต้องรอผลของการเจรจาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเริ่มขึ้นระหว่างหน่วยงานของสวีเดนและไทย ความตกลงอย่างเป็นทางการนั้นจะเป็นไปตามกฎหมายและข้อปฏิบัติว่าด้วยการส่งออก
ตั้งแต่ปี 2003 กองทัพอากาศไทยได้ศึกษาตัวเลือกที่จะนำมาแทนเครื่องบินรบ F-5 B/E สำหรับการป้องกันทางอากาศและปกป้องราชอาณาจักรไทย ในการศึกษาดังกล่าว กองทัพอากาศไทยได้พิจารณาถึงคุณลักษณะที่เครื่องบินที่จะมาแทนเครื่องบินรบ F-5 B/E พึงมี รวมถึงความสามารถที่หลากหลาย ระบบการควบคุมการบินที่ทันสมัย ระบบสื่อสาร ระบบการบิน และระบบอาวุธ เครื่องบินชุดใหม่นั้นจะต้องสามารถปฏิบัติการร่วมและเชื่อมโยงข้อมูลยุทธวิธีกับกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศของพันธมิตร ภายใต้คำสั่งและระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพได้ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการ การบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายตลอดการใช้งานจะต้องต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นเดียวกัน
ภายหลังกระบวนการพิจารณา กองทัพอากาศไทยได้ตัดสินใจเลือกเครื่องบินรบหลากภารกิจกริพเพน ซึ่งผลิตโดย Saab เพื่อตอบสนองความต้องการในการป้องกันประเทศในอนาคต
คาดว่าจะมีการส่งมอบเครื่องบินรบกริพเพนเพื่อใช้ในการปฏิบัติการได้ในปี 2010 และสวีเดนได้เสนอบริการบำรุงรักษาเป็นเวลา 2 ปี พร้อมทั้งอุปกรณ์อะไหล่ให้กับฝ่ายไทยด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการเสนอความร่วมมือระหว่างไทย-สวีเดนในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การบำรุงรักษาและความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ การถ่ายโอนเทคโนโลยี ความร่วมมือด้านการลงทุน การส่งออก และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี