หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


LEKIU CLASS Batch 2

โดยคุณ : juldas เมื่อวันที่ : 28/01/2008 11:37:11

ทร.มาเลเซีย ทำข้อตกลงกับ BAE SYSTEM ปรับปรุงเรือชั้น LEKIU เป็น LEKIU Batch 2




ความคิดเห็นที่ 1


1. ติดตั้ง 16  ESSM Missiles


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:43:07


ความคิดเห็นที่ 2


บน MK-56 VLS


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:43:51


ความคิดเห็นที่ 3


2. Whitehead Torpedo


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:44:46


ความคิดเห็นที่ 4


ในท่อยิง ตอร์ปิโด B-515


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:45:29


ความคิดเห็นที่ 5


3. ปืน MSI 30 M.M. จำนวน 2 กระบอก


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:46:29


ความคิดเห็นที่ 6


4. Saab Ceros 200 Trackers


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:47:21


ความคิดเห็นที่ 7


5. Smart-s E/F Radar


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:47:53


ความคิดเห็นที่ 8


6. Captas Nano Towed Array Sonar (ต่อต้านเรือดำน้ำ)


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:49:13


ความคิดเห็นที่ 9


ระบบการทำงานของ Captas


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:49:51


ความคิดเห็นที่ 10


7. พร้อม ฮ. Super Lynx Mk-300 ติดตั้ง Torpedo A-244 white head และ อาวุธนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Sea Skua


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:51:49


ความคิดเห็นที่ 11


LEKIU CLASS Bacth 2


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:52:34


ความคิดเห็นที่ 12


LEKIU CLASS Bacth 2


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:53:22


ความคิดเห็นที่ 13


LEKIU CLASS Bacth 2


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:54:29


ความคิดเห็นที่ 14


ลืมบอก ปืนหน้า จะเปลี่ยนเป็นขนาด 75 mm. แทนขนาดเดิม 57 mm. และ ESSM ติดแทน ซี วูลฟ์


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/01/2008 19:55:43


ความคิดเห็นที่ 15


O_O
โดยคุณ Mstn เมื่อวันที่ 24/01/2008 20:58:56


ความคิดเห็นที่ 16


สำหรับระบบ SAM ประจำเรือชั้น Lekiu ปัจจุบันนั้นคือ SeaWolf  VLS ระยะยิง 6km จำนวน 16ท่อยิง ซึ่งเป็นระบบนำวิถีแบบ Command Line of Sight ซึ่งค่อนข้างจะล่าสมัยแล้วในปัจจุบัน มาเป็น ESSM ระยะยิง 27nm ซึ่งติดตั้งในท่อยิงแบบ Mk.56 ซึ่งถ้าดูจากแบบจำลองของเรือแล้วเป็นท่อยิงแบบ 6-8ท่อยิงจำนวน 3ชุด ซึ่งจะจุจรวดได้ถึง 18-24ลูกครับ และการเปลี่ยนปืนใหญ่เรือมาเป็นขนาด 76มม. พร้อมปืนรอง 30มม. และ ฮ.Super Lynx ประจำเรือนั้นก็แสดงว่าการปรับปรุงเรือใหม่นี้จะเน้นขีดความสามารถในการป้องกันตัวเชิงรุกมากขึ้นครับ

ถ้ากองทัพเรือไทยคิดจะต่อเรือฟริเกตุป้องกันภัยทางอากาศคงต้องมีแนวคิดในการออกแบบลักษณะนี้ครับ (เช่น Radar SMART-S, STIR และ Mk.48 VLS 32ท่อยิงพร้อม ESSM Dual Pack 48นัด)

 

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 24/01/2008 21:37:55


ความคิดเห็นที่ 17


พิมพ์ผิด ต้องเป็น Mk.48 16ท่อยิง พร้อม ESSM แบบDual-Pack รวม 32นัดครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 24/01/2008 21:42:31


ความคิดเห็นที่ 18


เห็นการนโยบายและวิธีการคิดของ ทร. มาเลเซียแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้

 

ของเราเน้นขอให้มีเรือไว้ก่อน   อาวุธและระบบสนับสนุนว่ากันทีหลัง

ผ่านมากว่าสิบปีจนบัดนี้เรือชั้นนเรศวร จักรีฯ ยังไม่ได้ติดตั้งอาวุธครบ

ถ้ามีเยอะแล้วไม่พร้อมที่จะสู้  อย่ามีเลยดีกว่าครับ   

 

สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ กองทัพเรือมีเรือลาดตะเวณใกล้ ไกลฝั่ง

อย่างเรือ ต. และ OPV ให้เพียงพอ  ต่อการเฝ้าตรวจและป้องกันโจรสลัด

เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในน่านน้ำไทย

ส่วนการพัฒนากำลังรบเพื่อรองรับเหตุการณ์เช่น สงครามทางเรือ หรือกรณีพิพาท ผมอยากให้ ทร. อัพเกรดอาวุธให้เรือฟริเกตและคอเวตให้ครบตามแผนแบบ  หรือทันสมัยขึ้นก่อน และไม่ควรมอบหมายให้เรือเหล่านี้ไปทำหน้าที่เฝ้ายามครับ ควรเน้นการฝึกทำสงครามทางเรือ จัดงบฝึกให้สมดุล 

ผมคิดว่าเรือดำน้ำยังไม่มีความจำเป็นจนกว่า สองเรื่องนี้เราจะทำได้อย่างแข็งแกร่งแล้วเท่านั้น 

ตราบใดกองเรือรบหลักยังไม่มีอาวุธ ระบบ และ การส่งกำลังบำรุง พร้อมงบฝึกที่เพียงพอ ป่วยการที่จะมองหาเรือดำน้ำหรือป้องกันภัยทางอากาศมาเพิ่มภาระให้กับกองทัพเรือ 

 

โดยคุณ นายฮ้อยทมิฬ เมื่อวันที่ 25/01/2008 01:09:45


ความคิดเห็นที่ 19


ของประเทศไทย ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม...ตอนนี้ เราจะได้เปลี่ยนจาก C-801 เป็น C-802 ในอีกไม่ช้าแล้ว...เล่นเอาเพื่อนบ้าน ต้องรีบอัพเกรด เรือกันน่าดูเชียว.....ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า.......O_O

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 25/01/2008 01:13:56


ความคิดเห็นที่ 20


เล่นเอาเพื่อนบ้าน ต้องรีบอัพเกรด เรือกันน่าดูเชียว.....ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า.......O_O

^

^

^

ถูกใจๆ คิดแบบนี้ก็ดีนะครับ ผมหายตาร้อนแล้ว อิอิอิ

โดยคุณ wingboy เมื่อวันที่ 25/01/2008 02:53:16


ความคิดเห็นที่ 21


อยากให้เรือชุด นเรศวร อัพ ใจจะขาด...น่าจะทำได้แล้วนะเรือใหม่ไว้อีก 2 ปีก็ได้

โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 25/01/2008 11:37:26


ความคิดเห็นที่ 22


ถ้าไทยเรามีเรือดำน้ำ ผมว่าเพื่อนบ้านเราคงหาเรือบรรทุกเครื่องบินมาแน่เลย ว่ามะ...

โดยคุณ ทอแสง เมื่อวันที่ 25/01/2008 19:53:28


ความคิดเห็นที่ 23


ลองเป็น ผบ.ทร. ดูละกันครับ แล้วจะทราบว่าต้องบริหารกองทัพเรือด้วยงบประมาณที่จำกัดอย่างไร

สวัสดิการก็ต้องดู

อาวุธก็ต้องซ่อม-ปรับปรุง

ใช้หนี้งบผูกพันที่ไปซื้อเชื่อเค้ามาก่อนอีก

เหลือเงินซื้ออาวุธใหม่เท่าไหร่

ต้องบอกรัฐบาลให้เพิ่มงบให้ทหารครับ ไม่มีสถานการณ์ก็ยากที่ฝ่ายการเมืองจะเพิ่มงบให้

ต่อให้รัฐบาลมีเงินเหลือเยอะหรือมีความสามารถในการกู้เงินเยอะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพิ่มเงินให้ทหาร

สรุปว่า กองทัพจะมีอาวุธดี ๆ ครบ ๆ ใช้ ก็ขึ้นอยู่ที่ฝ่ายการเมืองละครับว่าสนับสนุนแค่ไหน กองทัพไม่ได้หาเงินใช้เองนิครับ ยกเว้นแก้กฏหมายให้แต่ละเหล่าทัพทำมาหาได้ด้วยตนเองโดยเงินที่ได้ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง เก็บไว้พัฒนากองทัพเองเลย เสริมกับงบประมาณประจำปี ไม่แน่นะ เราอาจได้เห็นกองทัพที่มีอาวุธครบ ๆ เป็นที่เชิดหน้าชูตาไม่อายชาวบ้านเค้าก็ได้นะครับ สวัสดิการกำลังพลก็จะดีกว่าที่เป็นอยู่ด้วย

พื้นที่ทหารเยอะ กำลังพลแยะ ปลูกเข้าไปซิครับ พืชพลังงานทดแทน ใช้วิชาการเกษตรที่ถูกต้องเข้าช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ กำไรต่อต้นทุนไม่น้อยกว่า 5 เท่า (มันสัมปะหลัง) แป๊บเดียวซื้อรถเกราะได้เลย เชื่อดิ...

 

 

โดยคุณ เสือใหญ่ เมื่อวันที่ 25/01/2008 23:56:34


ความคิดเห็นที่ 24


ส่วนหนึ่งมาจากที่พี่เสือใหญ่บอกละครับ...การบริหารการจัดการทรัพย์ยากรอาจจะไม่เต็มประสิทธิภาพก็ได้อย่าไปโทษการเมืองเลยครับ...แต่แนวคิดให้กองทัพหาเงินมาใช้เอง..เข้าท่าครับ

โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 26/01/2008 11:11:29


ความคิดเห็นที่ 25


 

   ท่าน Juldas ครับ  ผมเข้าไปอ่านใน malaysiandefence.com เห็นเขาบอกว่าเป็นการจัดซื้อ 2 ลำใหม่เอี่ยมนี่ครับ  ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นโครงการเรือฟรีเกตป้องกันภัยทางอากาศของเขาน่ะแหล่ะครับ(หรือว่าโครงการใหม่ล่าสุดเอ่ย?)        ราคาที่ลงนั้นเกือบ 6,000 ล้านริงกิตทีเดียว (ราวๆ 50,000 ล้านบาทได้มั๊งครับ)      ซึ่งดูจากราคาแล้วน่าจะเป็นเรือป้องกันภัยทางอากาศเดิมที่เขาจะจัดหา   เพราะตอนนั้นก็จัดงบประมาณไว้แถวๆนี้น่ะครับ   แต่รู้สึกว่าแพงขึ้นกว่าเดิมหลายพันล้านบาท    ..............................เอ๋   หรือว่า ราคา 6,000 ล้านริงกิตนี้จะรวมไปถึงการปรับปรุงรุ่นเดิม 2 ลำก่อนหน้านั้นให้เป็น batch-2 ด้วย     ถ้าเป็นเช่นนั้น   ถือว่ามาเลย์เริ่มมีการพัฒนาในการลดแบบเรือลงและพยายามจัดหาอาวุธประจำเรือเป็นชุดเดียวกันทั้งหมดแบบสิงคโปร์     ซึ่งผมต้องการให้กองทัพเรือของเรามีการพัฒนาไปทางนั้นเป็นอย่างมากครับ

     เข้าไปอ่านในเวปของเขา    เห็นทางพวกเขาเองด่ารัฐบาลกันกระจายครับว่าราคาเรือฟรีเกต(ซึ่งผมดูสเปกเรือแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรือชั้น formindable ของสิงคโปร์มากนัก)นี้แพงเกินจริงครับ   เห็นบอกว่าราคาขนาดนี้ควรจะต่อได้ 4 ลำสบายๆ    หรือจัดหาเรือพิฆาตที่ติดอาวุธได้หนักและดีกว่านี้มาก....................และแถมยังสามารถต่อในประเทศได้อีก (ดีลนี้ต่อในอังกฤษโดยอู่ในเครือของ BAE system)    

     ดูท่าทางงานนี้คงมีการคอร์รับชั่นกันกระจายนะครับ ...........   เพราะราคาที่เราจะจัดหา MEKO A-200 ที่ใช้ระบบอำนวยการรบเอจีสชุดเล็ก    และใช้ MK-41 VLS ด้วย ยังมีราคาแค่ 32,000 ล้านบาทเท่านั้น (มาเลย์ใช้ MK-48 mod 3 dual pack 2 ชุด    ซึ่งติดตั้ง ESSM ได้ 24 ลูก นั่นหมายความว่าไม่ได้ใช้ระบบอำนวยการรบเอจีสในเรือชั้นนี้)    

       ถือว่ามาเลย์ซื้อของแพงไม่สมราคาครับ    แต่มีข้อดีในเรื่องที่จะมีเรือที่ใช้ระบบแบบเดียวกันในชุดเดียว 4 ลำ   ซึ่งลดความซับซ้อนการการซ่อมบำรุงและดำรงความพร้อมรบและจำนวนแบบเรือที่น้อยลง    

   ไว้รอเราหมดปัญหาก่อนนะครับ   หวังว่าคงได้เรือเอจีสมาใช้   แม้จะเป็นชุดเล็กก็ตาม    เหลือเฟือเลยล่ะครับ

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 27/01/2008 12:09:55


ความคิดเห็นที่ 26


ผมเอามาจากข่าวในหนังสือ WARSHIPS ครับ...เดี๋ยวลองกลับไปอ่านใหม่อีกที...หรืออาจจะสแกน มาให้ช่วยแปลงด้วยครับ...(เพราะผมตกอังกฤษ ครับ..กั๊ก กั๊ก กั๊ก กั๊ก)...แต่เท่าที่อ่านและจับใจความ ไม่เห็นเขาพิมพ์ว่า NEW ครับ...แต่พิมพ์ LEKIU Batch 2  ซึ่งผมจึง เข้าใจไปว่า ที่จะเหมือนกับ ประเทศอังกฤษ ที่มีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพเรือเดิม จะเรียกเป็น Batch 2, Batch 3 ครับ...แต่ในหนังสือ ถ้าจำไม่ผิดก็ไม่ได้บอกถึงมูลค่าครับ....

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 28/01/2008 00:10:06


ความคิดเห็นที่ 27


ว่าไปการปรับปรุงเรือชั้น Lekiu Batch 2 นี้ก็ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเรือป้องกันภัยทางอากาศเต็มตัวนักครับ เพราะระบบหลักอย่าง Radar SMART-S และ Saab Ceros 200 Trackers  รวมถึงระบบอาวุธอย่าง ESSM ,ปืน 30มม. และ ปืน76มม. นั้นก็มีอำนาจในการต่อต้านภัยคุกคามทางอากาศที่ค่อนข้างจำกัดอยู่ครับ ทั้งรัศมีการตรวจจับ พิสัยการยิง และจำนวนเป้าหมายที่ต่อตีได้(ขึ้นกับระบบอำนวยการรบด้วย) การปรับปรุงเรือชั้นนี้น่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการป้องกันตัวเชิงรุกมากกว่า แต่ก็เพียงพอสำหรับภัยคุกคามในภูมิภาคขณะนี้ครับ

ซึ่งถ้ามาเลเซียสนใจจะจัดหาเรือป้องกันภัยทางอากาศ แบบเต็มตัวจริงๆนี้อาจจะมองไปทางระบบของยุโรปอย่าง APAR ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 28/01/2008 00:37:12