1. ติดตั้ง 16 ESSM Missiles
ในท่อยิง ตอร์ปิโด B-515
6. Captas Nano Towed Array Sonar (ต่อต้านเรือดำน้ำ)
ระบบการทำงานของ Captas
LEKIU CLASS Bacth 2
ลืมบอก ปืนหน้า จะเปลี่ยนเป็นขนาด 75 mm. แทนขนาดเดิม 57 mm. และ ESSM ติดแทน ซี วูลฟ์
สำหรับระบบ SAM ประจำเรือชั้น Lekiu ปัจจุบันนั้นคือ SeaWolf VLS ระยะยิง 6km จำนวน 16ท่อยิง ซึ่งเป็นระบบนำวิถีแบบ Command Line of Sight ซึ่งค่อนข้างจะล่าสมัยแล้วในปัจจุบัน มาเป็น ESSM ระยะยิง 27nm ซึ่งติดตั้งในท่อยิงแบบ Mk.56 ซึ่งถ้าดูจากแบบจำลองของเรือแล้วเป็นท่อยิงแบบ 6-8ท่อยิงจำนวน 3ชุด ซึ่งจะจุจรวดได้ถึง 18-24ลูกครับ และการเปลี่ยนปืนใหญ่เรือมาเป็นขนาด 76มม. พร้อมปืนรอง 30มม. และ ฮ.Super Lynx ประจำเรือนั้นก็แสดงว่าการปรับปรุงเรือใหม่นี้จะเน้นขีดความสามารถในการป้องกันตัวเชิงรุกมากขึ้นครับ
ถ้ากองทัพเรือไทยคิดจะต่อเรือฟริเกตุป้องกันภัยทางอากาศคงต้องมีแนวคิดในการออกแบบลักษณะนี้ครับ (เช่น Radar SMART-S, STIR และ Mk.48 VLS 32ท่อยิงพร้อม ESSM Dual Pack 48นัด)
พิมพ์ผิด ต้องเป็น Mk.48 16ท่อยิง พร้อม ESSM แบบDual-Pack รวม 32นัดครับ
เห็นการนโยบายและวิธีการคิดของ ทร. มาเลเซียแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้
ของเราเน้นขอให้มีเรือไว้ก่อน อาวุธและระบบสนับสนุนว่ากันทีหลัง
ผ่านมากว่าสิบปีจนบัดนี้เรือชั้นนเรศวร จักรีฯ ยังไม่ได้ติดตั้งอาวุธครบ
ถ้ามีเยอะแล้วไม่พร้อมที่จะสู้ อย่ามีเลยดีกว่าครับ
สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ กองทัพเรือมีเรือลาดตะเวณใกล้ ไกลฝั่ง
อย่างเรือ ต. และ OPV ให้เพียงพอ ต่อการเฝ้าตรวจและป้องกันโจรสลัด
เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในน่านน้ำไทย
ส่วนการพัฒนากำลังรบเพื่อรองรับเหตุการณ์เช่น สงครามทางเรือ หรือกรณีพิพาท ผมอยากให้ ทร. อัพเกรดอาวุธให้เรือฟริเกตและคอเวตให้ครบตามแผนแบบ หรือทันสมัยขึ้นก่อน และไม่ควรมอบหมายให้เรือเหล่านี้ไปทำหน้าที่เฝ้ายามครับ ควรเน้นการฝึกทำสงครามทางเรือ จัดงบฝึกให้สมดุล
ผมคิดว่าเรือดำน้ำยังไม่มีความจำเป็นจนกว่า สองเรื่องนี้เราจะทำได้อย่างแข็งแกร่งแล้วเท่านั้น
ตราบใดกองเรือรบหลักยังไม่มีอาวุธ ระบบ และ การส่งกำลังบำรุง พร้อมงบฝึกที่เพียงพอ ป่วยการที่จะมองหาเรือดำน้ำหรือป้องกันภัยทางอากาศมาเพิ่มภาระให้กับกองทัพเรือ
ของประเทศไทย ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม...ตอนนี้ เราจะได้เปลี่ยนจาก C-801 เป็น C-802 ในอีกไม่ช้าแล้ว...เล่นเอาเพื่อนบ้าน ต้องรีบอัพเกรด เรือกันน่าดูเชียว.....ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า.......O_O
เล่นเอาเพื่อนบ้าน ต้องรีบอัพเกรด เรือกันน่าดูเชียว.....ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า.......O_O
^
^
^
ถูกใจๆ คิดแบบนี้ก็ดีนะครับ ผมหายตาร้อนแล้ว อิอิอิ
อยากให้เรือชุด นเรศวร อัพ ใจจะขาด...น่าจะทำได้แล้วนะเรือใหม่ไว้อีก 2 ปีก็ได้
ถ้าไทยเรามีเรือดำน้ำ ผมว่าเพื่อนบ้านเราคงหาเรือบรรทุกเครื่องบินมาแน่เลย ว่ามะ...
ลองเป็น ผบ.ทร. ดูละกันครับ แล้วจะทราบว่าต้องบริหารกองทัพเรือด้วยงบประมาณที่จำกัดอย่างไร
สวัสดิการก็ต้องดู
อาวุธก็ต้องซ่อม-ปรับปรุง
ใช้หนี้งบผูกพันที่ไปซื้อเชื่อเค้ามาก่อนอีก
เหลือเงินซื้ออาวุธใหม่เท่าไหร่
ต้องบอกรัฐบาลให้เพิ่มงบให้ทหารครับ ไม่มีสถานการณ์ก็ยากที่ฝ่ายการเมืองจะเพิ่มงบให้
ต่อให้รัฐบาลมีเงินเหลือเยอะหรือมีความสามารถในการกู้เงินเยอะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพิ่มเงินให้ทหาร
สรุปว่า กองทัพจะมีอาวุธดี ๆ ครบ ๆ ใช้ ก็ขึ้นอยู่ที่ฝ่ายการเมืองละครับว่าสนับสนุนแค่ไหน กองทัพไม่ได้หาเงินใช้เองนิครับ ยกเว้นแก้กฏหมายให้แต่ละเหล่าทัพทำมาหาได้ด้วยตนเองโดยเงินที่ได้ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง เก็บไว้พัฒนากองทัพเองเลย เสริมกับงบประมาณประจำปี ไม่แน่นะ เราอาจได้เห็นกองทัพที่มีอาวุธครบ ๆ เป็นที่เชิดหน้าชูตาไม่อายชาวบ้านเค้าก็ได้นะครับ สวัสดิการกำลังพลก็จะดีกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
พื้นที่ทหารเยอะ กำลังพลแยะ ปลูกเข้าไปซิครับ พืชพลังงานทดแทน ใช้วิชาการเกษตรที่ถูกต้องเข้าช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ กำไรต่อต้นทุนไม่น้อยกว่า 5 เท่า (มันสัมปะหลัง) แป๊บเดียวซื้อรถเกราะได้เลย เชื่อดิ...
ส่วนหนึ่งมาจากที่พี่เสือใหญ่บอกละครับ...การบริหารการจัดการทรัพย์ยากรอาจจะไม่เต็มประสิทธิภาพก็ได้อย่าไปโทษการเมืองเลยครับ...แต่แนวคิดให้กองทัพหาเงินมาใช้เอง..เข้าท่าครับ
ท่าน Juldas ครับ ผมเข้าไปอ่านใน malaysiandefence.com เห็นเขาบอกว่าเป็นการจัดซื้อ 2 ลำใหม่เอี่ยมนี่ครับ ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นโครงการเรือฟรีเกตป้องกันภัยทางอากาศของเขาน่ะแหล่ะครับ(หรือว่าโครงการใหม่ล่าสุดเอ่ย?) ราคาที่ลงนั้นเกือบ 6,000 ล้านริงกิตทีเดียว (ราวๆ 50,000 ล้านบาทได้มั๊งครับ) ซึ่งดูจากราคาแล้วน่าจะเป็นเรือป้องกันภัยทางอากาศเดิมที่เขาจะจัดหา เพราะตอนนั้นก็จัดงบประมาณไว้แถวๆนี้น่ะครับ แต่รู้สึกว่าแพงขึ้นกว่าเดิมหลายพันล้านบาท ..............................เอ๋ หรือว่า ราคา 6,000 ล้านริงกิตนี้จะรวมไปถึงการปรับปรุงรุ่นเดิม 2 ลำก่อนหน้านั้นให้เป็น batch-2 ด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้น ถือว่ามาเลย์เริ่มมีการพัฒนาในการลดแบบเรือลงและพยายามจัดหาอาวุธประจำเรือเป็นชุดเดียวกันทั้งหมดแบบสิงคโปร์ ซึ่งผมต้องการให้กองทัพเรือของเรามีการพัฒนาไปทางนั้นเป็นอย่างมากครับ
เข้าไปอ่านในเวปของเขา เห็นทางพวกเขาเองด่ารัฐบาลกันกระจายครับว่าราคาเรือฟรีเกต(ซึ่งผมดูสเปกเรือแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรือชั้น formindable ของสิงคโปร์มากนัก)นี้แพงเกินจริงครับ เห็นบอกว่าราคาขนาดนี้ควรจะต่อได้ 4 ลำสบายๆ หรือจัดหาเรือพิฆาตที่ติดอาวุธได้หนักและดีกว่านี้มาก....................และแถมยังสามารถต่อในประเทศได้อีก (ดีลนี้ต่อในอังกฤษโดยอู่ในเครือของ BAE system)
ดูท่าทางงานนี้คงมีการคอร์รับชั่นกันกระจายนะครับ ........... เพราะราคาที่เราจะจัดหา MEKO A-200 ที่ใช้ระบบอำนวยการรบเอจีสชุดเล็ก และใช้ MK-41 VLS ด้วย ยังมีราคาแค่ 32,000 ล้านบาทเท่านั้น (มาเลย์ใช้ MK-48 mod 3 dual pack 2 ชุด ซึ่งติดตั้ง ESSM ได้ 24 ลูก นั่นหมายความว่าไม่ได้ใช้ระบบอำนวยการรบเอจีสในเรือชั้นนี้)
ถือว่ามาเลย์ซื้อของแพงไม่สมราคาครับ แต่มีข้อดีในเรื่องที่จะมีเรือที่ใช้ระบบแบบเดียวกันในชุดเดียว 4 ลำ ซึ่งลดความซับซ้อนการการซ่อมบำรุงและดำรงความพร้อมรบและจำนวนแบบเรือที่น้อยลง
ไว้รอเราหมดปัญหาก่อนนะครับ หวังว่าคงได้เรือเอจีสมาใช้ แม้จะเป็นชุดเล็กก็ตาม เหลือเฟือเลยล่ะครับ
ผมเอามาจากข่าวในหนังสือ WARSHIPS ครับ...เดี๋ยวลองกลับไปอ่านใหม่อีกที...หรืออาจจะสแกน มาให้ช่วยแปลงด้วยครับ...(เพราะผมตกอังกฤษ ครับ..กั๊ก กั๊ก กั๊ก กั๊ก)...แต่เท่าที่อ่านและจับใจความ ไม่เห็นเขาพิมพ์ว่า NEW ครับ...แต่พิมพ์ LEKIU Batch 2 ซึ่งผมจึง เข้าใจไปว่า ที่จะเหมือนกับ ประเทศอังกฤษ ที่มีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพเรือเดิม จะเรียกเป็น Batch 2, Batch 3 ครับ...แต่ในหนังสือ ถ้าจำไม่ผิดก็ไม่ได้บอกถึงมูลค่าครับ....
ว่าไปการปรับปรุงเรือชั้น Lekiu Batch 2 นี้ก็ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเรือป้องกันภัยทางอากาศเต็มตัวนักครับ เพราะระบบหลักอย่าง Radar SMART-S และ Saab Ceros 200 Trackers รวมถึงระบบอาวุธอย่าง ESSM ,ปืน 30มม. และ ปืน76มม. นั้นก็มีอำนาจในการต่อต้านภัยคุกคามทางอากาศที่ค่อนข้างจำกัดอยู่ครับ ทั้งรัศมีการตรวจจับ พิสัยการยิง และจำนวนเป้าหมายที่ต่อตีได้(ขึ้นกับระบบอำนวยการรบด้วย) การปรับปรุงเรือชั้นนี้น่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการป้องกันตัวเชิงรุกมากกว่า แต่ก็เพียงพอสำหรับภัยคุกคามในภูมิภาคขณะนี้ครับ
ซึ่งถ้ามาเลเซียสนใจจะจัดหาเรือป้องกันภัยทางอากาศ แบบเต็มตัวจริงๆนี้อาจจะมองไปทางระบบของยุโรปอย่าง APAR ครับ