มีหลายคำถามนะครับ
1. อยากทราบว่า ค่าใช้จ่ายในการบินต่อเที่ยวของ Jas-39 กับ F-16 A และ C ต่างกันมากไหมครับ คิดเป็นตัวเลข % ได้ไหมครับ เอาแบบคร่าว ๆ ก็พอครับ
2. อยากทราบข้อดีและข้อเสียของการรีโหลดกระสุนรถถังด้วยมนุษย์แบบ Abrams กับ การรีโหลดกระสุนด้วยระบบอัตโนมัติแบบ T-90 และ เลอแค(ชื่อไม่ชัวร์แต่เป็น ถ.ของเมืองน้ำหอม)
3. โทมาฮอค สามารถดัดแปลงหัวรบจากหัวรบธรรมดา เป็นหัวรบนิวเคลียร์ได้หรือไม่
3.1 การโจมตีเป้าหมายอย่างเช่นอาคารใจกลางเมือง ราว ๆ ตึกใบหยก(สมมุติ ๆ) จะโจมตีด้วยโทมาฮอค หรือ F-18 บรรทุก JDAM แบบไหนจะได้ผลดีกว่ากันครับ ช่วยบอกทั้งแบบมีการต่อต้านทางอากาศอย่างหนัก กับไม่มีการต่อต้านทางอากาศเลยด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ ^ ^
ตอบเฉพาะข้อที่รู้นะครับ
ตอบข้อสาม โทมาฮอค การออกแบบและข้อต้องการในครั้ง
แรก ก็เพื่อติดหัวรบ นิวเคลียร์อยู่แล้วครับจวบจนเมื้อ สหภาพ
โซเวียตได้ล่มแตกแยกไป จึงมีการเอามาใช้ทั่วๆไปอย่างที่
เห็น(สำหรับเป้าหมายที่มีความสำคัญสูง เสี่ยงต่อการถูกตอบ
โต้อย่างสูงจากฝ่ายตั้งรับ)
ข้อ สี่ น่าจะพอๆกัน ทั้งคู่สำหรับผลที่จะเกิด แต่ให้ ทางเลือก
ของ f18 ที่ใช้ เจแดม เป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะน่าจะ
ประหยัดกว่า
ข้อ 1 และ 2 รอผู้สันทัดกรณี มาตอบอีกที
แต่ถ้าความเห็นส่วนตัว ข้อหนึ่ง jas39 น่าจะประหยัดกว่า 1ใน3ของ f16
และการบรรจุกระสุน ของรถถัง ถ้าใช้ผลบรรจุ น่าจะได้ความ
ชัวร์กว่า ใช้เครื่องจักร ได้ยินมาว่า ในรุ่น t70 มีปัญหามากับ
ระบบ บรรจุอัตโนมัติ ไม่แน่ใจว่ารุ่นหลังๆพัฒนาไปได้แค่ไหน
แต่ ถ. ที่ใช้ผลบรรจุ จะมีขนาดใหญ่กว่า ถ. ที่ใช้เครื่องบรรจุ
และสิ้นเปลืองบุคลากร มากกว่าความคล่องตัวก็อาจจะน้อย
กว่าใช้เครื่องบรรจุด้วย ข้อดีข้อเสียน่าจะ เป็นประเภทได้
อย่างเสียอย่าง *** ความเห็นส่วนตัว***
ปล ชอบ รถถัง ตระกูล T มากเลยครับ คลาสสิคดี
Gripen = F-16 หาร 2
Su-30 = F-16 คูณ 2
สาเหตุอันหนึ่งที่มันต่ำก็คือ มันจะระบบคอมพิวเตอร์คอยตรวจสอบครับ จิ๊ม notebook เข้าเครื่องแล้วคอมมันจะบอกว่าอะไรพังบ้าง จะได้ไม่ต้องรื้อมายกแผงครับ
ชื่อถ้าไม่ชัวร์ก็ทับอังกฤษไปได้เลยครับ ใช้คำว่า LeClerc แทนก็ได้เข้าใจกันหมดละครับ
ตอบข้อ 2 ก่อนเลยก็แล้วกันครับ (ช่วย)
รถถังที่มีพลบรรจุเป็นคนจะมีความเชื่อถือได้มากกว่าเพราะโดนยิงยังไงก็สามารถบรรจุกระสุนต่อไปได้ (จนกว่าพลบรรจุจะเดี้ยงหมดสภาพ ซึ่งทนได้มากกว่าเครื่องบรรจุเกือบจะแน่นอน) และพลบรรจุยังสามารถเป็นแรงงานช่วยงานจิปาถะอื่นๆ ได้ด้วยครับ ข้อเสียก็อย่างที่คุณ Acid ว่าไว้ คือขนาดมันจะใหญ่ไปหน่อย เป็นเป้าได้ง่ายกว่านิดหนึ่ง
T-72 มีปัญหาจริงอย่างที่คุณ Acid ว่าไว้ครับ คือไม่มีระบบความปลอดภัยเลย (ลักษณะบรรจุจะเป็นแบบลูกกระสุนโผล่มาจากที่เก็บแล้วมีตัวกระแทกดันกระสุนเข้าปืน) คนในรถต้องระวังไม่ให้แขนเสื้อหรืออะไรเข้าไปติดเด็ดขาดไม่อย่างนั้นเสียแขนแน่ครับ
ขอบคุณทุกท่านมากครับ
1.สมัยเอฟ-16เอ เข้าประจำการใหม่ๆเมื่อ 10ปี ก่อนโน้น สมรภูมิเคยลงค่าใช้จ่ายต่อเที่ยว บวกค่าเสื่อมราคาประมาณ ใกล้ๆสองแสนบาทไทยครับ เพราะใช้เครื่องยนต์เทคโนโลยี่เก่าอย่างพวก เอฟ-100 หรือ 101 ครับ ส่วน แจสใช้เครื่อง เอฟ-404 ที่ออกแบบมาใหม่กว่าชิ้นส่วนสึกหลอต่ำกว่า กินน้ำมันน้อยกว่า แถม เครื่องบินพลเรือนหลายๆแบบก็นิยมใช้ ดังนั้น ถ้าเทียบความคุ้มค่าน่าใช้ เมื่อดูแค่เครื่องยนต์อย่างเดียว เครื่อง เอฟ-404 กินขาดครับ ส่วนเรื่องระบบบลูธูท ที่ใช้ในการตรวจซ่อม ของแจส ที่ใช้งานง่ายกว่าแบบเอาสายไปเสียบที่ตัวเครื่องนั่นก็เป้น ข้อเด่นอีกข้อของแจสครับ
2.ระบบป้อนกระสุนด้วยมือของเอแบรม ห้องเก็บกระสุนกับห้องบรรจุ กระสุน จะแยกกันอยู่ครับ เวลากระสุนด้าน พลบรรจุสามารถแก้ไขได้เองทันที หรือ อีกกรณีเมื่อห้องเก็บกระสุน เกิดระเบิด ขึ้น พลยิงจะปลอดภัย ครับเพราะ เอแบรม มีผนังกั้นห้องอย่างแข็งแรง
3.โทมาฮอค์กเดิมออกแบบไว้สำหรับสงครามเย็นครับเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ชนิดหนึ่งที่อดีตสหภาพโซเวียตกลัวมากเพราะแทนที่มันจะบินมาระยะสูง ระดับ สตาร์โตเฟียร์ หรือ แสน เมตร เหมือนขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ทั่วไปมันกลับบินต่ำๆเรื่ยๆพื้น ระยะประมาณแค่100 เมตร เท่านั้นเอง ส่วนหัวรบนี่ แล้วแต่จะใส่ครับจะเป็นนิวเครียขนาดเล็ก หรือ ระเบิดหัวรบ ธรรมดาก็ได้ทั้งนั้นครับ
ส่วนเจแดม นั้นต้องอาศัยเครื่องบินเป็นตัวพาไปครับดังนั้นโอกาสที่ โอกาสเสียนักบินก็ย่อมมีมากกว่าโทมาฮอกค์ ครับ
ส่วนเรื่องจะฝ่าด่านป้องกันภัยทางอากาศนั้นผมว่าทั้งสองตัวมีโอกาสถูกยิงตก เท่าๆกันครับ เพียงแต่ โทมาฮอกค์ มันเหมือนหุ่นยนต์ ดังนั้นมันจึงได้รับโอกาสให้ออกไปเสี่ยงตายก่อนเสมอครับ ดูจากสงครามอ่าวทั้งสองรอบก็ได้ครับ