จากที่สัญญาเอาไว้ว่า ผมจะไปสืบหาแหล่งข้อมูลของราคา Gripen มา และวันนี้ก็ได้มาแล้วครับ.........ซึ่งราคาในบทความนี้ คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนตามเวลาที่มีการเซ้นสัญญาตามคำแนะนำของท่านลุงหมี หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ
เหมือนเดิมครับผม.....ข้อความทั้งหมดที่ปรากฏในบทความนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของผม สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลัขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของบทความนี้ ไม่ว่าวิธีการทางอิเล็กทรอนิคหรือไม่ใช่อิเล็กทรอนิค โดยปราศจากการอนุญาตอย่างเป็นทางการของเจ้าของบทความ อนึ่ง รูปภาพที่ปรากฏในบทความนี้ ไม่ใช่งานที่สร้างขึ้นโดยเจ้าของบทความ เจ้าของบทความไม่มีสิทธิเหนือรูปเหล่านั้น และสิทธิเหนือรูปเหล่านั้นเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์
นักข่าวท่านใด จะคัดลอบไปลงตามเงื่อนไขที่ได้กล่าวมาข้างต้น ถ้าเป็นผู้มีจรรยาบรรณและมีเกียรติศักดิ์ศรีเพียงพอ ก็จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของบทความคือผมก่อนครับ
แหม.....พูดอย่างงี้แล้ว ถูกนักข่าวก๊อปชัวร์
Czech Gripen
ผมขอเริ่มที่เช็คก่อนครับ เพราะผมต้องการเรียงลำดับตามลักษณะของการซื้อ
เช็คเช่าครับ....ในสัญญาเช่า 10 ปีของสาธารณรัฐเช็คนั้นประกอบไปด้วย
- JAS-39C จำนวน 12 ลำ
- JAS-39D จำนวน 2 ลำ
- เครื่องจำลองการบิน (Flight Simulator)
- ระบบวางแผนการรบ (Mission Planing System)
- อุปกรณ์ทางการบินของนักบิน
- ระบบสนับสนุน
- การฝึกทั้งนักบินและเจ้าหน้าที่ภาคพื้น
ทั้งนี้ ทางสวีเดนจะให้ Industrial Offset หรือการตอบแทนทางอุตสาหกรรมต่อสาธารณรัฐเช็คเป็นเวลา 10 ปีในมูลค่า 130% ของมูลค่าสัญญาการเช่าเครื่องบิน
แม้ว่าการแจ้งต่อรัฐสภาของกองทัพอากาศเช็คว่าจะจัดซื้อไปใช้งานถาวรหลังจากการเช่าจะยังไม่มีตัวเลขราคาออกมาว่าอยู่ที่เท่าใด แต่ในสัญญาเช่า 10 ปีอย่างเดียว เป็นจำนวนเงิน....
19.650 พันล้านโครวูน่า (Koruna) ณ ปี 2004
ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าของเรา finance.yahoo.com ทำให้เราต้องกลับไปดูอัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง CZK ไปเป็น USD ในปี 2004 ครับ
เป็นค่าเงินที่น่าอิจฉามากครับ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ฉะนั้นเพื่อความสะดวก ผมจึงขอใช้ค่าเงิน ณ วันนี้ครับ เพราะความแตกต่างไม่มากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญได้
19,650,000,000 CZK = 1,022,000,000 USD
และเมื่อเปลี่ยนเป็นเงินบาทในปี 2004 ก็จะได้
1,022,000,000 USD = 32,198,000,000 THB
ในสัญญานั้นเช็คเช่าไปจำนวน 14 ลำ ทำกับราคาลำละ
73,000,000 USD หรือ 2,299,000,000 THB
ณ 2004
Hungary Gripen
ฮังการีเริ่มโครงการในการเช่าและจัดซื้อ Gripen A/B ในปี 2001 ครับ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลจึงมีการเปลี่ยนความต้องการใหม่ โดยฮังการีต้องการเครื่องบินมาตราฐานนาโต้ จึงเปลี่ยนการดำเนินการมาเป็นรุ่น C/D และเซ็นสัญญาในปี 2003
ในการผลิตเครื่องบินของฮังการีนั้น ใช้ตัวถังเครื่องเก่ารุ่น A/B ของกองทัพอากาศสวีเดนในการทำ ส่วนที่เพิ่มเติมและเปลี่ยนก็มีเช่น
- เครื่องยนต์ใหม่ RM-12B
- ปีก
- ระบบเอวิโอนิกส์
- ระบบเติมน้ำมันกลางอากาศ
- ระบบไฟฟ้าใหม่ (APU)
- ระบบสงครามอิเล็กทรอนิค EWS39
- ไพลอน และระบบต่าง ๆ ที่ทำให้เข้ากับระบบ NATO ได้
- การฝึก
- ระบบวางแผนการรบ (Mission Planing System)
- การเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงของทอ.สวีเดนที่จะทำให้เครื่องได้รับการ upgrade ทุก 3 ปี
ทั้งนี้ ทางสวีเดนจะให้ Industrial Offset หรือการตอบแทนทางอุตสาหกรรมต่อฮังการีมูลค่า 110% ของมูลค่าสัญญาการเช่าและจัดซื้อเครื่องบิน
ซึ่งมูลค่าของสัญญาล่าสุดที่ฮังการีจะได้รับ JAS-39C/D NATO Standard ทั้งหมดมีมูลค่าเป็นจำนวนเงิน....
210 พันล้านฟอริน (Forint) หรือ 1.09 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐในปี 2003
กลับมาหา finance.yahoo.com ของเราอีกครั้งครับ
ในเมื่อเรามีมูลค่าของ USD ณ วันนั้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนเป็น USD อีกครับ ฉะนั้นขออ้างอิงค่าเงินเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินบาทเลย
ณ ปี 2003 1 USD = 44 THB ฉะนั้น....
1,090,000,000 USD = 47,960,000,000 THB
และกองทัพอากาศฮังการีสั่งซื้อจำนวน 14 ลำ จึงเท่ากับลำละ
77,000,000 USD หรือ 3,388,000,000 THB
ณ 2003
ขอขัดนิดนึงครับท่าน ค่าเงินบาทวันที่ 14 มิถุนายน 2004 (2547)อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 40.93 บาท ครับ
http://www.bot.or.th/BOTHOMEPAGE/databank/FinMarkets/ExchangeRate/exchange_t.asp
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2547
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ใช้ซื้อขายกับลูกค้า
สหรัฐอเมริกา ดอลลาร์ สหรัฐฯ อัตราขายถัวเฉลี่ย 40.9306
1,022,000,000 USD x 40.93 =41,830,460,000 บาท
ส่วนกริปเปน ซี กับดี ราคาไม่น่าจะเท่ากันอ่ะครับ
South Africa Gripen
แอฟริกาใต้สั่งซื้อ Gripen จำนวน 28 ลำ รวมกับ Hawk จาก BAE SYSTEM อีก 24 ลำ ในสัญญารวมกันมูลค่า 1.5 พันล้านปอนด์
รายละเอียดของ Gripen ของแอฟริกาใต้ แนะนำให้ลองอ่านที่นี่ครับ
http://www.gripen.com/NR/rdonlyres/BB3CABAB-0220-4F2E-B87D-E681AF3BE1BE/0/GripenSuccessStory_SA_low.pdf
ซึ่งเป็นสัญญารวมกัน แต่จากเอกสารนี้...........
ซึ่งระบุราคาไว้ในหน่วย USD แล้วครับ......ซึ่งถ้ากลับไปดูกระทู้นี้
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=5245&language=1
หลาย ๆ ท่านได้นำราคาของ Gripen ของแอฟริกาใต้มาลงแล้ว ผมจึงจะไม่ขอกล่าวซ้ำ
และต้องอย่าลืมว่า แอฟริกาใต้ใช้ระบบเอวิโอนิคของตนเองบางส่วน รวมถึงอาวุธบางส่วนก็ใช้อาวุธของตนเองด้วย จึงทำให้ไม่ต้องจัดหาอาวุธเพิ่มมากนัก
ทำให้หารออกมาจากมูลค่า 1,900,000,000 USD แล้ว จะได้ออกมาว่า Gripen ของแอฟริกาใต้ 28 ลำ (คิดอัตราเฉลี่ยระหว่างปี 2000 และ 2004 ที่ 1 USD = 45 THB ) ตกราคราลำละ
67,000,000 USD หรือ 3,015,000,000 THB
Thailand Gripen
สัญญาของเรามีมูลค่า 1100 ล้านเหรียญ ประกอบไปด้วย Gripen 12 ลำ S-100B 2 ลำ และ Saab 340 1 ลำ
หารออกมาแล้ว จะตกลำละ 91,000,000 USD
และจากข้อมูลของผมที่เคยให้ท่านไป S-100B 1 ลำตกลำละ 145 - 200 ล้านเหรียญสหรัฐ....สมมุติเราได้ระบบที่ต่ำที่สุดคือ 145 ล้านเหรียญ; 2 ลำก็เป็น 290 ล้านเหรียญ.....Saab 340 ผมหาราคาไม่เจอ...แต่ Embraer 145 ราคา ราว 16 - 22 ล้านเหรียญ....ฉะนั้นขอตัดง่าย ๆ เลยสำหรับ Saab 430 ว่า 10 ล้านเหรียญ......รวมแล้วราคาตลาดของทั้งสามเครื่อง 300 ล้านเหรียญ
ลองไปหักลบมูลค่าสัญญา....จะเหลือ 800 ล้านเหรียญ
หารออกมาแล้ว จะตกลำละ 66,000,000 USD
ย้ำว่า 66 ล้านเหรียญนี่ ต้องไปรวมกับราคาอาวุธ อุปกรณ์สนับสนุน การฝึก อะไหล่ ต่าง ๆ ด้วยครับ
เห็นภาพหรือยังครับ....ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งนั้นเองของของในสัญญาที่จะตัดลดราคาลงไป
ขอจบการบรรยายเรื่อง Thailand Discount Package แต่เพียงเท่านี้ครับ
ปล. ความเห็นนี้ ไม่เหมาะสม ลบได้ครับ
ข้อแก้ไขข้อความข้างต้นครับ
หารออกมาแล้ว จะตกลำละ 66,000,000 USD
ย้ำว่า 66 ล้านเหรียญนี่ เป็นราคารวมกับราคาอาวุธ อุปกรณ์สนับสนุน การฝึก อะไหล่ ต่าง ๆ ด้วยครับ ฉะนั้นราคาจริงจะถูกกว่านี้อีก ถ้าในกรณีของแอฟริกาใต้ที่มีราคาอุปกรณ์อื่น ๆ อีกราคา 20 ล้านเหรียญ จะทำให้ราคาตัวเปล่าจริง ๆ เหลือ 46 ล้านเหรียญ
หรือถ้าคิดอีกแง่
เราก็อาจจะจ่ายราคาปกติ คือราว 75 ล้านเหรียญ (รวมกับราคาอาวุธ อุปกรณ์สนับสนุน การฝึก อะไหล่ ต่าง ๆ แล้ง) ........แต่ ERIEYE 2 ลำ และ Saab 340 นั้น ราคาจะเหลือเพียง 200 ล้านเหรียญ....ราคา 3 เครื่องเท่ากับราคาเต็มเครื่องเดียว
เพิ่งมาเห็นความเห็นของคุณลุงหมี และตรวจสอบดู พบว่าใส่ตัวคุณผิดครับ ต้องเป็นตามนั้นครับ 41,830,460,000 บาท
ปล. บทความนี้อนุโลมว่า C และ D ราคาเท่ากันครับ
คุณสกายแมนครับขอขัดนิดนึง ตรงราคาของเชค
ที่ท่านบอกว่า
และเมื่อเปลี่ยนเป็นเงินบาทในปี 2004 ก็จะได้
1,022,000,000 USD = 32,198,000,000 THB
วันที่ 14 มิถุนายน 2004 (2547)อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 40.93 บาท ครับ
http://www.bot.or.th/BOTHOMEPAGE/databank/FinMarkets/ExchangeRate/exchange_t.asp
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2547
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ใช้ซื้อขายกับลูกค้า
สหรัฐอเมริกา ดอลลาร์ สหรัฐฯ อัตราขายถัวเฉลี่ย 40.9306
1,022,000,000 USD x 40.93 =41,830,460,000 บาท
วันที่ 14 มิ.ย.47 รู้สึกว่าเป็นวันที่ลงนามสัญญา ( ผมเอามาจากเวป FMV )
โอเคครับผม
อืม ผมลองมาคิดๆ ดูครับ อย่างเมื่อกี้ผมไปเช็คค่าเงินเชค คราวน์ กับค่าเงินบาท ณ วันที่ 14 มิ.ย. แล้วคำนวณมูลค่าสัญญาเป็นเงินบาท โดยเทียบกับเงินเช็คในวันนั้นจะได้มูลค่าประมาณ 3หมื่นกว่าล้านครับ ( ถ้าสนใจลองเข้าเวปธนาคารแห่งประเทศไทยดูตรงอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับคราวน์ดูครับ)
จากตรงนี้ทำให้ผมกลับมาคิดว่าเรื่องค่าเงินเทียบกลับไปกลับมา บางทีก็ทำให้มองได้ว่า ถ้าประเทศนั้นๆ ได้กำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินก็เป็นปัจจัยที่สำคัญตัวนึงเหมือนกัน เฉกเช่นกับการนำเข้าสินค้าอื่น ๆ ที่มีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมาเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ สำหรับเชค ดูจากกราฟแล้วอัตราแลกเปลี่ยนเงินคราวน์เขาเทียบกับดอลล่าร์ค่อนข้างเสถียรมากครับ กราฟแทบเป็นเส้นตรง การจ่ายเงินของเขาไม่ว่าเขาจะจ่ายคงที่ที่ หนึ่งหมื่นเก้าพันหกร้อยห้าสิบล้านคราวน์ หรือจะจ่ายเป็น 1.02 พันล้านดอลล่าร์ ก็ไม่มีผลได้เสียอะไรมากนัก
ในขณะที่ดูค่าเงินฮังการี กับค่าเงินของไทย แล้ว ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนสหรัฐสูงมากครับ ในรอบห้าปี เงินบาทของไทย ช่วงที่ค่าเงินแข็งสุดกับอ่อนสุด เทียบกับดอลล่าร์ต่างกันร่วม 10 บาทก็มีครับ ส่วนฮังการีเช็คดูแล้วกราฟรอบห้าปีก็ขึ้น ๆลง ๆ ครับ
สัญญาของเรา 1.1 พันล้านดอลล่าร์ ถ้าเทียบเป็นเงินบาทวันที่ 16 ตุลาคม 1 ดอลล่าร์แลกได้ 34.27 บาท ถ้าอย่างนั้นมูลค่างบประมาณที่เราต้องจ่ายถ้าเทียบเป็นเงินบาทวันนั้นประมาณ สามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยล้านบาท ครับ ( อันนี้เป็นอัตราขายในประเทศ ถ้าเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในตลาดต่างประเทศรู้สึกว่าค่าเงินเราแข็งกว่านี้อีก ) ทีนี้เงินที่เราต้องจ่ายก็เป็นงวด ๆ แล้วเราได้ทำประกันสัญญาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนตรงนี้ด้วยใช่มั้ยครับ ปกติที่ซื้อขายสินค้าล๊อตใหญ่กับต่างประเทศ เอกชนเขาจะซื้อประกันเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วย สำหรับรัฐบาลผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาต้องซื้อหรือเปล่า ถ้ามีประกันเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่มีปัญหาอะไรนัก ตัวเลขที่ได้มันก็จะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าไม่มี ถ้าวันที่ต้องจ่ายเงิน ค่าเงินแข็งเราก็ได้กำไรอีก แต่ถ้าค่าเงินเราอ่อนเราก็จะขาดทุนเรื่องค่าเงินไปซะอีก
แต่ถ้านำมาเทียบเป็นดอลล่าร์เพื่อเปรียบเทียบกันมูลค่า 1.1 พันล้านดอลล่าร์ของเราก็นับว่าใกล้เคียง เมื่อเทียบกับเช็คและฮังการี (1 ถึง 1.1 พันล้านดอลล่าร์) ( เมื่อพิจาณาถึงแพคเกจตามสัญญาของประเทศผู้สั่งซื้อนั้น ๆ ครับ)
เรื่องเทียบราคา ผมขอใช้ราคาตามสกุลเงินกลาง เพื่อจะได้เปรียบเทียบกันได้ง่าย...เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา แต่ตามสัญญาที่ตกลงกัน จะเป็น ดอลล่าร์ คงที่...อันนี้ ผมสรุปตามข้อมูล ที่เปิดเผยโดยทั่วไปในข้อมูล SIPRI....
ในข้อมูล ราคาจะมีความแตกต่างกันไป หาราคากลางยาก แต่ถ้าอยากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจน คงต้องให้นักการเงิน เทียบมูลค่าปัจจุบัน ของเงินดอลล่าร์ ในแต่ละปี เทียบกับปีปัจจุบัน ก็จะได้ราคาที่เปรียบเทียบได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด....
จึงอยากขอยืนยันว่า ทอ. ควรจะบอกว่าเป็น เพคเกจ มากกว่า จะบอกว่าเป็นของแถม มันจะเท่กว่ากันเยอะครับ...
โห ท่านสกายแมน ในนามสื่อสิ่งพิมพ์วิทยูโทรทัศน์แห่งประเทศสารขัณฑ์ต้องขอขอบคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ กระทู้เดียว Ctrl+C Ctrl+V ง๊าย ง่าย 555
ถ้าหน่วยงานของรัฐโปร่งใส แล้วประชาสัมพันธ์เก่งกว่านี้หน่อย จะดีมากเลย ท่านว่ามั้ย..
ขอบคุณท่าน Skyman มาก สาระดีๆข้อมูลแน่นๆอย่างนี้ผมให้ A+ ครับ
ยอดเยี่ยมครับ เป็นความรู้ที่ดีมากๆ เอาไปลงในพันทิป เลยครับ หว้ากามรออยู่ คราวนี้ระวังๆนะครับ เดี๋ยวจะได้ลง นสพ. แบบไม่ให้เครดิต ถ้าใครทำ ฟ้องร้องให้ ship มันหายไปเลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันตรวจสอบนะครับ
แต่สะดุดใจคำพูดของท่านลุงหมีคำหนึ่ง......
"อันนี้เป็นอัตราขายในประเทศ ถ้าเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในตลาดต่างประเทศรู้สึกว่าค่าเงินเราแข็งกว่านี้อีก "
ใช่ครับ........ค่าเงินบาทตอนนี้ เรามี On Shore กับ Off Shore นี่..........ถ้าเกิดว่าเอาประเด็นนี้มาคิดด้วยแล้ว ก็ต้องดูว่าเราจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนตรงไหนด้วยครับ......ซึ่งตรงนี้ผมไม่มีความรู้เลย ท่านใดมีความรู้ โพสบอกกันจะขอบคุณมากครับ
Gripen ของแอฟริกาใต้ เขาแทรกเข้าไปใน juldas ว่าล่ะครับ อีกทั้งชิ้นส่วนบางชิ้น avionic บางแบบ รวมถึงอาวุธบางอย่าง (A-Darter, R-Darter) เขาก็ใช้ของเขา......ผมว่ากรณีเหล่านี้แหละครับที่ทำให้เขาซื้อได้ถูกกว่าชาวบ้าน
ผมประเมินราคา ERIEYE ต่ำแค่ 145 ล้านเหรียญต่อลำ แต่มาดู Chart ของท่าน juldas แล้ว ราคาวิ่งไป 183 ล้านเหรียญต่อลำ (แต่เขาใช้ Saab-2000 ในขณะที่เราน่าจะได้ Saab-340).........มองยังไงก็ตาม นี่มันแพ็คแก็จลดราคาขนานแท้เลยครับ.....เท่ากับว่าเราซื้อ ERIEYE สุดถูก
มันอยู่อินเดีย ผลุบ ๆ โผล่ ๆ มา มันยังอุตส่าห์มาแซว......
ระวังไว้เต๊อะ นั่งแซวคนอื่นเขา ...... คน ๆ นั้นของคุณน่ะ ดูแลบ้างนะ ...... Love is a matter of distance นะท่าน
"ในข้อมูล ราคาจะมีความแตกต่างกันไป หาราคากลางยาก แต่ถ้าอยากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจน คงต้องให้นักการเงิน เทียบมูลค่าปัจจุบัน ของเงินดอลล่าร์ ในแต่ละปี เทียบกับปีปัจจุบัน ก็จะได้ราคาที่เปรียบเทียบได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด...."
ตามที่ท่าน juldas ว่ามา ถือว่าถูกต้องตามหลักการครับ ( ผมไปถามแฟนผมที่จบบัญชีก็บอกมาประมาณนี้เหมือนกันครับ )
เขาจะมีวิธีค่าเงินในอดีตคิดออกมาให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน คิดเรื่องดอกเบี้ย อะไรไปด้วย เป็นสูตรคำนวณเลย