http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5936880/P5936880.html
จะเหมือน กับรถหุ้มเกราะล้อยางหรือเปล่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=7810&catid=1
เอ็นจีโอ-สื่อสวีเดนโวยรัฐบาลขายเครื่องขับไล่'กริฟเฟน' รัฐบาลไทยซึ่งเป็นเผด็ ขณะที่ชอบอ้างว่าวางตัวเป้นกลาง เว็บไซต์สารานุกรมดังระบุราคาแค่ลำละ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม12 ลำ มูลค่า 20,000 ล้าน แต่ไทยซื้อมูลค่ากว่า 34,000 ล้าน ทอ.แจงไม่มีค่านายหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมว่า หนังสือพิมพ์'ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูน'รายงานเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมว่า กรณีที่ทางกาสวีเดนเตรียมขายเครื่องบินรบเอนกประสงค์ กริฟเฟน ให้กับกองทัพอากาศไทยกำลังกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในสวีเดน เพราะมีหลายฝ่ายออกมาคัดค้าน หลังจากที่มีการประกาศความตกลงที่จะซื้อขายดังกล่าวกันในสวีเดนเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เสียงคัดค้านเป็นเพราะเห็นว่ารัฐบาลไทยในเวลานี้เป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
ทั้งนี้นายโอลา แมตต์สัน เลขาธิการสมาคมสันติและการรอมชอมแห่งสวีเดน (เอสพีเอเอส) ระบุว่า รัฐบาลสวีเดนไม่ควรขายอาวุธให้กับประเทศไทยที่เป็นประเทศเผด็จการทหาร ในขณะที่นายแจน โอเอล แอนเดอร์สสัน ผู้อำนวยการโครงการสถาบันกิจการระหว่างประเทศ ที่เป็นสถาบันทางวิชาการอิสระของสวีเดน ชี้ว่าการที่สวีเดน ซึ่งเป็นประเทศเป็นกลาง ยึดถือแนวทางเป็นกลางมายาวนาน กลับมาผลักดันกิจการขายอาวุธระหว่างประเทศ นอกจากจะทำให้การดำรงความเป็นกลางยุ่งยากขึ้นแล้วยังทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศที่ส่งเสริมเสรีภาพ สันติภาพไม่ได้รับการเชื่อถืออีกต่อไป
ผู้สื่อข่าวระบุด้วยว่าจากการตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์วิกิพีเดีย ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า กริฟเฟน หรือ กริฟฟิน เป็นเครื่องบินรบแบบอเนกประสงค์ สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลายภารกิจ ทั้งประจันบาน, โจมตี (ด้วยจรวดจากอากาศสู่อากาศ) และ เครื่องบินตรวจการณ์ ขณะนี้มีประจำการอยู่ในกองทัพอากาศของ 4 ประเทศ ประกอบด้วย สวีเดน, แอฟริกาใต้, ฮังการี และสาธารณรัฐเชค โดยจนถึงเดือนกันยายนปี 2549 ที่ผ่านมามีการสร้างเสร็จและส่งมอบแล้วรวม 184 ลำ ยังมีคำสั่งซื้อคงค้างอยู่อีก 232
วิกิพีเดีย ระบุว่าราคาขายต่อลำไว้ว่า อยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์ในปี 2541 และ 45-50 ล้านดอลลาร์ในปี 2549 ซึ่งหากเป็นไปตามนั้น มูลค่าของเครื่องบินดังกล่าวที่ทางการไทยจัดซื้อรวม 12 ลำจะเท่ากับเพียง 600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 20,400 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่กองทัพอากาศของไทยระบุจะซื้อเครื่องดังกล่าวตากสวีเดนสูงถึง 34,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า เครื่องบินกริฟเฟน มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น คือ เจเอเอส 39เอ, เจเอเอส 39บี, เจเอเอส39ซี, เจเอเอส 39ดี และ เจเอเอส 39อี/เอฟ และวิกิพีเดียไม่ได้ระบุแต่อย่างใดว่า ราคาต่อหน่วยดังกล่าวเป็นราคาของรุ่นใด ในขณะที่ทางกองทัพอากาศไทยระบุว่าจะจัดซื้อเครื่องบินกริฟเฟนรุ่น เจเอเอส 39ซี/ดี (เครื่องบินรบในสมรรถนะเดียวกับเครื่องบินรบของนาโต้ ที่มีที่นั่งเดี่ยวและ 2 ที่นั่ง)
น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือน และรองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ทดแทนเอฟ 5 อีเอฟ ซึ่งกองทัพอากาศมีข้อสรุปที่จะซื้อเครื่องบินกริฟเฟนของสวีเดน ว่า ขณะนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังไม่มีการลงนามเซ็นสัญญาอะไรกับทางสวีเดน เพราะการจัดซื้อครั้งนี้ดำเนินการด้วยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปกองทัพอากาศจะเสนอโครงการไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อพิจารณาเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติให้กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินกริฟเฟนเข้าประจำการ ส่วนขั้นตอนการลงนามอยู่ที่รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามหรือจะให้กองทัพอากาศลงนามสัญญาก็ได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อไปตามระเบียบ
รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า สำหรับการจัดซื้อของกองทัพอากาศครั้งนี้เป็นการของบประมาณประจำปี 2551 ตามปกติที่กองทัพอากาศจะได้รับการพิจารณา ไม่ใช่เป็นงบพิเศษเพื่ออนุมัติจัดซื้อ แต่เป็นการเกลี่ยงบประมาณในโครงการต่างๆของกองทัพอากาศ ซึ่งเราได็ดำเนินการคัดเลือกโครงการที่มีความเร่งด่วนและระงับโครงการบางอย่างที่จะเสนอของบประมาณในปี 2552 ออกไป เพราะกองทัพอากาศมีความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้อเครื่องบินขับไล่มาทดแทนเครื่องบินเอฟ 5 ที่จะปลดประจำการไป ทั้งนี้ การจัดซื้อเครื่องบินกริฟเฟนนี้ เราดำเนินการด้วยเงินงบประมาณไม่มีการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือบาร์เตอร์เทรดตามนโยบายเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้งไม่มีค่าขายหน้าหรือค่าคอมมิสชั่นใด เพราะเป็นการจัดซื้อด้วยวิธีแบบรัฐต่อรัฐ
"เหตุผลสำคัญที่กองทัพอากาศเลือกที่จะซื้อเครื่องบินกริฟเฟน เพราะกองทัพอากาศพิจารณาอย่างรอบด้าน และสวีเดนมีข้อเสนอให้กับเราแบบเต็มออฟชั่น สิ่งสำคัญที่สุดคือสวีเดนมอบซอล์ทโครตเดต้า ซึ่งเป็นรหัสข้อมูลเครื่องให้กับเราไว้เพื่อพัฒนาระบบได้เองในอนาคต ซึ่งไม่มีประเทศใดมอบรหัสตัวนี้ให้กับไทย บ่งบอกถึงความจริงใจ รวมถึงการสนับสุนนหลังการขายสวีเดนที่ดีมาก ซึ่งกองทัพอากาศแทบไม่จำเป็นที่จะต้องซื้ออะไรเพิ่มเติม"รองโฆษกกองทัพอากาศกล่าว
น.อ.มณฑล กล่าวว่า ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่ากองทัพอากาศใช้เหตุผลที่ซื้อเครื่องบินกริฟเฟน เพราะอ้างข้อกฎหมายที่สหรัฐไม่ขายอาวุธให้กับประเทศรัฐประหารนั้น ซึ่งวันที่แถลงข่าวมีสื่อมวลชนถามประเด็นนี้ ผู้บัญชาการทหารทหารอากาศไม่ได้ระบุว่าเหตุผลที่ซื้อเครื่องบินกริฟเฟนด้วยเหตุผลข้างต้น ท่านชี้แจงชัดเจนว่าการซื้อเครื่องบินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางทีเรามีเงินที่จะซื้อ แต่ประเทศผู้ขายเขาไม่ยอมขายให้ก็ได้ โดยเฉพาะระบบอาวุธ ซึ่งหากเราซื้อเครื่องบินรบ แต่ติดปัญหาที่ไม่ได้อาวุธตามต้องการ ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก เพราะเราจะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุด และผู้บัญชาการทหารอากาศก็ยืนยันชัดเจนว่า เครื่องบินกริฟเฟนสมรรถะการรบไม่ได้ด้อยกว่าเครื่องบินรุ่นอื่นที่พิจารณาเลย และเหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์ของเรามากที่สุด ซึ่งเราส่งนายทหารระดับสูงของกองทัพไปทดลองขับเครื่องบินทั้ง 3 รุ่น คือ เครื่องบินเอฟ 16 ซีดี เครื่องบินซู 30 และเครื่องบินกริฟเฟน ซึ่งสมรรถะของเครื่องบินกริฟเฟนไม่ได้ด้อยกว่าเครื่องบินรุ่นอื่นเลย
'เครื่องบินทุกรุ่นเป็นเครื่องบินที่ดี แต่อะไรคือสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุด เครื่องบินเอฟ 16 ซีดีของสหรัฐก็ดี แต่ติดปัญหาบางอย่างที่กล่าวมา ยกตัวอย่างมีประเทศหนึ่งที่เล็กขอซื้อเครื่องบินเอฟ 16 แต่เขาไม่แถมระบบอาวุธที่ดีและทันสมัยให้ ด้วยเหตุผลประเทศนี้คงไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธที่หนักและทันสมัย แต่เมื่อมีประเทศหนึ่งที่ใหญ่กว่ากลับให้อาวุธที่ดีและทันสมัย มากกว่าประเทศที่เล็ก อย่างนี้กถือว่าไม่แฟร์กลับประเทศผู้ซื้อ ขณะที่เครื่องบินซู 30 ก็เป็นเครื่องที่ดี แต่มีปัญหาที่เครื่องบินชนิดนี้ลำใหญ่ใช้น้ำมันจำนวนมาก ดังนั้น ในอนาคตเราจะรับปัญหาตรงนี้ได้หรือไม่ หากไม่มีเงินเติมน้ำมันก็เท่ากับเสียเปล่า ซึ่งเครื่องบินกริฟเฟนเป็นเครื่องที่เล็ก และทันสมัยมีความคล่องตัวสูง ด้วยราคาขนาดนี้ถือว่าดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดกับกองทัพไทย ที่สำคัญคือออฟชั่นที่เขาเสนอให้เรา ซึ่งดีกว่าข้อเสนอของประเทศอื่น'รองโฆษกกองทัพอากาศกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของ'มติชน ออนไลน์'พบว่า เครื่องบินกริฟเฟ็น เป็นเครื่องบินรบผลิตโดยบริษัท'Saab'โดยบริษัทนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ทำสัญญาและรับผิดชอบด้านการ,การตลาด และคอยโฆษณาสนับสนุนเครื่องบินรุ่นนี้ทั่วโลกด้วย มีการผลิต'ตั้งแต่เมื่อปี 1996 และโดยถูกใช้ในสวีเดนและขายให้แก่บางประเทศ เช่น แอฟริกาใต้,ฮังการี และสาธารณรัฐเชก
เครื่องบิน'กริฟเฟ็น'เป็นเครื่องบินประเภทนักบินคู่ มีสมรรถภาพถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินที่มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และความคล่องตัวในการบิน และสวีเดนได้เลือกที่จะพัฒนาเครื่องบินกริฟเฟ็น แทนการซื้อเครื่องบินเอฟ 16 จากประเทศดังๆ โดยสมรรถภาพหนึ่งที่น่าสนใจของเครื่องบินสวีเดนรุ่นนี้ก็คือ สามารถลงจอดบนทางหลวง(ตามยุทธศาสตร์ด้านกลาโหมของสวีเดน)และสามารถเติมน้ำมัน หรือติดอาวุธใหม่ได้ภายใน 10 นาที ซึ่งใช้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนไม่มากนัก ที่สามารถใช้รถบรรทุกเข้าทำการเติมน้ำมันหรือติดอาวุธดังกล่าวให้แก่เครื่องบินลำนี้
ซื้อเครื่องบินไม่ได้ซื้อแค่เครื่องเปล่าๆ
ไหนจะค่าอะไหล่ ค่าฝึกลูกเรือนักบิน ค่าระบบอาวุธ ระบบซ่อมบำรุง เฮ้อออออออ
เรียนหนังสือพิมพ์มติชนที่เคารพและด้วยความเคารพ
คุณลองเช็คดูหน่อยเถิดครับ Wikipedia บอกว่า L-39 ลำละ 300,000 เหรียญ F-16C/D ลำละ 18 ล้านเหรียญ แค่นี้ก็น่าสงสัยในความน่าเชื่อถือของข้อมูลราคาใน Wikipedia แล้วครับ
อีกอย่าง คุณคงไม่รู้ว่า ราคาเครื่องบิน มีทั้งราคาแบบตัวเปล่า กับราคารวม package อาวุธ ลองตรวจสอบดี ๆ ก่อนครับว่าหยิบราคาไหนมาพูด แล้วเราจัดซื้อแบบไหน แล้วมันแตกต่างกันอย่างไร
คำสั่งซื้อค้างอยู่สองร้อยกว่าลำนี่ก็ไม่ใช่ครับ ตอนนี้ใน production line มีของแอฟริกาใต้และของทอ.สวีเดนอีกราว ๆ 31 ลำเท่านั้น บวกเราเข้าไปอีก 6 ลำ ซึ่งจะทำให้สายการผลิตอยู่ไปถึงปี 2012 เป็นอย่างน้อย ผมนับยังไงก็ยังไม่ได้เท่ากับสองร้อยกว่าลำ
อีกทั้ง รุ่น A/B กำลังถูกเปลี่ยนเป็น C/D ในตลาดจึงมีแต่ C/D เท่านั้น (แล้วจริง ๆ ก็ไม่ใช่ 5 รุ่นด้วยครับ รุ่น E/F ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งรุ่นที่พัฒนาอยู่มียังมีอีกคือ Gripen-N, Gripen-DK)
ถ้ามันมีการทุจริต ไม่มีใครหรอกครับอยากให้การจัดซื้อมันดำเนินต่อไป อย่างในกรณีรถเกราะ ซึ่งผมและหลาย ๆ ท่านก็เห็นด้วยว่าการจัดซื้อมันน่าสงสัยจริง ๆ และพวกเราก็สนับสนุนการระงับโครงการและเข้ามาตรวจสอบของฝ่ายตรวจสอบ
ในอีกแง่หนึ่ง ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณต้องเชียร์เครื่องรุ่นนี้เหมือนผมนะครับ เพราะในบรรดานักสังเกตุการทางทหารในเมืองไทยหลาย ๆ คนที่เป็นเพื่อนผม ก็มีทั้งชอบ JAS-39 และ F-16C/D คละกันไป.......ซึ่งคุณอาจจะไปเชียร์เครื่องสหรัฐก็ได้ แต่ถ้าคุณวางตัวเป็นกลาง ก็ควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน
ผมเรียนว่า ที่ผมพูดไปในบทความนี้ หวังอยากจะให้ท่านสื่อมวลชน ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อนที่จะนำข้อมูลใด ๆ มาลง เพราะอย่าลืมว่า ท่านคือสื่อมวลชน ที่มีหน้าที่สื่อความจริงกับสังคม ข้อเขียนของท่าน สามารถชี้นำสังคมได้ ซึ่งถ้าท่านให้ข้อมูลที่ผิดพลาด สังคมก็จะได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และผลที่ตามมาเราก็เห็นกันจนชินตา ขอให้ท่านตรวจสอบข้อมูลด้วยครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=20-10-2007&group=1&gblog=62
บทความที่ลงในเวบ Matichon คนเขียนบทความนี้ไมมีความรู้เรื่องอาวุธเลยและแปลบทความในหนังสือพิมพ์ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูนผิด
หนังสือพิมพ์ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูน ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม http://www.iht.com/articles/2007/10/18/europe/18sweden.php ไม่ได้เขียนว่ามีหลายฝ่ายออกมาคัดค้านหลังจากที่มีการประกาศความตกลงที่จะซื้อขายดังกล่าวกันในสวีเดนเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เขาเขียนว่า Heavy Criticism ซึ่งสามารถแปลได้หลายความหมาย เช่นโดนวิจารณ์อย่างหนัก หรือโดนคัดค้านอย่างหนัก แต่ในบทความหนังสือพิมพ์ไม่ได้เขียนว่า มีหลายฝ่าย และในหนังสือพิมพ์ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูนมีเพียงนายโอลา แมตต์สัน เลขาธิการสมาคมสันติและการรอมชอมแห่งสวีเดน (เอสพีเอเอส) ที่ออกมาคัดค้าน ในขณะที่ นายแจน โอเอล แอนเดอร์สสัน ผู้อำนวยการโครงการสถาบันกิจการระหว่างประเทศ วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายในการขายอาวุธของประเทศสวีเดนในโลกปัจจุบัน ไม่ได้คัดค้านการขายGripen ให้ประเทศไทย อีกอย่างคนเขียนบทความหนังสือพิมพ์ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูน ตอนแรกยังเขียนหัวข้อข่าวผิด ตอนแรกเขียนSweden's sale of fighter jets to Taiwan generates controversy (ดูได้ที่เวบนี้ http://www.militaryphotos.net/forums/showthread.php?t=84527&page=30
ก่อนที่จะเปลี่ยน จาก
ส่วนที่ผมเขียนว่าคนเขียนที่ลงบทความในเวบ Matichon ไมมีความรู้เรื่องอาวุธเลย เพราะการจัดซื้อเครื่องบินรบไม่เพียงแต่ซื้อเครื่องบินรบเท่านั้นแต่ต้องซื้ออะไหล่ อุปกรณ์ภาคพื้นดิน อุปกรณ์การฝึก และการฝึกบุคลากร (นักบินและช่างเครื่อง) ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ มีราคาแพงพอสมควร (ราคาในส่วนนี้ มีตั้งแต่ 20%-100% ของราคาเครื่องบินรบขึ้นอยู่กับ แบบของเครื่องบินรบ และจำนวนของอะไหล่ที่จะจัดซื้อ) และอย่าลืมว่า 34500 ล้าน บาท รวม ราคาของ AWACS 2ลำด้วย (ผมคิดว่าAWACS 2ลำไม่ไช่ของแถมแต่เราซื้อ) นอกจากนี้ในบอร์ดนี้ และ เวบภาษาไทยอื่นๆ ยังไม่เห็นมีใครเอาราคาของGripen ที่ประเทศอื่นซื้อ มาเปรียบเทียบการจัดซื้อครั้งนี้เลย
นอกจากนี้ บทความในเวบ Matichon ว่า Gripen ยังมีคำสั่งซื้อคงค้างอยู่อีก 232ก็ผิดข้อความที่ถูก คือยอดสั่งซื้อ Gripen ทั้งหมด(ยังไม่รวมที่ไทยจะสั่งซื้อ) อยู่ที่232ลำ ต่างหาก
อีกอย่าง Gripen E/F หมายถึง Gripen 2 รุ่น Gripen E และ Gripen F นอกจากนี้ยังมีรุ่น Gripen Demo (Technology Demonstrator) Gripen DK และ Gripen N ที่เสนอขายให้ประเทศเดนมาร์ค และ นอร์เวย์ อีกด้วย
สุดท้ายนี้ขอบอกว่าหากกองทัพอากาศอธิบายเหตุผลที่จะจัดซื้อ Gripenให้ละเอียดตั้งแต่ต้นก็ไม่ต้องเจอปัญหากับสื่อมวลชนขนาดนี้หรอก
เอ็นจีโอไทย มีเป็นร้อยเป็นพันองค์กร คุณคิดว่าต่างประเทศจะมีสักกี่องค์กร แล้วแต่ละองค์กรมีความรู้เรื่องไหน อย่างไรบ้าง ?
ขนาดเอ็นจีโอ สวีเดนเอง ก็ไม่รู้เลยหรือว่าประเทศตนเองนั้นก็เป็นผู้ผลิต/ส่งออกอาวุธรายสำคัญรายหนึ่งของโลกมาช้านานแล้วเหมือนกัน และสวีเดนก็ส่งทหารเข้าไปรักษาสันติภาพทั้งในคองโก บอสเนีย และอัฟกานิสถานด้วย
ปล.ผมคิดว่า ราคาที่จัดซื้อเป็นแพคเกจ ครับ ( ราคาของ + โปรแกรมใช้งาน + โปรโมชั่น(การฝึกสอนและการซ่อมบำรุงในระยะประกัน ) + ของแถม + ส่วนลด )
--------------------------------------------------------------------
ว่าแล้วก็ไปหา Absolut Vodka มาดื่มแก้เซ็งดีกว่า !
แอฟริกาใต้ สัญญาซื้อ 28 ลำ ( 19 C + 9 D ) มูลค่าประมาณ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ สัญญา วันลงนามสัญญา 3 ธันวาคม 1999 คิดเป็นเงินไทยขณะนั้น 39.00บาทต่อเหรียญสหรัฐ เท่ากับประมาณ 74100 ล้านบาท
เชค สัญญาเช่า 14 ลำ ระยะเวลา 10 ปี ( 12 C+2 D ) มูลค่าประมาณ19.650 billion CZK ( อ้างอิงจากเวปกองทัพเชค ) วันลงนามสัญญา 14 มิถุนายน 2004 ผมไม่ทราบว่า 1US $ ณ วันนั้นเท่ากับกี่โครนาเชค สมมุติอย่างวันนี้ผมเช็คดู 1 US $ แลกได้ 19 CZK ก็จะได้มูลค่าประมาณ 1.034 พันล้านเหรียญสหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 40.93 บาท ก็จะได้เท่ากับประมาณ 42322 ล้านบาท ( คงไม่ใช่ตัวเลขนี้แน่ๆครับ ถ้า วันนั้น 1 US $ ไม่ได้แลกได้ 19 CZK แต่ผมก็ลองดูเล่น ๆ เพราะค่าเงินอย่างโครนาสวีเดน เทียบกับเงินบาทไม่ค่อยผันผวนมากนักในรอบหลายๆ ปี แต่เทียบกับดอลลาร์ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ )
ฮังการี สัญญาเช่า 14 ลำ ระยะเวลา 10 ปี ( 12 C + 2 D ) 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ วันลงนามสัญญา 3 กุมภาพันธ์ 2003 ( เดิมเซ็นสัญญากันเมื่อ ธันวาคม 2001 เป็นรุ่น A/B ต่อมาเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเมื่อปี 2002 รัฐบาลใหม่ได้พิจารณาว่าอยากได้เครื่องรุ่นที่เข้ากับนาโต้ได้ จึงได้เปลี่ยนมาเป็น C/D และได้ลงนามในสัญญาเช่าดังกล่าว ) มูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทย ขณะนั้น 42.89 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เท่ากับประมาณ 47179 ล้านบาท
ไทย สัญญาซื้อ 12 ลำ มูลค่ารวม 34400 ล้านบาท ( ณ วันที่เซ็นสัญญา )
---------------------------------------------------------------------
ผมลองรวบรวมจากหลายๆ แหล่งมาให้ดูคร่าว ๆ ครับ ข้อมูล ยังไม่ชัวร์ 100 เปอร์เซนต์ ถ้าเพิ่มเติมแก้ไขได้เลยครับ
อัตราแลกเปลี่ยน ผมเอามาจากเวปธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นวันนั้นๆ ที่เซ็นสัญญาครับ
ถ้าใครเอามาคิดหารเป็นต่อลำ นี่ คงคิดผิดหน่อยนะครับ เพราะ ราคา รุ่น C กับรุ่น D ไม่เท่ากันแน่ๆ และแอฟริกาใต้ที่ซื้อได้ถูกนั้นต้องเข้าใจเบื้องต้นด้วยว่าเขาสั่งซื้อล๊อตใหญ่ ( เท่าที่ทราบเขาเซ็นสัญญาซื้อ JAS 39 28 ลำ+ HAWK 24 ลำด้วย )
ที่ผมเอามาคิดเป็นเงินบาทเพราะ คิดว่าเป็นเงินงบประมาณที่เราต้องจ่าย จะทำให้เห็นภาพมากขึ้น เราเซ็นสัญญาในวันที่ดอลล่าร์อยู่ที่ประมาณ 34 บาทกว่า ถ้าเกิดเราเซ็นสัญญาในวันที่ดอลล่าร์อยู่ที่ 40 บาท ก็เท่ากับเราต้องจ่ายเพิ่ม ในขณะที่ค่าเครื่องเมื่อคิดเป็นดอลล่าร์เท่าเดิม .... เพราะฉะนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ด้วยครับ ..**ใครจะไปเปรียบเทียบว่าใครซื้อถูกซื้อแพงก็ลองคิดหลายๆ มิติเรื่องค่าของเงินด้วย** ค่าเงินชาตินั้น ๆ เทียบกับดอลล่าร์ เทียบกับโครนาสวีเดนเท่ากับกี่บาท กี่ดอลล่าร์ กี่หน่วยเงินเขา ด้วย **** ณ วันที่เซ็นสัญญา ****
ขอบคุณพี่ลุงหมีครับ
ใช่ครับ แอฟริกาใต้เขาซื้อ Hawk+Gripen ในสัญญารวมกัน 1.5 พันล้านปอนด์ ครับ อีกอย่างเขาผลิตชิ้นส่วนบางอย่างเองด้วยครับ (รู้สึกจะเป็นฐานล้อ) และอาวุธอากาศสู่อากาศเขาก็ใช้ของเขาเอง (A-Darter กับ R-Darter) ฉะนั้นถ้าซื้อได้ถูก ผมว่าก็คงไม่น่าแปลกใจนักครับ
ส่วนของไทย.....มัน Package ครับ
ผมมองว่าการซื้อจากสวีเดนดีอย่าง เพราะว่า
ขจัดปัญหาเรื่อคอรับชั่น ในส่วนของเราเองได้พอสมควร
เพราะว่า หากเรื่องนี้ เกิดมีซิกแซกจากทางฝ่ายนู้นเพื่อให้เราซื้อล่ะก็
องค์กรที่นู่นเค้าเข้มแข็งครับ รับรองรัฐบาลสวีเดน อยู่ไม่ได้เหมือนกัน
โดยส่วนตัวเชื่อว่า หากเกิดการจัดซื้อครั้งนี้จริง คงไม่มีการบวกเยอะ
ออกตัวก่อนนะว่าผมชอบ SU-30 MKI มากที่สุดใน 3 แบบ แต่ราคา JAS-39 C/D งวดนี้ผมยอมรับได้ครับ กรุณาดูเหตุผลของผมนะครับ
ราคาที่เข้าเสนอของเครื่องทั้ง 3 แบบอยู่ระดับใกล้เคียงกันนะครับ คือ ราวๆ 42-45 ล้านเหรียญ เอา 33 บาทคูณก็ได้ประมาณ 1,400 - 1,450 ล้านบาทณค่าเงินที่ 33 บาทต่อดอลล์ (เปลี่ยนไปหลายร้อยล้านบาทจากยุดทักกี้เพราะค่าเงินแข็งขึ้นมามากมาย สมัยนั้นตกเครื่องละประมาณ 1700 ล้านบาท)
ราคา JAS-39 จำนวน 12 เครื่อง รวมเป็นเงิน 34,400 ล้านบาท ต้องหักค่าเครื่อง AEW&C ที่ติดระบบเรด้าร์ Ericeye 2 ตัว ก็กว่า 12,000 ล้านบาทแล้วนะครับ เหลือประมาณ 22,400 ล้านบาท ต้องไปหักค่าเครื่อง SAAB A340 ที่มาใช้เป็นเครื่องฝึก(เผื่อซ่อมอะไหล่กินตัวได้ยามจำเป็น)อีก 1 ตัว คงราวๆสัก 1,000 ล้านบาทได้ เหลือ 21,400 ล้านบาท ค่าจรวดอีกจำนวนหนึ่งต้องหักด้วย ก็คงเหลือต่ำกว่า 20,000 ล้านเล็กน้อย เอา 12 หารได้ออกมาเป็นเครื่องละ 1,700 ล้านบาท อืมมมมแพงไปประมาณ 200 - 300 ล้านบาทต่อลำ
แสดงว่าของแถมส่วนอื่น เช่น Source code , สิ่งอำนวยความสะดวกภาคพื้นดิน , ทุนการศึกษา , ความช่วยเหลืออื่นๆในด้านการฝึกนั้น มิได้แถมแหง๋ๆเลย แต่เป็นกลยุทธการขายที่ซื้อแล้วได้ออปชั่นและอุปกรณ์ใช้ร่วมครบเซ็ท
ถ้า JAS-39 C/D batch 3 และอยู่ในสายการผลิตล่าสุดที่ปรับปรุงระบบอิเลคทรอนิคและเพิ่มความสามารถในการโจมตีภาคพื้นดินเรียบร้อยแล้ว ราคานี้รับได้ครับ เพราะประสิทธิภาพทางด้านระบบอิเลคทรอนิคจะต่ำกว่า F-16 50/52+ ไม่มากนัก ถึงจะยังเป็นรองอยู่แต่ก็พอถูไถไปได้ เพราะส่วนด้อยจะถูกชดเชยด้วยระบบ ericeye แต่ในส่วนความด้อยกว่าในเรื่องกายภาพของเครื่อง เช่น นน.บรรทุก รัศมีในการบินรบ ก็ต้องยอมรับกันตรงๆละครับว่าด้อยกว่า SU-30 MK และ F-16 50/52+ มาก แต่การ Dogfight จะดีกว่าเพราะเป็นเครื่องปีกสามเหลี่ยม ถ้าเข้าประชิดได้ (เน้นนะครับว่า "ถ้า") ก็จะอยู่ในสถานะได้เปรียบ F-16 50/52+ (สำหรับ SU-30 MK ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เปรียบ เพราะ SU-30 MKI มีระบบปรับทิศทางแรงขับด้วย)
พูดง่ายๆ มองอย่างเป็นกลางแล้วยอมรับได้ ไม่น่าเกลียดนัก เพราะถ้าจัดหา F-16 50/52+ หลังเลือกตั้ง รับรองว่าอดแน่ๆ
ส่วนเครื่องที่คุณ ลุงหม่ลงเอาไว้นั้นรู้สึกจะใช่รุ่น batch 3ด้วยหรือเปล่านะครับ ดังนั้นราคาจึงพูดได้ยากว่าที่ชาติอื่นๆเขาซื้อนั้นถูกหรือแพง เพราะอุปกรณ์ภายในและของที่ขายพวง
รับรองครับว่าที่ออกเป็นข่าวแสดงว่าการเมืองฝ่ายตรงข้ามออกข่าวโจมตีเพื่อนหวังผลทางการเมืองเหมือนคราว SU-30 โดน ต้องถามแล้วว่าเราจะมีนโยบายทางทหารต่อเพื่อนบ้านอย่างไร จึงมาเป็นตัวกำหนดการจัดหาเครื่องบินรบ
ถ้านโยบายเน้นเชิงรุก ป้องปรามหรือเน้นหาเรื่องเพื่อนบ้านเต็มที่ ดีลนี้ SU-30 MKI เหมาะสมที่สุด เพราะประสิทธิภาพสูงสุด แต่ค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการ การซ่อมบำรุง และอัตราความพร้อมรบก็ต้องปวดหัวตามไปด้วยครับ พูดง่ายๆ อยากใช้รถสปอร์ตคันละ 15 ล้าน ก็เตรียมค่าน้ำมัน ค่าประกันภัย ค่าซ่อมที่แพงโคตรๆเอาไว้ได้เลยละครับ แต่มันเท่จับใจ (นิสัยผมชอบแบบนี้ และได้แต่ฝันไปก่อน)
แต่ถ้ากระเป๋าพอมีบ้าง แต่คงมิอาจเอื้อมถึงสปอร์ตคันละ 15 ล้าน ก็คงต้องมองลงมาที่ BMW ซีรีย์ 5 รุ่นล่าสุด น่าเชยชม สมรรถนะกับราคาเหมาะสม ซึ่งนั่นคือ F-16 50/52+ และเป็นดีลที่ผมว่าเหมาะสมกับทอ.ไทยของเรามากจนถึงมากที่สุด
แต่ถ้างบน้อยและกลัวว่าหลังเลือกตั้งจะแห้วระประทานทุกแบบทุกรุ่น ก็นี่เลยครับ เครื่องระดับฮอนด้าแอคคอร์ด ก็ไม่เลวเลยนะครับใช้ได้ แต่สถานะขณะนี้คงต้องเลือก JAS-39 C/D ไปก่อนล่ะครับ
เรื่องสายการผลิต ที่คุณ neosiamese พูดถึง
http://www.defenseindustrydaily.com/the-jas39-gripen-swedens-4th-generation-wild-card-02401/
The whole Gripen production run for all customers, according to current orders, will reach 251 aircraft. This consists of six prototypes (5 single-seat, 1 two-seat), 29 JAS-39A Batch 1s (Sweden), 76 JAS-39A Batch 2s (Sweden), 14 JAS-39B two-seater Batch 2s (Sweden), 20 JAS-39C Batch 2s (Sweden), 50 JAS-39C Batch 3s (Sweden), 12 Gripen Cs (Czech Republic), 14 JAS-39D two-seater Batch 3s (Sweden), 2 Gripen D two-seaters (Czech Republic), 19 Gripen Cs (South Africa), and 9 Gripen D two-seaters (South Africa). The Hungarian Gripen C/Ds (12 JAS-39C and 2 JAS-39D) will come from rebuilt Swedish Batch 1 and 2 aircraft.
อันนี้จาก http://www.aeroflight.co.uk/types/sweden/saab/jas_39/gripen.htm
Variants
Requirement Specification: JAS
Manufacturers Designation: n/a
Development History: | |
Saab 2110 | Project to meet JAS requirement. |
JAS 39 | Batch of 5 prototype development aircraft. |
JAS 39A Batch 1 | Initial production single-seater version. Mark 1 avionics fit: Hughes HUD, monochrome cockpit displays, D80 computer, PP1/PP2 displays processors, three MIL STD 1553B databuses, Microturbo TGA15-090 APU |
JAS 39A Batch 2 | Follow-on batch of single-seat fighters. Mark 2 avionics fit: Kaiser HUD, D80E computer, PP12 display processors, Microturbo TGA15-328 APU |
JAS 39A+ Batch 2 | Upgraded single-seat fighter with PS-5/A radar and MACS D96 computer, monochrome cockpit displays |
JAS 39B | Two-seat operational trainer version of JAS 39A. Internal cannon deleted, fuselage lengthened by 2 ft 2 in (0.655 m), larger cckpit canopy, ventral air intake for air conditoning system. Prototype was a JAS 39A Batch 1 aircraft converted on the producton line. |
JAS 39B Batch 2 | Initial production version of two-seat operational trainer. |
JAS 39C Batch 2 | Export Baseline Standard single-seat fighters for Swedish AF. Mark 3 avionics: colour cockpit displays, Sundstrand APU |
JAS 39C Batch 3 | Follow-on Export Baseline Standard single-seat fighters for Swedish AF. Mark 4 avionics: much larger LCD colour cockpit displays, five MIL STD 1553B databuses, RM12UP engine with FADEC. |
JAS 39D Batch 3 | Follow-on batch of two-seat operational trainers. |
JAS 39C/D SAAF | Export Baseline Standard aircraft with substantial South African avionics and equipment for delivery to the SAAF. |
JAS 39E/F | Designation reserved for proposed upgraded version with an AESA electronically scanned radar. |
JAS 39G/H | Designation reserved for further upgraded version at some point in the future. |
JAS 39X | Generic designation for export version. |
Key Dates: | ||
mid 1980 | Definition phase initiated. | |
3 June 1981 | JAS 39 design presented to the FMV. | |
30 June 1982 | Development contract with IG JAS signed for 5 development aircraft and 30 Batch 1 aircraft. | |
26 April 1987 | First prototype (JAS 39-1) rolled out. | |
9 December 1988 | Maiden flight of first prototype. | |
2 February 1989 | First prototype lost in landing accident. | |
4 May 1990 | Second prototype makes maiden flight. | |
23 October 1991 | Fifth and last prototype makes maiden flight. | |
26 June 1992 | Batch 2 production contract signed for 110 aircraft, including JAS 39B version. | |
10 September 1992 | Maiden flight of first production aircraft (JAS 39.101). | |
8 June 1993 | First JAS 39 delivered to FMV (JAS 39.102). | |
8 August 1993 | Gripen (JAS 39.102) crashes during flying display in Stockholm due to FCS software problem. | |
29 December 1993 | Flight testing resumed with JAS 39-2. | |
November 1994 | First JAS 39A delivered to Swedish AF. | |
September 1995 | Roll out of first JAS 39B Gripen 2-seater | |
November 1995 | Saab-BAE SYSTEMS joint venture established. | |
29 April 1996 | First test flight of two-seater Gripen. | |
9 June 1996 | First Gripen officially handed over to Swedish AF (F7 Wing) | |
22 November 1996 | First production 2-seater maiden flight | |
13 December 1996 | Batch 3 order placed. | |
June 1997 | Export Baseline Standard defined. | |
1997 | First JAS 39B delivered to Swedish AF. | |
March 1998 | First test firing of AIM-120 AMRAAM from Gripen. | |
1998 | BAe buys 35% stake in Saab. | |
18 November 1998 | SAAF announces intention to order Gripen. | |
3 December 1999 | First export order for Gripen signed with South Africa. | |
2001 | 'Gripen International' marketing company established. | |
6 Sept 2002 | 1st Batch 2 JAS 39C delivered to FMV. | |
2003 | Batch 3 deliveries begin. | |
May 2005 | First deliveries to Czech Republic. | |
early 2006 | First deliveries to Hungary. | |
August 2006 | First deliveries to South Africa. | |
2012 | Last delivery to South Africa. |
Production
Chief Designer: Not known
Design Office: Saab Aerospace, Linköping, Sweden
Batch summary:
Prototypes |
5aircraft |
Batch 1 |
30 aircraft |
Batch 2 |
110 aircraft |
Batch 3 |
64 aircraft |
SAAF |
28 aircraft |
Saab Aerospace (Saab Aerospace, S-581 88, Linköping, Sweden.) | |||
Version | Quantity | Assembly Location | Time Period |
JAS 39 protos. | 5 | Linköping | 1986-Oct 1991 |
JAS 39A Batch 1 | 30* | Linköping | 1992-1996 |
JAS 39B proto. | (1) | Linköping | 1994-Sept 1995 |
JAS 39A Batch 2 | 61 | Linköping | 1996-2001 |
JAS 39A+ Batch 2 | 14 | Linköping | 2001-2002 |
JAS 39C Batch 2 | 20 | Linköping | 2002-2003 |
JAS 39B Batch 2 | 14 | Linköping | 1996-2003 |
JAS 39C Batch 3 | 50 | Linköping | 2003-2007 |
JAS 39D Batch 3 | 14 | Linköping | 2003-2007 |
JAS 39C SAAF | 19 | Linköping | 2003-2012 |
JAS 39D SAAF | 9 | Linköping | Oct 2003-2012 |
Total: | 237 |
ข้อมูลของคุณลุงหมีตรงกับที่ผมหามาเลย ยกเว้นอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจาก CZK และ forint เป็น $US
มูลค่าเงินตราจาก CZK และ forint เป็น $
แอฟริกาใต้
28 Gripen C/D R10.9 billion ประมาณ $1900 million ประมาณ$67.85ล้าน ต่อลำ http://www.flightglobal.com/articles/1998/11/25/45343/south-africa-picks-hawk-and-gripen-for-modernisation.html
โดยแบ่งออก เป็นดังนี้
Gripen 1เครื่อง $34 ล้าน
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ของ อะไหล่ อุปกรณ์ภาคพื้นดิน อุปกรณ์การฝึก และการฝึกบุคลากร (นักบินและช่างเครื่อง) ต่อลำ $20 ล้าน
รายละเอียด จาก หนังสือ Saab Gripen:
· Operational support and ground support equipment
· Spares
· Initial logistic support equipment
· The mission planning and ground system
· Nonrecurring engineering and testing
· Technical training
· Flying training
· Training aids
· Technical publications
· Technical support services
· Programme management and customer liaison
บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ของ ประเทศสวีเดน 25%
http://www.defense-aerospace.com/dae/articles/communiques/FighterCostFinalJuly06.pdf
(34+20) x28 x1.25 = $1890 million ประมาณ $1900 million
เชค
เช่า Gripen C/D จำนวน 14 ลำ เป็นระยะเวลา10ปี มูลค่า 19.650 billion CZK ($764Million)รวมอะไหล่ 10ปี อุปกรณ์ภาคพื้นดิน อุปกรณ์การฝึก และการฝึกบุคลากร (นักบินและช่างเครื่อง)
http://www.gripen.com/en/MediaRelations/News/2004/040614_cz.htm
ฮังการี่
เช่า และ ซื้อ (Lease to Buy) 30ปี Gripen C/D (remanufactured from Gripen A/B) จำนวน 14 ลำ เป็นเช่า ระยะเวลา 10ปี มูลค่า 138 billion forint ($607.2 Million) รวมอะไหล่ 10ปี อุปกรณ์ภาคพื้นดิน อุปกรณ์การฝึก และการฝึกบุคลากร (นักบินและช่างเครื่อง)
ใครอยากรุ้ข้อมุล Gripen มากกว่านี้ ผมแนะนำหนังสือ Saab Gripen:
ผมไม่ค่อยมั่นใจนะครับว่า คนวงในที่คมชัดลึกอ้างนี่น่าเชื่อถือแค่ไหนเพราะ ปัจจุบัน สิงคโปร์ไม่มี F-16 A/B ใช้แล้วเพราะโอนให้กองทัพอากาศไทยไปแล้วแต่ก็ยอมรับว่าเหตุผลที่ไม่เลิก F-16 C/D เพราะราคาแพงกว่าแบบอื่น อาจเป็นไปได้จริงเพราะ เราซื้อ F-16 A/B ฝูงบิน403 ใน ราคาแพงเกินไป ($607ล้าน)
สหรัฐอย่ามาเน่า....คุณยกเลิกพันธมิตรนอกนาโต้ของไทยไปแล้ว เหตุไฉนจึงเอามาอ้าง ไทยเป็นประเทศเอกราช จะซื้อของใคร เป็นสิทธิของเรา
ว่าแล้วไปถอย Su-30MKIT มาอีกสักฝูงดีไหม กร๊ากกกกกกกกก
แซวไปแล้ว ต่อจากนี้เป็นเรื่องซีเรียสครับ
สวีเดนเจอมาเยอะครับ กรณีของสหรัฐคือ ถ้าใครสนใจเครื่องสวีเดน สหรัฐจะใช้วิธีการที่น่ารัก ๆ อย่าง งดขายอาวุธ งดขายอะไหล่ หรืออะไรก็ว่าไป ........ ทางสวีเดนจึงจับสหรัฐเซ็นสัญญาซึ่งหมายความว่า ......... ในกรณีที่มีเครื่องบินของสหรัฐและสวีเดนเข้าแข่งขันในประเทศใด และถ้าสหรัฐจะทำการปิดกั้นการขายกับชาติลูกค้า สหรัฐก็จะต้องปิดกั้นการขายเครื่องของประเทศตัวเองด้วย........อย่างในกรณีของไทย ถ้าสหรัฐปิดกั้นการขาย Gripen เขาจะต้องปิดกั้นการขาย F-16 ของตนด้วย......... ผมยังไม่มีรายละเอียดที่มากกว่านี้ของสัญญา ถ้ามีจะเอามาบอกกันครับ
เอ น่าสนใจมากครับคุณสกายแมนเรื่องนี้
ถ้ายังไงหาข้อมูลได้แล้ว เกิดผมลืมยังไง รบกวนแปะให้ใน msn ด้วยนะครับ หรือส่งอีเมล์มาให้จะขอบพระคุณมากครับ
หึหึหึหึหึ (ชอบมากเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเน่าๆ)
^
^
^
ได้จ้า
ขอทราบ ข้อมูล Update ของคุณ Skyman ไม่ทราบทางมติชน เขาตอบไหมครับ อยากทราบคำชี้แจ้งของเขานะครับ ถ้าตอบอย่าลืมลงให้ดูด้วยนะครับ
ปล. สนับสนุน เจ้า Jas 39 น่าจะเหมาะกับประเทศไทย หวังว่าคงผ่ามรสุมอันนี้ไปได้
ขอบคุณครับ คุณ Skyman นึกว่าจะให้เขาชี้แจ้ง อยากรู้ว่าพวกเขาจะฃชี้แจ้งว่าอย่างไรนะครับ
ก็บอกแล้วงัยว่าไอ้กันมันโคตรเรื่องมากตอนนี้ทำมาเป็นอ้างว่าเขาและเราเป็นพันธมิตรกันแต่ว่าไม่ยอมขายให้เราซะงั้นถึงเรามีรัฐบาลที่มาการเลือกตั้งถึงขายให้ก็ขายให้แค่ตัวเครื่องส่วนของแถมไม่แถมให้สักอย่างรวมถึงอาวุธต่างก็โคตรหวงมากกกกกกกกกกกกกไม่ขายอาวุธที่ทันสมัยเช่นaim9ก็ไม่ยอมขายรุ่นแอลให้แต่ขายเฉพาะรุ่นm/pให้หรือaim-120ถึงขายให้ก้ไม่ยอมให้เราเก็บใว้แต่ไปเก็บใว้คลังของมันแทนนี้ละหรือพันธมิตรเขาทำกันแบบนี้เหรอเราเป็นประเทศทีมีเอกราชเราจะซื้ออาวุธอะไรมันก็เรื่องของเราในเมื่อคุณไม่ขายให้แต่เราจำเป็นต้องซื้อเพื่อมาแทนของเก่าเราไปซื้อที่ทีเขายอมขายให้และถูกกว่าแถมได้ของแถมอีก
ก็บอกแล้วงัยว่าไอ้กันมันโคตรเรื่องมากตอนนี้ทำมาเป็นอ้างว่าเขาและเราเป็นพันธมิตรกันแต่ว่าไม่ยอมขายให้เราซะงั้นถึงเรามีรัฐบาลที่มาการเลือกตั้งถึงขายให้ก็ขายให้แค่ตัวเครื่องส่วนของแถมไม่แถมให้สักอย่างรวมถึงอาวุธต่างก็โคตรหวงมากกกกกกกกกกกกกไม่ขายอาวุธที่ทันสมัยเช่นaim9ก็ไม่ยอมขายรุ่นแอลให้แต่ขายเฉพาะรุ่นm/pให้หรือaim-120ถึงขายให้ก้ไม่ยอมให้เราเก็บใว้แต่ไปเก็บใว้คลังของมันแทนนี้ละหรือพันธมิตรเขาทำกันแบบนี้เหรอเราเป็นประเทศทีมีเอกราชเราจะซื้ออาวุธอะไรมันก็เรื่องของเราในเมื่อคุณไม่ขายให้แต่เราจำเป็นต้องซื้อเพื่อมาแทนของเก่าเราไปซื้อที่ทีเขายอมขายให้และถูกกว่าแถมได้ของแถมอีก
-------------------------------------------------------------------------
AIM-9M มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นแอลครับ
อามราม ไม่ขอบอกครับ ผู้รู้ไม่บอก ที่บอกคือผู้ไม่รู้