หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบกริฟเฟนของสวีเดน

โดยคุณ : nakahara เมื่อวันที่ : 19/10/2007 12:42:15

ผบ.ทอ.แจงซื้อเครื่องบินรบสวีเดนเหมาะสม

บก.ทอ. 17 ต.ค. 50 – ผบ.ทอ. ระบุกองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบกริฟเฟนของสวีเดน ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีระบบที่ทันสมัย เหมาะสมกับการใช้งานในยุทธศาสตร์ของกองทัพ ชี้เป็นงบประมาณประจำปี ไม่ได้ขอพิเศษ

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ แถลงถึงการดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ก/ข (เอฟ-5 B/E ) ระยะที่ 1 จำนวน 6 เครื่อง ในวงเงินกว่า 19,000 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ 2551 -2555 พร้อมอะไหล่อุปกรณ์การฝึกอบรม การจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน ว่า เป็นการใช้งบประมาณของกองทัพอากาศในกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีที่ได้รับ ไม่ได้ขอเพิ่มพิเศษแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินที่เหมาะสม โดยเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ กำหนดกรอบหลักเกณท์จัดหาต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต มีความเหมาะสมตามสภาพภูมิยุทธศาสตร์ในการวางกำลังทางภาคใต้ สำหรับภารกิจการป้องกันภัยทางอากาศ สามารถสนับสนุนและปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่น คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้

ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวด้วยว่า เครื่องบินดังกล่าวจะต้องมีระบบความคุมการบินการสื่อสาร เครื่องช่วยเดินอากาศ สามารถติดตั้งระบบอาวุธที่ทันสมัยเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีกับเครื่องบินฝ่ายเดียวกัน รวมถึงมีระบบบัญชาการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเครื่องบินที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขั้นสุดท้ายของกองทัพอากาศ คือ เครื่องบินเอฟ 16 C/D ของสหรัฐอเมริกา เครื่องบิน SU- 30 MK ของประเทศรัสเซีย และเครื่องบิน JAS 39 หรือ GRIPEN ของประเทศสวีเดน ซึ่งจากการพิจารณากองทัพอากาศจึงได้ตัดสินใจที่จะซื้อเครื่องบินของประเทศสวีเดน โดยเครื่องบินดังกล่าวจะประจำการได้เป็นเวลา 20 ปี และประจำการที่กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี

“เป็นพื้นฐานการพัฒนากองทัพอากาศในด้านต่าง ๆ ทั้งบุคลากร การถ่ายภาพเทคโนโลยีของอากาศยาน การฝึกศึกษา เพื่อให้สามารถดูแลและบำรุงรักษาเครื่องบินได้ บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง โดยบริษัทผู้ผลิตจะมอบรหัสข้อมูลต้นแบบพื้นฐานที่มีความสำคัญต่ออากาศยานและระบบอาวุธ ซึ่งจะทำให้บุคลากรของกองทัพอากาศสามารถต่อยอดการพัฒนาได้โดยตรงในอนาคต เรื่องนี้ประเทศผู้ผลิตประเทศอื่น ๆ ไม่สามารถให้กับกองทัพอากาศได้” พล.อ.อ.ชลิต กล่าว

ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศได้เริ่มโครงการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2546 และวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2549 แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณจึงต้องเลื่อนการดำเนินงานมาเป็นปี 2551 อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ ส่วนการจัดหาระยะที่ 2 อีก 6 เครื่องนั้น สามารถดำเนินการได้หลังจากที่เครื่องบินระยะที่ 1 เข้าประจำการแล้ว 2-3 ปี แต่ขึ้นอยู่กับความเห็นของรัฐบาลและสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ขณะเดียวกัน ยืนยันว่ากองทัพอากาศจะใช้เงินภาษีของประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ด้าน พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ กล่าวว่า การจัดหาเครื่องบินดังกล่าวจะใช้เวลาในการผลิตประมาณ 3-4 ปี และจะต้องใช้เวลาในการฝึกนักบินอีกประมาณ 1 ปี จึงจะมีขีดความสามารถเพียงพอ พร้อมปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศได้ในปี 2554 ซึ่งเป็นระยะยเวลาที่พอดีกับการปลดประจำการของเคลื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ก/ข(เอฟ-5 B/E).-สำนักข่าวไทย

ที่มา:http://www.msnth.com/msn/news/live/articles.aspx?id=176189&ch=pl1

 





ความคิดเห็นที่ 1


เนชั่นทันข่าว

ผบ.ทอ. ระบุจะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่สวีเดน 6 ลำ 1.9 หมื่นลบ.
15:39 น.   พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. กล่าวว่า ทอ.จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ JAS-39 Gripen จากสวีเดน จำนวน 6 ลำ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท โดยใช้งบผูกพันตั้งแต่ปี 51-55 เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่เอฟ-5 ที่ประจำการอยู่จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะปลดประจำการในปี 52-54 ซึ่งเป็นระยะที่หนึ่ง จำนวน 6 ลำ พร้อมอะไหล่ อุปกรณ์ การฝีกอบรม การจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน และอาคารสถานที่ระหว่างปี 51-55 วงเงิน 19,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณของ ทอ.ที่ได้รับการจัดสรร

วานนี้ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติในหลักการให้ทอ.ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 ที่ใช้งานมานาน

ทั้งนี้ ทอ.มีแผนจัดซื้อเครื่องบินทั้งสิ้น 12 ลำ โดยจะแบ่งเป็นระยะแรก 6 ลำในปี 51-54 และอีก 6 ลำในโอกาสต่อไป

ผบ.ทอ.กล่าวถึงสาเหตุที่เลือกซื้อเครื่องบินขับไล่จากสวีเดนว่า สวีเดนได้เสนอโครงการขายเครื่องบินพร้อมการซ่อมบำรุงและอะไหล่ มีการถ่ายทอดเทคโนโยลี พร้อมเสนอประโยชน์อื่นๆให้กับประเทศไทยลักษณะความร่วมมือไทย-สวีเดน ซึ่งจะก่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยรวม

"เป็นประเทศเดียวที่ให้รหัสข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการนำมาพัฒนาระบบเทคโนโลยีได้ด้วยตนเอง ไม่มีประเทศไหนกล้าให้ข้อมูลนี้กับประเทศไทย"พล.อ.อ.ชลิต กล่าว

เขากล่าวอีกว่า การจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวจะเป็นการสร้างกำลังทางอากาศไว้เป็นรากฐานด้านความมั่นคงของไทย

ทอ.มีแผนจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ทดแทนเอฟ-5 มาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยพล.อ.อ.ชลิตแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกแบบ ซึ่งทอ.สนใจ 3 รุ่น คือ เอฟ-16 ซีดีของสหรัฐ, ซู-30 ของรัสเซีย และ Gripen ของสวีเดน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปกระทั่งเปลี่ยนแปลงรัฐบาล

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=285410&lang=T
โดยคุณ Knightwing เมื่อวันที่ 17/10/2007 19:31:21


ความคิดเห็นที่ 2


ทอ.แจงงบจัดซื้อเครื่องบินขับไล่สวีเดน ทดแทนรุ่นเอฟ 5 ย้ำเหมาะสม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2550 16:55 น.

ผบ.ทอ.ชี้ถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ของสวีเดนจำนวน 6 เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องเอฟ 5 ที่จะปลดประจำการในปี 54 การันตีเหมาะสม วงเงิน 19,000 ล้านบาท ผูกพันงบ 5 ปี มีอายุประจำการนาน 20 ปี ลั่นไม่ได้ขอพิเศษ
       
       วันนี้ (17 ต.ค.) พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ แถลงถึงการดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ก/ข (เอฟ-5 B/E ) ระยะที่ 1 จำนวน 6 เครื่อง ในวงเงินกว่า 19,000 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2555 พร้อมอะไหล่อุปกรณ์การฝึกอบรม การจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานว่า เป็นการใช้งบประมาณของกองทัพอากาศในกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีที่ได้รับ ไม่ได้ขอเพิ่มพิเศษแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินที่เหมาะสม โดยเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ กำหนดกรอบหลักเกณท์จัดหาต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต มีความเหมาะสมตามสภาพภูมิยุทธศาสตร์ ในการวางกำลังทางภาคใต้ สำหรับภารกิจการป้องกันภัยทางอากาศ สามารถสนับสนุนและปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่น คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้
       
       ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวด้วยว่า เครื่องบินดังกล่าวจะต้องมีระบบความคุมการบินการสื่อสาร เครื่องช่วยเดินอากาศ สามารถติดตั้งระบบอาวุธที่ทันสมัยเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีกับเครื่องบินฝ่ายเดียวกัน รวมถึงมีระบบบัญชาการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเครื่องบินที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขั้นสุดท้ายของกองทัพอากาศ คือ เครื่องบินเอฟ 16 C/D ของสหรัฐอเมริกา เครื่องบิน SU-30 MK ของประเทศรัสเซีย และเครื่องบิน JAS 39 หรือ GRIPEN ของประเทศสวีเดน ซึ่งจากการพิจารณากองทัพอากาศจึงได้ตัดสินใจที่จะซื้อเครื่องบินของประเทศสวีเดน โดยเครื่องบินดังกล่าวจะประจำการได้เป็นเวลา 20 ปี และประจำการที่กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี
       
       “เป็นพื้นฐานการพัฒนากองทัพอากาศในด้านต่างๆ ทั้งบุคลากร การถ่ายภาพเทคโนโลยีของอากาศยาน การฝึกศึกษา เพื่อให้สามารถดูแลและบำรุงรักษาเครื่องบินได้ บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง โดยบริษัทผู้ผลิตจะมอบรหัสข้อมูลต้นแบบพื้นฐานที่มีความสำคัญต่ออากาศยานและระบบอาวุธ ซึ่งจะทำให้บุคลากรของกองทัพอากาศสามารถต่อยอดการพัฒนาได้โดยตรงในอนาคต เรื่องนี้ประเทศผู้ผลิตประเทศอื่นๆ ไม่สามารถให้กับกองทัพอากาศได้” พล.อ.อ.ชลิต กล่าว
       
       ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศได้เริ่มโครงการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2546 และวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2549 แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณจึงต้องเลื่อนการดำเนินงานมาเป็นปี 2551 อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ ส่วนการจัดหาระยะที่ 2 อีก 6 เครื่องนั้น สามารถดำเนินการได้หลังจากที่เครื่องบินระยะที่ 1 เข้าประจำการแล้ว 2-3 ปี แต่ขึ้นอยู่กับความเห็นของรัฐบาลและสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ขณะเดียวกัน ยืนยันว่ากองทัพอากาศจะใช้เงินภาษีของประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
       
       ด้าน พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ กล่าวว่า การจัดหาเครื่องบินดังกล่าวจะใช้เวลาในการผลิตประมาณ 3-4 ปี และจะต้องใช้เวลาในการฝึกนักบินอีกประมาณ 1 ปี จึงจะมีขีดความสามารถเพียงพอ พร้อมปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศได้ในปี 2554 ซึ่งเป็นระยะยเวลาที่พอดีกับการปลดประจำการของเคลื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ก/ข(เอฟ-5 B/E)

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000123231

 

โดยคุณ Knightwing เมื่อวันที่ 17/10/2007 19:33:17


ความคิดเห็นที่ 3


"ขิงแก่"ไฟเขียว ทอ.ซื้อเครื่องบินรบสวีเดน 3.4 หมื่นล้าน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2550 19:38 น.
       ครม.ทิ้งทวนเห็นชอบ ทอ.ซื้อเครื่องบินรบ Jas Gripen จากสวีเดน จำนวน 12 ลำ วงเงิน 3.4 หมื่นล้าน งบฯ ผูกพัน 10 ปี ส่งผล SU-30 จากรัสเซียกินแห้วแน่นอนแล้ว หลังเกือบได้เซ็นสัญญาในยุครัฐบาลทักษิณ
       
       เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายก่อนมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ได้อนุมัติโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ Jas Gripen จากสวีเดน เพื่อทดแทนเครื่องบินแบบ 18 ก. (F-5 E) ของกองทัพอากาศจำนวน 1 ฝูง 12 ลำ จำนวน 34,000 ล้านบาท โดยแบ่งโครงการออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจัดซื้อจำนวน 6 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม วงเงิน 19,000 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี ( 51-55 ) และในระยะที่ 2 จำนวน 6 เครื่อง พร้อมอะไหล่ การฝึกอบรม 15,400 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณปี 56-60
       
       ทั้งนี้ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ดังนี้ คือเห็นชอบให้ ทอ. จัดหาเครื่องบินโดยใช้งบประมาณใน ปี 51 โดยเห็นชอบให้หลักการวงเงิน 34,000 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบฯ ไว้กับกองทัพอากาศแต่ละปี โดยเริ่มบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 51
       
       

       เครื่องบินรบ Gripen Jas 39C และ 39D ของกองทัพอากาศสาธารณรัฐเช็ก
       
       กระทรวงกลาโหมได้รายงานว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.ได้เข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.50 โดยได้อธิบายถึงความจำเป็นและเหตุผลในการจัดหา โดยอ้างว่าประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดชายแดนไทย มีการจัดหาเครื่องบิน SU-30 MKM จากรัสเซีย และจะมีการส่งมอบภายในปี 2551 นี้
       
       “หากประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่อยู่ติดชายแดนภาคใต้คือประเทศมาเลเซีย จัดหาเครื่องบิน SU เข้าประจำการ ก็จะทำให้เขามีเครื่องบินที่มีขีดความสามารถมากกว่า ทอ.ของไทย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล เราจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินในระดับเดียวกันเข้าประจำการ ซึ่ง เครื่องบินรุ่นใหม่ที่เราจะซื้อถือเป็นเครื่องบินในเจนเนเรชั่นที่ 4.5 ในขณะที่ F-16 เป็นเครื่องเจนเนอเรชั่นที่ 4 ส่วน F-5E ถือเป็นเครื่องในเจนเนเรชั่นที่ 3 ” แหล่งข่าวกล่าว
       
       ในการประชุม ครม. ครั้งนี้ ตัวแทนจาก ทอ.ได้นำวีดีโอโปรเจกเตอร์ นำเสนอรายละเอียดของโครงการ และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของรุ่นต่างๆ ให้ รัฐมนตรีได้ทำความเข้าใจ ซึ่ง ครม.ได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องการใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายภาครัฐที่ค่อนข้างสูง และให้ ทอ.ไปบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวม แต่อย่างไรก็ตาม ครม.ก็อนุมัติโครงการดังกล่าวในที่สุด และเห็นชอบในวิธีปฏิบัติให้ ทอ.ตั้งงบรายจ่ายในโครงการดังกล่าวในปี 51 ในอัตรา 10 % ของโครงการในระยะที่ 1
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ไม่แถลงรายละเอียดและดึงเอกสารของโครงการออกไป และ ขอให้รอการแถลงของกองทัพอากาศในวันที่ 17 ต.ค.นี้
       
       กองทัพอากาศตัดสินใจพิจารณาเลือกเครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์ Gripen JAS - 39 c/d ของประเทศสวีเดน จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ โดยการตั้งคณะกรรมการศึกษารายละเอียดเครื่องบินในแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของ ทอ.ไทยมีเสนาธิการทหารอากาศเป็นประธาน โดยปัจจุบันคือ พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ โดยพิจารณารายละเอียดทั้ง F- 16 ของสหรัฐฯ Su-30 ของรัสเซีย Rafael ของฝรั่งเศส และ Gripen ของสวีเดน โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะพิจารณาข้อดีข้อเสียของเครื่องบินทุกรุ่นให้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.เป็นผู้อนุมัติ
       
       ในการรายงานการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละรุ่นปรากฏว่า Su -30 ที่เดิมในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีแนวโน้มจะอนุมัติจัดซื้อจากรัสเซีย แต่ปรากฎว่ามีการทักท้วงในเรื่องของความสิ้นเปลื้อง รวมถึงสายการผลิตอะไหล่ที่อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคต ในขณะที่ F-16 ยังติดปัญหาในเรื่องของข้อตกลงในเรื่องการช่วยเหลือทางทหารกับรัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร ซึ่งกฎหมายสหรัฐฯ จะชะลอการอนุญาตให้ซื้อออกไป ในขณะที่สวีเดนได้พิจารณาเสนอของแถมหลายรายการที่คุ้มค่า โดยเฉพาะเรดาร์ตรวจจับ EriEyes จำนวน 2 เครื่อง อุปกรณ์เครื่องช่วยฝึก ระบบอาวุธ อุปกรณ์สนับสนุนการยิง และ อบรมการฝึกเจ้าหน้าที่
       
       

       Gripen Jas 39D ของกองทัพอากาศแอฟริกาใต้
       
       ทั้งนี้ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวมีเข้าประจำการในประเทศ แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐเช็กแล้ว และประเทศบรูไน และ โรมาเนีย กำลังสนใจที่จะจัดหาเข้าประจำการเช่นกัน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ พล.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะแถลงข่าวในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ถึงเหตุผลในการพิจารณาเครื่องบินรุ่นดังกล่าว โดย ครม.ได้อนุมัติงบประมาณผูกพัน 5 ปี ในการประชุมวันสุดท้ายก่อนที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการ เนื่องจาก ในการประชุม ครม.นัดนี้ได้มีการอนุมัติพระระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งด้วย
       
       ในเว็บไซต์ของกองบิน F7 Skaraborg Wing ของสวีเดน เคยนำข่าวสารการที่กองทัพอากาศไทยนำโดย พล.อ.อ.ชลิต ได้เข้าไปเยี่ยมชมเครื่องบินรุ่นดังกล่าว เมื่อเดือน พฤษภาคม 2006 โดยมี พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงษ์ ซึ่งครั้งนั้นดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการทหารอากาศ ไปลองทดสอบเครื่องบินด้วย
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000122818
โดยคุณ Knightwing เมื่อวันที่ 17/10/2007 19:34:54


ความคิดเห็นที่ 4


 
วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10812


ถึงคิวทอ.-อนุมัติบิ๊กล็อต 3.4หมื่นล้าน ซื้อเครื่องบินรบ"สวีเดน"


"อนุพงษ์"โยนรมว.กห.ชี้ขาด ไม่เซ็นถือว่า"ยานเกราะ"จบ



"อนุพงษ์"การันตีรถเกราะล้อยางยูเครนเหมาะกองทัพที่สุด ขีดความสามารถเหนือทุกบริษัทคู่แข่ง โยน"บุญรอด"ตัดสินใจเองซื้อ-ไม่ซื้อ ย้ำ ทบ.แจงข้อสงสัย สตง.หมดแล้ว ครม.อนุมัติทอ.ซื้อเครื่องบินรบสวีเดน 3.4 หมื่นล้าน ทดแทนเอฟ 5 อี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานตามงบประมาณประจำปี 2551 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ พล.อ.อ.ไพศาล สีตะบุตร รองผู้บัญชาการทหารอากาศ (รอง ผบ.ทอ.) เข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบนโยบาย

พล.อ.บุญสร้าง แถลงภายหลังการประชุมนโยบายการปฏิบัติงานประจำปีว่า สถานการณ์ความมั่นคงภาพรวมช่วงปี 2546-2550 ชี้ให้เห็นว่าไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ภัยคุกคามมีรูปแบบหลากหลายมีความเชื่อมโยงทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาความไม่มีเสถียรภาพชี้ให้เห็นว่าไทยกำลังเผชิญปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่ กองทัพจำเป็นต้องปรับปรุงการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการเตรียมกำลังพลและการใช้กำลังในการป้องกันประเทศ รวมทั้งต้องเสริมสร้างพัฒนายุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมสามารถพึ่งพาตนเองได้

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือให้กองทัพบกชี้แจงเหตุผลการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนว่า เรื่องนี้อาจจะมีผู้เสียผลประโยชน์ไปร้องกับ สตง.นานมาแล้ว ซึ่งทาง สตง.สอบถามมาทางกองทัพบก ตอบไปก็ถือว่าจบ ไม่มีอะไร และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เมื่อมีการร้องเรียน สตง.ก็ตรวจสอบ ทางกองทัพบกได้ชี้แจงข้อมูลให้รับทราบ เพื่อเก็บไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดซื้อจัดหาเป็นไปตามขั้นตอนปกติ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เป็นขั้นตอนของผู้ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่ล้มโครงการจัดซื้อ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่ทราบ หากผู้อนุมัติไม่ซื้อ ไม่อนุมัติก็ถือว่าจบ เรื่องนี้อยู่ที่ รมว.กลาโหมผู้เดียวที่ต้องเสนอต่อ ครม.

"ยืนยันว่า รถหุ้มเกราะล้อยางของยูเครนเหมาะสมกับกองทัพที่สุด เพราะได้พิจารณาขีดความสามารถแล้วว่า สามารถทำงานได้มากขนาดไหน เมื่อดูคุณสมบัติของทุกบริษัท รถหุ้มเกราะของบริษัทจากยูเครนให้อำนาจกำลังยิงสูงที่สุด รถลำเลียงพลให้อาวุธมา 5 ระบบสูงที่สุด ประเทศอื่นๆ รองลงมาให้มา 2 ระบบหรือระบบเดียว ส่วนการส่งกำลังบำรุงดีที่สุด ดีกว่าบริษัทอื่น ข้อดีของรถยูเครนคือใช้เครื่องยนต์ของเยอรมนี ซึ่งทางพาณิชย์มีอะไหล่ทั้งหมด ระบบยางก็มีในท้องตลาดหาชื้อได้ ไม่เหมือนยางบางประเทศที่ต้องซื้อโดยเฉพาะ เครื่องมือสื่อสารเป็นชนิดเดียวกับที่กองทัพบกใช้อยู่เวลานี้ทั้งหมด" ผบ.ทบ.ระบุ

พล.ท.พิชษณุ ปุจฉาการ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อสังเกตจากหน่วยงานต่างๆ เรื่องความไม่ชอบมาพากล พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรายละเอียด โดยเฉพาะกองทัพบกในการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อและได้ของบฯผ่าน ครม.ไปแล้ว

"เมื่อมีข้อสงสัย และกองทัพบกตอบข้อซักถามกับ สตง. ตามข้อสงสัยและชี้แจงครบถ้วนให้คลายความกังวลแล้ว ขั้นต่อไปคือการจัดซื้อและดำเนินการตามวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่ได้เป็นการจัดซื้อด้วยระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ แต่การจัดซื้อเป็นการลงนามระหว่างประเทศแทนสัญญาซื้อขาย จนมาถึงขั้นสุดท้ายเมื่อกองทัพบกพิจารณาเรียบร้อยแล้วก็จะส่งผ่านมายัง บก.สส. ก่อนจะเสนอมาที่ พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พิจารณารายละเอียด เพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงกลาโหม จากนั้นเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพิจารณาลงนามจัดซื้อ" โฆษกกลาโหมกล่าว

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะล้มโครงการรถหุ้มเกราะล้อยางยูเครนนี้ พล.ท.พิชษณุกล่าวว่า ยืนยันว่าโครงการคงไม่ล้ม เพราะเป็นโครงการตั้งแต่ปี 2540 หากปีนี้จัดซื้อไม่ได้ก็ต้องพิจารณาใหม่ในปีหน้า ซึ่งการจัดซื้อเป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของกองทัพ

"พล.อ.บุญรอดไม่ได้กลัวอะไร เพราะถือว่าการทำงานของหน่วยยึดถือตามความต้องการคัดเลือกแบบที่จะนำไปใช้และเมื่อคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบถูกต้องแล้วก็ถือว่าถูกต้อง ตามที่มีการตรวจสอบและเหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ แต่ขอให้ทุกอย่างโปร่งใสเป็นธรรมชี้แจงได้" พล.ท.พิชษณุกล่าว

ขณะที่นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพอากาศ เสนอจัดซื้อเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ทดแทนเครื่องบิน เอฟ-5 อี ซึ่งกำลังจะปลดประจำการภายในไม่เกิน 2 ปีนี้ สำหรับรายละเอียดของการจัดซื้อรวมทั้งงบประมาณ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) จะเป็นผู้แถลงด้วยตนเอง ในวันที่ 17 ตุลาคม ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ

รายงานข่าวแจ้งว่า กองทัพอากาศ เตรียมจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบกริฟเฟน/ซีดี จำนวน 12 ลำ ตามงบประมาณที่ ครม.อนุมัติไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเป็นงบประมาณผูกพัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551–2555 เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 ที่ประจำการอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะปลดประจำการในปี 2552-2554 โดยระยะแรก 6 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาท และระยะที่ 2 อีก 6 ลำ 15,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 34,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ กองทัพอากาศมีแผนจัดซื้อเครื่องบินขับไล่เพื่อมาทดแทนเครื่องบินแบบ เอฟ-5 มาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.อ.ชลิตแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกแบบ โดยกองทัพอากาศสนใจในเครื่องบิน 3 รุ่น คือ เครื่องบิน เอฟ-16 ซีดีของสหรัฐอเมริกา เครื่องบินซู-30 ของรัสเซีย และเครื่องบินกริฟเฟนของสวีเดน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปก็มีการเปลี่ยนรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจัดหาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อคณะกรรมการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสียของเครื่องบินทั้ง 3 แบบ ให้กับ พล.อ.อ.สมหมาย ดาบเพ็ชร อดีตเสนาธิการทหารอากาศ เพื่อรวบรวมเสนอ พล.อ.อ.ชลิต พิจารณาคัดเลือกแบบ ซึ่งมีการเสนอแบบลดเหลือเพียง 2 แบบเท่านั้น คือ เครื่องบินกริฟเฟนจากประเทศสวีเดน กับเครื่องบิน เอฟ-16 ซีดี ของสหรัฐอเมริกา ส่วนเครื่องบินซู-30 ทางคณะกรรมการคัดเลือกแบบได้ตัดทิ้ง โดยให้เหตุผลว่า เครื่องบินซู-30 เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่ไม่เหมาะกับประเทศไทย

แหล่งข่าวจากกองทัพอากาศ ระบุว่า การที่ พล.อ.อ.ชลิต ตัดสินใจในการจัดซื้อเครื่องบินกริฟเฟน มาทดแทนเครื่องบินขับไล่ฝูงเก่า ทั้งๆ ที่อยากได้เครื่องบิน 16 ซีดีของประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะไม่ค้าขายกับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จึงได้คัดเลือกแบบของประเทศสวีเดน ซึ่งการจัดซื้อครั้งนี้จะเป็นรุ่นกริฟเฟน/ซีดีเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุด และยังใช้ประจำการในกองทัพสวีเดนด้วย ทั้งนี้ประเทศแอฟริกาใต้ เช็ก ก็มีการจัดซื้อไว้ประจำการแล้ว เนื่องจากเครื่องบิน กริฟเฟน ถือเป็นเครื่องบินที่เล็ก และทันสมัยที่สุดในขณะนี้ โดยมีข้อดีไม่ต่างอะไรกับเครื่องบิน เอฟ-16 โดยเฉพาะระบบเรด้า ที่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องบิน และภาคพื้นดินได้อย่างแม่นยำ

"อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกเครื่องบินของสวีเดน เพราะสวีเดนให้ของแถมที่น่าสนใจ คือ เครื่องบินแอร์บอร์น เมอร์ซี วอร์นนิง 2 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินระบบเรดาห์เตือนภัยในอากาศ ซึ่งสามารถตรวจจับเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามหรือวัตถุต้องสงสัยในน่านฟ้าที่บินระยะต่ำได้อย่างดี" แหล่งข่าวระบุ

หน้า 1

 

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0110171050&day=2007-10-17§ionid=0101

โดยคุณ Knightwing เมื่อวันที่ 17/10/2007 19:36:53


ความคิดเห็นที่ 5


 

    เฮ้อ ......  อุตส่าห์พิมพ์ซะตั้งยาวๆเกือบ 30 นาที    พอส่งปั๊บหายจ้อยหมดเพราะการ LOG IN หลุด

     เอาเป็นว่าดีลนี้น่าผิดหวังที่สุด   ทั้งๆที่เหมาะสมที่สุดคือ F-16 50/52+  

     เพราะประสิทธิภาพ JAS-39 C/D นั้นต่ำที่สุดในเครื่อง 3 รุ่น  ทั้งประสิทธิภาพเรด้าร์ที่ด้อยกว่าเพื่อน   ทั้งนน.บรรทุกที่ด้อยกว่าเพื่อน    ทั้งระยะบินที่สั้นที่สุดกว่าเพื่อน   ระบบสงครามอิเลคทรอนิคที่ดูจะด้อยกว่าเพื่อน    และ ค่าอะไหล่ที่จะต้องเตรียมใจได้เลยว่าแพงแน่ๆและอาจจะหาได้ยากหรืออาจหาไม่ได้เลยเมื่อคราวจำเป็นจวนตัว (ไปถามอิสราเอลสิ  เขารู้รสชาติดีจริงๆในคราวสงครามโยมคีปเปอร์ที่หาอะไหล่เครื่องบินรบจากฝรั่งเศสไม่ได้เลย  เพราะฝรั่งเศสไม่กล้าส่งให้เนื่องจากถูกชาติอาหรับบีบ  นี่ขนาดฝั่งเศสเป็นชาติมหาอำนาจนะนี่)

         ราคาประมาณ 1800 ล้านบาทต่อเครื่อง  รวมค่าอาวุธและหักค่าเครื่อง AEW&C แล้ว    ราคาขนาดนี้สู้ไปซื้อ F-16  50/52+  แล้วไปซื้อ SAAB 340 แยกต่างหากยังถูกซะกว่า

   อย่างว่าแหล่ะ   ถ้าไม่ซื้อตอนนี้   หลังจากได้รัฐบาลจากการเลือกตั้ง    ก็อาจจะไม่ได้เครื่องบินอะไรเลยสักลำ    เพราะเศรษฐกิจที่แทบจะพังเนื่องจากการปฎิวัตินั่นเอง  

 

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 17/10/2007 21:36:08


ความคิดเห็นที่ 6



ในที่สุดก็มาซักที
สำหรับผมแล้วขอให้ได้จริงๆ ก็พอเครื่องอะไรก็ได้
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่มั่นใจรัฐบาลหลังเลือกตั้งเรื่องเครื่องบินเท่าไร กลัวจะแห้วอีก
โดยคุณ Tasurahings เมื่อวันที่ 17/10/2007 22:07:49


ความคิดเห็นที่ 7


ในแถลงข่าวมีการ บาร์เตอร์เทรดกับสินค้าเกษตร ที่สวีเดนเคยเสนอหรือเปล่าครับใครทราบบ้างครับ ยังไงก็ต้องเจรจาตรงนี้ให้ได้เผื่อในอนาคตเศรษฐกิจมีปัญหา แบบตอนที่สั่งซื้อ f18 ยังไงก็ได้เครื่องครับ ที่สำคัญ สวีเดนต้องนำเข้า ไก่(กุ้งด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ)อยู่แล้ว win win กันทั้งไทยและสวีเดน เพราะสวีเดนไม่ต้องจ่ายเงินสดเป็นค่าอาหารที่ต้องนำเข้าอยู่แล้วไม่ไทยก็ประเทศอื่น ไทยก็ไม่ต้องจ่ายเงินสดแถมยังช่วยระบายไก่ที่ล้นตลาดในขณะนี้ได้ เศรษฐกิจมีปัญหาค่าเงินตกหาเงินไปจ่ายเค้าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ต้อง cancelled สัญญาครับ
โดยคุณ nars เมื่อวันที่ 17/10/2007 22:42:14


ความคิดเห็นที่ 8


การนำ JAS-39 C/D และ SSM C-802 ของรัฐบาลชุดนี้ ผมยอมรับได้ และยินดีล่วงหน้ากับนักบินของกองบิน 711 ด้วยคับ ในช่วงสองปีที่ผ่านเราสูญเสียเยอะเหลือเกินสำหรับกองบินนี้

ส่วง ท.บ. การจัดหารถหุ้มเกราะ และ ปลย.แบบใหม่เข้าประจำการ ค่อนข้างจะผิดหวังอย่างแรงครับ เปลี่ยนเป็น

BTR-90 กับ AK-101 ยังพอรับได้ แต่ที่จะเอาให้ได้นี่สิดูแล้ว....เฮ้อ...


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 17/10/2007 22:55:32


ความคิดเห็นที่ 9


ผมไม่เห็นจะเสียใจตรงไหนเลยนะ แล้วแต่มุมมองกระมังครับ

โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 17/10/2007 23:24:35


ความคิดเห็นที่ 10


สรุปเป็นเพราะฐานะของรัฐบาลปัจจุบันนั้นแหละครับที่ทำให้เหลือเพียงยาส 39 ไม่ยอมรอเลือกตั้งด้วย แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะทำให้รอต่อไปก็ได้นะ
โดยคุณ กิตติโชค เมื่อวันที่ 18/10/2007 01:01:41


ความคิดเห็นที่ 11


ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ในพันทิพไปแล้วครับเรื่องนี้

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5926439/P5926439.html

ตามLinkคับ
โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 18/10/2007 08:31:32


ความคิดเห็นที่ 12


ไม่ทราบว่ามีใครทราบบ้างไหมครับว่า jas-39 E/F จะสร้างเมื่อไหร่ผมว่าท.อ.น่าจะรอรุ่นนี้ไปเลยครับไหนๆก็รอกันมานานแล้วรออีกนิดจะไปนไรไป

โดยคุณ petch_a เมื่อวันที่ 18/10/2007 08:58:17


ความคิดเห็นที่ 13


ผมเห็นด้วยกับคุณ กิตติโชค นะครับ เพราะว่ารัฐบาลมาจากทหาร คุณอยากได้อะไรบอกมาเราจะจัดให้ แต่ถ้ารอรัฐบาลหน้า อาจจะบอกว่า ไม่ตัง เอามือ 2 ก่อนได้เปล่า หรือไม่ก็รอบาเทรด หรือไม่ก็ขอลดให้เหลือสัก  6 ลำ option ไม่เอาได้เปล่า อะไรประมาณนี้ครับ มันอยู่ที่มุมมองมากกว่า 
โดยคุณ topza เมื่อวันที่ 18/10/2007 10:00:47


ความคิดเห็นที่ 14


แบบนี้ต้องขอยินดีกับทอ.ด้วย หลังจากรอคอยมาแสนยาวนาน

โดยคุณ I see u เมื่อวันที่ 18/10/2007 11:44:02


ความคิดเห็นที่ 15


พอได้ บข.20 เพื่อนๆออกมากันใหญ่เลยหายคิดถึง 555 ดีใจที่ได้ บข.20 สะที่แล้ว สูตรที่เคยพูดกันว่า 12 + 6 นะ หมายถึงแจส 12 ซู 6 นะยังพอมีหวังอีกหรือเปล่า
โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 18/10/2007 23:09:31


ความคิดเห็นที่ 16


และอีกอย่างหนึ่งครับ เตรียมตอบคำถามให้ดีๆก็แล้วกัน...เพราะหลายๆคนอาจไม่ชอบแคนไม่ชอบป่วนเก่งเสียด้วย
โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 18/10/2007 23:31:52


ความคิดเห็นที่ 17


รหัสในการต่อยอด ถือว่า โอเค แล้วครับ

และก็ที่เขาจะให้น่าจะเกี่ยวข้องกับการมีบินเตือนภัยให้ด้วยใช่ป่าวครับ

แล้วนักบินเรา ก็ความสามารถ คงไม่ต้องพูดถึงครับ

เราน่าจะพอใจนะครับ เพราะประเทศอื่นไม่มีใครให้รหัสในการต่อยอดได้

ซึ่งก็หมายถึง ไม่จริงใจ จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ

เป็นผม ไม่คบมันเลยครับ ไอ้พ่อค้า บ้าเลือด

เพราะเราต้องยืนบนแข้งตัวเองบ้างนะ เงินภาษีนะ ถ้าต่อยอดได้ ประชาชนอย่างผมภูมิใจครับ

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 19/10/2007 12:42:15