ตราบาป
" เฮ้ย! หมอวันนี้ไปแดนซ์กันป่ะ " สมโชคอายุรแพทย์หนุ่มเจ้าสำอางแพทย์ร่วมสถาบันเดียวกับเขาเอ่ยขึ้นหลังเลิกงาน
" ไปเหอะ เดี๋ยวกูจะกลับบ้าน " เขายังคงไม่เงยหน้าขึ้นมองหมอสมโชค สายตาคร่ำเคร่งอยู่ที่แฟ้มประวัติคนไข้
" แหมหนิ ทำตัวเป็นสามีที่ดีเสียจริง เลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน " หมอสมโชคพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน เขายังคงไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาเขียนแฟ้มประวัติคนไข้ต่อไป
" นี่ก็ยังไง อยู่โสดๆสบายๆไม่ชอบ ชอบหาภาระใส่ตัว แล้วเป็นไง ตอนนี้พ่อเสือ กลายเป็นลูกหมาเชื่องๆ หึ หึ " เขาปิดแฟ้มประวัติ เก็บสัมภาระลงกระเป๋าคู่ใจ ไม่มีทีท่าจะโกรธหมอสมโชคแม้แต่น้อย แม้ดูภายนอกหมอสมโชคอาจเป็นคนขวานผ่าซาก กวนส้นคนอื่นตั้งแต่อาจารย์ยันคนไข้ก็เถอะ แต่หากลองได้มารู้จักมันจริงๆล่ะก็ หมอสมโชคเป็นคนไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นคนจริงใจที่สุด นี่คือสาเหตุที่เขาไม่เคยถือโทษโกรธคำพูดของเพื่อนคนนี้ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกันมานานร่วมสิบปีตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์
" ก็เพลาๆบ้างเหอะ " เขาพูดกับหมอสมโชคเป็นประโยคแรก หลังจากที่ปล่อยให้เพื่อนนักเที่ยวพูดมานมนาน
" กูอิสระเว้ย กูไม่มีข้อผูกมัด " หมอสมโชคทำท่าไม่ยี่หระกับคำเตือนของเขา
" เรื่องกินเรื่องเที่ยวกูไม่ห้าม จะไปบ่อยแค่ไหนก็เรื่องของ แต่เรื่องผู้หญิงกูขอเถอะว่ะ เพลาๆลงหน่อย " เขาพูดจริงจังมองหน้าเพื่อนรักที่ทำท่างงเป็นไก่ตาแตก
" ไรกันว่ะ ทีเมื่อก่อนกูต้องเป็นฝ่ายห้าม ก็ดันทุรัง ตอนนี้กูทำบ้าง กลับมาห้าม "
" กูเลิกแล้ว เลิกจริงๆ อย่าทำผิดแบบกูเลย " เขาพูดเป็นการเป็นงาน
" นี่ก็แปลก กินยาผิดป่ะเนี่ย หรือว่าเมียเขาสอนมา เอ๊ะ! เมียหรือแม่กันวะ " หมอสมโชคพูดติดตลกก่อนเดินหัวเราะร่าออกจากห้องเขาไป ไม่ใส่ใจกับคำพูดของเขาแม้แต่น้อย ไม่เอะใจกับทีท่าที่เปลี่ยนไปของเพื่อนเลยสักนิด เขามองตามหลังหมอสมโชค จนประตูปิดสนิท ถอนหายใจ รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ
" กูไม่อยากให้ต้องมาชดใช้กรรมแบบกู "
" แม่งเครียดฉิบว่ะ " เพื่อนคนหนึ่งรำพึงรำพัน มือซ้ายตบต้นคอตัวเอง มือขาวถือเสื้อกาวน์พาดบ่า
" กูไม่ได้นอนมาสามวันแล้วเนี่ย ดูสภาพ กูจะตายแล้ว " สมโชค หรือที่เพื่อนๆเรียกสั้นๆว่าสมโอดครวญ ชี้ให้เพื่อนในกลุ่มดูตาหมีแพนด้าของมัน
" เฮ่ย ! ไหนๆก็สอบเสร็จแล้วว่ะ ไปหาอะไรทำมันมันกันเถอะ " ผมเอ่ยปากขึ้น แววตากรุ่มกริ่ม
" จะไปมันที่ไหนก็เชิญเลยโย กูขอกลับหอก่อน คอยดูนะกูจะทำสถิตินอนยี่สิบสี่ชั่วโมงให้ดู " คำพูดของสมเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั้งกลุ่ม หลายคนส่งเสียงเห็นด้วย
" ไรว่ะ แค่นี้ทำเป็นลูกแหง่หิวนอนไปได้ ไป เดี๋ยวกูจะทำให้หายง่วงชนิดตาค้าง น้ำลายยืดเลยละ "
คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผม ชายรูปงามเสน่ห์แม่เหล็กดึงดูด บ้านรวยคนนี้จะพาเพื่อนๆนักเรียนแพทย์ วัยคะนองไปที่ไหน ใช่แล้วล่ะครับ ไม่ผิดหรอกที่ที่คุณนึกถึง สถานบริการทางเพศ !!!!
แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการอดหลับอดนอนปานใด แต่พอนึกถึงสาวๆสวยๆ แสนเซ็กซี่ ลีลาเย้ายวนใจแล้ว ก็คงไม่มีชายหนุ่มคนไหนไม่อยากลิ้มลองสัมผัสหรอกครับ พวกเพื่อนๆผมก็เหมือนกัน ตามประสาคนเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม บางคนมีประสบการณ์มาแล้วก็ติดใจ บางคนไม่เคยก็อยากจะลิ้มลองดูบ้าง ส่วนผมไม่ต้องบอกคุณก็คงรู้ว่าจัดอยู่ในประเภทแรก พวกวชาญและแช่มชอง ผ่านประสบการณ์มาแล้วโชกโชน
" ยังไม่เคยล่ะสิ สม " ผมถามขึ้นขณะอยู่ในวงเหล้า มือซ้ายถือแก้วเหล้ากระดก มือขวาลูบไล้หญิงสาวแรกรุ่น ในชุดเสื้อเกาะอกรัดรูปตัวเล็กเผยให้เห็นเนินหน้าอกขาวอวบ
สมไม่ตอบนั่งตัวเกร็งเป็นท่อนไม้ เหงื่อแตกซิกๆเต็มหน้าผากเมื่อหญิงสาวในชุดสายเดี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆใช้ริมฝีปากเล้าโลมบริเวณซอกคอของมัน
พอเหล้าเข้าปาก เพื่อนแต่ละคนก็เผยธาตุแท้ เสือผู้หญิงตัวฉกาจออกมา เว้นเสียแต่สมคู่หูผมอยู่คนเดียว
" พี่หมอค่ะ ไม่มาตั้งนาน เมย์น่ะ คิดถึงหมอจัง.....ค่ะ " ยังไม่ทันขาดคำหญิงสาวในชุดเกาะอกข้างกายผมก็ขโมยหอมแก้มผมซะแล้ว เธอส่งสายตายั่วยวน เล้าโลมผมตามหน้าที่ที่เป็นอาชีพของเธอ ผมตอบสนองด้วยรอยจูบฟอดใหญ่ก่อนจะผละจากกลุ่มเพื่อนขึ้นไปทำธุระข้างบน ก่อนจะไปขึ้นสวรรค์ ผมยังไม่วายกำชับหญิงสาวชุดสายเดี่ยวข้างกายสม
" ค่อยๆนะน้อง เพื่อนพี่มันยังไม่เคย " ผมเรียกเสียงเฮในวงเพื่อนฝูงอีกครั้งก่อนขึ้นไปเสพสุข
ความเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอนไม่ได้ทำให้เรี่ยวแรงของคนหนุ่มลดหายไป ในทางกลับกันยังเพิ่มความโลดโผน และความเร้าใจให้การร่วมเพศของผมอีกด้วย เมย์ สาวเกาะอกขาประจำของผมยังปฏิบัติหน้าที่ของเธอได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อาจเรียกได้ว่าทุกครั้งที่ผมเรียกใช้บริการจากเธอ ผมไม่เคยผิดหวัง การที่เธอซื่อสัตย์ต่ออาชีพของเธอย่อมเป็นผลดีกับผม เพราะนอกจากจะทำให้ผมบรรลุความใคร่แล้ว ยังทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการร่วมเพศทุกครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกกว่าแต่ก่อน การร่วมรักกับเธอไม่ได้เสร็จสิ้นลงภายในระยะเวลาเหมือนอย่างเคย ภายหลังการร่วมรักเสร็จสิ้นลง เธอยังคงเล้าโลมผมอยู่ไม่ขาด
" หมดเวลาแล้วไม่ใช่เหรอ " ผมถาม หายใจเหนื่อยหอบ ไม่มีเสียงตอบจากเธอ มีแต่การเล้าโลมอย่างต่อเนื่อง ต่อมความใคร่ของผมทะลุ ในเมื่อเป็นความต้องการของเธอ ย่อมไม่ผิดที่ผมจะสนอง เรี่ยวแรงคนหนุ่มกลับฟื้นคืน คืนนี้ผมร่วมรักกับเธอถึงสองครั้ง
เมื่อการร่วมรักครั้งที่สองเสร็จสิ้นลง เธอจุมพิตที่ปากผมเบาๆก่อนลุกขึ้นแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ผมเข้าโอบกอดเธอจากด้านหลัง เล้าโลมเธอที่ซอกคอ ด้วยหวังว่าจะโชคดีได้ร่วมรักกับเธออีกครั้งหนึ่ง ลีลา รสชาติที่ได้ร่วมรักกับเรือนร่างงดงามของเธอช่างตราตรึงใจคนหนุ่มอย่างผมยิ่งนัก เธอผละออกจากผมอย่างปราศจากอารมณ์ตอบสนองใดๆ เธอกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ ก่อนเดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้ผมยืนอึ้ง ตะลึงงันอยู่เพียงผู้เดียวภายในห้องที่แอร์เย็นเฉียบนั่น
" พี่หมอ เมย์ท้องได้สองเดือนแล้ว ลูกคนนี้เป็นของพี่หมอ เมย์รักพี่หมอ เมย์ไม่ได้ป้องกันเมื่อมีอะไรกับพี่หมอคนเดียวเท่านั้น "
นั่นคือครั้งแรกที่ผมสร้างอีกหนึ่งชีวิตให้ลืมตาดูโลก โดยปราศจากความรับผิดชอบทั้งชีวิตของแม่ และชีวิตของเด็ก
สองเดือนจากเหตุการณ์วันนั้น ผมไม่ได้กลับไปสถานบริการแห่งนั้นอีกเลย เคยลองโทรกลับไปถามข่าวคราวของเมย์ครั้งหนึ่ง ก็ได้ทราบว่า เมย์อุ้มท้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ผมชโย หรือโยนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสอง ผู้ยังไม่เคยรับผิดชอบชีวิตของใครได้แม้แต่ตนเอง ตัดสินใจปัดความรับผิดชอบด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง เมย์อาจไม่ได้ท้องกับผมก็ได้ เมย์อาจท้องกับใครที่ไหนก็ไม่รู้แล้วโบ้ยให้ผม เมย์เป็นอาชีพที่ท้องกับใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ความผิดของผม ทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลใดที่เมย์จะโกหกผม เธอไม่ได้เรียกร้องค่าเลี้ยงดู หรือเงินทองอะไรจากผม เธอจากไปพร้อมกับคำพูดที่บอกว่า "เธอรักผม"
การทำใจให้ลืมเลือนตราบาปนั่น ใช้เวลาสองเดือนกับราวๆอีกหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์ถัดมา ผมได้รับการเสนอตัวจากนักศึกษาพยาบาลหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เมื่อเธอเสนอ ไม่ต้องคิดมากผมยอมรับข้อเสนอนั้นด้วยความเต็มใจและยินดี เพราะผมเป็นผู้ชาย มีแต่ได้กับได้ การมีความสัมพันธ์กับเธอครั้งแรกนั้น ทำให้ผมนึกถึงการร่วมรักครั้งแรกในชีวิตของผมกับ "เมย์" หญิงสาวคนแรกที่เอ่ยปากบอกรักผม แม้ลีลาของเธอจะไม่เย้ายวนเท่ากับเมย์ แต่ก็ดุเด็ดเผ็ดร้อนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผมควงเธอเป็นคู่นอนราวเดือนเศษ ก่อนสะบัดเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใยด้วยเพราะเธอทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมออกหน้าออกตา
" โย เพลาๆบางเถอะ ไม่สงสารน้องเขาหรือไงว่ะ " สมเพื่อนร่วมเช่าห้องในคอนโดหรูใกล้มหาวิทยาลัยเอ่ยปากเตือน
" กูเห็นน้องเขาร้องไห้เจียนเป็นเจียนตายกลับมาทำหน้าตาเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ "
" นี่เทศน์จบยัง พ่อแม่กูยังไม่เทศน์เหมือนเลย กูจะทำไรก็ได้ที่กูพอใจ ขอเพียงเกรดกูไม่ตก เรียนจบหมอได้ พ่อแม่กูก็ให้กูได้ทุกอย่าง " ผมไม่ฟังคำเตือนของสม แถมยังด่ามันกลับด้วย
" นี่เสียชาติเกิดมาเป็นผู้ชาย ขนาดกูจัดประเคนให้แล้ว ดันคออ่อนหลับไปซะได้นะ "
คำด่าสมคำนั้นย้อนกลับมาทำร้ายผมในวันนี้ ทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของผม ไม่ใช่สิ ตัวผมไม่เคยมีความเป็นลูกผู้ชายเลยต่างหาก
" คนอย่างผมเสียชาติเกิดมาเป็นลูกผู้ชายจริงๆ "
" คิดจะมีเมียเป็นพยาบาลจริงๆเหรอวะ โย " ชาติเพื่อนร่วมก๊วนเสือ (ผู้หญิง) เอ่ยถามขึ้นระหว่างกินข้าวกลางวัน ผมนั่งเคี้ยวตุ้ยๆ ยัดข้าวเข้าปากตอบตามปณิธานที่ตั้งไว้
" ก็รู้ว่าหมอ กับ พยาบาลมันคนละชั้นกัน "
" กูเห็นแฟนกี่คนๆก็พยาบาลทั้งนั้นนี่หว่า " สมคัดค้าน
" นั่นไม่ใช่แฟนเว่ย แค่เพื่อนเล่น " ผมตอบอย่างไม่ยี่หระ
ถ้าจะพูดให้ถูกพวกเธอเป็นเพียงของเล่นแก้เหงาให้ผมเท่านั้น คนที่จะมาเป็นเมียและแม่ของลูกผมต้องเท่าเทียมกันทั้งความรู้ และชาติกูล เท่านั้น
หกปีกับชีวิตนักศึกษาแพทย์ ผมสร้างตราบาปไว้กับหญิงสาวในมหาวิทยาลัยต่างคณะที่ยกย่องพวกหมอหน้าตาดี มีชาติตระกูลไว้มากมายนัก มากมายเสียจนจำชื่อ จำหน้าตาของพวกเธอไม่ได้หมด หากแต่เพียงจำลีลาบนเตียงที่น่าประทับใจได้แม่นยำกว่าเสียอีก สถานบริการที่เคยเข้า ผมไม่ได้เป็นขาประจำอย่างแต่ก่อน เนื่องจากมีตัวเลือกที่ดีกว่า สะอาดกว่า เสี่ยงติดโรคน้อยกว่า ที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าบริการ ด้วยพวกเธอหวังผลจับผมระยะยาว แต่ทว่าก็ไม่มีรายใดกระทำการนั้นได้สำเร็จ
จนกระทั่ง.....
ผมได้พบกับเธอ ในปีที่สามของการเป็นหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เธอคือลูกสาวเจ้าของไร่องุ่นชื่อดัง ไวน์แดงรสเลิศที่คุณปรารถนาลิ้มลอง
อาชีพหมอถือเป็นที่นับหน้าถือตาในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนแถบต่างจังหวัด หมอหนุ่มอย่างผมได้รับเชิญไปร่วมงานต่างๆอย่างออกหน้าออกตา สาวชาวบ้านเสนอตัวให้ถึงที่ก็หลายครั้ง แม้อยากจะตอบสนองพวกเธอแทบขาดใจ แต่ด้วยอาชีพที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือจึงทำให้ต้องแข็งใจ และใจแข็ง กลับมาใช้บริการหญิงโสเภณีตามเดิม
" หมอครับ นี่ลูกสาวผม เพิ่งเรียนจบจากอเมริกา " ผมไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าสะคราญนั้นได้ ดวงตาสุกสว่าง รอยยิ้มสดใส นั้นตราตรึงใจตั้งแต่แรกเห็น คล้ายต้องมนต์สะกด
" หวานค่ะ " เธอยื่นมือให้ผมจับเป็นเชิงทักทาย เสืออย่างผมแทบสิ้นลาย แทบยอมสยบภายใต้เสียงอ่อนหวานของเธอ ผมยื่นมือออกไปสัมผัสมือเธอ ใจผมสั่นระริก
" ผมโยครับ เรียกหมอเฉยๆก็ได้ "
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาผมก็หาเรื่องไปเป็นแขกที่ไร่ของเธอบ่อยๆ คุณสายัณห์ พ่อของเธอก็มีทีท่าสนับสนุน อยากได้ผมเป็นลูกเขยเต็มที่ ก็แน่ละครับ ไม่มีใครปฏิเสธคุณหมอร่ำรวยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และความรู้อย่างผมหรอก
ด่านเดียวที่ต้องพิชิตคือหัวใจของสาวนักเรียนนอกชื่อ " หวาน" คนนี้เท่านั้น
ผมรู้สึกกลับมาอยู่ในช่วงวัยรุ่นอีกครั้ง ความรู้สึกที่มีให้เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนใดที่เคยรู้จัก เธอรู้มีความรู้ เธอมีน้ำใจ เธอรู้จักการวางตัว เธอคือทุกสิ่งที่ผมปรารถนา ไม่ใช่ความปรารถนาทางร่างกายเท่านั้น แต่รวมไปถึงความปรารถนาที่จำทำให้เธอรักผม เหมือนกับที่ผมรักเธอ
" ความรัก " คือสิ่งสวยงาม เหลือเกินในความรู้สึกของผม การได้นั่งดูตะวันลับขอบฟ้า หรือแม้แต่มีเธออยู่ข้างๆ ทำให้ผมสุขใจอย่างประหลาด มันไม่ใช่ความรู้สึกชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแบบวัยรุ่น แต่มันคือความรู้สึกที่จะติดตราตรึงใจผมไปตลอดกาล
แต่แล้วพฤติกรรมเหลวแหลกของผมก็มาเข้าหูเธอจนได้ เมื่อเพื่อนของเธอบังเอิญไปใช้บริการสถานบริการแห่งเดียวกับผม ขณะนั่งจิบไวน์มองดูพระอาทิตย์ตกดินในเย็นวันหนึ่ง
" คุณมาที่นี่เพื่อต้องการอะไร " เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหม่อมองอาทิตย์กลมโตเสริมคลื่อน คล้อยลับขอบฟ้า ผมอึกอัก ด้วยไม่กล้าเปิดเผยความในใจ กระดกไวน์หมดแก้วเสริมความกล้าก่อนตอบว่า
" ผมรักคุณ " เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับหรือท่าทีใดๆจากเธอชั่วครู่
" ฉันไม่รักคนที่ส่ำส่อนแบบคุณ " เธอหันกลับมาจ้องมองหน้าผมด้วยแววตาผิดหวัง แม้จะเป็นช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็เถอะ น้ำตาที่ไหลยังคงสะท้อนแสงอ่อนๆเอ่อล้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะขาดสาย เธอลุกขึ้นยืนจะเดินหนีแต่ผมฉุดแขนเธอเอาไว้
" ผมรักคุณ ผมรักคุณ " ผมย้ำออกมาจากความรู้สึกข้างใน น้ำตาเธอพรั่งพรู หันกลับมาเผชิญหน้ากับผม แววตาแห่งความผิดหวังและ เสียงสะอื้นไห้ช่างเสียงแทงเข้าไปในหัวใจของผมยิ่งนัก
" ที่แท้คุณก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ดีแต่ข่มเหงผู้หญิง " เธอสะบัดหลุดจากพันธนาการของผม
ฉับไว ....เขาดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความรักอย่างที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียมเทียบได้ ชโยก้มลงจุมพิตเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ด้วยรสรักที่เอ่อล้นหัวใจ หวานตัวแข็งทื่อ ตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม เขาค่อยๆไล่ริมฝีปากของเขาจากหน้าผากลงมาเรื่อยๆอย่างอ่อนโยน แต่ทว่าร้อนแรง และหยุดลงก่อนถึงริมฝีปากอันเรียวงามของหญิงสาว เขามองเธอด้วยสายตาแห่งรัก หวานพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการอันแข็งแรงนั้น เขาจู่โจมจุมพิตที่ริมฝีปากอันเรียวงามของหวานอย่างแผ่วเบา ทำให้เธออ่อนระทวยยอมทำตามความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน รอยจูบประทับกันและกันอย่างแผ่วเบา รสหวานแห่งรอยจุมพิตถูกถ่ายทอดให้แก่กันและกัน ก่อนค่อยๆ ทวีความร้อนแรงและหนักหน่วงมากขึ้น รสรักทวีความรุนแรงอย่างยากเกินจะหักห้ามใจ แม้รสนั้นจะจืดจางลง แต่มือของทั้งสองยังคงไขว่คว้าหากันและกัน กระชับร่างกายของทั้งสองอย่างแนบแน่น ราวกับเกรงว่าจะมีใครมาพรากเขาและเธอให้จากกัน ภวังค์แห่งความสุขถาโถมในห้วงอารมณ์ความรู้สึกอย่างมากมายมหาศาล ความรู้สึกซาบซ่านแห่งวัยหนุ่มสาวแผ่ปกคลุมร่างของคนทั้งสอง แต่ก่อนที่อะไรๆจะเกินเลยผิดจารีตประเพณีไปมากกว่านี้ สติสัมปัชชัญญะของชโยได้ตอกย้ำให้สำนึกถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความเป็นลูกผู้ชายพุ่งทะยานเข้ามาในห้วงความคิด สิ่งสำคัญในจิตใจของเขาขณะนี้คือการรักษาเกียรติของหวาน ผู้หญิงที่เขารัก ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียของเขาและแม่ของลูก มันเป็นสิ่งเขาไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนใดมากก่อน เขาพยายามหักห้ามใจ ค่อยๆผ่อนความหนักหน่วงนั้นลงทีละน้อยๆ จนเหลือเพียงความแผ่วเบาและอ่อนโยน ความพยายามที่จะละจากริมฝีปากของเธอนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน ยามเมื่อละจากริมฝีปากของหวานแลเห็นใบหน้าเธอก็ทำให้เขาอยากจะโถมจุมพิตใส่อีกครั้ง ในที่สุด สัญชาติญาณความเป็นสัตว์ก็เป็นฝ่ายชนะ เขาโถมจุมพิตเธออย่างหนักหน่วงอีกครา แม้จะยาวนานน้อยกว่าครั้งแรกแต่ทว่ารับรสซ่าบซ่านทวีความรุนแรงจนถึงขีดสุด เป็นไปตามธรรมชาติเขาโถมตัวเข้าใส่เธอ ลูบไล้เธอด้วยรอยจูบจากริมฝีปากลุกล้ำมาจนถึงลำคอระหงของเธอ ก่อนปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอเชยชมหน้าอกอันแบ่งบาน รสหอมหวานของเรือนร่างวัยสาวสะพรั่งช่างเชื้อเชิญให้ภมรเช่นเขาลิ้มลองยิ่งนัก เขาประทับรอยจูบอย่างหนักหน่วงที่หน้าอกของเธอปราศจากการเหนี่ยวรั้งใดๆ เรือนร่างของเธอสะทกสะท้านเล็กน้อยแต่ทว่าไม่ได้ขัดขืน เขาผ่อนความหนักหน่วง จุมพิตที่ริมฝีปากเธออย่างอ่อนโยน ส่งสายตาบอกให้เธอผ่อนคลาย เธอค่อยๆผ่อนคลายมือเธอลูบไล้แผ่นหลังของเขาปล่อยไปตามอารมณ์ความรู้สึก แต่เมื่อเขาระดมจูบเธออีกครั้ง ร่างก็เธอก็สะทกสะท้านมากขึ้น เขาไม่สนใจ การที่เล็บของเธอจะจิกเข้าที่หลังของเขา กลับกลายเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของเขา บรรยากาศเงียบสงัดมีแต่เสียงหายใจถี่และรัวของสัตว์โลกสองตัว มือของเขาลูบไล้ลึกลงไป ปลดอาภรณ์ท่อนล่างของเธออย่างค่อยเป็นค่อยไป ทันทีที่มือเขาสัมผัส เธอกรีดร้องสุดเสียง ดิ้นรนอย่างทุรนทุราย ก่อนสลบไป
เขาตกใจอย่างสุดขีด นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของคนปกติ นี่ไม่ใช่อาการหวาดหวั่นของผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ธรรมดาๆ แต่นี่คือพฤติกรรมที่บ่งบอกลางร้าย บ่งบอกตราบาปที่มีผู้ฝากรอยแผลลึกไว้ในจิตใต้สำนึกในอดีตของเธอ......ตราบาปที่เขาสร้างไว้กับเมย์และหญิงสาวที่มหาวิทยาลัย บัดนี้ได้ย้อนกลับมาตอบแทนเขาอย่างสาสมที่สุด.....
...........................................................................
" ผมรักคุณนะหวาน ไม่ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ผมก็รับได้ "
" คุณรู้ " น้ำตาเอ่อล้นดวงตาก่อนไหลลงอาบแก้มชมพูระเรื่อของเธอ ผมหยุดเดิน คว้ามือเธอมาจูบเสมือนให้คำสัญญา เธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
" แต่งงานกับผมนะ " เธอไม่ตอบรับแต่พยักหน้ารับเบาๆก่อนโผเข้ากอดผม ผมผละเธอออกก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา ตัวเธอสั่นสะท้าน เธอกำมือผมแน่นพยายามต้านความรู้สึกหวาดกลัวจากภาพเหตุการณ์ในอดีต มือเธอเริ่มเกร็ง ผมต้องรีบผละรอยจูบออก กำมือเธอทั้งสองข้างไว้แน่น พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกให้เธอได้ยิน
" ไม่ต้องกลัว ผมจะปกป้องดูแลคุณเอง ผมรักคุณ ผมรักคุณ " น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ เห็นเธอแล้วผมรู้สึกสงสารจับใจ ผมรู้ว่าเธอเองก็รักผมเช่นกัน แต่ความปรารถนาของเธอไม่สามารถได้รับการตอบสนองได้เนื่องด้วยภาพที่เธอถูกขืนใจในอดีตได้ตามมาหลอกหลอนเธอ ทำให้เธอกลัวที่จะต้องจูบหรือมีเพศสัมพันธ์กับใครแม้กระทั่งสามีตัวเอง จริงๆแล้วอาการของเธอไม่ควรจะหนักเท่าที่เป็นอยู่นี้ เป็นเพราะผม ที่ทำให้เธอเป็นเช่นนี้ ถ้าวันนั้นผมไม่ทำตามสัญชาตญาณสัตว์ของตัวเองผลก็คงไม่ออกมาเช่นนี้ การที่เธอฝืนทนเพื่อความสุขของผมในวันนั้น ทำให้อาการของเธอหนักขึ้น
" ผมขอโทษนะหวาน " น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้นดวงตาก่อนไหลริน มันเป็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวด รวดร้าว
"อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ หวานเต็มใจที่จะทำให้หมอมีความสุข แม้เป็นครั้งแรก และอาจเป็นครั้งเดียว " ผมรู้แล้ว ความเจ็บปวดกับการต้องทนเห็นคนที่เรารักทุกข์ทรมาน มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ไม่...ผมไม่ได้ปรารถนาในเรือนร่างของเธอ ผมเพียงแต่อยากเห็นเธอเป็นปกติ เป็นผู้หญิงที่มีความสุข ไม่ต้องอยู่กับการหวาดผวาหรือฝันร้ายยามค่ำคืนเช่นนี้ ผมเพียงอยากสามารถแสดงความรักฉันท์สามี-ภรรยา หอม และกอดเธอ ผมเพียงอยากมีเจ้าตัวน้อยกับเธอ มีลูกที่ผมจะฝากชีวิตไว้ยามแก่ชรา มีความชื่นบานหล่อเลี้ยงการดำรงชีวิตของเรา .....
สิ่งที่ผมขอ....คงมากเกินไป
กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองมันเลวทราม.....งก็สายเสียแล้ว
กรรมชั่วติดจรวดส่งตรงหาผมเสียแล้ว การที่ใช้ความเป็นตัวผู้ ข่มเหงผู้หญิง การหมกมุ่นในสัญชาตญาณสัตว์ และวังวนของกามารมณ์ ในอดีต ตอบแทนผมอย่างสาหัสนัก ไม่ได้ตอบสนองกับตัวเอง แต่ตอบสนองแก่คนที่ผมรัก
เมย์...ลูก....ผู้หญิงทุกคนที่ผมได้ย่ำยี...รวมทั้งหวาน.....ผมขอโทษ....
" ขอให้เลิกเสียเถอะ กูไม่อยากให้ต้องมาชดใช้กรรมแบบกู "
ððððð
นี่คือเรื่องสั้นจากเค้าโครงเรื่องจริงที่ผมต้องการนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟัง
ขอให้ดูโยเป็นเยี่ยงอย่างของคนชั่ว คนเลว ขอให้วัฏจักรแห่งการหมกมุ่นในกามารมณ์สิ้นสุดลง ณ ที่แห่งนี้
เพื่อนๆผู้ชายทุกคน ขออย่าคิดว่าในทุกครั้งที่มีความต้องการ คุณต้องได้รับการตอบสนอง ขออย่าคิดว่าผู้หญิงคือสิ่งที่เกิดมาเพื่อตอบสนองอารมณ์ของคุณเท่านั้น
" ยืดอกพกถุง " ไม่ใช่ทางแก้ไข แม้โอกาสติดโรคหรือพลาดพลั้งจะน้อยลง แต่คุณก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างตราบาปให้พวกเธออยู่ดี
" หักห้ามใจ " คือหนทางที่ดีที่สุด ใช้ "สัญชาตญาณมนุษย์" ในการคิดหรือทำ ไม่ใช่ใช้แต่ "สัญชาตญาณสัตว์" ในตัวคุณ
กรรมสมัยนี้ติดจรวด ผู้รับผลจากการกระทำของคุณอาจไม่ใช่ตัวคุณ แต่อาจเป็นคนที่คุณรัก อาจเป็นภรรยา หรือ ลูกสาวของคุณ เพราะฉะนั้น ขอจงมีความรับผิดชอบ ขอจงเป็นลูกผู้ชายที่เกียรติสุภาพสตรีนะครับ
น้องๆวัยรุ่นผู้ชายทุกคน "ขึ้นครู" คำสูงที่พวกคุณนำมาใช้ในความหมายต่ำ ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในชีวิตลูกผู้ชาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เป็นกันได้เองโดยสัญชาตญาณโดยที่ไม่ต้องมีใครมาเสี้ยมสอน ถ้าคุณเห็นว่าการร่วมเพศ เป็นสิ่งสนุกสนาน เป็นสิ่งความเป็นแมน คุณก็ไม่ต่างไปจากสัตว์เดียรัจฉานตัวหนึ่ง
คนที่คุณจะมีความสัมพันธ์ด้วยควรเป็นคนที่จะเป็นแม่ของลูกในอนาคต คือคนที่คุณแต่งงานกับเธออย่างทุกต้องตามกฎหมายไม่ใช่หรือครับ ?
ไม่เช่นนั้นการแต่งงานกับคนที่เรารัก และได้แสดงความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ และการให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยที่จะเรียกคุณว่าพ่อ คงไม่มีคุณค่าและความหมายอะไรเลย
คุณผู้หญิงทุกคนครับ พึงระวัง รักนวลสงวนตัวให้มาก จุดอ่อนของคุณคือ "การเป็นคนอ่อนไหว ใจอ่อน และเทิดทูนคนที่คุณรักมากจนเกินไป" จำไว้ให้ดีนะครับ คนที่เขารักคุณจริง เขาต้องรู้จักการให้เกียรติ และไม่ชิงสุกก่อนห่าม ถ้าคนที่ขอมีเพศสัมพันธ์กับคุณก่อนแต่งงาน ขอให้รู้ไว้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รักคุณเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ตัวคุณ แต่คือเรือนร่างของคุณ
อ่านจะดูเป็นเรื่องสั้นที่รุนแรง และก้าวร้าวในสายตาใครบางคน ขอ ก็ให้ทราบว่า ผมเพียงแต่ซื่อสัตย์ต่อการทำหน้าที่ผู้เขียนสะท้อนเรื่องราวความเลวร้ายมุมหนึ่งในสังคมไทยในปัจจุบันนี้เท่านั้น และทำหน้าที่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ปรารถนาให้สังคมไทยยังคงรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงามไว้ รักษาและรู้จักการให้เกียรติสตรีเพศ
วันนี้คุณทำตัวให้สมกับการได้เกิดมาเป็น "มนุษย์" ผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีจิตใจสูงแล้วหรือยัง ?
ความคิดเห็นที่ 1
มาดักไว้ก่อนนะว่าคนในเรื่องที่ชื่อโย.......ไม่ใช่ผม ผมแค่น่ารักแล้วก็น่าตาดีแบบตัวละครในเรื่องเท่านั้น นอกนั้นไม่ใช่ครับ
ขอบคุณ จขกท. นำเอามาให้อ่านกันคัรบ
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
17/10/2007 13:31:55
ความคิดเห็นที่ 2
ตอนอ่านผมก็นึกว่าใครน่ะ เอาคุณโยมาอำเล่น ดีนะที่คุณโยไวจริงๆ มาตอบคนแรกเลยนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านแล้วก็ต้องเชื่อล่ะครับ กรรมสมัยนี้ติดจรวดจริงๆ
โดยคุณ
jemini เมื่อวันที่
17/10/2007 14:37:05
ความคิดเห็นที่ 3
ขอบคุณครับที่นำมาไห้อ่าน เตือนสติผมได้ดีทีเดียว
ผมเองเกือบทำลายคนที่ผมรักด้วยสิ
โดยคุณ
ลมหมุนวน เมื่อวันที่
17/10/2007 15:18:27
ความคิดเห็นที่ 4
แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่าเป็นตาโยครับ เพราะตาโจ๊กบอก (อิอิ โบ้ยให้ตาโจ๊กที่อยู่บังกาลอร์เฉยเลย)
โดยคุณ
nok เมื่อวันที่
17/10/2007 15:25:45
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าไม่ใช่ ทำไมท่านสกายแมนต้องร้อนตัวรีบออกมาบอกอ่ะครับ หุหุ ^^
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่
17/10/2007 16:55:32
ความคิดเห็นที่ 6
ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .........ใจร้าย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำกันได้ลงคอ........ไม่นึกเลยว่าทุกท่านจะเป็นอย่างงี้ ............ กระซิก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
17/10/2007 17:31:08
ความคิดเห็นที่ 7
^
^
^
มาแว๊บ ๆ ยังอุตส่าห์มากัด โอ้วววววววววววววว
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
18/10/2007 08:04:10
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณ คุณ photo pds ที่นำเรื่องที่สร้างจิตสำนึกดีๆมาฝาก ^.^
โดยคุณ
Heckter เมื่อวันที่
22/10/2007 12:44:16