พล.ร.ต.สรชา ศรประทุม ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ กองเรือยุทธการ ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่าขณะนี้ได้มีการเตรียมการขนสิ่งอุปกรณ์เสริมที่อยู่ภายในระวางเรือหลวงจักรีนฤเบศร เพื่อให้เรือมีน้ำหนักเบาสะดวกในการนำเรือเข้าบำรุงรักษาตามรอบอายุ 10 ปี ภายในอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ ซึ่งเป็นอู่แห้งกองของทัพเรือที่มีขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีที่ต้องอยู่ติดกับท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ
ถือว่าเป็นครั้งแรกของอู่แห่งนี้ที่ได้รองรับเรือหลวงจักรีนฤเบศรเข้าบำรุงรักษาสภาพเรือภายนอกให้เกิดความสง่างามยิ่งขึ้น จึงขอแจ้งให้ประชาชนทั่วประเทศ ภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาที่ได้วางแผนการเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรในช่วงวันที่ 17 ตุลาคม 2550 ถึง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2550 จะไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมเรือได้
ด้าน พล.ร.อ.ประวิทย์ ศรีสุขวัฒนา ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้เห็นชอบให้ปรับแผนการรองรับให้จัดเรือหลวงสิมิลัน ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ และเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เปิดให้ประชาชนได้เข้าเยี่ยมชมแทนเรือหลวงจักรีนฤเบศรในช่วงที่เข้าอู่
พล.ร.ต.ประสิทธิ์ชัย ศรีวรรธนะ ผู้อำนวยการอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ เปิดเผยว่า อู่แห้งแห่งนี้กองทัพเรือได้จัดสร้างตามแผนพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพจากกองทัพเรือใกล้ฝั่ง มาเป็นกองทัพเรือทะเลลึกหรือทะเลสีน้ำเงิน ได้มีการสั่งต่อเรือขนาดใหญ่จากต่างประเทศตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2531 ถึง 2540 และได้สั่งต่อเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ ก็คือ เรือหลวงจักรีนฤเบศร จากประเทศสเปน และเรือหลวงสิมิลัน ซึ่งเป็นเรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ขีดความสามารถของอู่ของกองทัพเรือที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถรองรับการเข้าซ่อมทำ ซ่อมบำรุงเรือที่มีความยาวกว่า 130 เมตรได้
สำหรับการเข้าบำรุงรักษาสภาพตัวเรือของ เรือหลวงจักรีนฤเบศรครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่อู่แห้งแห่งนี้สามารถรองรับตามแผนพัฒนากองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นความหวังสูงสุดของกองทัพเรือ การสร้างอู่มหิดลอดุลยเดชถือว่าเป็นการลงทุนของรัฐบาลและกองทัพเรือที่คุ้มค่าตามสายงานส่งกำลังบำรุง การซ่อมบำรุง สามารถรองรับการขยายตัวการซ่อมบำรุงในระยะยาวกว่า 20 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากฐานทัพเรือสัตหีบว่า หลังจากทางกองทีพเรือต้องเตรียมเรือหลวงจักรีนฤเบศร เพื่อเข้าอู่แห้ง ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ ในช่วงนี้จะห้ามนักท่องเที่ยวเข้าชม เพราะต้องมีการขนย้ายอุปกรณ์บนเรือบางส่วนออก ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาจากทั่วประเทศไทยในช่วงวันหยุดต้องผิดหวังเมื่อไม่พบเรือหลวงจักรีนฤเบศรจอดอยู่ที่ท่าเรือ จึงได้ปรับแผนการท่องเที่ยวขึ้นเยี่ยมชมเรือหลวงสิมิลัน ซึ่งเป็นเรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ของกองเรือยุทธบริการ กองเรือยุทธการแทน และยังได้เข้าไปเที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือเป็นการชดเชย
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000121888
อยากให้เรือหลวงจักรีนฤเบศรติดระบบป้องกันระยะประชิดกับเรด้าครบชุดจังเลยผ่านไป 10 ปีแล้ว
อุ๊ย.....ผมว่างานนี้ไปดูร.ล.สิมิลันกับร.ล.พุทธท่าจะคุ้มเหมือนกันนะครับ
ว่าง ๆ ต้องหาจังหวะแว๊บไปดีกว่า หุหุ
คุณ skyman ไปแล้วช่วยถ่ายรูปมาฝากด้วยนะครับอยากเห็นภายในตัวเรือ สิมิลันนะ
ในตัวเรือสิมิลันจะเหมือนเรือสินค้าทั่วไปมากกว่าครับ มีระวางบรรทุกสิ่งของต่าง ทั้งของเหลว ของแข็งมากมาย ที่น่าไปเยี่ยมชมคือ ห้องเย็นครับ ใหญ่จริงๆ ใหญ่ขนาดทำฉากประกอบหนังอินเดียให้นางเอกพระเอกวิ่งไล่กันได้ ส่วนบริเวณสะพานเหมือนเรือสินค้าเลยครับ ไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ใหญ่จริงครับ แนะนำว่า ควรเรียนวิชา แผนที่เข็มทิศ ก่อนขึ้นเรือ ไม่งั้นท่านอาจจะหลงทางได้
มีใครทราบบ้างไหมครับว่าสิมิลัน มีอาวุธป้องกันตัวหรือเปล่า เห็นเรือแบบนี้ของประเทศอื่นๆเค้ามี CIWS กันด้วย??
อู่ต่อเรือบ้านเราตอนนี้ไม่สามารถต่อเรือขนาดใหญ่ได้ครับ แต่เอกชนอุตสาหกรรมต่อเรือได้ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องนี้ครับ ในเรื่องของเงินทุนน่าจะใช้อยู่หลายหมื่นล้าน แต่ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากทางภาครัฐเลย ทั้งที่เรือขนส่งสิ้นค้าขนาดใหญ่ในบ้านเรามีไม่เพียงพอต้องเช่าเรือสิ้นค้าต่างประเทศ ประกอบกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอีก
ก็อู่มหิดลไงครับ ตามที่เจ้าของกระทู้บอก ใหญ่สุดในประเทศไทย รับเรือหลวงจักรีฯได้ ก็รับเรือหลวงสิมิลันได้ อนาคตอู่นี้เป็นความหวังของกองทัพเรือเลยนะ (ทหารเรือบอกมา)