ศูนย์หาดใหญ่ ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังพื้นที่เป้าหมาย ตะลึงพบเงินสดถูกฝังดินร่วม 30 ล้าน ในพื้นที่ โก-ลก คาดเป็นของโจรใต้
วันนี้ (9 ต.ค.) เวลาประมาณ 18.00 น.มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในหมู่บ้านโคกกลาง ม.2 ต.มูโนะ โดยเจ้าหน้าที่ขุดพบเงินสดถูกฝังอยู่ใต้ดิน ใกล้บ้านพักของ นายอิซอ ยะโกะ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มก่อความไม่สงบที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ ประมาณ 30-40 ล้านบาท
เบื้องต้นคาดว่าเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งนำมาใช้เป็นเงินทุนที่ใช้สำหรับจัดหาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ในการก่อเหตุ
ความคืบหน้า ผู้จัดการออนไลน์ จะรายงานให้ทราบต่อไป
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000119700
เงินแยะนะครับ คงต้องสืบต่อแล้วครับ ว่ามาจากไหน ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
ปล. กองทัพไทย จะเกทับ ซักร้อยล้าน ซื้ออาวุธให้ทหารที่ลงไปไหมครับ ( 555 กินมีเหลือก็เผื่อแผ่กันบ้างก็ดีนะครับ )
เหอ ๆ ๆ เอาไปแจกครูกับตำรวจ ทหาร สักคนละ 3 หมื่นท่าจะดีไม่น้อยนะครับ......สุดยอด ๆ ปรบมือให้ หลัง ๆ มานี่เจ้าหน้าที่ดำเนินนโยบายเชิงรุกมาขึ้นเยอะเลยครับ ขอให้รอบคอบให้มาก ๆ นะครับ โจรแม่งคอยจ้องอยู่ครับ
พบเงินสด30ล้านอัดท่อ"พีวีซี" ฝังดินที่โก-ลกขยายผลป่วนใต้ |
10 ตุลาคม 2550 01:15 น. |
ตะลึงพบเงินสด 30 ล้านบาทอัดท่อพีวีซีฝังดินที่สุไหงโก-ลก ขยายผลเชื่อมป่วนใต้หรือไม่ส่วนเหตุปะทะเดือดสะบ้าย้อย 5 ศพ คาดแนวร่วมประชุมเล็งป่วนครั้งใหญ่ สั่งไล่ล่าอีก 3 คนร้ายที่หลบหนีไปได้ นายก อบต.ชี้เหยื่อวิสามัญเป็นคนนอกพื้นที่ทั้งหมด เมื่อเวลา 13.00น. วันที่ 9 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ทหารชุดเพชราวุธ และฉก.36 กว่า 100 นาย นำโดย พ.อ.มนัส คงแป้น เสนาธิการ พตท. อาศัยกฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 90 ม. 2 บ้านโคกกลาง ม.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อน แต่ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบเจ้าของบ้าน จากการตรวจค้นพบอาวุธปืน 2 กระบอก ปืนกรดขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมกระสุน 27 นัด และกระสุนปืน.38 จำนวน 31 นัด แบตเตอรี่ขนาด1.5 โวลต์ จำนวน 4 ก้อน ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณห้องครัวพบพื้นห้องผิดปกติจึงทำการขุดเพื่อตรวจสอบ พบท่อพีวีซี 7 ท่อน ขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาว 1-3 เมตร เชื่อมปิดหัวท้ายอย่างดีฝังไว้ จึงนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่สภ.ต.มูโนะ กระทั่ง พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เดินทางมาเพื่อตรวจสอบของกลางด้วยตัวเองและให้เจ้าหน้าที่ใช้เลื่อยตัดท่อพีวีซีและต้องตกใจเมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่ข้างในเป็นธนบัตรทั้งฉบับ 500 และ 1,000 บาท มัดเป็นก้อนอัดอยู่ในท่อ ซึ่งจากการตรวจนับจำนวนเงินที่อยู่ในท่อทั้ง 7 ท่อพบเป็นเงินสดประมาณ 30 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเงินที่มาจากการค้ายาเสพติด พร้อมทั้งนำเงินทั้งหมดไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่ พร้อมกับได้เร่งขยายผลหาเจ้าของบ้านและเจ้าของเงินเพื่อนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัตินายอีซอเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว พบว่าบุตรชายชื่อนายมะยากี ยะโก๊ะ เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ของ จ.นราธิวาสและมีหมายจับคดีค้ายาเสพติด ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และเงินที่ตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเงินของนายมะยากี ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ซึ่งเงินก้อนดังกล่าวจะมีการแยกส่วนเพื่อใช้ในการสนับสนุนก่อเหตุความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ขอเวลาในการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ไล่ล่า3คนร้ายที่หลบหนีไปได้ ความคืบหน้ากรณี พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ผบ.ฉก.4 สนธิกำลังกับตำรวจภูธร ชุด ฉก.ตชด.ที่ 43 และ อส.อำเภอสะบ้าย้อย กว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นที่บ้านสวนใน หมู่ 1 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 ตุลาคม กระทั่งเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจนสามารถวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายได้ 5 คน นอกจากนี้ยังยึดของกลางเป็นวัตถุระเบิดและอาวุธจำนวนหนึ่ง พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 30 คน มาสอบสวนขยายผล ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.อ.ประยงค์ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ต้องสงสัยนั้น เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวไปแล้ว 7 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด และยังคงควบคุมตัวอยู่ที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 4 อ.เทพา อีก 23 คน เป็นชาย 20 คน และหญิง 3 คน เพื่อซักถามและตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัวไป ส่วนศพคนร้ายทั้ง 5 คน ได้ส่งไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ทราบชื่อเพียงคนเดียวคือ นายมะกรี จินตรา อยู่บ้านเลขที่ 44/2 หมู่ 2 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา ส่วนที่เหลืออีก 4 คน ยังไม่ทราบชื่อ ต้องรอตรวจสอบดีเอ็นเอ ทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ และให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจมาตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในเร็วๆ นี้ แต่คนร้ายทั้งหมดไม่ใช่คนในพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากหลังเกิดเหตุมีชาวบ้านมาดูศพ แต่ไม่มีใครรู้จัก ด้าน พ.ต.อ.สุเมธ พงษ์ลิมานนท์ ในฐานะรักษาการตำแหน่งผู้บังคับการกองวิทยาการ 4 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลเอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 คน ว่าเป็นใครมาจากไหน เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร คาดว่าประมาณ 2-3 วัน จะมีความคืบหน้าทางคดีอีกระดับหนึ่ง พล.ต.จำลอง คุณสงค์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 และรองผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (รอง ผบ.พตท.) กล่าวเรื่องเดียวกันว่า คนร้ายสามารถหลบหนีไปได้อีกอย่างน้อย 3 คน ที่สำคัญพบว่าส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมจากนอกพื้นที่ซึ่งลอบเข้าไปในพื้นที่รอยต่อ เพื่อร่วมวางแผนประชุมก่อเหตุร้าย และสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีความพยายามเคลื่อนไหวในช่วงระยะนี้ตามที่หน่วยข่าวกรองได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังในช่วงวันที่ 7-12 ตุลาคม พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า เนื่องจากยังมีแนวร่วมสามารถหลบหนีไปได้และอาจกลับเข้ามาในพื้นที่เดิมเพื่อก่อเหตุ จึงแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานให้เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของแนวร่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากพบเบาะแสการซ่องสุมกำลังในพื้นที่ใดก็ตาม ให้ปิดล้อมตรวจค้นทันที รวมถึงเร่งขยายผลหาเครือข่ายแนวร่วมที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่ อ.สะบ้าย้อย โดยเฉพาะแนวร่วมที่สามารถหลบหนีไปได้ 3 คน ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งติดตามและเช็คประวัติอย่างละเอียด "เหตุการณ์ที่สะบ้าย้อย พิสูจน์ได้ว่าแนวร่วมยังมีความพยายามก่อเหตุป่วนครั้งใหญ่จริง เพราะมีการระดมแนวร่วมจากนอกพื้นที่มาหารือแผนการร้าย ซึ่งนับว่าโชคดีที่ชาวบ้านให้ความร่วมมือแจ้งเตือนเบาะแสจนสามารถยับยั้งเหตุการณ์รุนแรงได้ทัน" พล.ต.จำลอง กล่าว พล.ต.ท.ปัญญา เทียนศาสตร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) กล่าวว่า ช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เป็นช่วงที่กลุ่มแนวร่วมเรียกประชุมแนวร่วมจากพื้นที่ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 8 คน เพื่อวางแผนก่อเหตุร้ายในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งมีวันสำคัญ เช่น วันสุดท้ายเดือนรอมฎอนของพี่น้องไทยมุสลิม วันบุญเดือนสิบของพี่น้องไทยพุทธ และเทศกาลถือศีลกินเจชาวไทยเชื้อสายจีน กระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจนเกิดการปะทะ ทำให้แนวร่วมบางส่วนสามารถหลบหนีไปได้ ในจำนวนนั้นน่าจะมีนายมะยูโซะ บินลาเต๊ะ และนายอับดุลรอนิง รามันเจ๊ะ ผู้ต้องหาคดีสำคัญ ซึ่งลักลอบเข้าพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย เพื่อร่วมประชุมก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตชด.และทหารพราน เร่งหาเบาะแสความเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วนแล้ว เผยเหยื่อวิสามัญเป็นคนนอกพื้นที่ นายมูฮำมัด กาเดร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้เกิดความวิตกกังวล ค้างคาใจ หรือพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดไม่ได้เป็นคนในพื้นที่แม้แต่คนเดียว จึงเป็นการยากที่ชาวบ้านจะออกมารวมตัวกันประท้วงเหมือนในช่วงที่ผ่านมา นายก อบต.จะแหน กล่าวด้วยว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อบต.ได้สนับสนุนให้ราษฎรในพื้นที่จัดทำโครงการป้องกันตนเอง โดยเฉพาะมาตรการการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านในช่วงกลางคืนที่จะปิดกั้นถนนเข้าออกหมู่บ้านให้เหลือเพียงทางเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาก่อเหตุได้ ในส่วนของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญจนเสียชีวิตทั้ง 5 คนนั้น คาดว่าน่าจะหลบหนีเข้ามาอาศัยในบ้านพักของชาวบ้านในช่วงกลางวันมากกว่า เพราะตอนกลางวันถนนเข้าออกหมู่บ้านทุกสายจะเปิดให้ผู้คนใช้ตามปกติ กระทั่งเกิดการปะทะกันขึ้นและมีการขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวน 23 คน ซึ่งคนกลุ่มนี้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวไปสอบสวนในฐานะผู้มีส่วนรู้เห็นกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแล้ว ขณะที่ พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม ประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ และอดีต รอง ผบก.ตชด.ภ.4 กล่าวว่า แท้จริงแล้ว อ.สะบ้าย้อย มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการมานานแล้ว ก่อนหน้านี้พื้นที่ดังกล่าวเคยมีการเคลื่อนไหวของนายกอเดร์ แกแดะ อดีตหัวหน้ากลุ่มพูโล จึงไม่น่าแปลกใจที่ยังมีกลุ่มขบวนการเข้ามาก่อเหตุและเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามเห็นว่าในส่วนของผู้ต้องสงสัย 23 ราย รัฐต้องเร่งสกรีนและคัดแยกบุคคลกลุ่มนี้ให้ได้โดยเร็วว่าคนใดร่วมอยู่ในขบวนการและคนใดเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาจนมีการฟ้องร้องและมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นตามมาเพื่อ ล้างแค้นให้กับผู้เสียชีวิตเหมือนในช่วงที่ผ่านมาได้ ที่สำคัญเกรงว่าครอบครัวและญาติพี่น้องจะเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐมากขึ้นจนนำไปสู่การเข้าร่วมกับกลุ่มขบวนการได้ กู้ระเบิดระทึกที่รือเสาะ เมื่อเวลา 07.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ธวัช สุนทรพจน์ สว.เวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งจาก ส.ต.ท.ประเสริฐ จาติวงศ์ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.อ.รือเสาะ ว่าพบกล่องวัสดุต้องสงสัยคล้ายระเบิดถูกนำมาวางไว้บนหลังคาเพิงที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่งอยู่หลังตู้ยามควบคุมการปิดกั้นเส้นทางรถไฟของสถานีรถไฟรือเสาะ เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ จากการเก็บกู้พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีรัศมีการทำลายล้าง ประมาณ 20 เมตร เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายหวังสังหารตำรวจจราจร สภ.อ.รือเสาะ ที่จะมารวมพลที่จุดดังกล่าวในเวลา 08.00 น.ของทุกวัน เพื่อรอรับคำสั่งผู้บังคับบัญชาก่อนออกไปปฏิบัติหน้าที่ แต่โชคดีที่มีการพบระเบิดเสียก่อน ต้านแก๊งป่วนใต้ฆ่าเดือนรอมฎอน นายนิมุ มะกะเจ ผู้ทรงคุณวุฒิอิสลามยะลา กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสข่าวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเตรียมก่อเหตุใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงสุดท้ายของการถือศีลอด และวันตรุษอีดิ้ลฟิตริที่จะมีถึงในช่วงปลายเดือนรอมฎอนนี้ อยากขอเตือนไปยังเยาวชนแนวร่วม ผู้หลงผิด และผู้ก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการให้หยุดคิดที่จะก่อการในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะนอกจากจะไม่ตรงตามหลักประสงค์ขององค์อัลเลาะห์แล้ว ยังจะไม่ได้รับความเมตตาจากพระองค์ด้วย นายนิมุ กล่าวต่อว่า ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการสิ้นสุดเวลาแห่งบุญในเดือนรอมฎอน มุสลิมทุกคนจะปฏิบัติศาสนกิจที่เคร่งครัดอย่างมาก และที่สำคัญจะต้องเดินทางเข้ามัสยิดเพื่อทำร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ ซึ่งเวลานี้จะเป็นช่วงที่พี่น้องมุสลิมจะได้บุญมากกว่าช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว ขณะเดียวกันหากพี่น้องมุสลิมไปก่อกรรมทำเข็ญในช่วงนี้จะไม่ได้รับการโอบอุ้มจากพระองค์เลย เพราะถือว่าไม่ตั้งตนอยู่ในหลักคำสอนตามวิถีทางศาสนา "มุสลิมที่หลงผิดและออกก่อเหตุในช่วงนี้ไม่มีทางที่จะได้บุญตามคำยุยงของผู้ไม่หวังดี มีแต่จะตกอยู่ในโลกแห่งความมืด และจะไม่ได้รับการเหลียวมองจากพระองค์" นายนิมุ กล่าว ผู้ทรงคุณวุฒิอิสลามยะลา กล่าวว่า อยากจะให้ผู้นำอิสลามทั้งในและนอกพื้นที่ร่วมกันปลุกกระแสต่อต้านผู้หลงผิดที่จะก่อเหตุในช่วงนี้ หรือช่วงไหนๆ ก็ตาม เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง วันนี้ยังมีเยาวชนอีกมากที่รู้ไม่จริงในเรื่องคำสอนและหลักของศาสนาอิสลาม จึงถูกชักจูงให้หลงผิด โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่พิธีซุมเปาะ (สาบานตน) เยาวชนจำนวนมากถูกผูกมัดด้วยความเชื่อดังกล่าวว่าจะไม่สามารถถอนตัวหรือออกมาจากวังวนดังกล่าวได้ "ผู้นำศาสนาจะต้องชี้แจงความจริงเพื่อต่อต้านความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และบอกให้รู้ว่าสามารถถอนการซุมเปาะ หรือสาบานตัวได้ เพราะหากไม่ร่วมแรงร่วมใจกันแล้วจะมีผู้คนมากมายซึ่งหลงเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดีมีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต" นายนิมุ กล่าวพร้อมเรียกร้องให้ผู้นำศาสนาออกมาประกาศตัวพร้อมนำข้อเท็จจริงมาหักล้างความคิดที่ถูกบิดเบือน ครม.ให้งบรพ.-ซ่อมรร.ใต้ . ศ. ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ (.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะ รัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติงบพิเศษกว่า 500 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อสนับสนุนการ ดำเนินงานของโรงพยาบาลในการสร้างอาคาร และจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลหลักของภาคใต้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและมีผู้ ได้รับบาดเจ็บก็จะต้องส่งผู้ได้รับบาดเจ็บมายัง โรงพยาบาลม.อ.สงขลา เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ครม.จึงอนุมัติงบพิเศษเพิ่มเติมต่อเนื่องจากปีนี้ไปถึงปีหน้า นอกจากนี้ ครม.ยังได้อนุมัติงบกลางจำนวน 212 ล้านบาท ตามที่ ศธ.เสนอ เพื่อนำ ซ่อมและสร้างโรงเรียน 64 แห่ง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ถูกลอบวางเพลิงจนได้รับความเสียหาย โดยโรงเรียน ที่ถูกลอบวางเพลิงใน 64 แห่ง จะต้องสร้างใหม่ กว่า 40 แห่ง ซึ่งการได้รับงบประมาณครั้งนี้ถือถือว่าเป็น ข่าวดีของทุกคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีข่าวว่าพบระเบิด 22 ลูกใน จ.สงขลา หลายจุดว่า ยังสับสนกันอยู่ ต้องรอการรายงานที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งคงต้องถามเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งนี้ยังไม่มีการรายงานตรงมาถึงตน เนื่องจากยังไม่ได้เข้าไปรับงานเรื่องความมั่นคง ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้สามารถวิเคราะห์ได้ว่ากลุ่มคนร้ายออกมาก่อเหตุนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนแล้วหรือไม่ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า นโยบายของเราต้องการล็อกสถานการณ์ไว้ใน 3 จังหวัด กับ 4 อำเภอ อันนี้คือนโยบาย เพราะฉะนั้น แนวทางในการปฏิบัติ หน่วยปฏิบัติจะต้องพยายามกำหนดมาตรการควบคุมตรงนี้ให้ได้ ส่วนที่ออกมาข้างนอกก็ต้องตรวจสอบอีกทีว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร ทั้งนี้คิดว่านโยบายภาคใต้จะให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เผยสถิติก่อเหตุใต้ปี 50 ลดลง พ.อ.ธนาธิป ส่วางแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เปิดเผยหลังการประชุม กอ.รมน. ว่า พล.อ.มนตรี ชมภูจันทร์ เสนาธิการทหารบก และในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุม โดยมีการหารือถึงแนวทางการแถลงผลการทำงานของกอ.รมน.ในรอบปีที่ผ่านมาภายใต้กรอบแนวทางการทำงานของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.คนใหม่ โดยเฉพาะแนวนโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ แบ่งเป็น 2 กรอบใหญ่ คือ 1.กรอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 2.กรอบนโยบายการปฏิบัติงานขั้นต้นใช้กรอบปฏิบัติงานเดิม แต่อาจมีการเปลี่ยนบางอย่าง เช่น พยายามเน้นยุทธศาสตร์พระราชทานเข้ามาอย่างแท้จริง โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า กรอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พล.อ.อนุพงษ์ เน้นย้ำ 3 เรื่อง คือ 1.การทำงานตามแนวทางให้เจ้าหน้าที่เกาะติดประชาชน และเกาะติดผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้น เพื่อให้การทำงานด้านการข่าวกรองให้แน่นมากขึ้น 2.ยังเน้นย้ำนโยบายการแยกปลาออกจากน้ำ เพื่อคัดแยกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่มีจำนวนน้อย ออกจากกลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นคนดี และ 3.เน้นเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดการก่อเหตุร้ายวันให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดในพื้นที่สำคัญ ในชุมชน การวางเพลิง การลอบยิง โดยพยายามทำอะไรที่ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ใช้นโยบายที่รุนแรงขึ้น มีการวิสามัญผู้ก่อความไม่สงบ โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า งานยุทธการเราปฏิบัติตามที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเน้นการปิดล้อม โดยข้อมูลจากผลการประชุมของนายกรัฐมนตรีและ ผอ.รมน.ภาค 4 ยุทธการดังกล่าวทำให้สถิติการก่อเหตุลดลงมาเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ โดยแบ่งเป็น 3 ห้วงเวลา คือ ห้วงแรกเดือนต.ค. 2549 -ม.ค. 2550 เหตุลอบยิง 447 ครั้ง ลอบวางระเบิด 150 ครั้ง วางเพลิง 91 ครั้ง ห้วงที่สองเดือนก.พ. - พ.ค. 2550 ลอบยิงจำนวน 414 ครั้ง ลอบวางระเบิด 133 ครั้ง วางเพลิง 113 ครั้ง ห้วงที่ 3 คือมิ.ย. - ก.ย. 2550 ลอบยิง 395 ครั้ง ลอบวางระเบิด 116 ครั้ง วางเพลิง 106ครั้ง ซึ่งพบว่าปลายปี 2550 สถิติทุกอย่างจะลดลงมาตามลำดับ "สาเหตุที่สถิติลดลงมา เพราะเราแยก 2 ส่วน คือ การเมืองกับการยุทธการ โดยเป้าหมายการเมือง คือ งานมวลชนและพัฒนาได้ผล ส่วนงานยุทธการที่ปิดล้อมตรวจค้น งานด้านการข่าวมีการบูรณาการมากขึ้น ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหารมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากขึ้น รวมถึงคำสารภาพของผู้ก่อความไม่สงบที่เราควบคุมตัวได้จากการปิดล้อมตรวจค้น ซึ่งเราพบข้อมูลมากขึ้น นำมาสู่การระงับเหตุรายวันได้ ดังนั้น หัวใจคืองานการข่าวที่แน่นอนแม่นยำมากขึ้น เพราะประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายและไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติ ดังนั้นเขาอยากกลับเข้ามาสู่ชีวิตดังเดิม และให้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น" พ.อ.ธนาธิป กล่าว |