หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


อยากให้อุบัติเหตุวันทูโกเป็นเรื่องเตือนใจผู้โดยสาร>>>จากลูกเรือวันทูโกคนหนึ่ง

โดยคุณ : nok เมื่อวันที่ : 11/10/2007 15:38:33

น่าสนใจครับ เลย Copy มาให้อ่านกัน เหตุการณ์ผ่านมาเกือบเดือนแล้วครับ แต่อ่านแล้วได้ทั้งความรู้และข้อควรปฏิบัติระหว่างนั่งเครื่องบินครับ

 

ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียกับเหตุการณ์ครั้งนี้

ผมเองกว่าจะหลับตาลงก็ปาเข้าไปวันที่สามแล้ว  
เราบอบช้ำกันมากแต่พวกเรายังสู้
เรายังต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด  
ถึงน้องบางคนยังยืนไหว้ขอบคุณผู้โดยสารทั้งน้ำตา


แต่เราก็เต็มใจที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไปให้ดีที่สุด


 พวกเราติดตามข่าวสารต่างๆซึ่งบางเรื่องก็จริง แต่บางเรื่องก็ไม่จริงเลย แต่เราก็ไม่มีโอกาสอธิบาย  ข่าวบางสื่อบอกว่า



 "แล้วลูกเรือหายไปไหนหมด" มันเจ็บที่อกจนน้ำตาไหลออกมา
ผมเชื่อเหลือเกินว่าลูกเรือเที่ยวบินนั้นได้ทำหน้าที่ทุกอย่างสุดความสามารถแล้ว  
...................เค้าทำดีที่สุดแล้ว



  วันนี้ลงจากไฟล์มาเจอหนังสือพิมส์บอกว่า
 "สนามบินภูเก็ตเฮี้ยนแล้ว"
อะไรสักอย่างอ่านแล้ว สลดใจครับ  
เค้าไม่คิดถึงจิตใจคนที่สูญเสียเลยเหรอ
ในขณะที่บางคนบอกว่าเค้าไปดีแล้วไปสู่สุขคติแล้ว
 แต่บางคนกลับบอกว่าเค้า.................เฮ้อออ
ผมไม่อยากเขียนจริงๆ
  อีกข่าวบอกประมาณว่า ผู้เสียชีวิตได้ซื้อตั๋วกับเคทีซี โชคดีได้ ยี่สิบล้าน
 คุณว่าเค้าจะดีใจมั๊ยที่ได้เงินจำนวนนั้นแล้วแลกกับชีวิตคนที่เค้ารัก  
ผมว่าต่อให้ร้อยล้านก็ไม่มีใครแลกหรอกครับ....อยากวอนให้สื่อช่วยคิดถึงจิตใจคนที่สูญเสียบ้างนะครับ


  ที่ผมมาตั้งกระทู้นี้เพื่ออยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้โดยสารท่านอื่นได้ตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยบนเรื่องบิน
อยากให้ท่านได้ตระหนักถึงสิ่งที่ลูกเรือร้องขอให้ทำ
แทนที่จะพยายามวิเคาระห์ว่านั่งตรงไหนปลอดภัยที่สุด เครื่องแบบไหนปลอดภัยที่สุด
ใครผิด
ใครเป็นคนทำ
นักบินประเทศไหนแย่
เครื่องรุ่นไหนเสี่ยง
อายุเครื่องสายการบินไหนเก่าสุด  
สนามบินไหนไม่ได้มาตรฐาน  
มันเป็นปัจจัยภายนอกที่เราเองก็ควบคุมไม่ได้  
เราขึ้นเครื่องบินเราไม่รู้หรอกว่านักบินเป็นคนชาติอะไร  เป็นใคร นิสัยอย่างไร มีชัวโมงบินกี่ชั่วโมง
อากาศข้างหน้าจะเป็นยังไง  สนามบินได้มาตรฐานรึปล่าว
  แต่สิ่งที่คุณจะป้องกันได้ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้คุณเอาชีวิตรอดในนาทีวิกฤตที่ผมภาวนาทุกค่ำคืนว่าไม่อยากให้เกิดอีก
ก็คือการเตรียมตัวเองให้พร้อม


   1. ก่อนขึ้นเครื่องบินโปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านให้ดี
เอาของตัวติดตัวเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น
การเสียค่าน้ำหนักเพิ่มไม่ทำให้เราต้องเสียเงินมากเท่าไหร่นะครับเพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่จำเป็นโหลดเถอะครับ

  2. บางคนอาจเห็นว่าไม่สำคัญแต่ความรู้สึกผมการแต่งกายขึ้นเครื่องบินควรจะแต่งการให้เราคล่องตัว
เพราะบางครั้งหากเราใส่กระโปรงยาว ส้นสูง หมวก หรืออุปกรณ์อะไรมากๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอาจเป็นอุปสรรคกับตัวเราเองก็ได้
 อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ


  3. ช่างสังเกตุ การเป็นคนช่างสังเกตุทำให้เราสามารถเห็นความผิดพลาดอะไรได้มากมาย  
ถึงแม้ทางสายการบินต่างๆจะมีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงสุดแต่ก็ไม่เสียหายหากท่านจะสงสัยว่าทำไมตรงนี้มีรอยแตก  ได้กลิ่นอะไรมั๊ย ทำไมเสียงแปลกๆ  
ทำไมที่นั่งแบ่งไม่เท่ากัน  เมื่อกี้เห็นควันตรงปีก ท่านถามลูกเรืออย่างผมได้
ผมเองก็จะได้เช็คก็เพอร์เซอร์อีกครั้งเพื่อความปลอดภัย


  4.เมื่อขึ้นเครื่องมาแล้ว  การมองว่าเครื่องนี้มีทางออกได้กี่ทาง ตรงไหนบ้าง
เรานั่งตรงนี้ ทางออกฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ห่างจากเรากี่แถว นับไว้ในใจ ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้างในมีควันเราเอาเสื้อคลุมไว้ แต่มือเราก็นับแถวเก้าอี้ไปยังทางออกได้  
   ข้างหน้าเราเป็นใคร ข้างหลังเราเป็นใคร หากเกิดอะไรที่เราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เราก็จะได้ขอให้เค้าช่วย


 5. เมื่อลูกเรือประกาศปิดโทรศัพท์ ขอความร่วมปิดจริงๆ  ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่าสัญญาณโทรศัพท์จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ  แต่ผมเองก็ไม่อยากให้ใครต้องเป็นคนพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง  
   บางท่านบอกว่าเครื่องยังไม่ขึ้นทำไมต้องปิด  ผมขอเรียนให้ท่านทราบว่า ถึงแม้ครื่องจอดอยู่  แต่ในห้องนักบิน  นักบินกำลังติดต่อกับหอบังคับการบินเรื่องข้อมูลต่างๆ
  บางครั้งสัญญาณจากโทรศัพท์มือถืออาจทำให้นักบินได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดมาก็ได้ครับ
   ในระหว่างเครื่องจะจอดก็เช่นกันให้รอให้สัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับก่อน
จึงค่อยปลดเข็มขัด  เพราะหากเครื่องยังไม่นิ่งสัญญาณยังไม่ดับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ  
   ส่วนโทรศัพท์เราจะประกาศให้ท่านใช้หลังออกจากเครื่องบิน  ถึงแม้ว่าเครื่องจะจอดแล้ว ประตูเปิดผู้โดยสารกำลังลงแต่หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา
 ท่านจะไม่มีทางรู้เลยครับ  
   หากท่านพูดว่าท่านขอคนเดียวได้มั๊ย  จำเป็นจริงๆ แล้วหากผู้โดยสารท่านอื่นเห็น   ขอใช้บ้าง ถ้าใช้กันทั้งลำ การสื่อสารที่จำเป็นระหว่างลูกเรือหรือกัปตัน
   กับผู้โดยสารก็จะล้มเหลวโดยปริยาย
  เพราะฉะนั้นอย่าว่าหรือทำสีหน้าไม่พอใจกันอีกเลยนะครับ หากคราวหน้าลูกเรือแนะนำให้ปิดโทรศัพท์  ถึงเราจะไม่มีทางรู้ว่าท่านปิดจริงหรือไม่  
แต่อยากให้คิดอยู่ในใจเสมอว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองเป็นสำคัญ  ปิดเถอะครับ

  6. ขณะสาธิตอุปกรณ์การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
   อยากให้ตั้งใจดูจริงๆนะครับ  เพราะนี่คือสิ่งที่ช่วยชีวิตคุณได้  หนังสือพิมพ์รอก่อน โทรศัพท์ค่อยคุย ง่วงนอนแค่ไหนก็ขอให้ฝืนดู  เพราะมันสำคัญที่สุด

 6.1 เข็มขัดนิรภัย  ถึงแม้จากเหตุการณ์ของสายการบินผมจะมีผู้เสียชีวิตขณะนั่งรัดเข็มขัด ซึ่งบางท่านอาจคิดว่า ท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร  แต่มองในแง่ของการพิสูจน์ศพ บางท่านในเที่ยวบินนั้นได้กระเด็นออกจากที่นั่งเนื่องจากไม่รัดเข็มขัด  ทำให้ไม่ทราบว่านั่งที่ไหน  กับท่านที่นั่งรัดเข็มขัดกับที่เราสามารถตรวจสอบกับสายการบินได้ว่าผู้โดยสาร 23A ชื่ออะไร เป็นใคร
 
   ในกรณีอื่น หากเครื่องบินเกิดเสียหลัก
ในเคบินจะเกิดแรงกระชากอย่างรุนแรง
เข็มขัดนิรภัยเป็นสิ่งเดียวที่จะรั้งเราเอาไว้
และผมขอแนะนำว่าหากเกิดกรณีนั้นจริงให้ท่าน
  "ก้มหัวลงให้ต่ำที่สุด หรือจับข้อเท้าไว้  แล้วรอจนเครื่องจอดสนิท ถึงจะทำการอพยพ"  หากลูกเรืออย่างพวกเรายังมีสติ เราจะเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากเครื่องครับ..เราสัญญา

   การลองปลดเข็มขัดใส่เข็มขัดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายครับ จะทำให้เราชินมือ  
แล้วกรุณาปรับเข็มขัดให้อยู่ใต้สะดือและแน่นพอดีตัว เพราะหากท่านคาดหลวมๆเพื่อหลอกลูกเรือ(เหมือนเอาเข็มขัดนิรภัยรถมาทาบ อกหลอกตำรวจ)มันก็ช่วยอะไรไม่ได้นะครับ

 7.  หน้ากากอ๊อกซิเจน จะอยู่เหนือที่นั่งของท่านนะครับ  หากระบบความกดอากาศในเคบินเปลี่ยน
ท่านสามารถใช้หายใจได้  อาจมีกลิ่นไหม้ แต่นั่นคือกลิ่นสารเคมีที่ทำปฏิกิริยากัน ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดครับ
  อีกอย่าง  แนะถ้าท่านมากับลูก หรือคนชราสิ่งที่ถูกต้องคือใส่ให้ตัวเองก่อนนะครับ
แล้วค่อยใส่ให้กับคนอื่น เพราะหากเราใส่ให้ลูก เสร็จเราหมดสติ เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรเราไม่รู้ อาจเลวร้ายกว่านี้ เด็กก็อาจเป็นอันตรายได้ครับ

  8.  เสื้อชูชีพอยู่ใต้ที่นั่งของท่าน  การเอามือคลำดูก็เป็นการตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้งครับ หากไม่มี  ท่านจะได้บอกลูกเรือได้  เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินท่านอาจไม่ทันการณ์ อย่าลืมว่าเมื่อเวลานั้น เสี้ยววินาทีมีค่าที่สุดครับ


 9. ทางออกฉุกเฉิน ท่านสามารถสังเกตุได้ตามที่พนักงานชี้ครับ และพนักงานจะชี้ไฟฉุกเฉินบริเวณทางเดินด้วย ขอให้ท่านสังเกตุให้ดี เพราะสิ่งนี้จะพาคุณไปยังทางออกครับ
   9.1 สำหรับท่านที่นั่งใกล้ทางออกฉุกเฉิน  
พึงตระหนักนะครับว่า    ท่านเป็นแรกที่หากเกิดเหตุฉุกเฉินท่านจะสามารถออกได้ก่อน ห้ามนำกระเป๋าหรือสัมภาระวางขวางบริเวณนั้นเด็ดขาดครับ
             เพราะอะไรเหรอครับ
  หากเกิดเหตุการณืไม่คาดฝันขึ้น ไฟลุกมาจากด้านหลัง พนักงานเปิดประตูให้ท่านหนี  แต่ขาท่านไปเกี่ยวกับสายกระเป๋าเป้แล้วท่านล้มลง
คนอื่นสะดุดท่านล้มลงอีก
เหตุการณ์อลม่าน ผู้โดยสารมองล้มกองคาทางออก
ผมคงไม่ต้องบอกนะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น  เพราะฉะนั้นหากท่านนั้นบริเวณนั้นพยายามทำให้ทางเดินโล่งที่สุดไว้นะครับ

   9.2 การอธิบายวิธีการเปิดทางออกฉุกเฉิน
   ลูกเรือจะอธิบายวิธีการเปิดให้ท่านฟังพร้อมกับมีแผ่นให้ท่านอ่าน  กรุณาศึกษาอย่างละเอียดครับ   เมื่อก่อนที่ผมเคยเจอคือ
   "ผมขึ้นบ่อย ไม่ต้องพูดแล้ว"  หรือ ไม่ยอมฟัง ไม่สนใจ ตรงนี้เราซีเรียสมากครับ หากใครไม่เต็มใจนั่งเราจะย้ายทันที
    ถ้าท่านเห็นเหตุการณืที่เกิดกับสายการบินผม ท่านจะเห็นหน้าต่างฉุกเฉินถูกเปิดออกที่บริเวณปีกครับ แล้วผู้โดยสารส่วนนึงก็สามารถออกมาได้

   เพราะฉะนั้นผมขอร้องให้ตั้งใจฟังจริงๆครับ  กราบข้อร้องจากใจจริง(เพราะผมไม่อยากให้เกิดอะไรร้ายๆขึ้นอีกแล้ว)
หากมีข้อสงสัยถามได้ครับ  ทุกสิ่งทุกอย่างถึงแม้จะเล็กๆน้อยๆ แต่ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองทั้งสิ้นครับ

-ทำไมเราถึงบอกให้ท่านเก็บโต๊ะหน้าที่นั่ง  ปรับพนักพิงเก้าอี้ตรง และเปิดม่านหน้าตา
  เพราะทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นหากท่านไม่ทำตามก็จะเป็นสิ่งกีดขวางในการหนีภัยทั้งสิ้นครับ

  การเปิดม่านหน้าต่าง ก็เพื่อให้ท่านได้เห็นว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นมีไฟไหม้ มีควัน เป็นเนินดินหนีไปทางนั้นไม่ได้ เป็นแอ่งน้ำ  สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อให้เราสามารถใช้ประมวลความเป็นไปได้ในการหนีภัยครับ
   
     ก่อนเครื่องจะทำการขึ้น ลูกเรือจะเดินตรวจความเรียบร้อยที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น
บางท่านพอเรามาตรวจก็ปรับพนักพิงเก้าอี้ตรง
แต่พอเราไปก็ปรับเอนอีก(ผู้โดยสารด้านหลังสารถแจ้งลูกเรือได้  มันเป็นสิทธิความปลอดภัยของเรา  ไม่ต้องกลัวเค้าเขม่น)

บางท่านใช้หลังยันไว้หรือเอามือแกล้งกดปุ่มไว้แล้วบอกว่าเสีย  พอเราขอปรับให้ท่าน ท่านก็โกรธ  เราอยากชี้แจงว่าที่เราทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวท่านเองและผู้โดยสารท่านอื่นครับ
  ลูกเรือนั่งตรงประตูเค้ารู้วิธีหนีภัย เค้าสามารถหนีได้เป็นคนแรก     เค้าจะไปเป็นคนแรกก็ได้ แต่เรา(ลูกเรือทั่วโลก)จะไม่มีวันทำเช่นนั้นครับ
 เพราะฉะนั้นเราถึงจ้ำจี้จ้ำไชกับท่าน  ท่านอาจหงุดหงิด ท่านอาจด่าเรา reportเรา  แต่เมื่อถึงเวลาที่ท่านก้าวเท้าลงจากเครื่องไปอย่างปลอดภัย  เราก็ถือว่าเราได้ทำหน้าที่เราสำเร็จแล้ว


 - ทำไมตอนเครื่องขึ้นและลง ถึงห้ามใส่หูฟัง ห้ามฟังเพลงห้ามเปิดเกมส์
     ก็เพราะระหว่างการนำเครื่องขึ้นและลงเป็นช่วงที่เสี่ยงที่สุด  หรือที่เราชาวลูกเรือเรียกว่า 11นาทีวิกฤต
อุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเกิดตอนการนำเครื่องขึ้นและลง  หากระหว่างนั้นเราใส่หูฟัง  ฟังเพลง  เราจะไม่ได้ยินลูกเรือสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน  หรือหากเกิดเสียงผิดปกติเช่นระเบิด เสียงรั่วต่างๆเราก็จะไม่ได้ยิน  หรือหากลูกเราcommand อะไรที่ฉุกเฉิน  ท่านจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ยิน

  ส่วนเกมส์หรือ mp3 นั้นเราก็เกรงว่าจะรบกวนระบบสื่อสารเช่นกัน

  - ถ้าปวดห้องน้ำระหว่างที่เข็มขัดยังเปิดอยู่ลุกไปได้มั๊ย

    แนะนำว่าให้อดทนรอก่อนครับ  เพราะอย่างที่บอก 11 นาทีวิกฤตยังไม่ผ่านอะไรก็เกิดขึ้นได้   หรือแม้ตอนเจอหลุมอากาศ  การที่สัญญาณแจ้งเตือนเพราะกัปตันได้ตรวจเจอก้อนเมฆ ซึ่งอ่านทำให้เครื่องส่าย สั่น  ทำให้ท่านไม่ปลอดภัยได้(ความปลอดภัยของท่านอีกแล้ว)

   - แล้วทำไมลูกเรือเดินได้หล่ะ

   อย่างที่บอกเราได้รับการเทรนมาอย่างดีวิธีการเดินตอนเครื่องสั่น หรืออะไรที่เซฟลูกเรือ  ระหว่างการเทรน เราถูกครูจับใส่ไมโครชิพที่ทำให้เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า "ความปลอดภัยของท่านมาอันดับแรก"
 ฉะนั้นท่านจึงได้เห็นภาพแอร์หน้าซีด เดินขาถ่างมือนึงจับพนักพิง อีกมือถึงทิชชูมาให้ผู้โดยสารที่กำลังอาเจียน
(แต่หากรุนแรงมากเราจำเป็นต้องsecure ตัวเองก่อน ไม่ใช่เห็นแก่ตัว  แต่เป็นเพราะยิ่งเราปลอดภัยครบ 32 เท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสช่วยเหลือผู้โดยสารมากเท่านั้น)

     ในกรณีที่ท่านนั่งอยู่ในห้องน่ำแล้วเกิดสภาพอากาศแปรปรวนให้ท่านรีบออกมาจากห้องน้ำมานั่งที่และรัดเข็มขัดทันที  แต่หากไม่ไหวจริงๆ ขอให้ท่านจับที่จับในห้องน้ำและนั่งลงให้ตัวอยู่ต่ำที่สุด
      แต่ในกรณีที่เกิดความผิดปกติในห้องโดยสารจนทำให้หน้ากากออกซิเจนตกลงมา ท่านสามารถใช้หน้ากากในห้องน้ำได้ทันที  แล้วเราจะรีบไปช่วยท่านครับ


            ********หากเกิดการemergency landing
  สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือ
  1.  มีสติ  หากเรารู้ล่วงหน้าเราจะแนะนำท่าที่ปลอดภัยตอนเครื่องลง  แต่หากเกิดไม่ทันตั้งตัว เราจะตะโกนท่าที่ปลอดภัยให้ท่านทำตาม
 2.  ขอให้ท่านรอให้เครื่องจอดสนิทก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไร   เมื่อเครื่องจอดแล้ว เราจะบอกให้ท่านปลดเข็มขัดแล้วทิ้งทุกอย่างไว้ ให้มาทางเรา
    ถ้ามีควันไฟขอให้ท่านใช้เสื้อผ้าปิดจมูก ปิดปาก แล้วกคลานให้ต่ำที่สุด
 3. เมื่อท่านออกจากเครื่องได้แล้ว ขอให้ท่านอยู่ให้ห่างเครื่องมากที่สุด  เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะระเบิดตอนไหน
 (แต่บางครั้งเหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็น step เช่นนี้  ยกตัวอย่างสายการบินของผม)


        การปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานต้อนรับอย่างเคร่งครัด เป็นสิ่งที่จะช่วยชีวิตผู้โดยสารมากกว่าการต้องคอยหาว่านั่งตรงไหนปลอดภัยที่สุด

ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าล้อหลังไม่กาง เอาท้ายลง ด้านหลังก็เสี่ยง
ถ้าเกิดน้ำมันรั่วที่ปีก ตรงกลางเสี่ยง
ถ้าเกิดชนกระแทกด้านหน้า  ด้านหน้าเสี่ยง
  เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวเอง มีสติ ไม่ประมาท ช่างสังเกต ขี้สงสัย
และระแวดระวัง(แต่ไม่ใช่ระแวง)เป็นวิธีที่ทำให้เราปลอดภัยที่สุด

    ผมเองคิดด้วยซ้ำว่าหากผมไปเป็นผู้โดยสารสายการบินไหนผมจะทำตามเคร่งครัด ไม่ประมาท(อีกแล้ว)และมีสติ  แล้วถ้าหากผมต้องเป็นอะไรไปผมก็จะไม่เสียใจที่หลังเลยว่าทำไมผมไม่รัดเข็มขัด ทำไมถึงประมาท........................
 


   ข้อมูลข้างต้นอาจผิดพลาดไปบ้าง
ผมน้อมรับคำแนะนำครับ เพียงแต่เอามาจากประสบการณ์ตัวเอง  


    ผมเองฝันและอยากให้สื่อเน้นประเด็นนี้มากกว่าการคาดเดา การโทษสิ่งโน้นสิ่งนี้ ซึ่งมันไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา  รังแต่จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น   สู้ว่าบอกประชาชนในเรื่องแบบนี้ดีกว่า

   ใครๆก็ขึ้นเครื่องบินได้  แต่จะมีใครสักกี่คนรู้เรื่องเหล่านี้ ตาสีตาสีท่านไม่รู้กันทุกคนหรอกครับ  ยิ่งประโคมข่าวเสียหายแบบนี้ลำพังบริษัทผมอนาคตยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร    
   แต่จะพาลให้ธุรกิจโลว์คอสของสายการบินอื่นเสียไปด้วย มันกระทบความมั่นใจไปหมดนะครับ

           แนะนำการใช้การเดินทางด้วยเครื่องบินดีกว่านะครับ



 ป.ล   ผมคิดว่าข้อมูลเหล่านี้คงมีประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย  ผมสานต่อความตั้งใจของลูกเรือ OG269เรื่องความปลอดภัยที่พวกเค้าทำไม่สำเร็จแล้วนะ พี่เก่ง พี่เมย์ น้องอิ่ม น้องกิ๊ก น้องพิท ผมทำให้แล้วนะทุกคน  


และหากเกิดประโยชน์ใดๆก็ขอให้ผลบุญตกแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุทั้งหมดครับ


       ********เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ทำให้เรากลัวที่จะบิน........
                       แต่มันจะยิ่งทำให้เราเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตผู้โดยสารมากยิ่งขึ้นครับ  
                            จากใจลูกเรือวันทูโก และลูกเรือสายการบินต่างๆทุกคน

ที่มา

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5838806/E5838806.html





ความคิดเห็นที่ 1


หลายๆอย่างน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัตินะครับ  โดยเฉพาะการสาธิตเรื่อง Safety หลังจากที่ผมได้อ่านถ้า ถ้ามีโอกาสที่จะขึ้นเครื่องบินอีกรับรองว่าจะสนใจอยู่อย่างจริงจัง  เพราะที่ผ่านมาจะตั้งใจดูเฉพาะน้องๆ ชุดเหลือง  ถ้าขึ้นหางแดงแล้วเจอสจ๊วตนะฮ้า  แล้วยิ่งไม่ดู ขึ้นการบินไทยดูมั่ง ไม่ดูมั่งขึ้นอยู่กับว่าแอร์ฯสวยหรือเปล่า  ยิ่งถ้าฉายขึ้นจอ ขออ่าน นสพ.ดีกว่า

 

โดยเฉพาะทางออกฉุกเฉิน  ถ้าตรงบริเวณนั้นเด็กหรือคนชรานั่งทั้งหมด  ทางลูกเรือจะขอเปลี่ยนโดยหาผู้โดยสารชายมานั่งด้วยคนนึง เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน(เหอะๆเจอมากับตัว  ตอนแรกที่พวกเธอเดินเข้ามาบอกขอโทษนะคะนึกว่าทำอะไรผิดที่ไหนขอเปลี่ยนที่นั่งกับคนชราอีกท่านนึงเพราะตรงนั้นมีเด็กเล็กๆนั่งอยู่ ทำไมไม่ให้ ทหารอากาศที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมไปละ  ทำไมต้องเลือกผม นึกในใจ เล่าเรื่องนี้ให้ตาดิ่งนรกฟัง(ตอนนี้ไปเหล่สาวแขกที่บังกาลอร์แล้ว)เล่นเอาตาดิ่งนรกตาร้อนผ่า อิอิ)

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 07/10/2007 19:56:17


ความคิดเห็นที่ 2


 ใครๆ ก็ขึ้นเครื่องบินได้  แต่จะมีใครสักกี่คนรู้เรื่องเหล่านี้ ตาสีตาสีท่านไม่รู้กันทุกคนหรอกครับ ยิ่งประโคมข่าวเสียหายแบบนี้ลำพังบริษัทผมอนาคตยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่จะพาลให้ธุรกิจโลว์คอสของสายการบินอื่นเสียไปด้วย มันกระทบความมั่นใจไปหมดนะครับ  > >  น่าเห็นใจคนทำงานค่ะ
โดยคุณ marineen เมื่อวันที่ 07/10/2007 20:17:46


ความคิดเห็นที่ 3


หลังจากเครื่องบินตก ทั้งอาทิตย์นั้นในที่ทำงานผมจะชอบมีคนมาถามว่าทำไมถึงตก เกิดอะไรขึ้น แล้วก็จะมีคำถามประเภท...."เครื่องเก่า สายการบินซ่อมไม่ได้เรื่องใช่ไหม"...."นักบินห่วยใช่ไหม"....."สนามบินไม่ได้มาตราฐานใช่ไหม"....ไอ้โน้นไอ้นี่สารพัดจะเดา

เดา...คำนี้แหละครับมันจะฆ่าสายการบินของคนไทยแท้ ๆ แห่งหนึ่งพร้อมพนักงานอีกเป็นพัน ทุกคนพร้อมจะเดาว่าเกิดจากอะไร ทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่มีความรู้เลย ในสถานการณ์อย่างนี้ ขนาดคนมีความรู้ยังไม่สามารถสรุปได้เลย ถ้าไม่มีผลการสอบสวนออกมา

แต่มันกลับไม่มีใครคิด ที่จะรอ.....ทุกคนพร้อมจะแสดงความรู้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังแยก MD-82 กับ B717 ไม่ออกด้วยซ้ำ

มันน่าเศร้าใจ.....เพราะธุรกิจการบินมันเกี่ยวข้องกับความมั่นใจค่อนข้างมาก ยิ่งคนที่ไม่มีความรู้พูดอย่างนี้ น่าเป็นห่วงวันทูโกจริง ๆ


เจ้าของกระทู้พูดถูกเลยครับ.....ความจริงมันเป็นเรื่องความปลอดภัยของทุกคน ควรจะสนใจและใส่ใจให้มาก ๆ ครับ เพราะเมื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ก็มีแต่ตัวคุณนั่นแหละที่จะช่วยให้คุณรอดตายครับ

 

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 07/10/2007 21:08:35


ความคิดเห็นที่ 4


ใช่ครับ ผมไม่ชอบสื่อไทยเลยเพราะงี้แหละชอบหาสาเหตุทั้งที่มีความรู้เท่าหางอึ่ง สะใจที่ท่านผบ.ตร.ด่าในตอนนั้นจริงๆ(น่าจะพอจำกันได้นะครับ)แล้วที่ว่าเครื่องเก่านะ ไอ้เจ้าATR-72ของบางกอกแอร์เวย์มันยังบินลอยหน้าลอยตาอยู่ได้เลย แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรด้วย สงสัยคงต้องเกิดกับครอบครัวคนเขียนข่าวเองละมั้ง ทีนี้แหละจะเข้าใจความรู้สึกของญาติผู้สูญเสีย ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกครับ แทนที่เราจะหาสาเหตุว่าทำไมถึงเกิด สู้ไปหาว่าป้องกันยังไงเพื่อจะไม่เกิดซ้ำจะดีกว่ามั้ยหละ

โดยคุณ L96A1 เมื่อวันที่ 08/10/2007 09:33:19


ความคิดเห็นที่ 5


ผมไม่ชอบสื่อไทยเลยเพราะงี้แหละชอบหาสาเหตุทั้งที่มีความรู้เท่าหางอึ่ง สะใจที่ท่านผบ.ตร.ด่าในตอนนั้นจริงๆ(น่าจะพอจำกันได้นะครับ)

แทนที่เราจะหาสาเหตุว่าทำไมถึงเกิด สู้ไปหาว่าป้องกันยังไงเพื่อจะไม่เกิดซ้ำจะดีกว่ามั้ยหละ

^

ไม่ชอบข้อความแดกดันข้างบน - คนโพสก็ไม่แตกต่าง

โดยคุณ sitaland เมื่อวันที่ 08/10/2007 10:46:43


ความคิดเห็นที่ 6



^
^
^
ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดแตกต่างกันนะครับ
สำหรับผม ผมก็เห็นด้วยกับคำพูดของ ผบ.ตร. ในแง่การนำเสนอของสื่อแต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงครับ
การนำเสนอของสื่อมันมีผลมากนะครับ ญาติๆ ผมที่ไม่รู้เรื่องนี้พูดไปกันใหญ่เลยว่าเครื่องบินมันน่ากลัวอย่างนู้นอย่างนี้สายการบินนี้ไม่น่าไปขึ้นแล้วพวกต้นทุนต่ำ
อย่าไปขึ้นเลย สุดท้ายก็เป็นการทำลายกันเองซะงั้น แทนที่จะหาทางป้องกันกลับทำลายกันทางอ้อมอีก
พักหลังมานี่ผมไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์มานานแล้ว ดูหน้าแรกแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้ ข่มขืน ฆ่า ตัวเท่าช้าง
เด็กไทยได้เหรียญวิชาการ หุ่นยนต์เด็กไทยชนะ ตัวเท่ามด รึไม่ก็ไปอยู่หน้าหลังๆ ซะเลย
โดยคุณ Tasurahings เมื่อวันที่ 08/10/2007 14:49:41


ความคิดเห็นที่ 7


^

น้อมรับความคิดเห็นที่ต่าง แต่การใช้ภาษาควรปรับปรุง

โดยคุณ sitaland เมื่อวันที่ 08/10/2007 15:29:15


ความคิดเห็นที่ 8


ครับ
โดยคุณ Tasurahings เมื่อวันที่ 08/10/2007 19:32:46


ความคิดเห็นที่ 9


ผมเป็นเพื่อนผู้เสียชิวิตครับ ผมไปเผาเขาที่วัดฉลอง ครับ อยากรู้ว่าเป็นใครนั้นตามข่าวดูก็น่าจะรู้ครับ ที่ผมสงสัยก็คือกล้องวีดีโอที่หอบังคับการ ที่อยู่บนภูเขาที่หัวสนามบิน ทำไมไม่แพร่ภาพออกมา นอกจากนั้น จุดตกกับหอบังคับการอยู่ไม่ห่างกันเลย ประมาณว่าแทบจะตรงข้ามกัน ฐานล้อของเครื่องที่ไม่กางในเวลาที่ landing และ go around มันมีอะไรอีกมากครับที่ยัง งง ครับ เหตุครั้งนี้ ควรจะเป็นอุทาหรณ์ในกับคนที่ยังเหลือชีวิตอยู่ครับ ไม่ใช่เอาเก็บไว้หรือเอาไปทำลายกลัวคน complain เครื่องบินก็แหลกไปแล้ว เพื่อนผมก็ตายไปแล้ว เงินประกันก็เอามาแล้ว ทางสายการบินคงไม่ต้องจ่ายเงินอะไรมากมายแล้วมั่งครับ ควรจะเอาเหตุที่เกิดขึ้นมา แสดงให้ทั้งหมดครับ

 

ปล.สภาพศพเพื่อนผม ขาหักหัวแตก เสื้อที่ใส่อยู่ถอดออกมา เชื่อว่าเอามาปิดจมูกกันควันครับ เขาเป็นเจ้าของนากุ้งอนาคตไกล  เงิน แค่5ล้าน มันไม่ความหมายหรอกครับ(ผมไม่อยากได้เงิน ผมอยากได้ชีวิตเพื่อนผมมากกว่า)

โดยคุณ krajong เมื่อวันที่ 10/10/2007 12:19:43