หุ้น AOT เฮ!เอ็มดีใหม่หนุนดอนเมืองอินเตอร์

ว่าที่เอ็มดี AOT คนใหม่โชว์แผนงาน หนุน ใช้ดอนเมืองเป็นสนามบินอินเตอร์ ชี้ช่วยการท่าฯประหยัดงบ ไม่ต้องลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 แนะเลื่อนออกไปก่อน มั่นใจจับเข่าคุยการบินไทยได้ ส่วนปัญหาคิง เพาเวอร์จะรีบเร่งให้จบ หากยืดเยื้อสุดท้ายเจ็บตัวทั้งคู่ วางงานแรกเร่งกอบกู้ภาพลักษณ์กลับมาสู่สากลภายใน 6เดือน-1 ปี

พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร  เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงกองทัพอากาศ หรือ ว่าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยกับ "หนังสือพิมพ์กระแสหุ้น" ว่า เห็นด้วยกับแผนปรับสนามบินดอนเมืองให้กลับมาเป็นสนามบินระหว่างประเทศอีกครั้ง ควบคู่กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ แต่ระยะแรกอาจให้รองรับสายการบินต้นทุนต่ำระหว่างประเทศไปก่อน ที่จะพัฒนาให้เป็นอินเตอร์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจะชะลอการลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 ออกไป

เนื่องจากการลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 จะต้องใช้เงินลงทุนถึง 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นปีแรก 10,000 ล้านบาท ปีที่สอง 20,000 ล้านบาท และปีที่สาม 30,0000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งจากที่ได้รับข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการAOT ไม่มีความพร้อมพอที่จะลงทุนมากขนาดนั้น เพราะปัจจุบัน AOT ประสบปัญหาอยู่หลายด้านโดยการลงทุนในสุวรรณภูมิเฟส 2 จะต้องมีการศึกษาความเสี่ยงอย่างระเอียดว่า AOTมีความพร้อมที่จะลงทุนหรือไม่ มีศักยภาพเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมมาลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 หรือไม่ ซึ่งการชำระเงินคืนนั้นต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปี

อย่างไรก็ดีการมีสนามบินนานาชาติ 2 แห่งนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะในต่างประเทศหลายๆประเทศก็ล้วนมีสนามบินนานชาติ 2 แห่งทั้งนั้น เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส มีสนามบินระหว่างประเทศ 2 แห่ง จะช่วยลดความคับคั่งของจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบิน เพราะมีสนามบินรองช่วยรับสนามบินหลัก ประกอบกับ การกลับมาใช้เที่ยวบินดอนเมืองรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ จะมีส่วนเพิ่มรายได้ของดอนเมืองที่ขณะนี้กำลังติดลบอยู่ให้กลับมามีกำไรได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลดำเนินงานของการท่าอากาศยาน และที่ผ่านมาสนามบินแห่งนี้ก็เคยใช้งานรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ และสภาพการณ์ใช้งานของสนามบินแห่งนี้ยังสามารถใช้งานได้ดี จึงไม่จำเป็นที่จะปล่อยไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์ ทั้งที่ดอนเมืองมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารถึง 12 ล้านคนในเดือนที่ผ่านมา

“ผมเห็นด้วยกับการใช้สนามบินดอนเมืองรองรับเที่ยวบินต่างประเทศเป็นแห่งที่ 2 เพราะในหลายประเทศก็มีสนามบินระหว่างประเทศ 2 แห่ง ซึ่งการดำนินการนี้จะช่วยให้ AOT ชะลอการลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 ออกไปได้เพราะข้อมูลที่ได้รับอย่างไม่เป็นทางการขณะนี้ AOT ไม่มีความพร้อม ที่จะกู้เงินมาลงทุนดังกล่าว ทั้งแผนดอนเมืองยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้ดอนเมืองจากปัจจุบันที่มีรายได้ติดลบอยู่”พล.อ.ท.ชนะกล่าว

ทั้งนี้การปรับสนามบินดอนเมืองมารองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้นต้องดำเนินแบบค่อยเป็นไปไม่ได้ดำเนินการครั้งเดียวอาจจะเป็นการเริ่มย้ายจากเที่ยวบินต้นทุนต่ำก่อน ซึ่งAOT ต้องรอผลการสรุปแผนดอนเมืองจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ที่จะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ก่อน ซึ่งข้อสรุปของไอซีเอโอจะระบุรายละเอียดการปรับดอนเมืองมารองรับเที่ยวบินต่างประเทศทั้งหมด

ส่วนกรณีบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ไม่เห็นด้วยกับการใช้สนามบินดอนเมืองรองรับเที่ยวบินต่างประเทศเป็นแห่งที่ 2 นั้นเชื่อว่าจะสามารถดำเนินเจรจาต่อรองให้การบินไทยเห็นด้วยกับแผนดังกล่าวได้เพราะเห็นว่า AOT และการบินไทยต้องดำเนินการนโยบายที่ขานรับกัน เนื่องจากการบินไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่

“ผมเชื่อเรื่องนี้คุยกับการบินไทยได้ เราเข้าใจกันอยู่แล้ว ผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายก็มาจากกองทัพอากาศด้วยกัน” พล.อ.ท.ชนะกล่าว.

อย่างไรก็ดีแม้การบินไทยจะมีออฟฟิศตั้งอยู่ที่สนามบินแล้วแต่การบินไทยก็ไม่ได้เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างเองเพียงแต่การบินไทยเช่าใช้พื้นที่จาก AOT เท่านั้น โดยในส่วนการก่อสร้างอาคารออฟฟิศนั้น AOT เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งหากต้องย้ายกลับมาดอนเมืองการบินไทยจะมีต้นทุนเพิ่มในส่วนของการซื้ออุปกรณ์และการเพิ่มกำลังคนเท่านั้น

พล.อ.ท.ชนะกล่าวต่อว่า กรณีคิงเพวเวอร์นั้นยังไม่ได้ชัดเจนว่าจะมีการออมชอมกัน โดยการแสดงวิสัยทัศน์สรรหาเอ็มดีนั้นตนมีความเห็นเรื่องนี้ว่าควรเร่งยุติปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะหากเรื่องนี้ยังคงยืดเยื้อตามขบวนการฟ้องร้องจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนี้ตนมีแนวทางการยุติปัญหาที่มีความถูกต้องทางกฎหมายและเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายแต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดแนวทางได้เพราะต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกสักระยะหนึ่ง

“เรื่องคิงเพาเวอร์ผมยังไม่อยากพูดอะไรออกไปมากตอนนี้ เพราะยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการประกอบกับต้องรอรับนโยบายจากคณะกรรมการก่อน เพราะการดำเนินงานเรื่องนี้จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้ให้นโยบาย” พล.อ.ท.ชนะกล่าว

พล.อ.ท.ชนะกล่าวว่าเรื่องแรกที่ต้องการทำทันที่เข้ารับตำแหน่งคือการกอบกู้ภาพลักษณ์ของ AOT กลับมาให้เร็วที่สุด เพราะการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิที่ผ่านมาส่งผลกระทบในเชิงลบต่อ AOT เป็นอย่างมาก แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการแก้ไขปัญหาไปบ้างแล้ว ซึ่งได้วางกรอบการกอบกู้ภาพลักษณ์ของ AOT ให้อยู่ในระดับสากลภายใน 6 เดือน-1 ปี ซึ่งการเสียภาพลักษณ์จากเปิดใช้สนามบินใหม่นั้นทุกประเทศต่างประสบปัญหาเดียวกัน เพียงแต่ต้องเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้สิ่งที่ต้องการสร้างมาตรฐานให้เกิด 100% ในสุวรรณภูมิ มีอยู่ 3 ข้อคือ 1.บริการที่ดี 2.ความปลอดภัยของผู้โดยสาร และ 3.อำนวยความสะดวกผู้โดยสารอย่างเต็มที่