ก.กลาโหม เสนอที่ประชุมครม.วันนี้ พิจารณาอนุมัติ 3 โครงการรวดรถหุ้มเกราะยูเครน 3,900 ล.-ปืนเล็กยาว 5.56 มม. TAVOR TAR 960 ล.-ปืนกลเล็กขนาด 5.56 มม. แบบ NEGEV 270 ล้านบาทเบ็ดเสร็จ 5129.74 ล้านบาท
(25กย.) แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (25กย.)นี้ มีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯเป็นประธานที่ประชุมครม.แทน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในระหว่างการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 62 ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กระทรวงกลาโหม เสนอครม.พิจารณาอนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครง การจัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 15,000 กระบอก (ทบ.1380) ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่งบประมาณ 2550 ถึงปีงบประมาณ 2552 วงเงิน28,571,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 960,856,182 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 33.63 บาท) ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณ 2550 ที่กองทัพบกได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการจัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร และได้ดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อ/จัดจ้างในขั้นไม่ผูกพันงบประมาณตามกรอบวงเงิน โดยได้พิจารณาเลือกแบบปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร แบบ TAVOR TAR 21 จำนวน 15,000 กระบอก วงเงิน 28,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 958,455,000 บาท
พร้อมจัดหา SPARE PARTS AND GAUGES-LEVEL A วงเงิน 71,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,401,182 บาท วงเงินโครงการรวมทั้งสิ้น 960,856,182 บาท จากรัฐบาลอิสราเอล ตามผลการจัดซื้อโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล ระยะเวลา ดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 ถึงปีงประมาณ 2552 กำหนดยืนราคาจึงวันที่ 30 กันยายน 2550 ตามแผนงบประมาณ โดยปีงบประมาณ2550 จำนวน 144,128,427 บาท ปีงบประมาณ 2551 จำนวน 432,385,282 บาท ปีงบประมาณ 2552 จำนวน 384,342,473 บาท
ทั้งนี้การจัดซื้อครั้งนี้เป็นการจัดซื้อในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2530 ที่กลาโหมได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุที่ครม.มีมติอนุมัติใช้และแก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง และให้ใช้ข้อตกลงทีกำหนดขึ้นด้วยความเห็นชอบระหว่างกันแทนการทำสัญญาได้ โดยกองทัพบกได้ร่วมเจรจาจัดทำร่างข้อตกลงซื้อขายในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาลกับผู้แทนรัฐบาลอิสราเอลบนพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีต่อกันและได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน จนได้ข้อยุติตามร่างข้อตกลงซื้อขาย โดยทั้งนี้ รัฐบาลไทยต้องผ่อนใช้พร้อมดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งกองทัพไทยต้องเสนอความต้องการยุทโธปกรณ์หลัก ภายหลังการลงนามข้อตกลง จะสามารถใช้เวลาพิจารณาใช้เงินได้ภายใน 2 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยดอกเบี้ยจะเริ่มคิดเมื่อได้ตกลงใจซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นแน่นอน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารทั่วไปในสหรัฐอเมริกา
โครงการที่ 2 ขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบฯ โครงการจัดซื้อปืนกลเล็กขนาด 5.56 มิลลิเมตร แบบ NEGEV จำนวน 992 กระบอก วงเงิน 7,707,840 ดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 270 ล้านบาท ( อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาห์สหรัฐเท่ากับ 33.63 บาท ) ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 วงเงิน 54 ล้านบาท ปีงบ 2551 วงเงิน 108 ล้านบาท ปีงบฯ 2552 วงเงิน 108 ล้านบาท โดยให้ผู้บัญชาการทหารบกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลอิสราเอลในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย โดยให้รวมถึงการลงนามในเอกสารแก้ไขข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง นอกจากนี้ตามที่เป็นข่าวกระทรวงกลาโหม ยังเสนอครม.พิจารณาอนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหารถหุ้มเกราะ จำนวน 96 คัน (ทบ.1382) ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 ถึงปีงบประมาณ 2553 วงเงิน 114,270,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,898,892,400 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 34.12 บาท) ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และให้ผู้บัญชาการทหารบกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายรถหุ้มเกราะระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลยูเครนในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
http://www.komchadluek.net/2007/09/25/a001_156088.php?news_id=156088
ถูกใจใครบ้างป่าวครับ อาวุธล็อตนี้
หวังว่าจะได้จับ Tavor ที่งานDefence 2007ที่เมืองทองตอน พ.ย.นะ นี่ถ้าตอน Demo ที่สนามยิงปืน ให้ใครก็ได้จ่ายตังค์ค่ากระสุน แล้วยิงบุลพับTavor คงยิงกันทั้งวันทั้งคืนตลอดสามวัน จะได้รู้ไปเลยว่าดีจริงหรือไม่
TAVOR ก็มรข่าวออกมาก่อนหน้านี้นานแล้วครับ แต่สำหรับตัวปืนเล็กกลในโครงการจัดหานั้นก็เป็นที่แน่ชัดแล้วจากข่าวนี้แล้วครับว่าคือ Negev (ซึ่งดูเผินๆจะคล้าย Minimi อยู่เหมือนกันครับ และคุณสมบัติบ้างอย่างก็คล้ายกับ M249 ด้วยเช่นใช้ซองลูกปืน30นัดของ M-16 ได้)
ถ้ามีการจัดหามาจริงเมื่อไรก็อยากทราบข้อมูลอุปกรณ์เสริมต่างๆที่จะจัดหามาพร้อมกับตัวปืนด้วยครับ(แต่หลักๆปืนกลุ่มนี้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ที่ ทบ.มีใช้งานอยู่ได้เป็นส่วนใหญ่ครับ)
ส่วนรถแอฟริกาใต้ก็เป็นเรื่องจริง....โอ้ววววววว พระเจ้าช่วยลูกด้วย
-----------------------------------------------------
ครม.เทกระจาด 5 พันล.ทิ้งทวน ผบ.ทบ.สนธิ
โดย Posttoday วันที่ 25 กันยายน 2550
การประชุม คณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 25 ก.ย. ต้องจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการประชุมนัดส่งท้ายสิ้นปีงบประมาณ 2550 ซึ่งก่อนจะปิดหีบงบประมาณทีไร แทบจะเป็นประเพณีปฏิบัติไปแล้ว เมื่อหลายกระทรวง ชงเรื่องขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้าม ปีงบประมาณ ในโครงการสำคัญๆ
ที่แน่ๆ กระทรวงกลาโหม เสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพัน ข้ามปีงบประมาณถึง 3 โครงการด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ โครงการ หารถหุ้มเกราะ จำนวน 96 คัน (ทบ.1382) ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 ถึงปีงบประมาณ 2553 วงเงิน 114,270,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,898,892,400 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐ เท่ากับ 34.12 บาท) ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และให้ผู้บัญชาการทหารบก หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงซื้อขาย รถหุ้มเกราะระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาล ยูเครนในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย โดยให้รวมถึงการลงนามในเอกสารแก้ไขข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ทั้งนี้ โครงการจัดหารถหุ้มเกราะดังกล่าวได้มีการปรับเพิ่มจำนวนจากเดิมที่กำหนดไว้ จากจำนวน 48 คัน เป็น 96 คัน เนื่องจากในการเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2550 กองทัพบกได้ใช้ข้อมูลราคากลางจากรถหุ้มเกราะที่เคยผ่านการ คัดเลือกแบบของกองทัพบก โดยในขั้นการ บริหารงบประมาณกองทัพบกได้พิจารณาทบทวนการคัดเลือกแบบรถหุ้มเกราะที่มีมาตรฐานในการนำเข้าประจำการในกองทัพบก มีประเด็นสำคัญในการพิจารณา เช่น การมีประสิทธิภาพและสมรรถนะสูง มีเกราะป้องกันอาวุธปืนเล็กยาวและปืนกล รถหุ้มเกราะที่ผ่านการคัดเลือกมีราคาในการจัดหาต่ำกว่าราคากลางที่กองทัพบกได้เสนอไว้ใน คำของบประมาณ จึงได้พิจารณาปรับเพิ่มจำนวนรถหุ้มเกราะเป็น จำนวน 96 คัน ตามความต้องการของกองทัพ
โครงการที่ 2 ขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบฯ โครงการจัดซื้อปืนกลเล็กขนาด 5.56 มิลลิเมตร แบบ NEGEV จำนวน 992 กระบอก วงเงิน 7,707,840 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 270 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 33.63 บาท) ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 วงเงิน 54 ล้านบาท ปีงบ 2551 วงเงิน 108 ล้านบาท ปีงบฯ 2552 วงเงิน 108 ล้านบาท โดยให้ผู้บัญชาการทหารบกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลอิสราเอลในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย โดยให้รวมถึงการลงนามในเอกสารแก้ไขข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
โครงการที่ 3 ขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบฯ โครงการจัดซื้อปืนเล็กยาว 5.56 มิลลิเมตร แบบ TAVOR-TAR 21 จำนวน 1.5 หมื่นกระบอก วงเงิน 28,571,400 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 960,856,182 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 33.63 บาท) ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้ง แต่ปีงบประมาณ 2550 วงเงิน 144,128,427 บาท ปีงบฯ 2551 วงเงิน 432,385,282 บาท ปีงบฯ 2553 วงเงิน 384,342,473 บาท โดยให้ผู้บัญชาการทหารบกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายระหว่างรัฐาลไทยและรัฐบาลอิสราเอลในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย โดยให้รวมถึงการลงนามในเอกสาร แก้ไขข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะโครงการของกระทรวงกลาโหมกระทรวงเดียวที่เสนอ ครม. สิริรวมเป็นงบผูกพันทั้งสิ้น 5,129.74 ล้านบาท
ทบ.ซื้อรถลำเลียงพลจากแอฟริกา
นอกจาก ครม.จะพิจารณางบของกระทรวงกลาโหมแล้ว พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ส่งท้าย ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก่อนจะเกษียณด้วยการอนุมัติโครงการจัดซื้อรถสายพานลำเลียง (APC)แบบ 4x4จำนวน 98 คัน จากประเทศแอฟริกาใต้ ในราคาคันละ 15 ล้านบาท รวมงบประมาณราว 1.6 พันล้านบาท เพื่อเร่งส่งไปประจำใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นที่ฮือฮา เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่กองทัพบกใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จากแอฟรกาใต้ แม้ว่าจะมีอีก 4 ประเทศที่เสนอตัวเข้าประมูลด้วยก็ตาม ทั้ง เกาหลั ออสเตรเลีย และเยอรมนี แต่ ทบ.อ้างว่ารถ APV แบบ REVA ของแอฟริกาใต้ นี้มีราคาถูกที่สุด ที่มีราคาเฉลี่ยราวคันละ 60 ล้านบาท
รถสายพานลำเลียงพล APC จากแอฟริกาใต้นี้ถูกโจมตีว่าไม่ได้มาตรฐาน เพราะไม่ผ่านมาตรฐาน NATO และไม่มี Export Licence และไม่มีโรงงานผลิตในประเทศ แต่กลับไปผลิตที่แบกแดด ประเทศอิรัก ที่เต็มไปด้วยสงครามและด้อยประสิทธิภาพ อีกทั้งไม่มี local supplier และไม่มีการ transfer technology ที่ปกติแค่คันละ 8.5 ล้านบาท แต่กลับขายให้กองทัพบกไทยในราคาสูงถึงคันละ 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.อ. สนธิมีนโยบายที่จะเพิ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยให้กับทหารในภาคใต้ แต่รถAPC แบบนี้ ถูกวิจารณ์ว่าเมื่อซื้อมาแล้ว แม้จะราคาถูกแต่จะไม่มีการดูแลซ่อมบำรุงให้
อย่างไรก็ตาม แม้ ทบ. จะจัดซื้อเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เพื่อป้องกันการจุดชนวนระเบิด Jammer จากประเทศอิสราเอลมาจำนวน 10 เครื่อง เครื่องละ 60 ล้านบาท แต่ปรากฎว่า ตอนนี้เครื่องJammer ไม่สามารถใช้งานได้ถึง 8 เครื่อง จากที่อ้างว่าสามารถตัดสัญญาณได้ไกลมากกว่า 7 กม. แต่ความจริงได้แค่ 700 เมตรเท่านั้น
นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการจัดซื้ออาวุธ มูลค่า 6.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติครม.เดิมที่เคยอนุมัติไว้
"คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เคยมีมติครม.ไปแล้ว อนุญาตให้กระทรวงกลาโหมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ในการจัดซื้ออาวุธ" นายณัฐฐวัฒน์ กล่าว
สำหรับโครงการจัดซื้ออาวุธ สำหรับโครงการจัดซื้ออาวุธ ประกอบด้วย ปืนกลเล็ก 992 กระบอก มูลค่า 259 ล้านบาท(2550-2552), รถหุ้มเกราะ 69 คัน มูลค่า 3,898 ล้านบาท(2550-2553),ปืนเล็กยาว 1.5 หมื่นกระบอก มูลค่า 960 ล้านบาท(2550-2552) อาวุธปล่อยนำวิถีแบบพื้นสู่พื้น เพื่อนำไปติดตั้งในเรือรบของกองทัพเรือ มูลค่า 1,599 ล้านบาท (2550-2552) ครม.ยังมอบหมายให้ผู้แทนรัฐบาล โดยผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เป็นผู้ลงนามกับรัฐบาลอิสราเอล ภายใต้การจัดซื้อรัฐบาลต่อรัฐบาลด้วย
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีที่กระทรวงกลาโหมเสนอครม.พิจารณาอนุมัติในโครงการจัดซื้ออาวุธต่างๆ ถึง 3 โครงการว่า การประชุมวันนี้มีการซักถามกันบ้างแต่ไม่มีอะไรที่สำคัญ รายละเอียดพอสมควรตนจำไม่ได้ เวลาที่ใช้ในการพิจารณานานพอสมควร
งงครับ รถลำเลียงสายพาน APV 4*4 นี่ยังใงเหรอ งง แต่ถ้าจะซื้อ 4 * 4 แบบ ฮัมวี่ ผมขอประณาม ด้วยคนนึงละ ตอนนี้ รถกระบะ 1 ตัน บ้านเราส่งไปขายทั่วโลก หลายๆ ที่ก็เอา กระบะ 1 ตัน จากบ้านเรามาดัดแปลงทำรถตรวจการ รถลำเลียงทั้งนั้น แต่เรายังกลับไปซื้อต่างประเทศมาอีก ไม่รุ้ข้างใน จะเป็น D-Max หรือเปล่า
อย่าให้เป็นเหมือนเมื่อก่อน ที่ ไปทหารเป็นรัฐบาล แล้วจัดตั้งบริษัท สายฟ้าแลบ จำกัด แล้วไปกว้านซื้อ รถเกราะเบรนกันแคริเออร์ ที่เหลือใช้ กองเป็นเศษเหล็ก จากอินเดีย ในราคาเศษเหล้ก แล้ว เอามาขายให้รัฐ ในราคารถเกราะ ขนขึ้นท่าเรือ มาขับไปถึงปลายทางได้ไม่ถึงครึ่ง ที่เหลือตายระหว่างทางหมด น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีนะ
bush master ยังจะเข้าท่ากว่านะครับ
ส่วนเจ้ารถหุ้มเกราะbtr-3e1 ส่วนตัวยังไงก็ได้ แต่น่าจะชี้แจงว่าทำไมถึงไม่เอาbtr-80 ในเมื่อฝ่ายรัสเซียเค้าบอกว่าราคาใกล้เคียงกัน
ปืนกลเล็กขนาด 5.56 มม. แบบ NEGEV
ปืนกลเล็กขนาด 5.56 มม. แบบ NEGEV
คิดกันเล่นๆ แบบคนไม่รู้ข้อมูล (ห้ามเอาไปอ้างอิง คิดแบบมั่วๆ เท่านั้น)
negev
270,000,000 / 992 = 272,177.419354 เกือบสามแสน
tavor
958,455,000 / 15,000 = 63897 หกหมื่นกว่าบาท
คิดว่าน่าจะรวมชิ้นส่วนอะไหล่ การฝึก และอื่นๆ (คิดในทางที่ดีน่า ... รู้นะคิดอะไร)
เพื่อนสมาชิกคนไหนมีราคากลางของปืนรุ่นต่างๆ ที่มีในท้องตลาด กรุณาเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานด้วยครับ ผมอยู่บ้านนอก รู้จักแต่ปืนแก็บยิงนก
"ดูอย่างเอวี8เอสของกองทัพเรือซื้อมาได้ไม่เท่าไหร่ก็บินไม่ได้ครบฝูงเสียแล้ว"
ผมเคยคุยกับผู้ฝูงคนแรก ได้ข้อมูลมาอีกแบบหนึ่งนะครับว่าซื้อเรือแถมเครื่องบิน(ซ้อม) หนึ่งฝูง ราคาขนาดนั้นสิบปีผมว่าไม่เลวนะ อย่างน้อยก็ได้องค์ความรู้ของการใช้เครื่องบินกับเรือ ย้ำนะครับว่าเจตนาซื้อมาซ้อมเพื่อจะซื้อรุ่นใหม่ แต่บังเอิญถังแตกเสียก่อน แต่อย่างว่าแหละของเยอรมันที่ว่าทนๆ อยู่กับมือพวกเราสามเดือนก็เก่งแล้ว ฮา!!! ...
เพื่อนสมาชิกคนไหนมีราคากลางของปืนรุ่นต่างๆ ที่มีในท้องตลาด กรุณาเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานด้วยครับ ผมอยู่บ้านนอก รู้จักแต่ปืนแก็บยิงนก
http://www.atlanticfirearms.com/programming/expand.asp?Prodid=298
http://www.atlanticfirearms.com/programming/expand.asp?Prodid=50
http://www.atlanticfirearms.com/programming/expand.asp?Prodid=387
มีราคา ของ ar15 ของ DPMS กับ Olypic Arms อยู่ในราวๆ 500-600 us$(ราคาขายปลีก) ของ armalite ต้นตำรับอยู่ที่ประมาณ1299 us$(ราคาขายปลีก)
ถ้าซื้อ15000 กระบอก น่าจะไม่เกิน 20000 บาทครับ
ความจริงแล้ว ปืนm16 ยังไม่หมดสภาพ(ถึงซื้อมาไม่นานลำกล้องก็หมดสภาพเพราะกองทัพไทยยังบำรุงรักษาไม่เป็น ยิงไม่เกิน 500 นัด น้ำยาล้างคราบทองแดงไม่เคยใช้ ทองแดงก็จะจับเป็นคราบหนา ทำให้ขาดความแม่นยำนานๆไปเป็นเนื้อเดียวกับลำกล้องก็ล้างไม่ออก แถมบางหน่วยล้างด้วยแฟ้บอีกตะหากครับ แถมกระสุน5.56มาตรฐาน กองทัพไทยและ ตำรวจที่ใช้ก็ acc ต่ำมาก ยิง 100 เมตรปืนเก่าปืนใหม่กลุ่มกระสุนก็บานเท่ากระด้งเหมือนกันหมด มีแต่หน่วยรบพิเศษที่ซื้อกระสุนของเขาเองเท่านั้นที่ได้กระสุนปืนคุณภาพดี) ปืนm16สมัยเวียดนาม กับ ปืน styer aug ประสิทธิภาพก็ไม่ต่างกันตรงไหน
ส่วนเรื่องรถ แอฟฟริกาใต้ผลิตในแบกแดด นั้น ผลิตเองที่ดัดแปลงจากดีแมกซ์น่าจะโอเคกว่า
ส่วน รถ btr3 นั้นใจคอจะให้กองทัพไทยมีรถหุ้มเกราะกีแบบกันนี่ อีก 5 ปีจะเหลือกี่คันที่วิ่งได้ ซื้อทั้งทีเอาแบบที่มันมีอนาคตว่าจะนำเข้าประจำการเพิ่ม มีความทันสมัยรองรับภัยคุกคามใหม่ๆในอนาคตได้ แต่หลักการจัดซื้อของประเทศไทย ทั้ง นักการเมืองและนักเลือกตั้ง เหมือนกันที่ ใครจ่ายเยอะกว่าซื้อคนนั้นครับ
นักเลือกตั้งกับนักเลือกตั้งต่างกันแค่ กินคำโตกับกินคำเล็กแค่นั้นแหละครับ
กองทัพอิรักในปัจจุบันได้จัดหารถหุ้มเกราะ 4x4 แบบ REVA ไปใช้งานจำนวนหนึ่งครับ การประกอบรถในประเทศอิรักนั้นจึงมีความเป็นไปได้ แต่ส่วนตัวนี้ไม่คิดว่ารุ่นที่ขายให้เรานี้จะประกอบมาจากอิรักหรอกครับ(ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างไรไม่ทราบ) ความเป็นไปได้นี้น่าจะประกอบจากแอฟริกาใต้มากกว่าครับ
คิดว่าแหล่งข่าวคงจะมั่วมาจากwebsite ของREVA เองนี้ละครับที่ต้นๆหน้าแสดงการประกอบในอิรัก ถ้าเลื่อนลงมาล่างๆจะมีภาพแสดงสายการผลิตในแอฟริกาใต้ด้วย จริงๆถ้าเราจะใช้งานรถรุ่นนี้เป็นหลักเลยนี้ ขอสิทธิบัตรมาผลิตเองในประเทศก็น่าสนใจนะครับ
http://www.reva4x4.co.za/?Task=system&CategoryID=14322&HeadingText=Production+lines
พี่น้องครับสังเกตุอะไรมั้ย การสั่งซื้ออาวุธครั้งนี้ทำไมค่ายนาโต้ถึงไม่ได้รับการพิจารณา ผมมีคำตอบให้ครับ คือ เราเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารไม่ใช่ประชาธิปไตย ข่าววงในคือนาโต้แบนเราไม่ขายอาวุธให้ขนาดขาตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดยังต้องซื้อจากรัฐเซีย แต่ผมก็ดีใจที่เราหลุดพ้นการผูกขาดเรื่องการซื้ออาวุธจากค่ายนาโต้
มีอีกเรื่องอยากจะขอคำแนะนำจากเพื่อนๆในบอร์ดคือพี่ชายผมได้งานออกแบบหลังคารถที่จะใช้ใน 3 จชต. ตัวเครื่องเป็นเครื่องของโตโยต้าแต่เอามาดัดแปลงทำเป็นรถจิ๊บทางยุทธวิธีหุ้มเกราะทั้งคัน ซึ้งใช้ต้นทุนการผลิตประมาณ 900,000 บาท ในส่วนของพี่ชายผมเขาได้รับมอบหมายให้มาคิดออกแบบหลังคาซึ่งพี่ชายผมจบสถาปัตมาเลยไม่ค่อยทราบเรื่องทางการทหาร อยากจะขอคำแนะนำคราวจากทุกๆท่าน และถ้ามีข่าวคืบหน้าเรื่องนี้ผมจะมาแจ้งให้ทราบ ปล.บริษัทพี่ชายผมเป็นเอกชน สงสัยงานนี้ประเทศไทยมีคงจะบริษัทเอกชนหลายแห่งสนใจที่จะผลิตอาวุธ
ผมสงสัยนักว่าเจ้าตัวนี้สู้ TAR-21 ไม่ได้ตรงไหนหว่า ดูแลรักษาก็ง่าย ใครที่เคยใช้รุ่นพี่เค้าก็น่าจะรู้ว่าไว้ใจและเชื่อถือได้แค่ไหน ราคาก็น่าจะถูกกว่าด้วย
ผมสงสัยนะครับว่า เปอร์เซ็นต์ มันน้อยกว่าหรือไงถึงตกรอบ
งานนี้กองทัพเรือจะตกอะไรมาน้อ...C-802 หรือ RBS-15 ?
แอบเชียร์ แต่ตกรอบ ดีที่ถอยรุ่นพี่ AK-74 มาประจำการไว้กระบอกนึงแก้เซ็งแล้ว
AK-101 5.56x45
กลาโหม ชงงบยุทโธปกรณ์ 6 พัน ล.ครม.เซ็นทิ้งทวน |
โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 25 กันยายน 2550 20:10 น. |
|
3 เหล่าทัพแฮปปี้ ฟันงบ 7 พันล.ทิ้งทวน |
โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 26 กันยายน 2550 01:05 น. |
|
กั๊กๆๆๆๆๆ...ไมได้เข้ามานาน ข่าวใหม่มา เซ็งเลยครับ....
....แอบเชียร์ AK-101 เต็มที่ แต่หวยออกมาเป็นของอิสราเอลซะนี่..
แย่เลยครับ