อันนี้ดีกว่า
เห็นของนย.usmcเลย สวยดี
เข้าท่าครับ
ลองหา เรื่องเกี่ยวกับ การออกแบบเครื่องแบบ ชุดปัจจุบันของทบ.สรอ.มาอ่านประกอบดูครับ
จะอธิบายว่าจากเครื่องแบบเดิมBDUมีอะไรที่เปลี่ยนและของใหม่ ACU ใช้แนวความคิดอย่างไร
และควรอ่านบทความเกี่ยวกับ ข้อตำหนิของเครื่องแบบใหม่ ในการใช้งานจริง ด้วย
ทั้งหมดนี้หาได้ในเว็บ
แนวคิดใหม่ๆใน ACU ไม่จำเป็นต้องใช้งานได้ดีเสมอไป
ชุดACU ผมเห็นว่า ตัด / ไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมบ้านเรา มากกว่าชุดของUSMC Mar Pat
ชุดที่เสนอมา คล้ายกับ ACU แต่มีสีเทาเขียว เทาน้ำตาลแซมด้วย
ผมชอบขนาดของจุด และระดับของสี แบบชุดของเยอรมัน มากที่สุด
ทหารสมัยใหม่เน้นการรบแบบสวมเสื้อเกราะหรืออย่างน้อยก็มี Vest
กระเป๋าเสื้อจึงไม่จำเป็น ย้ายเอามาไว้ที่แขนก็ได้
ตีนตุ๊กแก/Velco แบบในชุดนักบิน เห็นฝรั่งบ่นว่าไม่ทนสู้เย็บยึดติดเลยไม่ได้
อารม์ ทำเป็นธงชาติติดตามแนวขวาง และไม่ต้องมีตัวหนังสือ THAILAND
เท่าที่เห็น มี CANADA เท่านั้นที่ ใส่ชื่อประเทศใต้ธง
หมวกหนีบ ตัดแบบเยอรมันหรือรัสเซีย มีจีบข้างบน จะสวมวิ่งได้ไม่กลัวหลุด
Helmet แบบปิดหู อย่างตอนนี้ ฝรั่งเริ่มเลิกใช้แล้ว เพราะทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
ปลายกางเกง ควรทำแบบเครื่องแบบรัสเซีย
ที่ทำคล้ายปลายกางเกงกีฬา มีสายดึงไม่ให้ปลายกางเกงเต่อขึ้น
รองเท้า ยังจะใช้สีดำขัดมันอยู่หรือครับ เลิกเถอะ
รองเท้าทหารขอให้ผลิตตามมาตรฐาน ร้องเท้ากีฬา อย่าง Addidas, Hi-Tec ฯลฯ
ไม่ออกแบบชุดกางเกงขาสั้น สำหรับฝึกและทำงานตอนน้ำท่วม ด้วยหรือครับ
ควรออกแบบชุดหน้าหนาว และชุดกันฝน ด้วย
เพื่อให้รบ / ทำงาน/ ตั้งแถว ได้ในทุกสภาพอากาศเรียนท่าน.. Oldtimer
ไอ้เรื่องรองเท้า..คอมแบทขัดมัน..หนะมันมีเหตุผล..อยู่ในตัวครับ.....
ก่อนอื่น การจะเป็นทหารต้องมีระเบียบวินัย..การแต่งการต้อง..ถูกต้องสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย...ส่วนออกสนามก็ว่ากันไปอีกเรื่อง...
ไอ้เรื่องรองเท้าขัดมันหนะ...นักเรียนทหารทุกหลักสูตร..นักเรียนนายร้อย นักเรียนนายสิบ นักเรียนช่างฝีมือ หรือแม้แต่พลทหาร..ย่อมเคยต้องขัดรองเท้าวนน้ำให้ ใสกนฃริ๊บ มันวับ มาแล้วทั้งสิ้น...สิ่งที่ได้..ช่วงที่เราพักขัดรองเท้าขัดเครื่องหมาย...ในตอนหัวค่ำก่อนเข้านอนนนั้น...การวนรองเท้าใช้เวลาพอควร..นี่แหละทำให้เราได้สังคม ได้คุยกับเพื่อนฝูง ได้มีสมาธิ...ได้ฝึกการดูแล..ครับ..ขนาดรองเท้ายังดูแลได้..มันย่อมต้องดูแลตัวเองได้น่า..เห็นมั๊ยครับ..มันมีศาสตร์แฝงอยู่...อย่า..มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ...ขนาดผม..ทุกวันนี้ใส่คอมแบต..ยังขัดแบบวนน้ำเองเลยครับ...ผ่านมา ตั้ง ยี่สิบกว่าปีแล้ว...มันเป็นการฝึกนิสัยที่ดีไปในตัวครับ.....ส่วนออกสนาม..ก็ว่าไปอีกแบบ..ควรมีรองเท้า..ที่สวมใส่อย่างเหมาะสม..ผมเห็นด้วยครับ...
เหมือน..ปืน เอ็ม 16 กับ อาก้า...เค้าบอกว่าอาก้า...อยู่สภาพไหนก็ยิงได้..เอ็ม 16 เครอะนิดเดียวขัดลำกล้อง.......ผมจำได้..ครูอาวุธศึกษาท่านนึงของผมเคยบอกว่า...คนคิดทำ เอ็ม 16 เค้าบอกว่า การที่เราต้องรักษาอาวุธของเราให้ สะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทำความสะอาดบ่อยๆ ทุกครั้ง หลังการใช้งาน มันมีศาสตร์ แฝงอยู่...คือ ทำให้เรารู้สึก พร้อม อยู่ตลอดเวลา และมีความรู้สึกรักตัวกลัวตาย..ต้องรักอาวุธ เหมือนรักชีวิตตัวเอง...เพราะมันเป็นเพื่อนร่วมตาย..ครับ...จึง..จำเป็น.. ต้องทำความสะอาดอาวุธอยู่เสมอ..ถ้าไม่ทำ..ยิงไม่ออก เราจะเป็นไงหละ....ลองคิดมุมกลับ..นะครับ..ทุกสิ่งทุกอย่าง..มีหลายๆด้านในตัว..นะครับ....
เรื่องรองเท้า เป็นการเสนอแนวความคิดเท่านั้น และก็ไม่ใช่ความคิดใหม่ของตนเอง แต่เป็นการดูวิวัฒนาการของเครื่องแบบทหารของประเทศต่างๆ ที่เขามีแนวความคิดว่าชุดเครื่องแบบทำงานตามปกติจะเป็นชุดเรียบร้อย ดูสง่า ภูมิฐาน ใช้ร้องเท้าขัดมัน ส่วนชุดเครื่องแบบสนามของประเทศต่างๆในปัจจุบัน นิยมใช้รองเท้าทหารที่ เบา คล่อง เงียบ ไม่เป็นรอยขูด ขีด แตกได้ง่าย จากการใช้งานในสนาม รองเท้าควรระบายอากาศได้ดี เมื่อเปียกน้ำแล้วแห้งง่าย ดูแลรักษาได้ง่าย โดยใช้มาตรฐานของรองเท้ากีฬาที่มีผลิตจำหน่ายทั่วไปในปัจจุบัน เขาจัดรองเท้าให้ตรงกับเจตนาการใช้งาน ไม่ใช้ใช้ชุดสนามที่ใช้แนวความคิดของชุดทำงานในสำนักงาน
การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ของง่ายเลยครับไม่ใช่ตกลงใจ ออกคำสั่ง ทำรองเท้าแจก แล้วจะจบด้วยทุกคนใช้ อย่างทบ.สหรัฐเลิกใช้รองเท้าบูทขัดมัน มาใช้รองเท้าบูทหนังด้าน พร้อมๆกับการใช้ชุด BDU (หลังสงครามเวียตนาม จำปีไม่ได้ แต่ใช้รบครั้งแรกที่ Granada) แต่คนก็ยังติด การขัดรองเท้า เลิกไม่ได้ มีการดัดแปลงรองเท้าหนังด้านที่ลุงแซมแจก เอามาทำให้ปลายรองเท้าหนังด้านให้มันขึ้นมา แล้วขัดกันเหมือนเป็นรองเท้าที่ทำไว้สำหรับขัดมันหรือซื้อใช้รองเท้าผิดระเบียบ ทำกันมานานเป็นยี่สิบปี จนมาเปลี่ยนเป็นชุดเทา ACU จึงใช้รองเท้าบูทหนังกลับ เลิกขัดรองเท้าบูทสนามกันได้ แต่รองเท้าหนังกลับก็ยังต้องรักษาทำความสะอาดนะครับ เพียงแต่ไม่เป็นรอยง่ายแบบรองเท้าหนังมัน
สำหรับกองทัพอื่นๆอย่างเยอรมันและญี่ปุ่น เขาออกแบบและเปลี่ยนกันทั้งหมด เรียกว่าจากหัวจรดเท้า จากชิ้นที่อยู่นอกสุดไปถึงชิ้นที่อยู่ในสุด จากเป้สนาม ถุงทะเล ไปจนถึงกระเป๋าสตางค์ ไม่มีการเลือก เว้น ชุดทั้งหมดจึงไปกันได้ดีเข้าชุดเป็นยุคเดียวกัน
ท่านกะปิตันสบายใจเถอะ ครับ บ้านเราถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็คงพร้อมๆกับการเปลี่ยนเลขพ.ศ.จากนำด้วย ๒ เป็นนำด้วยเลข ๓ แหละครับ ว่าแต่เคยฟังเรื่อง รองเท้าStartrooper มั้ยครับ นานมาแล้ว ในจักรวาลที่ไกลโพ้น ผู้กองหน่วย Startrooper จับทหารเกณฑ์เข้าใหม่ทั้งกองร้อยมาแต่งชุดทหารแล้ว พาเดินรอบค่าย เพื่อจะอวดชาวดวงดาว เดินไปได้กิโลเดียว ทหารใหม่หายไปเกือบครึ่ง เลือดสาดกันเป็นแถว ไม่ได้โดนซุ่มยิง แต่โดนรองเท้ากัด โชคดีเรื่องอย่างนี้ไม่เคยเกิดบนโลกของเรา
ส่วนเรื่อง M-16 เป็นกุศโลบายครับ เป็นการสอนให้ทำในสิ่งที่ถูก
แต่เรื่องมันเป็นจะอี้ ครับ
ตอนผลิต AR-15/M-16กันใหม่ๆ แรงดันของแก๊ซในรังเพลิงมันแรงจน เชื่อกันว่าจะดันเขม่า เศษดินปืน เศษตะกั่ว รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายให้หลุดออกจากในตัวปืนไปได้ ลุงแซมจึงไม่ได้แจกชุดทำความสะอาดปืนให้ทหารพร้อมปืน ในสนามรบที่เวียตนาม ผลออกมาตรงข้ามกับที่เชื่อไว้ ปืนยิงแล้วเขม่าดินปืนติดค้างทำให้ปืนขัดลำ ยิงไม่ได้แถมด้วยน้ำ โคลน ฝุ่น ทั้งหลายในสนามรบอีก ทหารเจ็บตายเพราะปืนยิงไม่ออกไปหลาย จึงได้มีการแจกชุดทำความสะอาดและบังคับให้ทหารต้องทำความสะอาดปืน สถิติของปืน M-16 ขัดลำจึงลดลง แต่ก็ไม่หมด ในอัฟกานิสถานและอิรัคก็ยังมีข่าวปืนขัดลำกล้องอยู่ ครับ
ถ้า Eugine Stoner กล่าวไว้อย่างนั้น คง หลังจากเห็นโลงศพพวก M-16 user กลับบ้านครับ