ผมอ่านจาก แทงโก้ เล่มใหม่ว่า บ.ข.20 น่าจะเป็นเจ้าตัวนี้
ขอการยืนยันในเชิงลึกด้วย และแสดงความยินดีกับแฟนๆของเจ้านี่ด้วยครับ
มีความเป็นได้สูงมากครับแต่ต้องรอรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งก่อนครับ ทอ.อาจจะสนใจเป็นรุ่น jas-39 E/F เลยก็ได้ เพราะราคาค่าตัวมันถูกสุดแล้วครับในเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 แถมอาวุธของยุโรปก็ไม่ได้แพ้กับสหรัฐเลยเพียงแต่ว่าแพงเท่านั้นแต่ผมว่าก็คุ้มค่า
อะไรก็ได้ครับ มาซักทีเหอะ
รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด
ปล. สหรัฐเร่งใจจะขาด ให้เราเลือกตั้งเร็ว ๆ จะได้ขายของได้ซักกะที
ถ้าซื้อ jas39 แค่ประมาณ6-12 เครื่อง คงจะมีความพร้อมรบต่ำกว่าเอฟ16 ที่เรามีอยู่59 เครื่องมาก การซื้อเครื่องบินก็คล้ายๆซื้อรถยนต์ ถ้าซื้อที่บ้านเรามีอยู่เยอะๆแบบเดียวเราซื้อเบนซ์ บีเอ็ม เล็กซัส วอลโว่ เวลาเสียก็เข้าอู่ไม่นานก็เอาออกมาขับได้ ไม่เหมือน alfa romeo หรือ saab เวลาเสียต้องรออะไหล่เป็นอาทิตย์เป็นเดือน สงสัยว่าคงจะกราวด์เป็นแถวเหมือน มิก29 กับ f18 ของมาเลย์ครับ ฉะนั้นความอยากได้กับประสิทธิภาพสูงสุดมันมักจะไม่เป็นไปในทางเดียวกัน f16 block 52 หรือ block60 จะมีความพร้อมรบของฝูงเกิน70 % แต่ถ้าเป็นแจสไม่อยากคิดว่าพร้อมรบกี่เปอร์เซ็นต์ครับ
การที่มีเครื่องหลายแบบเกินความจำเป็นและแบบละไม่กี่ลำนั้น ทำให้การซ่อมบำรุงทำได้ไม่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างกรณีที่ อินโด เสียติมอร์ตะวันออก นั้นเนื่องจากในขณะนั้น f16 ของอินโดฯ ต้องซ่อมแบบกินตัวเหลือบินได้ไม่กี่ลำ ฮอค ที่มีอยู่ก็สมรรถนะต่ำไม่สามารถต่อกรกับ f18 ของ ออสฯได้ เหลือแค่ซู27 4 ลำที่บินได้จริงๆกี่ลำไม่รู้ ขืน take off ก็เป็นเหยื่อแตนพิฆาตซะเปล่าๆ ทำให้ออสซีส่งทหารเข้าพื้นที่ติมอร์ตะวันออก ในรูปของกองกำลังรักษาสันติภาพ โดยที่กองทัพอินโดฯได้แต่ทำตาปริบๆสะอื้นในอกเท่านั้น หากอินโดฯ ไม่กราวด์ f16 40 เครื่องแล้วเอางบที่จะซื้อกระปริบกระปรอย ซู27 หรือ ฮอค มาซื้ออะไหล่ฝึกนักบิน f16 ให้มีความพร้อมรบสูง ออสฯจะไม่กล้าขยับส่งซี130 เข้าติมอร์แน่นอนครับ
อินโดนีเซียได้รับ บ.Su-27SK และ Su-30MK อย่างละ2เครื่องในปี 2003 ครับ ซึ่งเกิดชขึ้นหลังติมอร์ตะวันออกได้รับเอกราช
(ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียเองเคยมีโครงการจัดหา Su-30MK จำนวน 12เครื่องแล้วในปี1996 แต่ถูกยกเลิกไปเนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณครับ)
ไม่หรอกครับผมว่า
Tango เขาก็อ้างว่าเขาสรุปมาจากข่าว สรุปก็คือยังไม่มีใครรู้อยู่ดีครับผม
ส่วนการจัดหาแค่ 6 - 12 เครื่อง หรือแม้แต่จัดหาเพียงเครื่องเดียว ความพร้อมรบก็แทบไม่แตกต่างกันครับ ด้วยเหตุที่ว่าสายการส่งกำลังบำรุงไม่ได้ต่างกันเลยครับ (ใช้ช่องทางเดียวกัน) ฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวนักถ้าจะกล่าวว่าจัดหาบ.ข.20เพียง 6 - 12 เครื่องแล้วจะไม่มีความพร้อมรบที่จะสามารถปฏิบัติการรบได้
มาเลเซียก็จัดหา F/A-18D+ เพียง 8 เครื่อง อินโดนิเซียจัดหา Su-27SK กับ Su-30MK เพียงอย่างละสองเครื่องเท่านั้น ซึ่งทั้งสองประเทศก็ไม่มีปัญหาด้านความพร้อมรบแต่อย่างใดครับ (ล่าสุดอินโดนิเซียลงนามสั่งซื้อ Su-30MK เพิ่มเติมอีก 6 ลำแล้วครับ)
ความพร้อมรบ ต่ำ หรือ สูง ผมว่ามันน่าจะอยู่กับเงินในกระเป๋า เป็นสำคัญ ถ้ามีเงินแยะ ซื้ออะไหล่มากอง ให้แมวฉี่รด ยังทำได้เลยท่าน
ปล. รถยี่ห้อเดียวกัน คนละรุ่นคนละปี เครื่องยนต์ อะไหล่ บางตัว มันใช้กันไม่ได้ครับท่าน
ปล.สอง ยังเชื่อว่า ได้ f16 มือสอง ทะเลทราย นอนมา
ตามข้อมูลจากแทงโก้เล่มล่าสุด คิดว่า ทอ ถ้า จะสนใจ jas39 นอกจากเรื่อง ระบบ ที่ทันสมัยกับการใช้อาวุธที่หลากหลายรวมทั้งใช้ระบบอาวุธทุกแบบที่ไทยมี ยกเว้น กระสุนปืน ก็เห็นจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เครื่องบินรบ ยุคที่สี่ ทุกแบบ รวมทั้ง f16 ด้วย
ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ ทอ จะต้องก้าวต่อไปไม่ใช่ย่ำอยู่กับที ถ้าจะเป็นทัพฟ้าที่เล็ก ก็ขอให้เล็กแบบ พริกขี้หนู jas39 นี่สุดยอดเลยครับ
เหมาะกับ ประเทศเล็กๆแบบเรา ที่เน้นการป้องกันมากกว่ารุก
su30 f15 ก็ปล่อยให้เขา ตีกันไปเถอะครับบ้านเขามีบ่อน้ำมันนิไอ้บ้านเรามันไม่มีนี่นา
แทงโก มีลงด้วยเหรอครับ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย!!!
ตกใจหมดเลย.........นึกว่าจะได้ JAS-39 GRIPEN ซะแล้ว
ใน แทงโก้ มีครับ
ถ้าหาไม่เจอ ระวัง มันจะ ฉก เอาน่ะครับ
เขาจะเขียนไว้ว่า
แจส-39 กริเพน ว่าที่ บข.20 ของ ทอ.ไทย
โดย AIR/WAR
ปล.ถ้าหาไม่เจอ ระวังมันจะ ฉก เอาน่ะครับ เพราะมันอยู่แค่ ระดับ สายตาเอง
ถ้าจะซื้อ ก็ขอ F-16 C/D BLOCK 50/52+ ดีกว่า
ถ้ามีเงินหน่อย ก็ขยับ ไปเอา F-16 E/F BLOCK 60 ไป โน่นเลย
ความรู่สึกว่า ยังไม่ค่อย ชอบ JAS-39 สักเท่าไหร่
ปล.ในใจลึกๆ ยังแอบเชียร์ RAFALE เหมือนเดิม
เอาเปิด เร็ท JAS-39 แทง 1 จ่าย 10
F-16 แทง 1 จ่าย 15
SU-30 แทง 1 จ่าย 30
F/A-18 E/F แทง 1 จ่าย 80
RAFALE แทง 1 จ่าย 100
TYPHOON แทง 1 จ่าย 150
F-35 แทง 1 จ่าย 200
F-22 แทง 1 จ่าย 500
ปล.เครื่องบินที่มี โอกาสได้เข้าประจำการ มากที่สุด อัตราจ่าย จะน้อย
แต่เครื่องบิน ที่ไม่ค่อยมีโอกาส ที่จะได้รับ ความสนใจ สักเท่าไหร่ แต่อยู่ๆ เกิดเข้าวิน ขึ้นมา ก็รับ เยอะหน่อยครับ
ช่วงนี้ ทำไม ไอ คุก.......คุก.........คุกๆ แถมมี เลือด กระเซ็น ออกจากปาก ด้วย
งานนี้ ไม่โดน มะเร็ง กินตายก่อน ก็ขออยู่คู่ TFC ต่อไป
*ไอ้ที่ โพส ไปอย่าเอาจริงจัง น่ะครับ ไม่ต้องมาจับ ผมไปขังล่ะ
เพราะผม ไม่ได้เป็นเจ้ามือ 55555555555555
คือว่าในทางปฏิบัติจริงๆจะพร้อมรบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าเหมือนที่ท่านแมวบินว่าเอาไว้แหละครับ เครื่องบินคนละรุ่นคนละปีก็ใช้อะไหล่ไม่เหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เหมือนกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ยกตัวอย่างถ้าเราอัพเกรดอีก59 เครื่อง(มีโครงการอยู่แล้ว)ให้เป็น c/d version เดียวกับสิงค์โปร์ แล้วซื้อใหม่ ติดระบบสงครามอิเล็คทรอนิคแบบที่ยิวใช้ ใช้เรดาห์ aesa ความพร้อมรบเราจะสูงมากกว่ามี f16 59 เครื่อง กับ jas6-12 เครื่องนะครับ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ การเลือกแบบเครื่องบินที่มีผู้ใช้งานมีการผลิตออกมามากๆ จะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพให้รองรับภัยคุกคามใหม่ๆได้ โดยยังคงคุณค่าทางการรบอยู่ เช่น f5 version บราซิล ที่มีdata link สามารถรับมือกับเครื่องบินรุ่นใหม่กว่าที่ไม่มีการพัฒนาหรือพัฒนาได้ยาก อย่าง ฮอค หรือ มิราจ2000 ได้อย่างไม่เป็นรอง ซึ่ง f16 ก็เช่นกัน รุ่นที่ซื้อมาเมือ 2 ทศวรรษก่อน ก็ยังปรับปรุงให้มีประสิทภาพเดียวกับ รุ่นล่าเช่นที่สิงค์โปร์ อัพเกรด หากเราซื้อ มิราจ หรือ jas มา อีก 10 ปีข้างหน้าเมื่อ เครื่องบินยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยีเสตลท์ อย่าง f35 f 22 mig 1.42 ออกมาเพ่นพ่าน เครื่องแจส คงจะไม่สามารถสร้างอำนาจต่อรองในสนามรบได้ เครื่องบินบข.20 เป็นเครื่องที่เราจะซื้อเพียงฝูงเดียว เพื่ออุดช่องว่างก่อนเปลี่ยนไปสู่ยุคเทคโนโลยีเสตลท์ครับ ฉะนั้น f16 ติด เรดาห์ aesa น่าจะเหมาะสมและใช้งบประมาณในการคงความพร้อมรบทั้งกองทัพอากาศ ในจำนวนเงินที่ต่ำที่สุดครับ
ผมว่าอ่ะน้า... รอให้ บข.20 แตะรันเวย์ที่ บน.6 แล้วค่อยสรุปกันดีกว่าเนอะว่าเป็นเครื่องรุ่นไหน .... อิอิอิ ประเทศนี้ อะไร อะไร ก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตามอารมณ์ของ ชนชั้นปกครองครับ 55555
กรณี ท.อ. เลือก กริเป้น
การจัดซื้ออย่างเป็นทางการจะกระทำหลังเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจาก ผบ. ท.อ. ท่านชลิต อายุราชการยังเหลืออยู่อีก 1 ปี และหลังเลือกตั้งแล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องการบอยคอตการขายอาวุธจากประเทศตะวันตก
งบทั้งหมด 34000 ล้านบาท จะรวมสถานีควบคุมภาคพื้นดินเชื่อมโยงกับระบบดาต้าลิงค์กับกริเป้น อีรีอาย และ กริเป้น อีก 6 ตัวแรก (รุ่น 2 ที่นั่ง 3-6 ตัว) และอาจรวมถึงงบปรับปรุงกองบิน 7 ด้วย
จัดซื้อ กริเป้น เพิ่มอีก 6-10 ในเฟสต่อไปเพื่อให้ครบฝูง เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ
จากนี้ไป นโยบายของ ท.อ. จะพยายามมุ่งไปข้างหน้า ไล่ตามเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ให้ทัน แพคเก็จโครงการกริเป้นตอบโจทย์ได้หมด ส่วนตัวแล้วเห็นว่าโอกาสของ เอฟ-16 มีน้อยครับ สำหรับการจะมาเป็น บข. เอนกประสงค์ฝูงใหม่ของเรา
อ่านจากTango เค้าบอกว่า jas 39 e/f ที่กำลังพัฒนาอยู่นั้น จะดีกว่า f16 block 60 ของอาหรับ อีก และที่สำคัญ จะใช้งบประมาณในการบิน และซ่อมบำรุงต่ำกว่า
หากว่าเป็นเช่นนั้น ก็อยากให้ ทัพฟ้าเลือก เจ้า jas39 ซึ่งได้เทคโนโลยีที่สูงกว่า
โดยส่วนตัวคิดว่าเราไม่ต้องการ เครื่องบินโจมตีทางลึกแบบ su-30 เนื่องจากจะสิ้นเปลืองงบประมาณในระยะยาวเกินไป
ถ้าเราเลือก jas39 ก็หมายความว่า ทอ เรา กำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป ก้าวไปข้างหน้าทึ่จะเรียนรู้ เทคโนโลยี่ ใหม่ๆ มันเป็นการเปิดประตูไปสู่ ยุคใหม่ของ เครื่องบินขับไล่
ที่สำคัญ เราจะมี บข.20 ไม่ใช่ บข.19 ข/ค
ทำไมต้อง jas39 ทำไมไม่ใช่ su30 หรือ f18
คิดว่า ราคาต่อเครื่อง ราคาต่อรอบในการใช้งาน ราคาต่อเทคโนโลยี่ที่จะได้ และ ความเหมาะสมกับ ภาระกิจ และ แผนการป้องกันประเทศ
ผมว่า jas39 เหมาะสมที่สุด บ้านเราไม่ต้องการไปรุกรานใครนี่นา
รักสงบแต่รบไม่ขลาด
ตอบคุณ TOP SECRET ครับ
ถ้ามันจะฉก ก็คงฉกไปนานแล้วครับ วันวันนึงผมใช้ชีวิตอยู่กะหนังสือTango เป็นหลายพันเล่ม ผมแกล้งแอ๊บแบ้วไปอย่างงั้นเอง อิอิ
ที่เขียนลงแทงโก มาจากนักเขียนข้างนอกครับ ทีมบก.เห็นว่าเป็นประเด็นก็เลยจับมาลงซะ ให้ตื่นเต้นกันไป ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้ครับ...
คิดว่าถึงจะเป็น JAS39 เพื่ออุดช่องโหว่ ก่อนจะมีบินเปลี่ยนยุค แต่มันเป็นของใหม่ และประเทศผู้ขายต้องขยายพันธ์ใหม่แน่นอน ถ้าเรากังวลมาก
ทำไมยังกล้าซื้ออัลฟ่าเจตมาใช้ ถึงจะคนละเรื่องก็ตาม และนักบินเราถ้าเก่งสมคำล่ำลือ ผมว่าถึงจะเป็น JAS ก็ไม่มีใครคิดจะเผ่นผ่านมาแถวนี้อีก
และการเปิดตลาดต่างๆจาก EU ก็อาจจะเป็นผลพลอยได้ตามมาอีก อาจจะมีอะไรให้กับประเทศเรา มากกว่าสหายเก่าที่เมื่อนึกถึงวันใด มันก็คือไอ้เสือหิวเห็นแก่ตัว ตาสีฟ้า คุ้นหน้าเรา เสียอีก
ขอย้ำนักบินเก่ง ระบบบูรณาการดี มีชัยเกินครึ่งแล้วครับ..............................
jas39 i like it