เอเอฟพี/เดลี่เทเลกราฟ - ข่าวหนังสือพิมพ์อังกฤษ เรื่องจีนขู่จะตอบโต้ด้วยการเทขายพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันจำนวนมหาศาล หากถูกฝ่ายสหรัฐฯตราหน้าเป็นผู้บงการปั่นค่าเงินตรา ทำเอาประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ไม่อาจอยู่เฉยต้องออกโรงมาแถลงในวันพุธ(8)ว่า หากปักกิ่งทำเช่นนั้นจริงๆ ก็จะเป็น "ความบ้าบิ่นมุทะลุ" ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์แดนมังกรบอกว่า จีนไม่ทำหรอก ถ้าสองประเทศไม่ได้มีความขัดแย้งใหญ่โต
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ ของอังกฤษ ฉบับวันพุธ(8)รายงานว่า จีนได้เริ่มการรณรงค์แบบประสานกันหลายฝ่าย เพื่อมุ่งข่มขู่ทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐฯ โดยบอกเป็นนัยว่า ปักกิ่งอาจเทขายพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันซึ่งตนเองถือครองอยู่จำนวนมาก ถ้าวอชิงตันเดินหน้าใช้มาตรการลงโทษทางการค้า เพื่อบังคับให้มีการปรับเพิ่มค่าเงินหยวน
เทเลกราฟได้ยกคำให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ของเจ้าหน้าที่ 2 คน จากหน่วยงานชั้นนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ปักกิ่งออกมาเตือนว่า อาจใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมูลค่า 1.33 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งตนเองมีอยู่ โดยคาดกันว่าจะเป็นตราสารหนี้สหรัฐฯประเภทต่างๆ ราว 900,000 ล้านดอลลาร์ เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อตอบโต้แรงกดดันจากรัฐสภาสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งคือ เซี่ยปิน หัวหน้าฝ่ายการเงิน แห่งศูนย์กลางวิจัยเพื่อการพัฒนา (ซึ่งสังกัดกับคณะรัฐมนตรีจีน) ได้กล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า ควรนำเอาทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนมาใช้เป็น "หมากต่อรอง" ในการเจรจากับสหรัฐฯ
ส่วนอีกคนหนึ่งที่เทเลกราฟอ้างอิง คือ เหอฟ่าน เจ้าหน้าที่ของบัณฑิตยสถานทางสังคมศาสตร์ของจีน ที่กล่าวในหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ฉบับวันพุธ(8)ว่า "จีนได้สะสมเงินดอลลาร์สหรัฐฯไว้เป็นจำนวนมาก จำนวนอันมหึมาดังกล่าว ซึ่งอยู่ในรูปพันธบัตรคลังสหรัฐฯเยอะแยะทีเดียวนั้น มีส่วนอย่างใหญ่หลวงในการพยุงฐานะของเงินดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินตราเพื่อการเก็บสำรอง ขณะที่ รัสเซีย, สวิตเซอร์แลนด์, และประเทศอื่นๆ อีกมาก ได้ลดการถือครองดอลลาร์ของพวกเขาลงแล้ว
"จีนไม่น่าที่จะทำตามประเทศเหล่านั้น ตราบเท่าที่อัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนยังคงมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่ธนาคารกลางจีนจะถูกบังคับให้ต้องขายดอลลาร์ ทันทีที่เงินหยวนต้องปรับค่าอย่างรุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดค่าอย่างมหาศาลของเงินดอลลาร์" เทเลกราฟอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้นี้
หนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับนี้ ยังได้ยกคำพูดของ ไซมอน เดอร์ริก นักยุทธศาสตร์ค้าเงินตรา แห่ง แบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน ซึ่งบอกว่า คำพูดของเจ้าหน้าที่จีนเหล่านี้ เป็นสารของปักกิ่งที่มุ่งส่งถึงวุฒิสภาสหรัฐฯ ในขณะที่รัฐสภากำลังเตรียมพิจารณาร่างกฎหมายฉบับซึ่งมีเนื้อหา มุ่งขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าจีน ด้วยข้อหาจีนบงการปั่นค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
"คำพูดเหล่านี้เป็นสัญญาณบอกเหตุและไม่ได้กำกวมเลย นี่เป็นการข่มขู่ทางการเมืองอย่างชัดเจน และซึ่งอาจมีผลต่อเนื่องอย่างร้ายแรงยิ่ง ในช่วงเวลาที่ตลาดสินเชื่อก็หวาดผวาอยู่แล้วกับการลุกลามติดเชื้อจากความยุ่งยากในตลาดซับไพรม์" เดอร์ริกกล่าว
เทเลกราฟซึ่งระบุว่า สื่อมวลชนของทางการจีนเรียกการกระทำเช่นนี้ว่า "ทางเลือกแบบนิวเคลียร์" ชี้ด้วยว่า หากจีนเทขายสินทรัพย์สกุลดอลลาร์จริงๆ ก็จะจุดชนวนให้ค่าเงินดอลลาร์ดำดิ่งเหว นอกจากนั้นยังจะกระตุ้นให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐฯตกฮวบ ตีกระหน่ำตลาดอสังหาริมทรัพย์อเมริกัน และอาจถึงขั้นฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทางด้านประธานาธิบดีบุช กล่าวในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ฟอกซ์นิวส์ ในวันพุธว่า เขายังไม่ได้เห็นรายงานข่าวของเทเลกราฟ แต่ก็เตือนไม่ให้จีนใช้วิธีตอบโต้เช่นนี้
"นั่นจะเป็นความบ้าบิ่นมุทะลุของพวกเขา หากพวกเขาจะทำอย่างนั้น" บุชบอก พร้อมกันนั้นเขาก็แสดงความสงสัยข้องใจรายงานข่าวชิ้นนี้
"ถ้านั่นเป็น ... จุดยืนของรัฐบาล(จีน) มันก็จะเป็นความบ้าบิ่นมุทะลุของพวกเขาที่จะทำเช่นนี้"
บุชกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯกับจีนสามารถที่จะแก้ไขความแตกต่างระหว่างกัน "ในวิถีทางอันมีมิตรไมตรี" โดยที่มีเวที "การสนทาทางเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์" อันมีรัฐมนตรีคลัง เฮนรี พอลสัน เป็นประธานของฝ่ายสหรัฐฯ และรองนายกรัฐมนตรี อู๋อี๋ เป็นประธานฝ่ายจีน เป็นช่องทางทรงประสิทธิภาพในการแก้ไขความแตกต่างระหว่างกันอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน พอลสันก็ได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ซีเอ็นบีซี กล่าวว่า ข่าวที่ว่าจีนจะตอบโต้ด้วยการเทขายสินทรัพย์สกุลดอลลาร์นั้น เป็นเรื่อง "เหลวไหลไร้สาระ"
พอลสันซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการไปเจรจากับผู้นำจีนในกรุงปักกิ่งสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า แม้ทั้งสองฝ่ายมีความตึงเครียด แต่โดยรวมแล้ว ประเทศทั้งสองยังคงยึดมั่นกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์
สำหรับปฏิกิริยาจากฝ่ายจีนต่อรายงานข่าวนี้ จางหมิง นักเศรษฐศาสตร์แห่งบัณฑิตยสถานทางสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยระดับท็อปของจีน ได้กล่าวกับเอเอฟพีวานนี้(9)ว่า "ตราบเท่าที่ไม่ได้มีความพลิกผันอย่างใหญ่โตในเศรษฐกิจอเมริกัน และไม่มีการพิพาทอย่างร้ายแรงใดๆ ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รัฐบาลจีนก็จะไม่เทขายสินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ในปริมาณมากๆ ใดๆ ทั้งสิ้น"
เขาชี้ว่า หากทำเช่นนี้จีนเองก็จะเป็นฝ่ายสูญเสียด้วย เพราะค่าเงินดอลลาร์จะตกวูบ ขณะที่ทุนสำรองของจีนราวสองในสาม เป็นสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่คือพันธบัตรคลังสหรัฐฯ
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000093663
ถ้าจีนทำจริงงานนี้ได้เห็น 1 บาท : 1 US แน่ สงสัยซื้อเครื่องบินรบได้เป็นฝูงๆแต่ภาคส่งออกของเราคงตายสนิด แต่ก็มีนักวิชาการบางท่านบอกว่าเราเน้นการส่งออกมากเกินไป ต้องผลิตเองทดแทนการนำเข้า เขาว่างั้นนะ
คือเศรษฐกิจของเราพึ่งพาการส่งออกมากกว่าการบริโภคในประเทศมากครับ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมันจึงค่อนข้างสูง
ว่าแต่ ทุนสำรองของเรา 7 หมื่นล้านเหรียญนี่ เป็นสกุลดอลล่าห์ล้วน ๆ เลยหรือเปล่าครับ
จะเรียกว่าเป็นการโต้กลับของจีนก็ได้มั้ง เพราะเมกาต้องการให้ค่าเงินหยวนมีปัญหา แต่เมกาก็เน่าในมาพอสมควรไม่มีแรงยกการ์ดเปิดช่องให้จีนเห็น ถ้าจีนทำจริงไม่ห่วงเมากครับห่วงตัวเรามากกว่างานนี้พี่ไทยเน่าแน่ เงินสำรองของเรา73,222.6(27 กรกฏา50) 71,338 ล้านเหรียญของเงินตราต่างประเทศเป็นดอลลาห์เสียส่วนใหญ่ครับ เพราะเราดูดมาเก็บไว้เยอะมาก ที่เหลือเป็นทองครับ 1,700กว่าล้านเหรียญเท่านั้น
เราใช้เงินไป1.86ล้านล้านแล้วตอนนี้กับการดูดซับสภาพคล่อง ป้องกันค่าเงิน เจ๊งไปพอสมควรแล้วด้วยเอาดอลล่าห์มาเก็บไว้เต็มยุ้ง ถ้าดอลลาห์อ่อนไปมากกว่านี้อีก เราเสียหายมหาศาลแน่ครับ
ผมว่าไม่ใช่เรื่องดีนะครับ อาวุธถูกลงก็จริง แต่กลัวว่าถึงวันนั้นประเทศเราจะไม่มีเงินไปซื้ออะไรเลย แค่ค่าเงินตอนนี้ก็สร้างผลกระทบออกไปเป็นระลอกๆแล้วครับ