เห็นพูดกันจังเลยครับ สงครามช่องบกเนี่ย ผมเลยอยากทราบ เหตุผลที่รบกัน และ การรบตอนนั้นเราเป็นงัยบ้างได้ทราบมาว่าลูกปืนหมดเหรอครับแล้วหมดแล้วขอจากใครเอ่ย????
กว่าจะมาเป็นช่องบก ตอนที่ ๑
หลังจากกองทัพเวียดนามเหนือเข้ายึดกรุงไซ่ง่อนได้ในวันที่ ปี ๒๕๑๘ เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ได้รวมเป็นประเทศเดียวกัน ไซ่ง่อนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโฮจิมินห์ ประชาชนชาวเวียดนามใต้จำนวนมาก หนีออกนอกประเทศทางเรือมาที่ประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
หลังจากนั้นปี ๒๕๑๙ กองทัพเขมรแดง ได้นำกำลังบุกยึดกรุงพนมเปญได้ ประชาชนชาวกัมพูชา พากันไช
มีผู้นำเขมรแดงหลายคนไม่พอใจต่อน
ก่อนที่กองกำลังเวียดนามจะบุกกัมพูชานั้น รายงานข่าวจากหน่วยข่าวกรองของไทยแจ้งว่า ทางตอนใต้ของเวียดนามมีการลำเลียงอาวุธและกระสุนจำนวนมหาศาลทางเรือมาจากต่างประเทศ และมีการเคลื่อนย้ายกองกำลังรถถัง และหน่วยทหารที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้มีการประชุมด่วน ของหน่วยความมั่นคงของไทย และผู้นำทางการทหารระดับสูง เพื่อวิเคราะห์และเตรียมรับสถานการณ์ และนาวาตรี ประสงค์ สุ่นศิริ เลขาธิการความมั่นคงของไทยในสมัยนั้น ได้รายการแจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทางเวียดนามกำลังเตรียมกำลังเข้าบุกกัมพูชาแน่นอน และขอการสนับสนุนด้านอาวุธเพื่อเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ทางสหรัฐกลับวิเคราะห์ว่า การเคลื่อนกำลังดังกล่าวเป็นเพียงการสับเปลี่ยนและเพิ่มเติมกำลังเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขมรแดงยึดพนมเปญได้ กองกำลังเขมรแดงได้รุกล้ำและโจมตีชายแดนของเวียดนามด้านที่ติดกับเขมร และทางเวียดนามต้องการโจมตีเขมรแดงตามแนวชายแดนเท่านั้น ไม่น่าจะบุกเข้ามาในกัพพูชา
หลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ที่ไทยคาดไว้ก็เป็นจริง เดือนมกราคม ๒๕๒๑ เวียดนามส่งเครื่องบินรบแบบเอฟ ๕ ที่ยึดได้จากกองทัพอากาศเวียดนามใต้ เข้าโจมตีทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกัมพูชา ตามด้วยเคลื่อนกำลังรถถังจำนวนมาก บุกเข้ามาที่เมืองสำคัญ ตั้งกองกำลังและยึดไว้ จากนั้นค่อยกระจายจากเมืองนั้นไปเมืองนี้ทีละเมือง ๆ ภายใต้ยุทธการ ?ดอกบัวบาน ? ซึ่งทางไทยวิเคราะห์ว่า ประมาณ ๑๕ วัน เวียดนามจะยึดกัมพุชาได้ทั้งประเทศ การบุกเข้ามาในกัมพูชาในครั้งนี้ใช้กำลังมากถึง ๒๑๕ กองพล ทหารประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ คน และรถถังจำนวนหลายร้อยคัน อีกทั้งส่งกำลังประมาณ ๖๐,๐๐๐ คนประจำการในลาวด้วย ( ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องเรื่อง บ้านร่มเกล้า )
จากเหตุการณ์ครั้งนี้นักวิเคราะห์ทางการทหารของไทยและต่างประเทศวิเคราะห์ว่าการส่งกำลังเข้ายึดกัมพูชานั้นเวียดนามน่าจะใช้กำลังประมาณ ๔ กองพล ก็น่าจะเพียงพอ เพราะยังมีกองกำลังอีกจำนวนหลายหมื่นคนของฝ่ายเฮงสัมรินในกัมพูชา ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนมากกว่ากองกำลังเขมรแดงมาก อีกทั้งยังมีอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ และรถถัง ก็เหนือกว่าทางเขมรแดงมาก ซึ่งทำให้มีการตั้งคำถามว่า เวียดนามกำลังคิดอะไรอยู่ และเป้าหมายนั้น ต้องการแค่กัมพูชาเท่านั้นจริง ๆ หรือ
หลังจากเวียดนามส่งกำลังเข้าควบคุมเมืองสำคัญๆ ของกัมพูชาได้หมด นายพล เหงียนวันเทียวได้ประกาศที่กรุงฮานอยว่า สามารถเข้ายึดกรุงเทพได้ในเวลา ๒ ชั่วโมง ทำให้หน่วยความมั่นคงของไทยแทบจะนอนไม่หลับ อีกทั้งในช่วงนั้นกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ยังเป็นปัญหา และทางการไทยกำลังปราบปรามอย่างหนักอยู่ หากต้องมารับมือกับทางเวียดนามอีก ก็จะเป็นปัญหาหนักขึ้น หลังการประชุมของผู้นำระดับสูงทางการทหารของไทย ได้มีการส่งนายทหารของไทยไปกรุงปักกิ่งในทางลับ เพื่อเจรจากับจีน โดยหัวข้อคือ ให้จีนยุติการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และการซื้อ
แต่ไทยก็ต้องทำสัญญาลับกับจีนหลายๆ เรื่อง เพื่อตอบแทนจีน เช่น ไทยต้องสนับสนุนกองกำลังเขมรแดง ไทยต้องร่วมมือกับจีนเพื่อต่อต้านเวียดนามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต ( ในตอนนั้นจีนกับโซเวียตแตกคอกันทางแนวคิด ต่างฝ่ายก็โจมตีกันว่าเป็นคอมมิวนิสต์จอมปลอม ?? จีนก็คอมมิวนิสต์ โซเวียตก็คอมมิวนิสต์ จีนบอกว่าจีนเป็นคอมมิวนิสต์ที่แท้จริง และสมบูรณ์แบบ)
จากนั้นไม่นาน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ เป็นเวลา ๑ ปี หลังจากเวียดนามบุกกัมพูชา กองทัพจีนได้เคลื่อนกำลังพลหลายแสนคนบุกเข้ามาเวียดนามทางตอนเหนือทางเมืองกวานสี ( บางรายงานแจ้งว่าในวันที่กองทัพจีนเคลื่อนกำลังบุกเวียดนามนั้น พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับเกียรติให้ร่วมดูเหตุการณ์นั้นด้วย และยังมีรายการว่า พลเอกชวลิต เป็นผู้ลั่นกระสุนปืนใหญ่นัดแรก ยิงใส่เวียดนามด้วย เวียดนามต้องใช้กำลังทหารทั้งประเทศมารับมือจีน ทำให้เวียดนามต้องย้ายกองกำลังบางส่วนออกจากกัมพูชา ซึ่งเป็นกองพลที่ดีที่
หลังจากที่เวียดนามยึดกัมพูชาได้ ชาวเวียดนามจำนวนหลายแสนคน อพยพเข้ามาประเทศไทย มีการตั้งค่ายผู้อพยพขึ้นเป็นไซต์ต่าง ๆ ซึ่งประชาชนกัมพูชาจะรวมกันตามกลุ่มที่จงรักภักดีตามผู้นำของตน เช่น กลุ่มของเขมรแดง กลุ่มของสีหนุ ในค่ายผู้อพยพเหล่านี้ ได้มีการคัดเลือกประชาชน เอามาฝึกอาวุธมาตั้งค่ายฝึกลึกเข้ามาในเขตไทย และส่งเข้าไปรบกับเวียดนามในกัพูชาอีกต่อ
การที่เวียดนามรุกล้ำเข้ามาในเขตไทยบริเวณช่องบกนั้น เนื่องมาจากทางการเวียดนามต้องการควบคุมชายแดนไทยในดานนี้ไว้ให้ได้อย่างเด็ดขาด เพื่อตัดการสนับสนุนและส่งกำลังบำรุงต่อเขมรแดง ซึ่งครอบครองบริเวณนั้นอยู่ แต่เนื่องจากทางด้านกัมพูชานั้นเป็นที่ราบลุ่ม จึงรุกล้ำเข้ามาเขตแดนไทยประมาณ ๕ กม. มีการตั้งฐานและยึดเนินสำคัญ ๆ ไว้ ดัดแปลงและปรับปรุงตั้งรับการโจมตีเป็นอย่างดี บังเกอร์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีระบบเครื่องปั่นไฟ ตั้งปืนต่อสู้อากาศยาน และจรวดต่อสู้อากาศยาน อีกทั้งรายล้อมด้วยฐานปืนใหญ่ที่พร้อมให้การยิงสนับสนุนตั้งไว้ในลาวและกัมพูชา เพื่อรับมือกับไทยอย่างเต็มที่ บริเวณช่องบกนี้เป็นเขตพรมแดนต่อกันของ ๓ ประเทศคือ ไทย ลาว และกัมพูชา และมีชื่ออีกชื่อ
ช่องบก ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.
ปี พ.ศ.๒๕๒๙ กองกำลังสุรนารี ได้ใช้กำลังเข้าผลักดันและขับไล่กองกำลังต่างชาติ ตามแผนยุทธการ ดี-๘ เนื่องจากภูมิประเทศเป็นเขาสูงชันป่ารกทึบ มีทุ่นระเบิด กับระเบิดในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้ฝ่ายไทยประสบความยากลำบากในการเคลื่อนที่ และการดำเนินกลยุทธ์ ฝ่ายไทยสามารถผลักดันฝ่ายเวียดนามให้ถอนตัวออกจากที่มั่นบนเนินดังกล่าว แต่ฝ่ายเวียดนามยังคงควบคุม และยึดพื้นที่บริเวณเนิน ๕๐๐,๔๐๘,๓๘๒ และ ๓๙๖ อยู่
เมื่อ ธ.ค.๒๕๒๙ กองกำลังสุรนารี ได้กำหนดแผนยุทธการ ดี-๙ ใช้กำลังเข้าตีเพื่อผลักดัน และทำลายฝ่ายตรงข้าม ที่ยังยึดพื้นที่อยู่ โดยใช้กำลังจาก กรมทหารราบที่ ๑๖ (กองพันทหารราบที่ ๑๖๒) ปฏิบัติการเข้าตีในห้วง ม.ค.-ก.พ.๒๕๓๐ ถึง ๓ ครั้ง สามารถยึดที่หมาย เนิน ๓๙๖ ได้ ต่อมาได้จัดกำลังเพิ่มเติมจาก กรมทหารราบที่ ๖ (กองพันทหารราบที่ ๖๐๓) วันที่ ๒๕ มี.ค.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการโดยใช้กำลัง กองพันทหารราบที่ ๑๖๒ กองพันทหารราบที่ ๖๐๓ และกองกำลังทหารพราน เข้าตีต่อที่หมาย เนิน ๔๐๘ และเนิน ๓๘๒ รวมทั้งใช้กำลังจาก ร้อยลาดตระเวณระยะไกล กองกำลังสุรนารี จัดกำลังเป็นชุดปฏิบัติการขนาด
วันที่ ๑ เม.ย.๒๕๓๐ กองทัพภาคที่ ๒ ได้จัดตั้งที่บัญชาการทางยุทธวิธีขึ้น เพื่อควบคุม และอำนวยการยุทธ ออกแผนยุทธการเผด็จศึก สั่งใช้กำลังส่วนต่าง ๆ จากกองทัพภาคที่ ๒ ประกอบด้วย ๕ กองพันทหารราบ, ๑ ร้อยลาดตระเวณระยะไกล, ๒๗ ร้อยทหารพราน., ๑ ร้อยรถถัง สนับสนุนด้วย ปืนใหญ่ และกำลังทางอากาศ กองพลทหารราบที่ ๖ ได้รับคำสั่งให้จัดกำลังเพิ่มเติม จากกรมทหารราบที่ ๖ และกรมทหารราบที่ ๒๓ วันที่ ๑๔ เม.ย.๒๕๓๐ กำลังฝ่ายไทยใช้กำลังทุกส่วนทำการเข้าตีที่หมาย เนิน ๕๖๕,๔๐๘,๕๐๐,๓๘๒ และ ๓๗๖ โดยพร้อมกัน ในขั้นต้นฝ่ายไทยสามารถเข้าที่หมายเนินต่างๆ โดยได้รับการต้านทานอย่างเบาบาง ต่อมาฝ่ายเวียดนาม ได้ทำการตีโต้ตอบ ระดมยิงด้วย ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และ ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ใช้กำลังเข้าตีเป็นละลอก และต่อเนื่อง ฝ่ายไทยซึ่งมีเวลาจำกัดในการดัดแปลงที่มั่น ขาดความหนุนเนื่อง ในการส่งกำลัง เส้นทางยากลำบาก ไม่สามารถต้านทานได้ จึงทำการถอนกำลังออกจากที่หมายเนินต่าง ๆ
ภายหลังจากการเข้าตีในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้พัฒนาแนวความคิดทางยุทธวิธี ในการเข้าสู่ที่หมาย ด้วยการใช้กำลังในลักษณะชุดปฏิบัติการขนาด
การปฏิบัติการรบที่ช่องบก ตั้งแต่ ม.ค.๒๕๒๘-ธ.ค.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้สูญเสีย กำลังพล เสียชีวิต ๑๐๙ นาย บาดเจ็บ ๖๖๔ นาย
สถานการณ์ในช่วงแรกของการรบ เวียดนามเป็นฝ่ายได้เปรียบ การรุกของฝ่ายไทยทำได้อย่างจำกัดและยากลำบากเพราะเป็นป่าทึบ และเวียดนามได้วางกับระเบิดไว้จำนวนมาก นอกจากนั้นแหล่ง
จากรายงานของทหารบางหน่วยแจ้งมาว่าทางเวียดนามมีความสามารถในการรบกวนการติดต่อสื่อสารและเลียนเสียงระบบการสื่อสารของไทย ทันทีที่ทหารไทยติดต่อสั่งการกันทางวิทยุ ทหารเวียดนามจะยิงปืนใหญ่ใส่แหล่งกำลังเนิดเสียงทันที ทำให้การสื่อสารเป็นไ
ทางเวียดนามยังรุกกลับด้วยการส่งกำลังเข้าตีฐานทหารไทยอย่างหนัก โดยใช้ฐานปืนใหญ่ในลาวและกัมพูชายิงสนับสนุน ซึ่งทำให้การรบที่ช่องบกนี้มีความรุนแรงมาก กำลังส่วนต่าง ๆ จากกองทัพภาคที่ ๒ ของไทยถูกส่งเข้ามาในพื้นที่สู้รบอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนด้วยกองกำลังทหารพรานจากค่ายปักธงชัย และหน่วยรบพิเศษจากลพบุรี ถูกส่งเข้าไปในลาวและกัมพูชา เพื่อค้นหาฐานที่ตั้งปืนใหญ่ และทำลายระบบการส่งกำลังบำรุง ในช่วงแรกของการรบฝ่ายไทยเสียเปรียบในการรบมาก แนวคิดการรบแบบเดิม ๆ ที่ทุ่มกำลังทหารจำนวนมาก การยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ และเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ข้าศึก ไม่ได้ผล เพราะทางฝ่ายเวียดนามมีการตั้งรับอย่างดี และโต้ตอบกลับอย่างหนัก ถึงแม้ทางไทยจะสามารถตีฐานของเวียดนามแตก แต่ก็ไม่สามารถที่จะยึดฐานได้ ทำให้แนวคิดการรบแบบป้อมค่าย ที่เคยใช้ได้ผลจากการรบที่เขาค้อ ถูกนำมาใช้กับการรบที่ช่องบก โดยฝ่ายไทยใช้การวางกำลังและระบบส่งกำลังสนับสนุนในแนวหลังให้มั่นคง และต่อเนื่อง จากนั้นใช้ทหารพราน ลาดตระเวณซุ่มโจมตีและแทรกซึมเข้าหาฐานข้าศึกอย่างช้าๆ โดยขุดบังเกอร์เข้าเกาะติดข้าศึกรวมถึงการซุ่มโจมตีฝ่ายเวียดนาม จากวีดีโอที่ทหารไทยบันทึกไว้ในการเข้าตีฐานของทหารเวียดนามแห่ง
หลังจากสูญเสียฐานหลายแห่ง ทหารเวียดนามเริ่มถอนทหารออกไปจากพื้นที่กลับเข้าไปตั้งในกัมพูชา เนื่องจากการสูญเสีย และการส่งกำลังบำรุงที่ถูกรบกวนจากในเขตกัมพูชาเอง จากเขมรแดง และกองกำลังไม่ทราบฝ่าย กองกำลังเขมรแดงได้เข้าตีฐานของทหารเวียดนามที่ตั้งในเขตกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนการยิงปืนใหญ่จากฝั่งไทย ทำให้เวียดนามถูกตีขนาบ จึงต้องถอนกำลังกลับเข้ามาในเขตกัมพูชาเหมือนเดิม หลังจากนั้นทางไทยได้เข้ามายึดและตั้งแนวป้องกัน เนินต่างๆ อย่างแน่นหนา เป็นอันสิ้น
การที่เวียดนามอาจหาญเข้ามายึดเขตแดนไทยในบริเวณช่องบกนี้ มีนายทหารเวียดนามบางส่วนก็ไม่เห็นด้วย เพราะถึงแม้ตำแหน่งที่ตั้งได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ยากต่อการเข้าตีของไทย แต่ด้านการส่งกำลังบำรุงด้านกัมพูชานั้น ยังไม่สามารถปราบกองกำลังเขมรแดงได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะถูกเขมรแดงรบกวนการส่งกำลังบำรุงได้ อีกทั้งในเขตลาวนั้น ก็ยังมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังลาวเสรีอยู่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการของเวียดนามในลาวด้วย แต่ผู้นำทางการทหารของเวียดนาม มั่นใจในความเข้มแข็งทางการทหาร และประสบการณ์รบของตน ข้อขัดค้านนี้จึงไม่เป็นผล แต่ก็เป็นจริงและเป็นที่ประจักษ์จากการรบในเวลาต่อมา...
http://www.wing21.rtaf.mi.th/wboard/question.asp?GID=1001
โอ้วถ้าอ่านนี่มันส์มากเลยจอร์จ แต่น่าจะให้คนไทยได้ตระหนักและพึงสังวรณ์ไว้ว่าสงครามเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และไทยก็มีอาณาเขตติดหลายประเทศ เพราะฉะนั้นกองทัพต้องแข็งแกร่ง
ขอบคุณครับที่ หาข้อมูลดีๆมาให้อ่าน ถ้าเป็นตอนนี้เราจะรับศึกไหวมั้ยน่า.