จะมีกันดั้มใช้ป่าวว้า...
ระดมตำรวจ-ทหาร ปิดล้อม 5 พื้นที่เป้าหมาย ล่ามือบึ้มถล่มสยองกลางเมืองยะลา ตรวจกล้องวงจรปิดพบคนร้ายขี่จยย. 2 คันมาจอด คาดมือกดรีโมตอยู่ห่างจากจุดบึ้มไม่เกิน 100 เมตร ส่วนจยย.บอมบ์ถูกขโมยมา เชื่อเป็นกลุ่มเดียวที่ถล่มแผงขายอาหารเมื่อเดือนมิ.ย. ขณะที่เหตุรุนแรงรายวันยังมีต่อเนื่อง ฆ่าชาวบ้านบันนังสตา เอ็ม-16 ยิงหม้อแปลง ไฟฟ้าดับ 2 ตำบล ตร.-ทหารพรานรือเสาะจู่โจมต้นบ้านเชิงเขาปะทะเดือด ยึดอาวุธปืนสงคราม กระสุนได้เพียบ คาดระดับหัวหน้าอาร์เคเคในพื้นที่ ค่าหัว 5 แสน ฆ่าผู้ช่วยผญบ.นราฯอีกศพ ยิงดับชรบ.โคกโพธิ์ ด้าน "แอ้ด" ทึ่งทีมน.ศ.แชมป์โลกหุ่นกู้ภัย เตรียมพัฒนานำมาใช้กู้ระเบิด ทบ.ตั้งเพิ่มทหารพราน 2 กรมในพื้นที่ชายแดนใต้
จากเหตุการณ์กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้วางระเบิดถล่มกลางเมือง จ.ยะลา โดยนำรถจักรยานยนต์ที่ซุกระเบิดนำไปจอดย่านชุมชน หน้าบริษัท ยะลาบุญศรี จำกัด แล้วระเบิดที่ตะแกรงหน้ารถลูกแรก ล่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ก่อนจะกดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรลอีกลูกซ้ำ ถล่มใส่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดไฟลุกท่วมร่าง ด.ต.สุบิน พฤทธิ์มงคล เสียชีวิตเป็นที่สยอง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ นักข่าว และประชาชนบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวรวม 21 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ก.ค. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา เปิดเผยว่า สนธิกำลังทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ เข้าปิดล้อมพื้นที่ 5 เป้าหมาย สอบสวนบุคคลในทางลับ พร้อมทั้งตรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้ตรวจสอบ 2 คัน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบภาพคนร้ายขับขี่จักรยานยนต์ 2 คันมาจอดที่เกิดเหตุ ก่อนหลบหนีไปอีกเส้นทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างเทียบเคียงใบหน้าของกลุ่มผู้ต้องสงสัย และจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าผู้จุดชนวนระเบิดน่าจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่เกิน 100 เมตร ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนทราบว่าถูกแจ้งหายไว้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2547 หายจากลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา คาดเหตุครั้งนี้น่าจะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดแผงขายอาหารที่ถนนธนวิถี เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะลักษณะก่อเหตุใกล้เคียงกัน
ด้านน.พ.วัฒนา วัฒนายากร ผอ.ร.พ.ศูนย์ยะลา กล่าวอาการของผู้บาดเจ็บว่า ยังนอนรักษาตัวที่ร.พ.อีก 7 ราย ประกอบด้วย ส.ต.ท.ไพศาล พิมพ์ทอง แพทย์ผ่าตัดต่อเส้นเลือด และใส่เหล็กดามกระดูกภายนอก ไม่พบอวัยวะสำคัญได้รับบาดเจ็บ ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ร.ต.ท.ไพโรจน์ เมืองสุวรรณ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาซ้าย ร.ต.อ.สุจริต วงศ์ษาเกษ ถูกสะเก็ดระเบิดที่สะโพก จ.ส.ต.สนั่น สวนจันทร์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนซ้ายและแผ่นหลัง ล่าสุดปลอดภัยแล้ว นายมะลูดิง ตีโด ผู้สื่อข่าวช่อง 7 ต้องผ่าตัดต่อเส้นเลือดที่แขนขวา ส.ต.ต.ผจญ บัวอิ่น อยู่ระหว่างสังเกตอาการแน่นหน้าอก และนายอะหมัด รามันศิริวงศ์ ผู้สื่อข่าวทีไอทีวี แพทย์ทำความสะอาดบาดแผลที่มือและเย็บบาดแผลที่นิ้วชี้ โดยภาพรวมแล้วอาการผู้บาดเจ็บทั้ง 7 ไม่น่าเป็นห่วง
ขณะเดียวกัน ตลอดทั้งวันยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องหลายพื้นที่ โดยเมื่อเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่ถนนในหมู่บ้าน หมู่ 8 บ้านตือระ ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบศพนายมะแอ อาหลง อายุ 32 ปี เป็นชาวบ้าน ต.บันนังสตา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. เข้าที่ลำตัวหลายนัด สอบสวนทราบว่าขณะที่นายมะแอขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากตลาดบันนังสตา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
ทลายรัง- ชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 33 และทหารพรานที่ 41 พบอาวุธและอุปกรณ์ในการปลุกระดมของกลุ่มอาร์เคเคจำนวนมาก จากบ้านพักหลังหมู่บ้านซือเลาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังการปะทะกันนานกว่า 30 นาที เมื่อวันที่ 18 ก.ค.
|
ส่วนที่จ.นราธิวาส เวลา 04.30 น. พ.ต.ท.เฉลิม ยิ่งคง สารวัตรเวร สภ.อ.ระแงะ รับแจ้งเหตุลอบยิงหม้อแปลงไฟฟ้าริมถนนสายตันหยงมัส-ดุซงญอ บ้านบาโงตา หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบต้นไม้ขวางถนน เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบหม้อแปลงไฟฟ้ามีรอยกระสุนปืนเอ็ม-16 ยิงเสียหาย พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม-16 ตกอยู่ 5 ปลอก สอบสวนทราบว่าคนร้ายขับรถกระบะมาจอด กราดยิงด้วยปืนเอ็ม-16 ใส่หม้อแปลงไฟฟ้า ก่อนตัดต้นไม้ขวางถนน และจากเหตุดังกล่าวทำให้ไฟฟ้าดับในพื้นที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ และ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ คาดใช้เวลาซ่อมแซม 2 วัน
ต่อมาเวลา 06.40 น. ร.ต.อ.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวรสภ.อ.รือเสาะ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่สะพานสระบัว บ้านบากง หมู่ 8 ต.รือเสาะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุพบนายดอรอแม สะมะแอ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 5 ต.รือเสาะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่แขนขวา 1 นัด จึงนำส่งร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์ สอบสวนทราบว่า นายดอรอแมขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปกรีดยางพารา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
จากนั้นเวลา 07.00 น. พ.ต.อ.บันลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.อ.รือเสาะ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังทหารพราน และชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธิน จำนวน 100 นาย กระจายกำลังตรวจค้นบ้านต้องสงสัย 4 หลัง ที่เชิงเขาหลังหมู่บ้านซือเลาะ หมู่ 4 ต.เรียง อ.รือเสาะ ปรากฏว่าเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบเป็นเวลานานกว่า 30 นาที ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะล่าถอยเข้าป่าไป และพบรอยเลือดหยดเป็นทาง คาดมีกลุ่มก่อความไม่สงบถูกยิงบาดเจ็บ
จากการตรวจสอบภายในบ้าน 4 หลัง พบรถจักรยานยนต์ 5 คัน, อาวุธปืนเอ็ม-16 จำนวน 2 กระบอก, อาวุธปืนลูกกรดยาว, แม็กกาซีนบรรจุกระสุนปืนเอ็ม-16 และ อาก้า 6 กระบอก, กระสุนปืนเอ็ม-16 และอาก้า 201 นัด, เลื่อยยนต์, แผ่นซีดีปลุกระดม, เอกสารปลุกระดม, หมวกไหมพรม 10 ใบ, วิทยุสื่อสาร, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, ยาตำราหลวง, โทรทัศน์, กางเกงและเสื้อลายพราง, ถังแก๊สปิกนิก, มีด, รองเท้าเดินป่า, ปุ๋ยยูเรีย, เป้สนาม, และบัตรประจำตัวประชาชน 5 ใบ
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบรอบบ้าน พบแต่ละหลังปรับพื้นที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกอาวุธ ซ้อมยิงปืน ด่านฝึกความอดทน และจากการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนทั้ง 5 ใบ ทราบว่าเป็นของนายอิบรอเฮง ลีเกียะ อายุ 33 ปี แกนนำกลุ่มอาร์เคเคในพื้นที่ มีรางวัลนำจับ 500,000 บาท ส่วนลูกน้องอีก 4 คนที่หลบหนีไปได้ ล้วนแต่เป็นระดับครูฝึกยุทธวิธีรบแบบกองโจร ทราบชื่อ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ อายุ 28 ปี, นายนาแว สะระ อายุ 67 ปี, นายบอรอเฮง กาซอ อายุ 31 ปี, และนายซูลัยมาน สือเต๊ะ อายุ 20 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ อ.รามัน จ.ยะลา ทั้งสิ้น
ถัดมาเวลา 11.50 น. พ.ต.ต.สุนันท์ สังข์สวัสดิ์ สารวัตรเวร สภ.อ.ยี่งอ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่ด้านหลังโรงเรียนบ้านร่มเกล้า บ้านบูเก๊ะปาลัส หมู่ 4 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบศพนายดอเลาะ มะเซ็ง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/3 หมู่ 4 ต.ละหาร อ.ยี่งอ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. เข้าที่คอและแก้ม เสียชีวิตคาที่ โดยมีนางมารีเยาะ ภรรยาและลูกชายกอดศพร้องไห้เป็นที่น่าเวทนา สอบสวนทราบว่าผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไปงานศพญาติ โดยมีภรรยาและลูกชายนั่งซ้อนท้าย ขากลับมีคนร้ายขับรถเก๋งยี่ห้อมิร่า สีแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน ประกบยิงเสียชีวิต ส่วนภรรยาและลูกบาดเจ็บจากรถล้ม คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
ก่อนหน้านี้เวลา 22.30 น. วันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วสันต์ พวงน้อย รองผกก.ป.สภ.อ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่หน้าโรงเรียนเทศบาล 4 ต.บางนาค เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปที่เกิดเหตุ พบนายนิอาเก สะแลแม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/1 หมู่ 12 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบบ้านบูกิต ต.กะลุวอเหนือ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะ 1 นัด บาดเจ็บสาหัส จึงนำส่งร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์ และเสียชีวิตภายหลังนำส่ง สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายนิอาเกได้รับโทรศัพท์จากคนรู้จักกัน และนัดให้ออกไปพบกัน เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
ด้าน จ.ปัตตานี ยังเกิดเหตุยิงฆ่ารายวันเช่นกัน เวลา 13.25 น. พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ ผกก.สภ.อ.สายบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่บ้านกูแว หมู่ 2 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบนางอาสนะ มะดอเละ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 8 ต.กะดุนง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หลัง 2 นัด บาดเจ็บสาหัส จึงนำส่งร.พ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี สอบสวนทราบว่า ขณะที่นางอาสนะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากตลาดนัดสายบุรี ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบ
อีกรายเวลา 13.35 น. พ.ต.ท.อำไพ ชุมช่วย สว.หน.สภ.ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่ถนนปัตตานี-ยะลา หมู่ 4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบนายพงศ์เทพ จันทร์วิมาร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ และเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด 2 นัด บาดเจ็บสาหัส จึงนำส่งร.พ.ศูนย์ยะลา และเสียชีวิตระหว่างทาง สอบสวนทราบว่าขณะที่นายพงศ์เทพขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทำธุระ ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุลอบวางระเบิดกลางเมืองยะลาว่า หน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุร้ายยังมีอยู่ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังมากขึ้น และในวันนี้ เชิญเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยนานาชาติ มาพบและร่วมรับประทานอาหารกลางวัน คิดว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องต่อยอดทางความคิดของเยาวชนเหล่านี้ ใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคเข้ามาช่วย เพื่อช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่ให้ปลอดภัยมากขึ้น เรื่องนี้รัฐบาลจะนำมาทำเองและนำไปใช้
ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากแนวคิดนำหุ่นยนต์กู้ภัยมาใช้ จะนำเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการกู้ภัย มีเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ได้อยู่มากพอสมควร เช่น การทำลายวัตถุระเบิดระยะไกล แต่การเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่มีเครื่องมือ ดังนั้น หุ่นยนต์บังคับที่จะนำมาใช้ จะติดกล้องขนาดเล็กไว้ด้วย
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า บอกแล้วว่ากลุ่มก่อความไม่สงบพยายามแสดงบทบาท ว่ายังมีอิทธิพลและศักยภาพอยู่ และเคยเตือนเสมอว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นอย่าผลีผลาม ต้องระมัดระวัง และให้นึกอยู่เสมอว่าเป็นพื้นที่วิกฤตไม่เหมือนเขตปกติทั่วไป เมื่อถึงเวลาจะทำอะไรสักอย่างต้องคิดถึงยุทธวิธีด้วย แต่ปัญหาเวลาเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปแก้ปัญหาให้เร็ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนร้ายเปลี่ยนยุทธวิธีจุดระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรลรถยนต์แทนการใช้โทรศัพท์มือถือ จะแก้ปัญหาอย่างไร พล.อ.สนธิกล่าวว่า ขณะนี้กำลังใช้เครื่องแจมระบบการส่ง เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเหตุการณ์หลายที่เครื่องมือตามไปไม่ทัน ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2550 ใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมงครึ่ง และภายหลังการประชุม พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ โฆษกกองบัญชาการทหารสูงสุด แถลงว่า กองทัพบกมีโครงการจัดตั้งหน่วยทหารพรานเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะตั้งทหารพรานอีก 2 กรม คือ กรมทหารพรานที่ 46 และ 47 ประกอบด้วย 28 กองร้อยทหารพราน และ 1 หมวดทหารพรานหญิง โดยเปิดคัดเลือกประชาชนในพื้นที่ เปิดรับและฝึกอบรมช่วงเดือนมิ.ย.-ธ.ค. เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ในเดือนม.ค.2551 กำลังที่เพิ่มเข้ามาจะปฏิบัติการในเชิงรุก งานลาดตระเวน งานมวลชน จิตวิทยา และดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิง
เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.พิทักษ์ ว่องพานิช รองสวป.สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยที่ห้องน้ำชายชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าโตคิว ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.อาคม จันทราช รองผกก.สส.สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ รุดไปที่เกิดเหตุพบวัตถุต้องสงสัย เป็นแท่งทรงกระบอกห่อด้วยสก๊อตเทป มีสายไฟต่อออกมาจากด้านบนต่อเชื่อมเข้ากับนาฬิกาปลุกสีขาว โดยมีขดลวดพันทับอยู่อีกชั้น เจ้าหน้าที่จึงกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากที่เกิดเหตุ ก่อนนำวัตถุดังกล่าวใส่กล่องเหล็กลงมาตรวจสอบที่ลานจอดรถด้านหลังโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของภายในห้าง
จากการตรวจสอบพบเป็นระเบิดปลอม โดยภายในเป็นขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ยัดด้วยกระดาษชำระ ปากขวดมีสายไฟร้อยออกมาเชื่อมต่อกับนาฬิกาปลุก โดยรอบขวดพันด้วยขดลวดทับอีกชั้น
พ.ต.ท.อาคม กล่าวว่า คาดเป็นการกระทำของผู้ที่ต้องการก่อกวนสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว พร้อมทั้งประสานขอเทปกล้องวงจรปิดของห้างมาตรวจสอบ รวมทั้งนำห่อวัตถุต้องสงสัยที่พบให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝง เพื่อใช้เป็นเบาะแสจับกุมต่อไป
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0102190750&day=2007/07/19§ionid=0301