10 กรกฎาคม 2550 23:43 น. |
การที่งบประมาณทางทหารถูกกดไว้นานตั้งแต่สมัย รสช.หมดอำนาจ และสถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาคอาเซียนที่เป็นไปด้วยมิตรไมตรี จึงดูเหมือนความจำเป็นในการซื้ออาวุธใหม่ๆ มีค่อนข้างน้อย แต่ว่าหลังจากการรัฐประหารโดย คมช.งบทหารได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น โครงการซื้อฝูงบินมูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท และรถยานเกราะล้อยางอีก 4,000 ล้านบาท ฯลฯ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาคยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางเลวร้ายลง จริงอยู่ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้มีความรุนแรงขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ที่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยอะไรมากมาย เช่น เฮลิคอปเตอร์อาจจะมีความจำเป็นกว่าเอฟ 16 ไม่มีใครปฏิเสธว่า ศักยภาพของกองทัพเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นสำหรับทุกประเทศ แต่ถ้าเรายึดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง ไม่ก่อหนี้สิน ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก แนวคิดนี้จึงน่าจะนำมาใช้กับกองทัพไทยได้ การพึ่งตนเองของกองทัพ คือการใช้งบประมาณซื้ออาวุธมาพัฒนาบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิจัยและผลิตอาวุธเอง โดยกรมสรรพาวุธของกระทรวงกลาโหม กองทัพควรจะมีแผนสร้างบุคลากรที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักวิจัย โดยการให้ทุนไปเรียนเทคโนโลยีด้านการผลิตอาวุธในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งใช้เวลาอย่างมากก็เพียง 4-6 ปีต่อรุ่น ปีหนึ่งใช้เงินไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อคน อาวุธนั้นล้าสมัยและสึกหรอเร็วมาก เช่น เครื่องบินรบ ดังนั้น การชะลอซื้อเครื่องบินสัก 2-3 ปี แล้วนำงบมาให้ทุนส่งนักเรียนนายร้อย จปร.หรือให้ทุนนักศึกษาทั่วไปให้ไปเรียน โดยมีข้อผูกมัดให้กลับมารับใช้ชาติสักปีละ 200-300 คน (ใช้งบ 600 ล้านบาทต่อปี) ภายในไม่กี่ปีประเทศไทยก็จะมีผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนพันๆ คนกลับมาลงมือผลิตอาวุธได้เอง และอาจจะผลิตเพื่อส่งออกได้ทุนคืนอีกด้วย ประเทศจีนก็ใช้วิธีนี้ แต่เขาให้ทุนนักศึกษาปีละหลายพันคน จีนจึงสามารถผลิตอาวุธได้เกือบทุกประเภทในทุกวันนี้ และกลายเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายสำคัญด้วย นโยบายของกองทัพที่ผ่านมาคิดแต่จะซื้ออาวุธจากประเทศอื่น ซึ่งมักจะมีข้อครหาตามมาว่า ผู้มีอำนาจตัดสินใจมักจะได้ค่าดีดกลับหรือคิกแบ็ค จนสามารถสร้างคฤหาสน์ใหญ่เหมือนราชวัง อยู่แถวๆ ดอนเมืองที่มีอยู่หลายหลัง กองทัพไทยจึงพึ่งตนเองไม่ได้ แม้แต่อาวุธโลเทค เช่น ปืนเอ็ม 16 หรืออาก้า ก็ยังผลิตเองไม่ได้ เสื้อเกราะก็ยังต้องให้นักศึกษาอาชีวะผลิต ถ้าส่งเสริมกันดีๆ นักศึกษาอาชีวะก็สามารถผลิตปืนเอ็ม 16 หรืออาก้าให้กองทัพได้ด้วยซ้ำ อยากเห็นกองทัพ เลิก ลด ละ ความโลภ และเห็นแก่ตัว แล้วหันมาสร้างความเข้มแข็งด้วยการพึ่งตัวเองอย่างเป็นไท และมีศักดิ์ศรีสักที
|
เฮ้อ....ข่าวไทย อ่านแล้วปลงครับ
ข้อมูลไม่มีเขียนก็มั่ว
HK-33 เราคงไม่ได้ผลิดหรอกมั้ง
ประเทศอื่นรอบๆซื้อเอาๆความจำเป็นที่จะซื้ออาวุธคงไม่มีมั้ง
ถ้ามันเกินสงครามจริง ฮ คงยิง ซู มิก เอฟฯลฯ ประเทศอื่นได้มั้ง
คิดว่าอาวุธผลิดง่ายเหมือนของเล่นมั้ง ศึกษาแค่ไม่กี่ปีก็ได้ส่งออกแล้วมั้ง
จีนเขาทำอยางนี้ได้เขาคงศึกษาลองผิดลองถูกแค่ปี-2ปีมั้ง
แค่อยากให้พึ่งตนเอง ก็เลยให้สร้างอาวุธใช้เอง คิดง่ายไปมั้ง
สุดท้ายท่านนักข่าว...ตื่นได้แล้วมั้ง
เฮ้อ....ข่าวไทย อ่านแล้วปลงครับ
ข้อมูลไม่มีเขียนก็มั่ว
HK-33 เราคงไม่ได้ผลิตหรอกมั้ง
ประเทศอื่นรอบๆซื้อเอาๆความจำเป็นที่จะซื้ออาวุธคงไม่มีมั้ง
ถ้ามันเกินสงครามจริง ฮ คงยิง ซู มิก เอฟฯลฯ ประเทศอื่นได้มั้ง
คิดว่าอาวุธผลิดง่ายเหมือนของเล่นมั้ง ศึกษาแค่ไม่กี่ปีก็ได้ส่งออกแล้วมั้ง
จีนเขาทำอยางนี้ได้เขาคงศึกษาลองผิดลองถูกแค่ปี-2ปีมั้ง
แค่อยากให้พึ่งตนเอง ก็เลยให้สร้างอาวุธใช้เอง คิดง่ายไปมั้ง
สุดท้ายท่านนักข่าว...ตื่นได้แล้วมั้ง
คงไม่มีประเทศไหนเขาให้เทคโนโลยีอาวุธกันแบบฟรีหรอกครับ ถึงเราจะส่งคนไปเรียนมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ การผลิตอาวุธต้องอาศัยวิชาความรู้ด้านวิศวกรรมชั้นสูงหลายแขนงซึ่งต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าไทยจะพร้อม(ขออย่างต่ำสัก 10 ปี)
เอชเค-33 ยุติ สายการผลิต ไปแล้วไม่ใช่หรอครับ...
อ่านแล้วเศร้า...ไม่น่าเชื่อว่า เงิน สามารถทำให้คนเราแกล้งโง่ได้ขนาดนี้
แล้วที่เราต่อเรือใช้เอง ตั้งหลายรุ่น หลายลำ กระสุน ป. , ค. , กระสุนปืนเล็ก ที่เราผลิตขาย หรือแม้แต่อุปกรณ์ช่วยรบต่างๆ กรมวิทยาศาสตร์ทหาร (ทั้งสามเหล่า) เค้าทำออกมาประจำการตั้งหลายแบบ
ทำไมมันไม่เอ่ยถึงหว่า... หรือว่าเงินที่มันใช้ ไม่ได้มีพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว มันถึงชอบสร้างความเข้าใจผิด และแตกแยกให้สังคมน้อ.... ไอ้พวกชิงเปรตเกิด
ครับ HK-33 ยุติการผลิตไปแล้วครับ
จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะด่านะ ok เขาเป็นนักข่าวอาจจะไม่รู้เรื่องทหารเท่าไร เลยไม่รู้ว่าเราผลิตอะไรใช้เองได้มั่ง แต่อยากรู้ว่า ที่ด่าเราพึ่งตนเองไม่ได้เนี่ย ตอนปล่อยเรือต.991 เนี่ยคนเขียนเขาไปอยู่ที่ไหนวุ้ย -*-
สงสัยนักข่าวคงจะคิดว่าอาวุธเป็นบทความมั้ง นึกจะทำเมื่อไรก็ได้