ไม่มีอะไรครับ ก็แค่อยากระบายเล็กน้อย
แทนที่จะเอา ไก่ กุ้ง ไปแลก SU JAS หรือ
ยานเกราะล้อยาง 4x4 และอาวุธต่างๆ นอกจากไทย
จะขยายตลาดส่งออก เกษตรกรก็ได้กำไร
แต่นี่กลับจ่ายเงินสด เป็นงบผูกพัน และมีแน้วโน้มว่า
จะไม่ได้ เพราะรัฐบาลต่อไปจากนี้ จะไปหาเงินมา
จากไหน นอกจากต้องตั้งงบขาดดุล ไปกู้เงินญี่ปุ่น
อเมริกามาอีก
ที่สำคัญ ไทยก็จะกลับมาเป็นประเทศขาดดุลทางการ
ค้าหนัก แบบสมัยก่อน
ระบายแค่นี้ละครับ ขอบคุณ
ค = คอม
ม = มิด
ช = ชั่น
ค = คอม
ม = มิด
ช = ชั่น
กั๊ก....กั๊ก...กั๊ก...
คิดได้ยังไงทั่น...ผมล่ะขำกลิ้งเลย...
ทำใจครับ...ต้องเล่นไปตามเกมส์....
เหตุการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนไม่มี แต่มันก็มีครับ...
ผมเชื่อเช่นนั้น...แต่ต้องใช้เวลาหน่อย คงไม่ต่ำกว่า 5 ปี...แต่ไม่เกิน 10 ปีแน่ รับรองครับ...คงพอดีกับ บ.ขับไล่ ฝูงใหม่แหล่ะครับ...
ตอนนี้ ผมยึดหลัก ทำใจ...เล่นตามเกมส์ คู่ต่อสู้ ถึงวันนี้จะไม่ชนะ แต่ไม่ได้หมายถึงว่า แพ้ เพราะพรุ่งนี้ ยังมีโอกาสชนะเสมอ...เพียงแต่ เรายังได้เล่นอยู่ในเกมส์ รึเปล่าเท่านั้น...รักษาชีวิต เพื่อดูชัยชนะในวันข้างหน้า...โดยการที่เราเอาชนะเกมส์ที่คู่ต่อสู้กำหนด...มันมีความหมายมากนักครับ....
เดี๋ยวจะพูดกล่าวหาทหารกันมากไปใหญ่ครับ
ความจริงคือทุกรายการจัดซื้อเขาเสนอเอาสินค้าการเกษตรแลกแล้วครับ บางรายการยอมแลกแต่สินค้าบางชนิดเราติดไม่สามารถส่งเข้า EU ได้
หลายบริษัทให้เหตุผลว่า บริษัทเขาต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน เขาไม่สามารถเอาไก่แช่แข็งจ่ายแทนเงินเดือนได้
แต่บริษัทที่พร้อมจะรับข้อเสนอสินค้าการเกษตร อาทิ รัสเซีย และอังกฤษ
ในส่วนของอังกฤษ เขาได้ซื้อสินค้าการเกษตรให้เราก่อนโดยหวังว่าเราจะซื้อเครื่องบินขับไล่ HAWK 100/200 แต่เครื่องบินรุ่นนี้ไม่เหมาะกับเมืองร้อนชื้นแบบประเทศไทย (อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ประสบปัญหาขณะนี้) แต่การแก้ปัญหาจึงมอบแผนการจัดซื้อในวงเงินต่างตอบแทนให้กองทัพบก และกองทัพเรือ ดังที่หลายคนวิจารณ์เกี่ยวกับการจัดซื้อปืนใหญ่ และเรือรบของอังกฤษ นั่นเองครับ เห็นไหมว่า ก็ยังไม่ถูกใจอีกหลายท่าน(โดยเฉพาะนายหน้า)อยู่ดี
การแลกด้วยสินค้าการเกษตรไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงกลาโหม แต่เป็นหน้าที่ของกระทรวงพานิชย์ที่ต้องไปเจรจากับต่างชาติ เช่นเดียวกับโครงการจัดซื้อรถจักรดีเซล 7 คันจากจีนโดยการแลกข้าวสาร ซึ่งกระทรวงคมนาคมเป็นผู้เสนอจัดซื้อรถจักร แต่กระทรวงพานิชย์เป็นคนไปยื่นข้อเสนอสินค้าที่มี เราเสนอลำไยอบแห้งไป แต่เขาปฏิเสธเขาบอกลำไยเราไม่มีคุณภาพ ขอเปลี่ยนเป็นข้าวสาร และเงินอีก 70%
โครงการบาร์เตอร์เทรคของ BAE บริหารจัดการโดย พล.อ. ....... ชินวัตร
คมช.จึงไม่ทำโครงการนี้ต่อ
BAE ขายของดี ราคาสูงมากๆ เพราะต้องเผื่อค่าซื้อสินค้าเกษตรและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในประเทศไทย
กระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องหาเงินมาซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร หากไม่ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลก็ต้องไปกู้เงินมาเหมือนกัน
ดังนั้น หน่วยงานที่สบายที่สุดคือ กระทรวงกลาโหมเพราะได้รับยุทโปกรณ์มาใช้งานโดยไม่ต้องตั้งงบประมาณ
ติดปัญหา ก็แก้ปัญหาครับท่านท้าวทองไหล...ไม่ใช่ ยกเลิก...มันจะแลกได้ 10-20 % หรือเท่าไหร่ ก็เป็นสิ่งที่ กลาโหม กับ กระทรวงพาณิชย์ หาวิธีไกล่เกลี่ยเจรจาได้...อะไรที่ยังไงก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ ก็ชี้แจงได้...ขนาดสิ่งที่ทหารบางส่วนชาตินี้ไม่น่าจะทำ ก็ยังดันทุรังทำได้...ผมก็เชื่อว่า การแก้ปัญหาในระดับหนึ่ง ทหารสามารถทำได้อยู่...อยู่ที่ว่า จะทำหรือไม่ทำ มากกว่าครับ...
ปัจจุบัน ความจริง คือ ยกเลิก ไปแล้ว....ปัจจุบันนี้ การซื้ออาวุธใด ๆ ก็คุยกันแต่เงินสด อย่างเดียว...ความจริง ในปัจจุบัน คือสิ่งนี้...คำตอบ ของการจัดหาซื้ออาวุธ คือ ซื้อเงินสด เท่านั้น...ไม่มีทางเลือก....
แล้วเรื่อง คอมฯ ผมก็อยากรู้ว่า ใครเชื่อบ้างครับ...ว่าไม่มีเลยจริง ๆ....
กับบางประเทศ บราเตอร์เทรด คงจะเป็น 100%
แต่กับบางประเทศ ไม่น่าจะใช่ อ่านข่าวต่างประเทศมา บางครั้ง การบราเตอร์เทรดมันเป็นเพียงแค่ สัญญาว่า เช่น คุณซื้อ อาวุธจากเราไป เราก็มีสัญญากับคุณว่าเราจะซื้อ สินค้าทางการเกษตร จากคุณในจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ราคาเท่านั้นเท่านี้ กรณีคล้ายๆกับรัสเซียหรือป่าวไม่แน่ใจที่เขายอมรับ บราเตอร์เทรดจากเราแล้ว อันนี้ก็เสียดายน้องซูอยู่เหมือนกัน แต่แหม่ ค่าใช้จ่ายในการบินแต่ละครั้งนี้ กระอักอยู่เหมือนกัน ขอน้อง jas เหมือนเดิมดีกว่า อ้อ คราวที่แล้วนี่ นสพ รัสเซียบอกตกลงกันอยู่ราวๆ 20000 กว่าล้านไม่ใช่หรือ แต่รัฐบาลเราให้ข่าวอยู่ 30000 กว่าๆนิ ต่างกันเยอะอยู่นาหัวคิวนี่น่ะ แล้วผมมองว่า ไอ้ไก่ที่จะบราเตอร์เทรด เกษตรกรไทยก็คงไม่ได้อะไรหรอก เจ้าสั่วใหญ่ไทย เขาขอสงวนสิทธิไว้แต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว
อันที่จริงอาวุธบางประเภทนี่ผมว่าจากทางจีนก็ไม่เลวนะ พวกรถหุ้มเกราะกับรถถังนี่ พิจรณากันให้ดีดีก็ไม่เลวนา บราเตอร์เทรดได้หลายรายการด้วย
น้อง jas สู้ๆ พี่ตุน โมไว้เพียบเลยอย่าให้ผิดหวังนา - -*
ปัจจุบันการซื้ขายในภาคเอกชน กระทรวงพานิชย์บังคับให้ต้องทำเคาท์เท่อร์เถรดครับ..............คือว่า เราซื้อเท่าไร เราก็บังคับให้เค้าซื้อของจากเราเป็นจำนวนแล้วแต่จะตกลงกัน..........................บาร์เท่อร์เถรดเป็นเรื่องที่ดีมากครับ สมควรทำ แม้ว่า รัฐจะต้องไปกู้เงินมาก็ตาม ลองคิดดูนะครับ เราซื้อเค้ามา หนึ่งพันล้านเหรียญ ทีนี้คิดดูซิว่า เราต้องขายข้าว ขายยาง ขายกุ้ง ขายไก่ กี่ตัน เคยพูดไว้แล้วในกระทู้ก่อนๆ การทำตลาดให้ได้เป็นพันล้านเหรียญ มันไม่เหมือน ขายผักกระเฉดกำละ 5 บาท ................ ลองนึกว่าอยู่ดีๆ มีคนมาซื้อของๆเรา (โดนเราบังคับให้ซื้อ) โดยการออร์เดอร์ครั้งเดียว มันโครต สบายมากๆ ส่วนการกู้เงินมา ผมว่ามันคนละเรื่องเลย ยังไงๆ มันก็ต้องจ่ายเงินอยู่แล้วนี่ครับ เราเอาผักของเกษตรกรไปแลกเครื่องบินฟรีๆที่ไหน เราต้องเอาเงินไปซื้อผักของเขาสิครับ (งงกันรึเปล่า) ดังนั้นถึงแม้จะไม่บาร์เตอร์เถรด ท่านก็ต้องไปกู้เงินมาซื้อเครื่องบินอยู่แล้ว คนละเรื่องกันเลย..............................ส่วนที่ว่า เจ้าสัวได้ประโยชน์ นั้นก็จริงครับ...............แต่อย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้ ซีพี เค้าจ้างสับคอนแทรกเตอร์นะครับ ฟาร์มเล็กฟาร์น้อยในละแวกใกล้ๆ (ที่ได้มาตรฐาน) ย่อมได้อานิจสงไปด้วย เป็นเรื่องของธุรกิจต่อเนื่อง ส่วนเรื่องกินเปอร์เซนต์ก็แน่นอนหล่ะครับ มันก็เหมือน โตโยต้า กะ ไทยซัมมิต นั่นแหล่ะ มันพึ่งพากันครับ ต่างคนต่างมีรายได้ ไม่มีใครคนนึงก็เจ๊ง.......................... ที่สำคัญคือ มองภาพรวม ประเทศเรามีรายได้ครับ คิดหยาบๆ ใครจะได้ก็ช่างมัน ท้ายที่สุด เงินมันก็จะไหลสะพัดไปในระบบเหมือนเลือดนั่นแหล่ะ................ถ้าคิดแคบๆแบบนั้น ถามว่า อุตสาหกรรท่องเที่ยวที่เราโปรโมทกันจัง ไม่เห็นผมมีรายได้ยากตรงนี้เลยนิครับ ไม่เห็นมีฝรั่งสักคนเอาตังมาให้ผมเลย เอ ผมคิดอย่างนี้ถูกป่าวครับ
ถ้าคิดจะทำบาร์เตอร์เทรดให้ได้ก็ทำได้ เราเป็นผู้ซื้อต้องมีอำนาจต่อรองมากกว่า ไม่ใช่ผู้ขายจะมีอำนาจเหนือกว่าผู้ซื้อ นายทหารจบเสธมาทั้งนั้นทำไมจะคิดเรื่องอย่างนี้ไม่เป็น เงินก็ไม่ได้จ่ายของตัวเองนอนรอของอย่างเดียวไม่เห็นจะช่วยกันได้ตรงไหน