หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ปฏิบัติการ ถ่ายลำกลางทะเล ของยักษ์ใหญ่เดินสมุทร

โดยคุณ : กบ เมื่อวันที่ : 27/06/2007 20:50:42

เป็นบทความของคุณ พรานทะเล ลงไว้ใน มารีเนอร์ไทย ดอท คอม เห็นว่าน่าสนใจ เลยขอถือวิสาสะ ก้อปมาลง ถือซะว่าเป็นการร่วมเผยแพร่บทความที่มีคุณค่าน่าสนใจนะครับ ขอบพระคุณครับ...........




ความคิดเห็นที่ 1


:: ปฏิบัติการถ่ายลำกลางอ่าวไทย

LIGHTERING OPERATION

โดย คุณพรานทะเล ::

 

หมายเหตุ: ต้องขอขอบคุณ คุณพรานทะเล ที่ได้นำส่งบทความพร้อมรูปประกอบสำหรับเรือง ปฏิบัติการถ่ายลำกลางอ่าวไทย Lightering Operation เพื่อนำลงในคอลัมน์ บทความจากสมาชิก แต่เมื่อทางทีมงานได้พิจารณาดูแล้ว เห็นว่ามีภาพประกอบจำนวนมากที่เป็นประโยชน์และน่าที่จะนำมาลงในคอลัมน์ มุมกล้องคนเรือ นี้ด้วย ดังนั้น จึงขออนุญาตนำลงทั้งสองคอลัมน์เลย เพื่อให้ท่านสมาชิกและผู้สนใจสามารถเข้าชมได้อย่างสะดวกครับ

กว่าจะมาเป็นน้ำมันที่ใช้เติมรถ, เรือหรือเครื่องบิน เพื่อให้เราเดินทางได้สะดวก หรือใช้กับเครื่องจักรตามอุตสาหกรรมต่างๆ นั้นมีที่มาที่ยาวไกลและขั้นตอนต่างๆ ที่ซับซ้อนมากมาย ซึ่งน้ำมันเหล่านี้ถ้าย้อนกลับไปต้องผ่านกระบวนการกลั่น ผ่านการขนส่งมาจากแห่งผลิตผ่านการขุดเจาะ และการสำรวจหาแหล่งน้ำมันดิบ

น้ำมันดิบ (Crude Oil) เป็นวัตถุดิบหลักเบื้องต้นที่เรานำมาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง อินโดนิเซีย จีน เพื่อเข้าโรงกลั่นในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีโรงกลั่นอยู่หลายโรง เช่น โรงกลั่นบางจาก โรงกลั่นระยอง โรงกลั่นสตาร์ โรงกลั่นไทยออยล์ และโรงกลั่นเอสโซ่ ซึ่งมีกรรมวิธีในการนำน้ำมันดิบมาสู่โรงกลั่นที่แตกต่างกันไป

น้ำมันดิบที่นำมาจากตะวันออกกลาง เช่น โอมาน, ชาอุดิอาระเบีย ฯลฯ ล้วนต้องใส่เรือขนาดใหญ่มาทั้งสิ้น เพื่อประหยัดค่าขนส่ง เรือที่นำน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าวนี้ เรียกว่า เรือขนาด VLCC (Very Large Crude Oil Carrier) มีขนาดบรรทุกได้ประมาณไม่เกิน 3 แสนตัน หรือขนาด ULCC (Ultra Large Crude Oil Carrier) ซึ่งบรรทุกได้มากกว่า 3 แสนตันต่อเที่ยว ซึ่งโดยทั่วๆไปเราจะใช้ขนาด VLCC เนื่องจากความลึกในอ่าวไทยมีขีดจำกัด

เรือ VLCC ที่ขนน้ำมันมาส่งให้โรงกลั่นในเมืองไทยมีขนาดประมาณ 2 แสน 7 หมื่นตัน หรือประมาณ 300 ล้านลิตรต่อเที่ยว เรือ VLCC นี้จะมีความยาวประมาณ 340 เมตร กว้างประมาณ 50 เมตร และส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำหรือกินน้ำลึกประมาณ 22 เมตร ถ้าเราลองจินตนาการขนาดของเรือ VLCC ก็คงขนาดสนามฟุตบอลสองถึงสามสนามต่อกัน ส่วนที่จมลงใต้น้ำก็ประมาณตึก 5 ชั้น ส่วนที่เป็นโครงสร้างเหนือน้ำจะสูงขึ้นไปในอากาศอีกประมาณ 50 เมตร ซึ่งเท่ากับตึกประมาณ 15 ชั้น การนำเรือใหญ่ขนาด VLCC ก็เท่ากับการอยู่บนตึกขนาด 10 ชั้น ยาวขนาด 2 สนามฟุตบอล มีน้ำหนักประมาณ 3 แสนตัน วิ่งในทะเลซึ่งเรือขนาดนี้จะมีแรงเฉื่อยสูงมาก นั้นหมายถึงเรือความเร็วปกติประมาณ 15 น็อต หรือ 25 กม.ต่อชั่วโมง เมื่อหยุดเครื่องจะมีแรงเฉื่อยให้เรือลอยต่อไปอีกมากกว่า 4 กม. จึงจะหยุดนิ่งได้ ผู้ที่จะนำเรือ VLCC จะต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมจึงจะควบคุมเรือให้ได้อย่างต้องการ

เนื่องจากความใหญ่ของเรือ VLCC จึงทำให้ไม่สามารถจะเข้าสูบถ่ายน้ำมันให้กับโรงกลั่นเอสโซ่ ทั้งขนาดของทุ่นรับเรือ, ความลึกของน้ำ บริเวณเกาะสีชังด้านใน ตลอดทั้งความยุ่งยากในการนำเรือในน่านน้ำที่จำกัด จึงต้องมีการปฏิบัติการถ่ายลำจากเรือ VLCC ดังกล่าวให้กับเรือเล็กกว่า คือ ขนาด MST (Medium size Tanker) ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 แสนตัน (120 ล้านลิตร) ซึ่งก็ไม่เล็กทีเดียว แต่ยังสามารถเข้าท่าของได้ (เรือขนาด 1 แสนตันจะมีความยาวประมาณ 250 เมตร กินน้ำลึกประมาณ 17 เมตร) นั้นหมายถึงการสูบถ่ายถึง 3 เที่ยวของเรือ MST จึงทำให้เรือ VLCC หมดลำได้

การปฏิบัติการถ่ายลำนั้นเราเรียกว่าการทำ Lightering หรือ Lightening จะขอเรียกเรือ VLCC ว่าเรือแม่ (Tanker to be lightered) และเรือ MST ว่าเรือลูก (Lightening tanker) ซึ่งจะทำการถ่ายลำกันกลางอ่าวไทยที่มีความลึกของน้ำเพียงพอ คือ บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขัน ห่างชายฝั่งประมาณ 90 กิโลเมตร

เรือที่ขนน้ำมันทั้งเรือแม่และเรือลูกจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้านความปลอดภัยของเรือจากบริษัทผู้จ้างเรือ(Charterer) ว่ามีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ คือ ต้องมีความปลอดภัยในการปฏิบัติการถูกด้าน เช่น มีอุปกรณ์การเดินเรือและวิธีการอย่างดี มีคนที่มีความรู้ความสามารถทำงานในเรือ มีอุปกรณ์และวิธีการป้องกันความปลอดภัยต่างๆ ของเรือ และชีวิตคนในเรือเพียงพอ มีอุปกรณ์และวิธีการป้องกันด้านสิ่งแวดล้อม (น้ำมัน, ขยะ, ของเสีย ฯลฯ) ดีเพียงพอ นี่คือตัวอย่างเล็กน้อยในการคัดเลือกเรือที่จะเข้ามาใช้การขนส่งน้ำมันให้กับบริษัทผู้จ้าง(Chaterer) ที่มองเห็นคุนค่าของความปลอดภัย ทำให้มั่นใจในเบื้องต้นก่อนว่าเรือที่ขนน้ำมันเข้ามามีมาตรฐานพอ

ในการนำเรือใหญ่ขนถ่ายน้ำมันกันกลางทะเลนั้นมีขั้นตอนของคุณภาพหลายด้าน คือจะต้องมีผู้ชำนาญการพิเศษในการนำเรือขนาดใหญ่ทั้งสองลำเข้าเทียบกันกลางทะเล ซึ่งเรียกว่า Lightering Master การจะมาทำหน้าที่นี้จะต้องมีประสบการณ์ในการเป็นกัปตันเรือน้ำมัน และผ่านการฝึกอบรมด้านการนำเรือใหญ่และปฏิบัติการสินค้าจากโรงเรียนหลักสูตรพิเศษที่ประเทศอังกฤษ และผ่านการทดสอบจาก

จากผู้ชำนาญการที่บริษัทฯ ยอมรับจึงจะเข้าทำหน้าที่ Lightering Master ได้

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:19:56


ความคิดเห็นที่ 2


มาแล้ว เรือใหญ่ ปุเลง ปุเลง..............


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:23:47


ความคิดเห็นที่ 3


ใหญ่ขนาดใหน คิดดูเอา 2 เฟรม ถึงจะเต็มลำ...........บักใหญ่เอ้บ.....


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:25:38


ความคิดเห็นที่ 4


เมื่อเรือแม่และเรือลูกพร้อมปฏิบัติการกลางอ่าวไทยแล้ว เรือเล็กช่วยเหลือจะนำลูกยางกันกระแทก (ขนาดเกือบเท่ารถบรรทุก) มาติดตั้งที่เรือลูก เพื่อเป็นเบาะรองรับการกระแทกของเรือระหว่างเข้าเทียบกัน Lightering Master ต้องตรวจความพร้อมของเรือทั้งสองลำ ซึ่งมีกัปตันเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยการเช็ครายการต่างๆ ให้ถูกต้องตามขั้นตอน จึงจะเริ่มปฏิบัติการในการนำเรือเข้าเทียบต่อไปได้ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดแล้วการนำเรือเข้าเทียบกันก็จะเกิดความเสียหายอย่างรุ่นแรงได้...........

 

....มาแล้ว ไข่นุ้ย ลากลูกยางมาแล้ว.................


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:29:38


ความคิดเห็นที่ 5


ลูกยางแปะสีข้างเรือใหญ่แล้ว.....................สังเกตมั๊ย เรือที่มีอายุการใช้งาน สีข้างมักเป็รนรอยบุบ บางลำใหม่ๆ (เรือหลวงนเรศวร) ก็อดมีรอยบุบไม่ได้ นี่ขนาดมียางรองเวลาจอดเทียบท่านะเนี่ย................นึกแล้วเหมือนสีข้างรถ ไปจอดในซอง พวกมาจอดทีหลังเปิดประตูไม่ระวัง สีข้างบุบเป็นร่อง  เห็นแล้วเจ็บใจเสียดายรถ..........


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:33:39


ความคิดเห็นที่ 6


เมื่อทุกอย่างพร้อม Lightering Master ซึ่งอยู่บนเรือลูกจะสั่งการให้เรือทั้งสองลำออกเดินทางด้วยความเร็วและทิศทางที่กำหนดอย่างปลอดภัย การนำเรือขนาดเท่าสนามฟุตบอลสองลำเข้าเทียบกันกลางทะเลต้องใช้ความรอบคอบระมัดระวังและประสบการณ์อย่างมากกว่าเรือทั้งสองจะเทียบกันเสร็จก็ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่ง ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตของการปฏิบัติ เมื่อเรือเทียบผูกลวด (ขนาดเท่าแขนผู้ชาย) จำนวนนับสิบเส้นให้เรือทั้งสองลำติดกันแล้วจึงลดความเร็วลงและหยุดเรือทอดสมอ เพื่อทำการถ่ายลำต่อไป...........

 

 

วีแอลซีซี อยู่ข้างหน้า โดยผู้ถ่ายภาพ น่าจะอยู่บน เอ็มเอสที...................


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:36:38


ความคิดเห็นที่ 7


เมื่อสองเรือเกือบจะเทียบติดกัน ดูเผินๆ เหมือนลำจะเท่ากัน แต่จริงๆแล้วอย่าลืมว่า ลำใหญ่นั้น จมอยู่ในน้ำอีก 22 เมตร ด้วยน้ำหนักของครูดออยเกือบสามแสนตัน................


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:41:52


ความคิดเห็นที่ 8


แปะกันแล้ว ............. จะเห็นว่า ลำซ้าย แปร้น้ำมากกว่า..............


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:43:17


ความคิดเห็นที่ 9


ยึดโยงด้วยสลิงดุ้นเท้าแขนเป็นสิบเส้น...........


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:45:06


ความคิดเห็นที่ 10


ขั้นตอนในการเตรียมการถ่ายลำเริ่มต้นตั้งแต่การต่อท่อน้ำมันขนาดใหญ่ จำนวนสองชุดระหว่างเรือ ซึ่งต้องใช้คนที่มีความชำนาญและผ่านการฝึกอบรมมา เนื่องจากอาจเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงานนี้ได้ มีการทดสอบการรั่วไหลของท่อทาง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีน้ำมันรั่วไหลลงในทะเลแม้แต่หยดเดียว

การตรวจวัดถังเตรียมการท่อทางอุปกรณ์, เครื่องจักร ภายในเรือทั้งสองลำอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ Lightering Master เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มการถ่ายลำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมงต่อการถ่ายลำ 1 ครั้ง ซึ่งทุกขั้นตอนต้องทำตามเอกสารการสูบถ่ายที่คำนวณไว้อย่างดี เพื่อควบคุมการทรงตัวของเรือและการป้องกันแรงกดที่จะกระทำต่อตัวเรือถึงขนาดทำให้เรือที่ใหญ่ขนาดสนามฟุตบอลหักกลางได้..........


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:47:00


ความคิดเห็นที่ 11


เมื่อถ่ายลงเรือลูกจนเต็มลำ และถอดท่อสูบถ่ายน้ำมันออกเรียบร้อย เรือทั้งสองก็เริ่มเตรียมการแยกจากกัน โดยออกเดินทางให้มีความเร็วและทิศทางที่ปลอดภัย ภายใต้การควบคุมของ Lightering Master จนให้เรือแยกจากกันอย่างปลอดภัย เรือแม่จะจอดทอดสมอกลางอ่างไทย คอยให้เรือลูกไปสูบถ่ายน้ำมันดิบขึ้นที่โรง1กลั่นแล้วกลับมาปฏิบัติการถ่ายลำต่อจนเรือแม่หมดลำ

ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนโดยย่อของการปฏิบัติการคุณภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าการถ่ายลำกลางทะเลของบริษัทน้ำมันผู้จ้างเรือ(Chaterer) จะกระทำอย่างรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมและความปลอดภัยของส่วนรวม เพื่อนำน้ำมันเข้าสู่ขบวนการกลั่นของโรงกลั่นต่อไป...................

 

 

เสร็จแล้ว...........น้ำ(มัน)หมดท่อ ก็แยกทาง................. เห็นชัดๆ เมื่อน้ำหนักบรรทุก หายไปหนึ่งในสาม เรือใหญ่ก็เริ่มลอยสูงขึ้นมา


โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:52:43


ความคิดเห็นที่ 12


ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความ คุณพรานทะเล....และกราบขออภัย ในการเพิ่มคำบรรยายภาพออกในแนวลูกทุ่งเล็น้อย....................................

           ขอได้รับความขอบคุณจาก วีซีดี อินเตอร์เนฉะแน่ว มาณ.โอกาสนี้...................โอกาสต่อไป จะจัดหาหนังใหม่มานำเสนอ (โดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์).............

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 21/06/2007 16:57:17


ความคิดเห็นที่ 13


เยี่ยมมากครับ กับสาระที่นำมาเผยแพร่
โดยคุณ Kfpz เมื่อวันที่ 21/06/2007 22:01:18


ความคิดเห็นที่ 14


ลุงกบมาแต่ละครั้งนี่คุ้มค่ะ อ่านเพลินริมชายทุ่ง ^ ^

โดยคุณ marineen เมื่อวันที่ 23/06/2007 22:19:51


ความคิดเห็นที่ 15


เป็นบทความที่ดีมากๆเลยครับ

โดยคุณ thunderbirds เมื่อวันที่ 24/06/2007 19:18:03


ความคิดเห็นที่ 16


หยั่งงี้นี่เอง  สุดยอดเลยค้าบบบบบบบบบ

ขอบคุณพี่กบค่ะ

โดยคุณ เภทราย เมื่อวันที่ 27/06/2007 20:50:42