สืบเนื่องจาก Topic ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่า กองทัพเรือจะขออนุมัติ งป. 2,000ล้านบาท สำหรับเรือตรวจการณ์ขนาดใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับ ร.ล.มกุฎราชกุมาร 1ลำ
ซึ่งจากการคาดการนี้เรือในโครงการนี้น่าจะขยายแบบจาก ชั้น ร.ล.ปัตตานี ก็เลยคิดสนุกๆลอง Draft ลายเส้นของเรือในโครงการนี้ดูครับว่าจะมีลักษณะอย่างไร
ก็ได้ออกมาดังภาพที่เห็นครับ ลำบนเป็นชั้น ร.ล.ปัตตานี ส่วนลำล่างนี้ก็ขยายแบบจากชั้น ร.ล.ปัตตานีเพิ่มอัตราส่วนร้อยละ ๕-๖ รูปทรงเรือบางส่วนจะเอาแบบมาจากเรือชั้น KDX-II ของเกาหลีใต้มาเติมครับ
ที่นี้สมมุติว่าเรือลำนี้ต่อเสร็จแล้วมีเครื่องจักรใหญ่ กับระบบอำนวยการเดินเรือมาตรฐานติดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการติดตั้งระบบอำนวยการรบ Radar ค้นหา และอาวุธอย่างใด
ขอความเห็นของท่านสมาชิกช่วยกันร่วมเสนอหน่อยครับว่า ที่ว่างๆของเรือลำนี้จะติดระบบอำนวยการรบ Radar และ อาวุธอะไรดีครับ
(แนวคิดหลักของโครงการเรือชั้นนี้ตามความเห็นส่วนตัวคือ ต่อมาแทน ร.ล.มกุฎราชกุมาร ครับ)
เท่าที่เห็นมาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งโดยส่วนใหญ่นี้จะติดปืนขนาด 3" (76มม.)ครับ ซึ่งถ้าเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งติดปืนขนาดใหญ่ระดับเรือฟริเกตหรือเรือพิฆาต อย่าง 100มม., 4.5" หรือ 5"/54cal นี้มันจะเกินความเป็น"เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง" หรือไม่ครับ
เหมือนเรือชุดปัตตานีครับ ไม่อยากให้มีความหลากหลายมากนัก
แต่น่าจะเพิ่มในส่วนของการต่อต้านภัยใต้น้ำ โซนาร์หัวเรือ+ตอร์ปิโด และการป้องกันภัยทางอากาศระยะประชิด เรือขนาดแค่นี้ คุ้มกันตัวเองได้บ้างก่อน ก็พอ
ในรูปที่ท่าน AAG_th1 เสนอมานั้น เป็นการเพิ่มความยาวดาดฟ้าตอนหน้าออกไป 5-6 เมตร ซึ่งจะพอติดตั้งระบบ VLS ได้ 1 ระบบพร้อมยังคงติดตั้งปืน 76 มม. ซูเปอร์ราพิดได้เหมือนเดิม คิดคล้ายๆผมน่ะครับ แต่ผมมีข้อแก้ไขอีกหลายๆจุด(จริงๆผมเคยจินตนาการว่าถ้าขยายเรือชั้นนี้ใหใหญ่กว่า 2000 ตัน ควรทำเช่นไรดี)
ผมว่าถ้าเรือคงอัตราส่วนหลายๆอย่างจากชั้นปัตตานีมา ซึ่งปัตตานียาว 94.5 เมตร กว้าง 11.8 เมตร นั่นคือมีอัตราส่วนยาวต่อกว้าง 8/1 ดังนั้นถ้าขยายเรือชั้นนี้ให้ใหญ่เกิน 2,000 ตัน ก็น่าจะยาวประมาณ 100 - 104 เมตร และกว้าง ประมาณ 12.5- 13 เมตร จะได้อัตราส่วน 8/1 เท่ากัน
ผมว่าโรงเก็บฮ.ก็น่าจะรองรับฮ.แบบลิ้งก์เหมือนเดิมเพราะเรือมันเล็กไปสำหรับฮ.ขนาด 10 ตัน แต่ดาดฟ้าเรือตอนหน้าของเรือชั้นปัตตานีนั้นผมว่ามันต่ำไปหน่อยเมื่อเทียบกับดาดฟ้าตลอดแนวความยาวลำตัวเรือแล้ว ดาดฟ้าเรือตอนหน้ามันต่ำกว่าส่วนอื่นประมาณ 2.3-2.5 เมตร( 1 ชั้น) ซึ่งผมว่าทำให้เรือชั้นปัตตานีทนทะเลน้อยลงไป ฝ่าคลื่นลมได้ไม่น่าจะดีนัก ถ้ายกดาดฟ้าเรือด้านหน้าให้สูงเท่ากับดาดฟ้าเรือส่วนอื่นแล้ว เรือน่าจะมีความทนทะเลมากขึ้นนะ(ผมว่า) และนอกจากนี้จะสามารถติดตั้งระบบ VLS ได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะพื้นที่ใต้ดาดฟ้าเรือตอนหน้าจะมีมากขึ้นมาก
ซึ่งถ้ายกดาดฟ้าเรือด้านหน้าให้สูงขึ้น ตัวซูเปอร์สตรัคเจอร์(ที่เป็นสะพานเดินเรือ)ก็จะดูเตี้ยลงไปทันที ก็คงต้องให้มันสูงขึ้นมาอีก 1 ชั้นละนะครับ ซึ่งจะสูงกว่าโรงเก็บฮ.ด้านหลัง 2.3-2.5 เมตร ก็คงจะทำให้มันสูงเกือบเท่าเรือชั้นนเรศวรเลยนะผมว่า
ส่วนระบบเรด้าร์ ระบบอำยวยการรบ น่าจะใช้รุ่นเดิมเพื่อให้ง่ายในการดูแลรักษาเพราะมีระบบคล้ายๆกัน ส่วนระบ VLS นั้นผมว่าด้วยพื้นที่ใต้ดาดฟ้าที่ผมเสนอไป น่าจะติดตั้งได้ทั้งสลิบเวอร์ เอ- 45 และVLS ที่ใช้จรวด MICA หรือแม้แต่ MK-41 รุ่นลึก 7 เมตร (อาจจะต้องโผล่พ้นดาดฟ้าเรือขึ้นมาสัก 1 เมตรดังในแบบเรือของคุณ AAG_th1) หรือ ไม่ก็ต้องเป็น MK-48 mod ... อะไรจำไม่ได้แล้วที่มันสามารถติดตั้ง ESSM ได้ 12 ลูก และลึกเพียง 4 เมตรกว่าๆเท่านั้น (ผมเชียร์รุ่นนี้ครับ) แต่ถ้าจะใช้ ESSM แล้ว ระบบเรด้าร์น่าจะดีกว่านี้ โดยเฉพาะเรด้าร์ควบคุมการยิง
ส่วนข้างบนโรงเก็บฮ. ยังมีพื้นที่พอให้กับ CIWs 1 ระบบ แต่ต้องเพิ่มความแข็งแรงของโรงเก็บฮ. แต่ผมอยากเสนอว่าโรงเก็บฮ.น่าจะยาวต่อเนื่องไปจะติดปล่องควันเลย ไม่น่ามีพื้นที่ว่างหลังปล่องควันเหลือเอาไว้
ทั้งหมดนี้คือไอเดียผมครับ
เสริมนะครับ ถ้าใช้ESSM แล้ว ระบบเรด้าร์ควบคุมการยิงคงต้องเสตียร์ 1.8 ขึ้นไปล่ะนะครับ เพราะระยะยิงพี่แกไกล 55 กม.+ ดังนั้นการชี้เป้าให้ช่วงต้นคงต้องไกล 20 - 30 กม. ก่อนที่ลูกจรวดจะเดินเรด้าร์เพื่อล็อคเป้าเองได้ ก็ต้องติดตั้งทั้งหน้าและหลัง ตำแหน่งเรด้าร์ควบคุมการยิงตัวที่สองที่คุณ AAG_th1 เสนอมาผมก็เห็นชอบด้วยเต็มร้อยครับ
สุดท้าย ขอให้มีการติดตั้งท่อตอร์ปิโดด้วยครับ จะได้เป็นเรือฟรีเกตอเนกประสงค์ โดยเด่นในเรื่องป้องกันภัยทางอากาศอย่างที่คุณ K6681M ว่านั่นแหล่ะครับ
ใครเก่งเรื่องการวาดภาพหรือวาดลายเส้น ก็ช่วยๆกันวาดหรือตกแต่งภาพให้ด้วยนะครับ ผมม่ะเก่งเรื่องนี้นัก
ผมเอารูปเรือชั้นปัตตานีมาประกอบจะได้เข้าใจที่ผมพูดได้ง่ายขึ้นครับ จะเห็นว่าดาดฟ้าเรือด้านหน้าเตี้ยกว่าดาดฟ้าท้ายเรือที่เป็นลานจอดฮ. อยู่ราว 2 เมตรกว่าๆ และสั้นไปหน่อยด้วย ให้ดาดฟ้าเรือมันสูงเท่ากันตลอดลำน่ะจะดีกว่าผมว่านะ
ถ้าขนาดยาว 100 เมตร กว้าง 12.5 เมตร ระวางขับน้ำเต็มที่น่าจะอยู่แถวๆ 2000 ตัน
ถ้า ยาว 104 เมตร กว้าง 13 เมตร น่าจะมีระวางขับน้ำตกประมาณ 2200 ตัน
แก้ไขแบบไม่น่าจะยุ่งยากมากนะครับ เพราะไม่ได้ออกแบบใหม่ทั้งดุ้น ผมว่าเรือขนาดนี้เหมาะมากที่จะเป็นเรือฟรีเกตหลักของเรา ทยอยต่อออกมาทดแทนเรือเก่า และ จำนวนเป้าที่ขาดให้ครบ 20 ลำจะสุดยอดเลยครับ 2 กองเรือฟรีเกต กองเรือละ 10 ลำ จะได้ครบซะที ....... เอออ ลืมไป เขาจะเอาไปใช้ในกองเรือตรวจอ่าวนี่นา
ลองติดอาวุธและอุปกรณ์ตามความเห็นส่วนตัวและจากข้อเสนอของหลายๆท่านครับ
Search Radar ที่ใช้ SMART-S Mk2 เพราะว่ามีขนาดค่อนข้างเล็กและสามารถ Link การควบคุมกับ ESSM ได้ ซึ่งESSM นั้นจะติดตั้งใน Mk25 Quad Pack ใน ท่อยิง Mk 41 1ระบบ 8ท่อยิงครับ(จุได้ถึง 32นัด)
ในด้านท้ายเรือนั้นจะติดอาวุธค่อนข้างเยอะครับทั้ง ปืนใหญ่ 30มม., Phalanx และ Sadral
ที่จริงก็คิดว่าน่าจะติด RAM แทน Sadral ที่ตำแหน่งบนสะพานเดินเรือและ Phalanx ที่ด้านบนโรงเก็บ ฮ. ครับ แต่ผมจะเลือกแบบอาวุธที่เรามีใช้งานอยู่ในปัจจุบันเป็นหลักครับ
สำหรับปืนใหญ่ 30มม.กับ Phalanx นั้นคงจะไม่ซ้ำซ้อนกันครับเพราะตัวหนึ่งเป็น CIWS อีกตัวเป็นปืนรองที่มีอัตราการยิงต่ำกว่าและควบคุมแบบ Manaul ได้
(แต่จริงๆแล้วคิดว่าเรือคงจะติดเฉพาะปืนหลัก OTO 76mm Super Rapid,DS30 30mm+Phalanx หรือ Sadral อย่างใดอย่างหนึ่งครับ
ที่เหลืออย่าง Harpoon Block II กับ Mk41และESSM นี้เอาไว้ทีหลังครับ)
สำหรับ Sonar ที่ส่วนหัวนั้นเรือจริงๆคือว่าเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งโดยทั่วไปไม่น่าจะมี Sonar ขนาดใหญ่มากครับ(มีโรงเก็บ ฮ.ในเรือนี้น่าจะใช้ ฮ.ในการค้นหาและปราบเรือดำน้ำเป็นหลักครับ) แต่ในการวาดใหม่นี้ก็เพิ่ม Sonar ขนาดเล็กเข้าไปที่หัวเรือเพื่อเพิ่มิติในการตรวจจับของเรือขึ้นครับจะได้ใช้กับ ท่อยิงMk32 แฝด3 ที่ติด Torpedo
ขนาดเล็กอย่าง Mk46 ได้
เข้ามาร่วมสนุกด้วยคนครับ ของผมจะเรียกว่าเป็นเวอร์ชั่นมักน้อย (ราคาย่อมเยา) ลงมาหน่อยก็ได้ ใจจริงมองว่าถ้า ทร.จะต่อเรือขนาดใหญ่เอง น่าจะเริ่มจากเรือโอพีวีก่อน เพื่อสร้างประสบการณ์ แล้วจึงค่อยขยายขนาดเป็นฟริเกตเบา หรือฟริเกตเต็มรูปแบบภายหลัง
สรุปได้ว่าเรือที่เสนอก็ยังคงเป็นโอพีวีอยู่ครับ แต่อาจจะติดอาวุธหนักนิดนึง สำหรับปืนหลักยังให้เป็น 76/62 super rapid รุ่นเดียวกับปัตตานี-นราธิวาส ส่วนดาดฟ้ายกหัวเรือติด RAM เพื่อป้องกันตนเองก็พอ อาวุธปล่อยกลางลำจะเป็นฮาร์พูนหรือ MM40 ก็ได้ (ในรูปลองวาดกล่องเหลี่ยมๆ แทนท่อกลมๆ ดูบ้าง) ส่วนดาดฟ้ายกท้ายเรือติดปืนกล 30mm DS30 (รุ่นเดียวกับ 991) สองแท่นซ้าย-ขวา กับแปะ RAM อีกแท่นบนหลังคาโรงเก็บ ฮ.
ส่วนระบบตรวจจับหลัก เป็นเรดาร์ 3D (SMART-S หรือ TRS-3D/16 แบบเดียวกับ Kedah ก็ได้) เรดาร์ควบคุมการยิงยังคงเป็น TMX/EO อยู่ แต่เพิ่มอีกแท่นท้ายเรือสำหรับชี้เป้าให้อาวุธปล่อย/ปืนกล (RAM ใช้ระบบนำวิถีด้วย IR แต่ต้องมี คคย.ชี้เป้านำให้ก่อน) และติดระบบ Optronics (IR/Laser) เพิ่มบนหลังคาสะพานเดินเรือ สำหรับการชี้เป้าแบบไม่ต้องใช้เรดาร์ คคย.
โซนาร์-ตอร์ปิโดยังไม่ต้อง (เอาแค่เรือโอพีวีไปก่อน ยังไม่ถึงขั้นคอร์เวต/ฟริเกต) ได้แค่นี้ก็หรูแล้วครับ
ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเรือ
แต่ขอชื่นชมทุกท่านจากใจจริงครับ
ถ้าตัด Sonar ไม่ติด Torpedo และไม่ติดระบบ VLS ตรงดาดฟ้ายกด้านหน้าเรือนี้ ติดRAM ตามแบบของคุณกัปตันนีโมนีก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับและเหมาะสมเป็นไปได้ครับ แต่ส่วนหลังโรงเก็บนั้นผมยังเลือกติด Phalanx อยู่ครับเพราะการมีระบบ CIWS แบบที่เป็นจรวดกับปืนใหญ่กลยิงเร็วเสริมกันนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าครับ
สำหรับอาวุธปล่อยต่อต้าเรือผิวน้ำนี้ตัวเลือกที่เหมาะนอกจาก Harpoon Block II กับ Exocet MM40 นี้ RBS-15 Mk3 จากสวีเดนก็น่าสนใจครับเพราะมีขีดความสามารถหลายๆอย่างใกล้เยงกัยเช่นโจมตีเป้าหมายริมฝั่งได้ แต่ถ้าพิจารณาว่าเราไม่มีมี อวป.มากแบบเกินไปแล้ว Harpoon หรือ Exocet น่าจะดีเหมาะสมกว่าครับ