ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) พ.ต.ท.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผกก.(ป.) สภ.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่หมู่ 3 บ้านนาค้อ ต.ป่าบอน นำกำลังไปตรวจสอบพบขบวนรถไฟ 456 สายยะลา-นครศรีธรรมราช ทั้งหัวรถจักรและโบกี้รวม 4 โบกี้ ตกรางระเนนระนาด ส่วนรางรถไฟหลุดออก ไม้หมอนกระจัดกระจายเป็นทางยาว ทราบมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 4 คน นำส่ง รพ.โคกโพธิ์ ไปแล้ว ตรวจสอบรางรถไฟปรากฏว่า หมุดรางรถไฟถูกถอดออก 32 ตัว
สอบสวนทราบว่า ขบวนรถดังกล่าวมีผู้โดยสาร 700 คน เดินทางจาก จ.ยะลา มุ่งหน้า จ.นครศรีธรรมราช ขณะแล่นผ่านที่เกิดเหตุทำให้รางรถไฟหลุดจากราง ส่งผลให้หัวรถจักรและโบกี้รถไฟ รวม 4 โบกี้ วิ่งไถลออกจากรางพลิกคว่ำทันที หลังเกิดเหตุการรถไฟแห่งประเทศไทย สั่งหยุดการเดินรถสายใต้เส้นทางสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ตั้งแต่วันที่ 4-5 มิ.ย. ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่แอบถอดหมุดรางรถไฟหวังให้รถไฟตกรางให้ชาวบ้านเสียชีวิตจำนวนมากๆ
ขณะที่ จ.ยะลา ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟสายเดียวกันเชื่อมกับ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา พ.ต.ท.จิรสิทธิ์ ลอแม รอง ผกก.(สส.) พร้อมกำลัง ไปตรวจสอบเหตุคนร้ายแอบถอดหมุดรางรถไฟที่บ้านคลองทรายใน ต.ตาเซะ ระหว่างสถานีตาเซะ-วัดช้างให้ พบหมุดยึดรางรถไฟถูกถอนรวม 32 ตัว ไม้หมอนถูกเผาเสียหายบางส่วน ใกล้กันมีขวดเปล่าน้ำมัน เบนซินตกอยู่ 2 ขวด
สอบสวนทราบว่า เมื่อตอนตีสี่วันเดียวกันมีชาวบ้านเห็นชายฉกรรจ์ 4-5 คน เดินลัดเลาะจากป่าละเมาะป้วนเปี้ยนที่รางรถไฟในจุดที่เกิดเหตุ ภายหลังทหารชุดลาดตระเวนตรวจพบได้ประสานตำรวจมาตรวจสอบ คาดเป็นฝีมือกลุ่มโจรใต้ ถอดหมุดรางรถเพื่อให้เกิดอุบัติเหตุ รถไฟตกรางหวังให้ประชาชนตายหมู่ ขณะเดียวกันรถไฟขบวนที่ 456 วิ่งจากสถานียะลามุ่งหน้านครศรีธรรมราช ผ่านจุดเกิดเหตุอย่างระมัดระวัง แต่สุดท้ายก็ไปตกรางที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
เวลาไล่เลี่ยกัน กลุ่มคนร้ายนำยางรถยนต์เผากลางถนนหลายแห่งใน ต.กอตอตือระ อ.รามัน จ.ยะลา ตัดต้นไม้ขวางถนนในเขต ต.อาซ่องและปากทางเข้าหมู่ 1 ต.บาลอ โปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทางสายบ้านบาลอ-บ้านปุไร หมู่ 1 ต.บาลอ แถมยังได้เผาไม้หมอนรถไฟระหว่างสถานีไม้แก่น-สถานีรามัน ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังถอดหมุดรถไฟระหว่างสถานีรามัน-บาลอ 38 ตัว ไม้หมอนถูกถอด 2 ท่อน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รถไฟขบวนที่ 453 วิ่งระหว่างยะลา-สุไหงโก-ลก ผ่านสถานีไม้แก่นต้องหยุดขบวนอย่างกะทันหัน เนื่องจากเกรงจะไม่ปลอดภัย สุดท้ายได้ตัดสินใจถอยรถกลับไปยังสถานียะลาตามเดิม
ส่วน จ.นราธิวาส เกิดเหตุคนร้ายลักลอบถอดหมุดรางรถไฟเช่นกัน ช่วงบริเวณหลัก กม.ที่ 1096 ห่างจากสถานีรถไฟตันหยงมัส หมู่ 10 ต.ตันหยงมัส ประมาณ 3 กม. ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและหน่วยเก็บกู้ วัตถุระเบิดชุด ?เหยี่ยวดง? นปพ.ภ.จ.นราธิวาส และ พนักงานรถไฟประจำสถานีรถไฟตันหยงมัสไปตรวจสอบ พบรางรถไฟถูกถอดหมุดออก 28 ตัว งัดรางรถไฟจนบิดงอ เป็นระยะทางราว 10 เมตร สอบสวนทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ได้มีชายฉกรรจ์ราว 10 คน เดินลัดเลาะมาที่รางรถไฟ และย้อนกลับไปในตอนเช้า โดยมีรถกระบะมารับที่ท้ายหมู่บ้านหายไป
ด้านนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ หน.ศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทยกล่าวว่า จากกรณีมีกลุ่มคนร้ายลอบถอดหมุดรางรถไฟ 6 จุดในพื้นที่ 3 จังหวัดและเป็นเหตุให้รถไฟตกรางที่ จ.ปัตตานี นั้นทำให้รถไฟทุกขบวนตั้งแต่สถานีรถไฟหาดใหญ่ไปสิ้นสุดปลายทางที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไม่สามารถเดินทางได้ และเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารรถไฟและพนักงานของการรถไฟ จึงต้องหยุดเดินรถเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วันที่ 4-5 มิ.ย.นี้ เพื่อกู้ตู้โบกี้ขบวนที่ตกรางและซ่อมแซมรางรถไฟทั้งหมด
นอกจากเหตุกลุ่มโจรใต้หวังฆ่าหมู่ชาวบ้านทางขบวนรถไฟแล้ว ยังก่อเหตุวางบึมถล่มเจ้าหน้าที่หลายแห่ง โดยเมื่อตอนสายวันเดียววัน ร.ต.ท.วัชริน ตันเจริญรัตน์ ร้อยเวร สภ.อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด รปภ.ครู และยิงถล่มซ้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 2 นาย บนถนนสายลาโล๊ะ-ตะมะยูง บ้านกะดี หมู่ 1 ต.เชิงคีรี นำกำลังตำรวจ ทหาร และหน่วยเก็บกู้ระเบิดชุด ?เหยี่ยวดง? และเจ้าหน้าที่วิทยาการ ไปตรวจสอบแต่พอถึงบ้านตามุง หมู่ 2 ต.เชิงคีรี ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุราว 1 กม. ปรากฏว่าคนร้ายตัดต้นไม้ขวางถนนและโปรยตะปูเรือใบเกลื่อนถนน แถมยังวางระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุในกระป๋อง น้ำหนัก 5 กก.วางไว้ริมถนนด้วย ต้องระดมเก็บกู้ระเบิดและเก็บกวาดตะปูเรือใบออกจากพื้นถนนโดยเร็วก่อนเดินทางต่อไป
ถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด จอดอยู่ริมถนน ประตูซ้ายถูกยิงเป็นรูพรุน กระจกหน้า หลังและหลังคาหลังถูกสะเก็ดระเบิดแตกกระจาย และห่างกันราว 50 เมตร บนเนินดินริมถนนมีหลุมระเบิด 2 หลุม ห่างกันหลุมละ 5 เมตร ลึกประมาณ 1 ฟุต กว้าง 4 ฟุต มีเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องกระจายเกลื่อน และพบสายไฟฟ้าลากเข้าไปในสวนยางยาวประมาณ 100 เมตร จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ นอกจากนั้น พบปลอกกระสุนปืนอาก้ากับปลอกกระสุนเอ็ม 16 กระจายเกลื่อนที่เกิดเหตุ
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงเสียชีวิต คือ ส.ต.ต. ไพโรจน์ บุญสนิท อายุ 29 ปี ผบ.หมู่งาน ป. สภ.อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ส่วนตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ ส.ต.ท.ภิสิทธิ์ ชาติวัฒนธาดา กับ ส.ต.ท.เผด็จ อินทร์สุทธิ์ สังกัดเดียวกัน ทั้งหมดนำส่ง รพ.ศรีสาครและส่งต่อ รพ.ศูนย์ยะลา ไปก่อนแล้ว
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.อ.วิจิตร อินทรชุมชน สังกัดเดียวกัน และเป็น หน.ชุด รปภ.ครูนำกำลัง 10 นาย นั่งรถกระบะและรถ จยย.2 คัน เดินทางไปส่งครูโรงเรียนบ้านลาเวงและโรงเรียนบ้านตามุง ขากลับโรงพักถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดและใช้ปืนอาก้าและเอ็ม 16 ยิงถล่มซ้ำเสียงดังหูดับตับไหม้ จนเกิดการปะทะกันนาน 5 นาที กลุ่มคนร้ายล่าถอยเข้าป่าไป
ด้าน จ.ปัตตานี เกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเข้าบ้านควนหิน หมู่ 2 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.อำไพ ชุ่มช่วย รอง ผกก.(หน.) สภ.ต.นาประดู่ นำกำลังไปตรวจสอบ พบ ส.ต.ต.รักชาติ ศิริธร อายุ 29 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.ต.นาประดู่ ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแก้มและขาขวาบาดเจ็บนำส่ง รพ.โคกโพธิ์ ในที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดอยู่ริมถนนมีชิ้นส่วนและสะเก็ดระเบิดกระจายทั่วบริเวณ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ ส.ต.ต.รักชาติ พร้อมกำลังอีก 3 นาย เดินเท้าเพื่อตรวจความเรียบร้อยเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู ถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายกดชนวนระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรล
สำหรับกลุ่มชุมนุมกว่า 3,000 คน ที่บุกยึดมัสยิดกลางปัตตานี เริ่มทยอยเดินทางกลับ ภายหลังยอมรับข้อตกลงร่วมกับหน่วยงานของรัฐในการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ที่ชาวบ้านอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่กระทำ โดยมีพลโทวิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ลงนาม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินออกจากมัสยิดไปขึ้นรถกระบะที่มาจอดรอรับกว่า 70 คัน โดยมี พ.ต.อ.สมจิตร นาสมยนต์ ผกก.สภ.อเมืองปัตตานี และกำลังตำรวจ ทหารคอยดูแลความสะดวก ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าหลังจากสลายตัวของกลุ่มชุมนุมเริ่มเปิดร้านค้าขายตามปกติ การชุมนุมครั้งนี้นานกว่า 5 วัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของ จ.ปัตตานี
หน่วยข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ขณะนี้กลุ่มโจรอาร์เคเค ประมาณ 120 คน พร้อมระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 2-3 กก.จำนวน 17 ลูก ลักลอบเข้ามาตามเขตรอยต่อ จ.ยะลา กับ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แล้วเพื่อเตรียมก่อวินาศกรรมในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยมีเป้าหมายทำลายเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เสาไฟฟ้าแรงสูง และย่านชุมชนต่างๆ ซึ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวจะมีการแยกเป็นชุด กบดานในพื้นที่ที่มีแนวร่วมอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ติดตามความเคลื่อนไหวและป้องกันแล้ว
ที่ อบต.สบสาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ มีสมาชิก อปพร. 100 นาย นำโดยนายพินิจ แสงสร้อย นายก อบต.สบสาย และผู้อำนวยการศูนย์ อปพร.สบสาย นายพิจิตร สมศักดิ์ ประธานศูนย์ อปพร.สบสาย นำสมาชิก อปพร. ร่วมกันถวายคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ตลอดไป พร้อมร่วมกันอ่านคำประณามโจรก่อการร้ายในภาคใต้ ที่คร่าชีวิตเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก โดยขอให้ผู้ก่อเหตุจงพบกับภัยพิบัติที่เลวร้ายในเร็ววัน และขอให้โจรกลุ่มนี้สูญสิ้นไปโดยเร็ว เพื่อคืนความสงบสุขให้พี่น้องชาวใต้ต่อไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กับ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาค 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 และนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. ถึงสถานการณ์ภาคใต้ว่า ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ได้รายงานถึงการชุมนุมที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม และได้รับความร่วมมือจากผู้นำทางศาสนาช่วยเจรจาจนสลายตัว
ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการความยุติธรรมภาคประชาชนขึ้นมา โดยมีตัวแทนภาครัฐ ประชาชน สถาบันการศึกษา และผู้นำทางศาสนาเป็นกรรมการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย เพราะเป็นแนวทางในการหารือร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาและเป็นแนวทางที่ถูกต้อง พร้อมได้รายงานถึงการค้นบ้านผู้ต้องสงสัยเหตุวางระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ โดยจับกุมผู้ต้องสงสัย 6 คนแล้ว ขณะที่นายกฯ ได้ฝากให้ กอ.รมน.ภาค 4 ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างในเส้นทางสาย อ.รามัน จ.ยะลา-อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่เอกชนรับเหมาแต่สร้างไม่เสร็จ ส่วนอีกสายคือ ระหว่าง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี-อ.เมืองยะลา นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้เสร็จภายในปีนี้ โดยใช้งบ ประมาณ 1,184 ล้านบาท
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ที่ประชุม กอ.รมน. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. มอบหมายให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ พล.อ.สนธิได้กำชับเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ยึดแนวทางการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ให้เพิ่มมาตรการดูแลเส้นทางการเดินรถไฟในพื้นที่ให้เข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกัน กองทัพบกได้ส่งกำลังจากกรมทหารราบที่ 29 จ.กาญจนบุรี ลงไปเสริมใน 3 จังหวัดภาคใต้ อีก 1 กองพัน
บ่ายวันเดียวกัน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. เป็นประธานการประชุม คมช. โดยมี สมาชิกเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียงกัน หลังประชุม พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. แถลงว่า พล.อ.สนธิ จะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และการป้องกันค่อนข้างลำบาก เพราะเป้าหมายสามารถเกิดได้ทุกที่ กลุ่มคนร้ายไม่ได้คำนึงว่าจะก่อเหตุที่ไหน หากพื้นที่ตรงไหนไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลจะตกเป็นเป้าทันที
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=49487