ไทยใกล้เสียดินแดน3จว. ชาวบ้านหันหน้าพึ่งมาเลย์ สิ้นหวังรัฐบาล-ผิดหวังเอกชนปล่อยลอยแพตามยถากรรม
สยามธุรกิจ [ ฉบับที่ 794 ประจำวันที่ 19-5-2007 ถึง 22-5-2007]
3 จังหวัดชายแดนใต้โดดเดี่ยว เครื่องอุปโภคบริโภคขาด ไม่มีเซลส์ส่วนกลางลงพื้นที่ขายสินค้า ต้องพึ่งเซลส์ท้องถิ่น หนำซ้ำยัง ต้องเผชิญชะตากรรมจ่ายเกินราคา ขณะที่บางส่วนหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ?มาเลย์? แทน เคราะห์ซ้ำถนน หนทางถูกผู้รับเหมาทิ้งงานเหตุ ไม่มั่นใจในความปลอดภัย เดือด ร้อนถึงลูกจ้างรายวันต้องทิ้งบ้าน ข้ามชายแดนไปหางานต่างถิ่น วอนรัฐเร่งรัดหามาตรการเยียวยา ด้านผู้ประกอบการลอจิสติกส์ ไม่มีใครกล้าเข้าไปลงทุน ขณะ ที่กลุ่ม ?สหพัฒน์? ยันจัดส่งสินค้าไปในทุกพื้นที่
นายพจน์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดยะลา กล่าวกับ ?สยามธุรกิจ? ว่าสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เวลานี้ประชาชนสูญเสียทั้งขวัญ และกำลังใจ ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ยังแร้นแค้นกว่าจังหวัดอื่นอย่างเห็นได้ชัด อย่างแรกเลยคือการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่แม้การขนส่งสินค้าจากส่วนกลางเพื่อนำไปขายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังเป็นไปตามปกติ แต่ต้นทุนแพงขึ้น มีการขึ้นราคาจากราคาเดิมถึง 30% เช่นผู้ประอกบการเลี้ยงแพะของยะลาเคยสั่งซื้อหญ้าจากจังหวัดอื่นในราคา 7,000 บาท แต่ปัจจุบันต้องจ่ายเพิ่มถึง 10,000 บาท
?คือเถ้าแก่อาจจะอยากขายแต่คนขับรถส่งของไม่อยากขับมา ก็เลยต้องสร้างแรงจูงใจด้วยการเพิ่มค่าจ้างมากขึ้น ซึ่งผู้ซื้อก็จำเป็นต้องยอมเนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็น? นายพจน์ กล่าว
นายพจน์ยังกล่าวอีกว่าสาเหตุหนึ่งที่คนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังต้องการบริโภคสินค้าในเมืองไทยแทนการนำเข้าจากมาเลเซียเพราะที่ผ่านมาราคาถูกกว่าและคุณภา พดีกว่าสินค้าจากมาเลเซีย แต่ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้คือราคาสินค้าในเมืองไทยสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจเป็นไปได้ที่ประชาชนใน 3 จังหวัดจะหันไปใช้สินค้าจากฝั่งมาเลย์แทน
ปัญหาอีกด้านหนึ่งคือเส้นทางคมนาคมที่มีค่อนข้างน้อย เมื่อมีการปิดถนนเส้นใดเส้นหนึ่งก็เหมือนกับว่าชีวิตคนใน 3 จังหวัดจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง การขนส่งบางเส้นทางซับซ้อนเช่นจะส่งสินค้าจากยะลาไปเบตงต้องอ้อมออกไปทางอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เข้ามาเลเซียแล้วจึงวกมาเบตง ทำให้เสียทั้งเวลาและค่าขนส่งอย่างมาก นายพจน์ยังได้ยกตัวอย่างเส้นทางหนึ่งที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วต้องหยุดไปอย่างน่าเสียดายคือเส้นทางจากตำบลท่าสาด จังหวัดยะลาถึงสามแยกดอนยาง ซึ่งมีทางแยกสองสาย สายหนึ่งสามารถเข้าสู่จังหวัดปัตตานีได้
ขณะที่อีกสายทางหนึ่งทะลุไปยังอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยย่นระยะทางจากปัจจุบัน 42 กิโลเมตรเหลือเพียง 23 กิโลเมตร แต่ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปได้เพียงแค่ 20% เนื่องจากติดปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ประกอบกับราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้นทำให้ราคาเดิมที่ประเมินไว้ 700 ล้านบาทพุ่งขึ้นไปถึง 1,000 ล้านบาท ทำให้ผู้รับเหมาเดิมตัดสินใจทิ้งงาน
?อย่างราคาหินเมื่อก่อน 100 บาท/คิว ตอนนี้กลายเป็น 250-360 บาท/คิว ทำให้ผู้รับเหมาที่ประมูลงานได้ถอดใจทิ้งงานให้ทหารช่างเข้ามารับช่วงแทน เพราะนอกจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้นแล้วยังกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิต ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง เพราะถ้าให้ทหารช่างมารับช่วงแทนก็ต้องเพิ่มงบประมาณจาก 700 ล้านเป็น 1,000 ล้านบาท?
นายพจน์ ยังได้ยกตัวอย่างราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น เนื่องจากการซื้อปุ๋ยยูเรียเพื่อมาระเบิดหินใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างถนนต้องขออนุญาตกับทหาร ในขณะที่ดินระเบิดขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับสองหน่วยงานนี้ว่าจะออกใบอนุญาตให้เร็วแค่ไหน เพราะผู้ประกอบการทุกจังหวัดที่ต้องการซื้อสินค้าดังกล่าวต้องนำใบอนุญาตไปขอซื้อวัตถุดิบจากร้านที่ได้รับการอนุญาต นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาการออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการใน 3 จังหวัดจะช้ากว่าผู้ประกอบการจากจังหวัดอื่น เนื่องจากทางการเกรงว่าจะมีการรั่วไหลงเข้าไปอยู่ในมือผู้ก่อการร้าย เมื่อใบอนุญาตออกช้าทำให้ต้นทุนในการซื้อสูงกว่าจังหวัดอื่น
?ปัจจุบันราคาหินคลุกที่ใช้ในการทำถนนใน 3 จังหวัดราคา 350 บาท/คิว ขณะที่จังหวัดอื่นราคา 180/คิว แสดงให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางธุรกิจ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้รับเหมาตัดสินใจทิ้งงาน ซึ่งกระทบกับผู้ใช้แรงงานทันที เพราะเมื่อไม่มีงานก็ต้องไปหางานในจังหวัดอื่นหรือในประเทศมาเลเซียแทน? นายพจน์ กล่าว
ขณะที่มาตรการต่างๆที่ภาครัฐเคยเสนอเพื่อแก้ไขถึงปัจจุบันก็ยังมีความคืบหน้าไม่มากนัก บางอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการร่างกฤษฎีกา เช่นมาตรการการลดภาษี 30% เหลือ 3% สำหรับนิติบุคคลซึ่งจะประกาศใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงวันนี้ยังไม่ได้ใช้ ขณะที่ภาษีธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ก็ยังไม่เรียบร้อย
ด้านนายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี กล่าวกับ ?สยามธุรกิจ? ว่าถ้ากล่าวถึงปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเซลส์ของบริษัทผู้ผลิตสินค้าจากส่วนกลางไม่มีลงไ ปในพื้นที่ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเขาไม่มั่นใจในความปลอดภัย แต่ที่ผ่านมาก็ยังมีการขนสินค้าเข้าไปส่งตามห้องสรรพสินค้า ร้านค้าในจังหวัดปัตตานีบ้าง อาจจะซัก 30% ส่วนอีก 70% เป็นการขนส่งจากโลจิสติกส์ในพื้นที่ซึ่งบริการรับขนส่งสินค้าจากส่วนกลางมายังจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งก็ช่วยลดความเดือดร้อนลงไปได้มาก ส่วนราคาซื้อขายสินค้าในจังหวัดปัตตานียังเป็นไปตามปกติ ไม่มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด
ส่วนผลการลงทุนใน 3 จังหวัดภาคใต้นิ่งมานานแล้ว เรื่องการลงทุนใหม่ไม่ต้องพูดถึง ขอแค่การลงทุนเก่าไม่ถอนไปก็ดีแล้ว สถานการณ์การลงทุนเวลานี้มีแต่ทรงกับทรุด ซึ่งคงไม่ใช่เฉพาะในภาคใต้ แต่ทุกจังหวัดทั่วประเทศก็มีสภาพไม่ต่างกัน
ขณะที่มาตการเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลพิจารณาเป็นกรณีพิเศษก็เป็นเรื่องเดิมที่เคยเสนอผ่านคณะกรรมการร่วมภ าครัฐและเอกชน หรือ กกร. คือการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังมีบางประเด็นรอการประกาศใช้ซึ่งอยู่ระหว่างการร่างพระราชกฤษฎีกาซึ่งก็อยากให้เร่งรัดประกาศใช้โดยเร็ว
ด้านนายสมบูรณ์ บุญธรรมรงกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวกับ ?สยามธุรกิจ? ว่าในส่วนของจังหวัดนราธิวาสยังไม่มีปัญหาเรื่องสินค้าขาดแคลน แต่ตัวเลขการนำเข้าจากมาเลเซียเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ขณะที่การส่งออกไปมาเลเซียมียอดลดลงโดยเฉพาะไม้ยางพารา เนื่องจากประเทศมาเลเซียก็มีปัญหาด้านเศรษฐกิจเหมือนกันจึงทำให้สั่งสินเข้าประเทศน้อยลง
ด้านการลงทุนนายสมบูรณ์กล่าวว่าแม้ปัจจุบันการลงทุนจะซบเซา แต่ทางจังหวัดกำลังเตรียมพื้นที่ 2,500 ตารางเมตรเพื่อสร้างเขตอุตสาหกรรม โดยล่าสุด ศ.อบต.ได้อนุมัติงบประมาณ 3 ล้านบาทในการสำรวจพื้นที่ คาดว่าถ้าเขตอุตสาหกรรมเสร็จเรียบร้อยน่าจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในท้องถิ่น
ด้านนายธนิต โสรัตน์ ประธานกลุ่มบริษัท V-SERVE ซึ่งเป็นผู้ให้บริการธุรกิจลอจิสติกส์ครบวงจร และให้บริการธุรกิจลอจิสติกส์ในพื้นที่ภาคใต้ด้วย เปิดเผย ?สยามธุรกิจ? ถึงความเคลื่อนไหวของธุรกิจลอจิสติกส์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ประเด็นเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นเรื่องของความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาความเชื่อมั่นไม่มี ภาคธุรกิจติดลบกว่าครึ่ง การเคลื่อนย้ายสินค้าก็ลดลง เนื่องจากการผลิตลดลง การบริโภคก็ลดลง ซึ่งกระทบกับการกระจายสินค้าไปด้วย
?ขณะนี้ธุรกิจลอจิสติกส์ในพื้นที่ 3 จ.ภาคใต้เปลี่ยนไปหมด พูดง่ายๆ คือ ทุกอย่างหยุดชะงัก เพราะความเชื่อมั่นไม่มี และตราบใดที่อย่างนี้ นักธุรกิจไม่มีใครกล้าเข้าไปลงทุนแน่ ซึ่งวันนี้เรื่อง 3 จ.ชายแดนภาคใต้ไม่ใช่แค่ความเสี่ยงในการทำธุรกิจ แต่หมายถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งไม่มีใครกล้าเข้าไปลงทุน ตอนนี้ก็เหลือแต่เรื่องการขนส่ง ซึ่งก็มีความเสี่ยงสูง ซึ่งพอไม่มีทางเลือก มีการปิดถนน ผู้ขนส่งก็เลี่ยงที่จะผ่านพื้นที่ที่มีปัญหา โดยเลี่ยงไปทางปะดังเซา ออกด่านสะเดา ไปปะดังเบซา เข้าประเทศมาเลเซีย แล้วขนสินค้าอ้อมออกไปทางเบตง ถึงจะไกลก็จำเป็นต้องอ้อม เพื่อความปลอดภัย อย่างช่วงที่การปิดถนน ผู้ขนส่งก็ไม่เอารถคอนเทนเนอร์เข้าไปใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะไม่ปลอดภัย? นายธนิต กล่าว
ส่วนกรณีที่ประชาชนใน 3 จังหวัดข้ามไปอาศัยสินค้าจากทางฝั่งมาเลเซียนั้น นายธนิต กล่าว เป็นเรื่องจริง เนื่องจากสินค้าในพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการบริโภค เขาก็จะข้ามไปซื้อสินค้าจากทางมาเลเซียแทน ซึ่งมีราคาไม่แพงและหาได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังมีการข้ามไปทำงานในมาเลเซียด้วย ซึ่งทุกวันนี้ประชาชนใน 3 จังหวัดเข้าไปทำงานในมาเลเซียเป็นจำนวนมาก เพราะในฝั่งไทยเขาไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ประกอบกับทางมาเลเซียก็มีเขตอุตสาหกรรมรองรับแรงงานอยู่บริเวณชายแดนไทยมาเลเซีย ซึ่งเช้าคนไทยสามารถข้ามไปทำงานในมาเลเซีย เย็นก็กลับมาบ้านที่ฝั่งไทย
สำหรับการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายธนิต กล่าวว่า ตนในฐานะนักธุรกิจ มองว่า ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน สิ่งสำคัญที่สุดคือ 1. ต้องทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินก่อน ทำให้คนไทย นักธุรกิจเกิดความเชื่อมั่น รู้สึกว่ามีความปลอดภัยก่อน ถ้าไม่มีความปลอดภัยจะไม่มีใครเข้าไปลงทุน อย่างมากก็แค่ประคองไปวันๆ 2.ทำอย่างไรให้เกิดรายได้ ทำให้เกิดการจ้างงาน โดยการทุ่งงบประมาณไปพัฒนาเศรษฐกิจ ให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ เพื่อไม่ให้คนใน 3 จังหวัดต้องหันไปทำงานที่มาเลเซีย ซึ่งเราน่าจะมองกรณีศึกษาของประเทศอิสราเอลนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้
นายธนิต กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจลอจิสติกส์ของ กลุ่มV-SERVE ซึ่งได้ไปลงทุนอยู่บริเวณชายแดนไทย- มาเลเซีย โดยมีคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าอยูที่ ชายแดนปะดังเบซา ด่านสะเดา นั้นไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร และเติบโตเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากเป็นจุดที่ห่างจาก 3 จังหวัดดังกล่าว โดยในปีที่ผ่านมามีการขนสินค้าผ่านแดนถึง 3-4 แสนตู้
แหล่งข่าวจากกองทัพอากาศ กล่าวว่าขณะที่ทางกองทัพเองก็มีความพร้อมในระดับหนึ่ง สำหรับการกระจายสินค้าสู่ชายแดนใต้ เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องบินเมล์ที่บินจากองบิน 6 ไปยังกองบิน 56 จังหวัดสงขลา น่าจะสามารถรองรับสินค้าอุปโภค บริโภคที่จะนำไปจำหน่ายยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะเดียวกันยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ทางบริษัทการบินไทยน่าจะทำศูนย์กระจายสินค้า โดยให้ทางซัพพลายเออร์นำสินค้ามารวมกันแล้วขนส่งลงสู่จังหวัดชายแดนใต้ ขณะที่แหล่งข่าวจากสหพัฒน์ กรุ๊ป ซัพพลายเออร์รายใหญ่ เปิดเผย ?สยามธุรกิจ? ในเรื่องเดียวกันว่า ทางกลุ่มมีเครือข่ายเอเย่นต์อยู่ทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ใช้จังหวัดยะลาเป็นฐานกระจายสินค้าไปยังจังหวัดใกล้เคียง ?ต่อกรณีการขาดแคลนสินค้าคงจำกัดเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ซึ่งทางกลุ่มสหพัฒน์ฯ ยังคงจัดส่งสินค้าไปในทุกพื้นที่เช่นเดิม? แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า สินค้าอุปโภคบริโภค จากประเทศมาเลเซียหลายรายการ ได้เข้ามาตีตลาดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะสินค้าในหมวดอาหาร ที่จำเป็นต้องได้การรับรองมาตรฐานฮาลาล ขั้นตอนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ?ส่วนใหญ่แล้วคอมซูเมอร์โพรดักส์ จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วของไทยจะราคาถูกกว่า ซึ่งสินค้าของเราก็ผ่านการรับรองมาตรฐานฮาลาลหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ยาสีฟัน หรือครีมอาบน้ำ ก็ได้ส่งไปขายที่มาเลเซียเช่นกัน?
http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=3573&id_page=12DDS45231
มีแต่คนใส่ผ้าถุงเท่านั้นที่ทำได้>>>>พวกนี้ไม่ใส่ผ้าถุงครับมันใส่โสร่งครับแต่มันไม่มีความเป็นคน ไอ้พวกนี้มันไร้การศึกษา เลยออกแนวให้จูงจมูกง่ายๆครับ
สยามธุรกิจพาดหัวข่าวน่าเกลียดครับ ดูยังไงก็ไม่เหมาะครับ
แล้วถามหน่อยครับว่าถ้าแยกแล้วมันจะไปอยู่กับใคร มาเลย์ไม่กล้ารับแน่ๆ หรือจะประกาศตนเป็นเอกราชแบบติมอร์ ดูยังไงก็ไม่ใช่ครับ เพราะเงื่อนไขผิดกันครับ
แต่สมานฉํนท์อย่างเดียวไม่พอครับ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ตามกระแสพระราชดำรัส เป็นวิธีแก้ปัญหาดีที่สุดครับ
เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
ใช่ครับ ท่องเอาไว้เลยครับ ไล่ฆ่าโจรอย่างเดียวปัญหาไม่จบแน่นอน
จะใช้วิธีการใดก็ได้ที่ทำให้สงบไม่มีการฆ่ากัน
เบื่อแล้ว กับการที่ไทยฆ่าไทย
อันนี้ผมแลกเปลี่ยนประสบการณ์นิดนึง ผมเองก็เป็นเซลล์ขายเครื่องมือแพทย์ เขตภูมิภาคซึ่งรับผิดชอบภาคใต้ด้วยเหมือนกัน สถานการณ์ตอนนี้จริงที่บอกว่า ไม่ค่อยมีเซลล์จากส่วนกลางวิ่งเข้าไปพบลูกค้าในเขตพื้นที่ 3 จังหวัด ด้วยเหตุเรื่องความปลอดภัยของตนเองและเป็นนโยบายของบริษัทโดยตรงที่ไม่อยากให้ลูกน้องต้องเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ผมได้พบปะกับลูกค้าโรงพยาบาลจาก 3 จังหวัดชายแดน ซึ่งลูกค้าบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีเซลล์ลงมา ความจริงความต้องการซื้อในเขตสามจังหวัดมีสูง ผมเองก็อยากจะลงไปขายเหมือนกัน เพราะโอกาสขายสินค้าได้มีสูงมาก ๆ แต่ด้วยเหตุผลความปลอดภัยรวมถึงบริษัทเองไม่ต้องการเสี่ยงไม่อยากให้เซลล์ลงไปเองด้วย ถ้าจะซื้อสินค้าช่วงนี้จึงต้องใช้ทางโทรศัพท์แทนเป็นส่วนมาก ได้สอบถามเซลล์จากหลาย ๆ บริษัท บางบริษัทที่ไม่ค่อยได้ขายก็ไม่ได้ให้คนลงไป บางบริษัทที่ซื้อขายประจำจะใช้วิธีเดินทางกลางวันและรีบออกจากพื้นที่ ก่อนมืด (ไม่ค้างคืน) และไปนานๆ ครั้งเมื่อจำเป็น
ความจริงก็อยากลงไปมากเพราะเป็นโอกาสที่ดีดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ยังติดภาพรถตู้ที่โดนยิงถล่ม เมื่อคราวก่อนเพราะถ้าผมต้องเดินทาง ผมก็คงจะนั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไป (ผมไปหาดใหญ่เกือบทุกเดือนแต่ไม่ได้ลงไป 3 จังหวัดเลย) แต่เมื่อเกิดเหตุนั้นแล้วผมก็ไม่ค่อยกล้าจะลงไปเท่าไหร่ครับ
ถ้าว่าตามเนื้อข่าวเลย ผมเห็นด้วยกับเนื้อความนะครับ ส่วนพาดหัวผมไม่เห็นด้วยครับ คำพูดไม่ดี ไม่เหมาะสมยิ่ง ไม่ควรใช้คำพูดแบบนี้ เอกชนก็ไม่ได้ปล่อยลอยแพ จริงๆ เขาอยากไปขายของนะครับ แต่ห่วงสวัสดิภาพตัวเองและลูกน้อง คนทำนี่...ขออนุญาตนะครับ เลวจริงๆ คุณ tik พูดถูกครับ นักเลงจริงเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกผมยอมรับเรื่องหนึ่ง คนใต้รักใครรักจริง เกลียดใครเกลียดจริง แต่คนจริงเขาก็มีจิตใจค่อนข้างเป็นธรรมครับ จริง ๆก็นิสัยดีครับ ถ้าเราดีกับเขาเขาก็ดีกับเราครับ ไม่มีอะไรถูกใจถูกชะตากันคบหากันเป็นเพื่อนกันดีครับ ผมเองก็มีเพื่อนเป็นคนใต้หลายคน เพื่อนจังหวัดสามชายแดนก็มีครับ เขาก็เป็นคนดี คบหากันเป็นเพื่อนกัน ปัญหาภาคใต้ส่วนตัวผมมองว่า หลักใหญ่เป็นปัญหาแบ่งแยกติดแดนครับ แต่ก็มีปัญหาอื่นๆ หลายๆ อย่างที่มาผสมกันอิรุงตุงนังไปหมด ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องผลประโยชน์(ผมขอพูดกว้าง ๆ แล้วกันเพราะเรื่องผลประโยชน์มันรวมหลายๆ เรื่องเอาไว้ในนั้น) สมานฉันท์อย่างเดียวไม่พอครับ ถึงผมจะรักชอบนายกท่านนี้แต่จะให้มากราบโจรเหรอไม่มีวันหรอกครับ เข้าใจเข้าถึงพัฒนาเป็นสิ่งดีครับ มันยั่งยืนจริงผมเชื่อเช่นนั้นครับ แต่บางครั้งเรารู้สึกว่าทำไมการปฎิบัติการบางครั้งเราเองเป็นฝ่ายตามเขาตลอด อย่างที่ว่าเขาอยูที่มืดเราอยู่ที่สว่าง แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่า เราเองก็มีคนอยู่ในที่มืดเป็นเหมือนกล้องมองกลางคืนเหมือนกัน แต่เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขาบ่อยๆ เฮ้อ บ่นมาเยอะแล้วพอดีกว่าครับ อย่างไรเสียผมก็ยังไม่สิ้นหวังว่าจะต้องมีสิ่งที่ดี ๆ เกิดขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนชาวไทยทุกท่านที่มีจิตใจรักชาติบ้านเมืองขอให้ประสบความสำเร็จในการร่วมมือร่วมใจขจัดทุกข์ภัยครั้งนี้ไปได้ด้วยดีครับ
ผมว่ามาเลย์กล้ารับพวกมันครับท่าน Nok
มาเลย์รับในสถานะเป็นประเทศมีมนุษย์ธรรม เห็นไทยรังแกพวกมัน มันก็รับครับ ผลประโยชน์ได้ตรึม ประเทศมันได้หน้าได้ตา ปกป้องคนถูกรังแก มันได้สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่ม ดินแดนเพิ่ม ขุดคลองเชื่อมอ่าวไทย อันดามัน ตัดสิงคโปร์ไปได้อีกหน่อย แหล่งพลังงานใหม่ๆ สวยยางพาราอีก มันคงล่อขายกำหนดราคาประเทศเดียวเลยมั่งไอ้ยางพารานี่