Malaysia Produces Tactical Unmanned Aerial Vehicle

MODERN GADGET? A demonstration of the first tactical unmanned aerial vehicle witnessed by Deputy Prime Minister Datuk Seri Seri Najib Tun Razak. Foto: Md Mudanoran

MELAKA, May 15 (Bernama) -- Malaysia has chalked up another success with the production of the first tactical unmanned aerial vehicle (TUAV), which meets the country defence needs, using local expertise.

The aircraft is the result of collaboration among three companies -- Composites Technology Research Malaysia (CTRM), Systems Consultancy Services Sdn Bhd (SCS) and Ikramatic Systems Sdn Bhd.

It was built in the CTRM factory in Batu Berendam here and comes equipped with modern gadgets including a detection system, camera and flight control system.

The aircraft successfully made its maiden flight at the Batu Berendam airport at 9am today, witnessed by Deputy Prime Minister Datuk Seri Najib Tun Razak.

The demonstration was also witnessed by Chief of Defence Forces Jeneral Tan Sri Abdul Aziz Zainal and Melaka Chief Minister Datuk Seri Mohamed Ali Rustam.

Najib, who is also defence minister, said he was proud of the success of the local companies in producing the country's first TUAV.

"This TUAV was designed by these three companies using composite materials produced by CTRM and software made by local companies," he told reportrs after chairing the Malaysian Defence Industry Council meeting at CTRM here.

He said that although the aircraft's engine and camera were from overseas, it was still regard as a Malaysian product.

He said steps were being taken to buy better quality camera and higher power engine to meet the specifications of the Malaysian armed forces.

"Tests show that the basic needs have been met, meaning that it can fly by remote, is automatic, has no problem landing and the picture data is also good," he said.

Najib, who is also defence minister, said he was proud of the success of the local companies in producing the country's first TUAV.

"This TUAV was designed by these three companies using composite materials produced by CTRM and software made by local companies," he told reportrs after chairing the Malaysian Defence Industry Council meeting at CTRM here.

He said that although the aircraft's engine and camera were from overseas, it was still regard as a Malaysian product.

He said steps were being taken to buy better quality camera and higher power engine to meet the specifications of the Malaysian armed forces.

"Tests show that the basic needs have been met, meaning that it can fly by remote, is automatic, has no problem landing and the picture data is also good," he said.

He said the aircraft, whose capability would continue to be enhanced, was very important not only to the armed forces but also to other agencies like the Royal Malaysia Police, Malaysian Maritime Enforcement Agency, Royal Customs Department and Fire and Rescue Department.

He said surveillance was a vital task performed by the armed forces in the border areas, the country's waters and specific places and the police, Customs and other agencies could also use the TUAV.

Asked when the armed forces would take delivery of the TUAV, he said probably 12 months after the signing of the agreement which would be held soon.

On today's meeting, he said all the companies involved in the defence industry were required to guide other companies as vendors and their performance would be assessed in terms of developing vendors.

He said the meeting also fixed the key performance indicators for the various groups.

-- BERNAMA

Philippines Defense Secretary Hermogenes Ebdane said at a forum with foreign correspondents that his country has earmarked 6.2 billion pesos ($133 million) for new helicopters.

1.2 billion pesos ($25.5 million) was earlier set aside for attack helicopters and President Gloria Macapagal Arroyo will release an additional 5 billion pesos ($106 million) for more attack and utility helicopters

ไม่ทราบว่าเขาจะเลือกฮ.โจมตีกับฮ.ใช้งานทั่วไปแบบใดจำนวนเท่าใด  แต่เขาก็เดินไปอีก1เมตรแล้ว

India sells maritime aircraft to Myanmar

The Indian Navy is in the process of transferring two BN-2 'Defender' Islander maritime surveillance aircraft to Myanmar.

One pair was transfered in August 2006 and all has their armaments stripped

อันนี้ก็ของเพื่อนบ้านเรา

รายละเอียดข่าวทั้งหมดดูได้ที่www.alert5.com ครับ

ปัจจุบันฟิลิปปินส์ใช้ ฮ.MD-520 (แบบเดียวกับ Little Bird)เป็น ฮ.โจมตีหลักครับซึ่งเป็น ฮ.ขนาดเล็กติดอาวุธได้น้อยแต่ใช้งานหนักมาก ฟิลิปปินส์จึงต้องการ ฮ.ที่มีขนาดใหญ่และติดอาวุธได้มากกว่าและปฏิบัติการในเวลากลางคืนได้ครับ แต่อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญคือ ฮ.โจมตีรุ่นใหม่สมัยนี้ราคาแพงครับ ฟิลิปปินส์จึงต้องการ ฮ.มือสองครับโดยตัวเลือกหลักๆก็มี AH-1, Hind, ฮ.จากยุโรปอย่าง Eurocopter และ A-129 รวมถึง ฮ.จีนเสนอแบบให้ด้วยครับ

BN-2 ของอินเดียที่มอบให้พม่านั้นจะถูกนำไปใช้งานในภารกิจลาดตระเวนทางทะเลเพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายและคุ้มครองการประมงครับ (แต่อันนี้รับประกันไม่ได้ว่าพม่าจะดัดแปลงติดอาวุธไปด้วยหรือไม่) ตอนนี้ทางอังกฤษก็ออกมาตำหนิอินเดียที่ขาย บ.นี้ให้พม่าโดยไม่ผ่านความเห็นชอบครับ

....อินเดียคงเอาใจพม่า เพื่อหวังผลเรื่องสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติในพม่ามั้งครับ เพราะตอนนี้ขับเคี่ยวกันหนักเลย ไม่ว่า ไทย(ปตท.สฝ.) จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี ฯลฯ....แต่ พม่ายังสงวนท่าที (เล่นตัว)...อ่ะครับ...

อินเดียก็มีนโยบายมองตะวันออกครับ เพื่อคานอำนาจของจีน+ปราบกลุ่มก่อการราย พม่าก็ต้องการอินเดียเพื่อลดการพึ่งพาจีนเช่นกัน

ฉะนั้น อันนี้เป็น Win-Win Solution ครับ

ก็เนี้ยละน้า กองทัพเรือ ซื้ออะไรกี่ครั้งๆก็มาอีหรอบนี้หมดอะ   ขี้เหนียว เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายตลอด งกในเรื่องไม่เข้าท่า

แทนที่จะหาอุปกรณ์อะไรมาให้ครบๆทีเดียวตั้งแต่ตอนซื้อครั้งแรกเลย ก็เอามาแต่ตัวเปล่า เอามาให้พอบินได้ ลอยได้ วิ่งได้เป็นพิธีว่า"มี" ตลอดอะ

ทั้ง ฮ.ปราบเรือดำน้ำ, ฮ.โจมตีเรือผิวน้ำ กลายเป็น ฮ ลำเลียงไปซะหมด, เรือบรรทุกเครื่องบิน ก็กลายเป็นเรือฝึกจอดท่าเฉยๆ, เรือฟริเกตป้องกันภัยทางอากาศ (นเศวร ตากสิน) ก็ไม่มี VLS กลายเป็นภารกิจอะไรก็ไม่รู้ ลำเบ้อเร้อ แต่อำนาจการยิงดันน้อยกว่าเรือรัตนโกสินทร์ไปซะงั้น

เฮ้อ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลฮ.โจมตีฟิลิปปินส์ครับคุณAGG-th.....ทบ.หรือทร.ไทยน่าจะทำตามเขาบ้างน่ะ หากไม่มีเงินพอสำหรับจัดหาฮ.โจมตีใหม่ๆ  .......เอาแค่ฮ.ลาดตระเวณติดอาวุธเบาแบบMD-520หรือMD-500ก็น่าจะใช้ได้ วันก่อนผมดูรายการDiscovery Channel ในรายการกล่าวว่าฮ.แบบMD-500ร่นใช้งานทางพลเรือนราคาประมาณ 1.3 ล้านเหรียญเท่านั้น ( ราคาปีไหน? )    อย่างทร.ไทยตามที่มีข่าวว่าจะจัดหาMH-60S หกลำ+ อะไหล่ เครื่องยนต์สำรอง ราคาเกือบ246ล้านเหรียญ  ผมว่าทร.เอาแค่ 5ลำก็น่าจะพอน่ะครับ เงินที่เหลือซักประมาณ 40 ล้านเหรียญหากไม่ซื้อเครื่องที่6 เอามาซื้อMD-500 เพื่อมาจัดตั้งฝูงบินฮ.ลาดตระเวณโจมตีเบาไว้สนับสนุนนาวิกโยธินคงดีไม่น้อย

อนึ่งเรื่องพม่าก็คงดังเป็นแบบคุณท.กองหนุนและคุณSkymanว่าไว้ล่ะครับ  ล่าสุดได้ข่าวว่ารัสเซียจะมาช่วยสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก ก็มไม่ทราบว่าพี่ไทยจะว่าอย่างไรหรือไม่สนเพราะกลัวแต่....อยู่

ส่วนเรื่องฮ.Lynx มองมุมคุณTrinityก็ถูกมองมุมคุณเด็กทะเลก็ถูก....แต่ผมให้น้ำหนักเรื่องประหยัดครับฮ.มากแบบก็มากเรื่อง  ทร.ไทยหากรู้ตัวเองว่างบก็น้อย งานก็มาก ก็ควรพิจารณาดีๆว่าการที่มีฮ. Seahawk, Lynx, Bell-212, Bell-214,และอนาคต UH-60L, MH-60S  ทร.จะหางบจากไหนมาทำให้ฮ.เหล่านี้มีประสิทธิภาพตามที่ทร.เรียกชื่อได้     จริงๆแล้วผมว่ามีแบบเดียวดีกว่าน่ะเช่น มีBell-212 เป็นพื้นฐาน หากต้องการใช้ภารกิจชี้เป้าเรือผิวน้ำหรือปราบเรือดำน้ำก็น่าจะเอาแบบทร.อิตาลีน่ะ ที่เขาใช้Bell-212 ASW .......

ภารกิจ MEDEVAC และภารกิจลำเลียง ไม่ใช่ภารกิจหลัก และไม่ใช่ภารกิจใหม่ของ ฮ.ตผ.1 ครับ แต่เป็นภารกิจรองที่ระบุไว้อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันถึงแม้อุปกรณ์เสริมจะยังไม่ครบสำหรับภารกิจหลักในการเป็น ฮ.ต่อต้านเรือผิวน้ำอย่างแท้จริง แต่ก็เพียงพอที่จะเป็น ฮ.ตรวจการณ์และชี้เป้าให้กับเรือตามภารกิจหลักได้ ขาดก็แต่อาวุธปล่อยอากาศ-สู่-พื้น

ส่วนเรื่องการลดแบบ ฮ.เพื่อลดความสิ้นเปลือง ก็น่าจะเป็นแนวทางที่ ทร.กำลังพยายามดำเนินการอยู่ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ ฮ.super lynx เป็น ฮ.ประจำเรือฟริเกตและเรือ OPV เนื่องจากมีขนาดและคุณสมบัติที่เหมาะสม (ตระกูล bell พับใบพัดไม่ได้ เก็บในโรงเก็บไม่ได้ และไม่เหมาะกับการปฏิบัติงานบนเรือ ส่วนตระกูล S-70 หรือรหัส _H-60 ก็หนักเกินไป) ส่วน ฮ.ตระกูล hawk หรือ _H-60 ก็จะให้เป็น ฮ.ขนาดใหญ่ประจำฐานบินบนบกและประจำเรือบรรทุก ฮ. ซึ่ง ฮ.ตระกูล hawk ไม่ว่าจะเป็น SH-60B หรือ UH-60L หรือ MH-60S ก็อยู่ในตระกูลเดียวกันและคงไม่เกิดความสิ้นเปลืองในการดูแลรักษามาก