ทหารกล้า "เหลืออด" หมดเวลาสมานฉันท์
ทหารรบพิเศษต้องพลีชีพอีก 7 ศพ บทเรียนซ้ำซากที่สุดขมขื่น ทหารในพื้นที่เริ่มเหลืออด แนะให้ใช้มาตรการปิดล้อม-ตรวจค้น เพราะในพื้นที่สีแดงไม่อาจดึงมวลชนได้ด้วย "สมานฉันท์"
คำถามคาใจของผู้คนในสังคมดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งว่า ตกลงแล้วนโยบาย "สมานฉันท์" ของรัฐบาล และกองทัพเดินมาถูกทางจริงหรือ เพราะล่าสุดประเทศก็สูญเสีย "ทหารกล้า" ซึ่งต้องพลีชีพไปอีก 7 นาย
เป็นความสูญเสีย ซึ่งฝ่ายความมั่นคง "รู้ข่าว" มาแล้วล่วงหน้าด้วยซ้ำว่า เป้าหมายของกลุ่มโจร คือ หน่วยทหารชุด "ครูฝึกใต้สันติสุข" ซึ่งลงไปทำงานมวลชนสัมพันธ์ในพื้นที่!!!
แถมพื้นที่เกิดเหตุ คือ โรงเรียนบ้านกูดง ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ยังเป็นพื้นที่ "สีแดงจัด" ซึ่งทหารเคยเปิดแผนปราบปรามกลุ่มโจรอย่างหนักมาแล้ว
กลุ่มโจรจึงเตรียมแก้เผ็ดด้วยยุทธการ "ใช้ถนนเป็นสนามรบ"!!
ชุดปฏิบัติการของกลุ่มโจร ตระเตรียมขุดหลุมฝังระเบิดหนักกว่า 20 กก. ไว้ใต้พื้นถนน...
เมื่อชุดของ พ.ต.วีรพล แย้มอำพล พร้อมลูกน้องอีก 6 คน ขับรถมาถึง "จุดสังหาร" คนร้ายก็กดระเบิดทันที
แรงระเบิดพลิกรถขึ้นสูงกว่า 2 เมตร ทหารบางคนถูกรถพลิกคว่ำทับร่าง บางส่วนก็ถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่อาจป้องกันตัวจากกลุ่มโจร ซึ่งซุ่มรอจังหวะอยู่นับ 10 คน และกราดยิงอาวุธสงครามใส่ไม่ยั้งมือ ก่อนจะเดินเข้ามาจ่อยิงซ้ำที่ศีรษะอย่างเลือดเย็น!!
หลังเกิดเหตุ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีคำสั่งด่วนให้ปิดล้อมพื้นที่ใกล้เคียงทุกหมู่บ้าน จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน พร้อมอาวุธปืนอาก้า
ข่าวทางลับแจ้งว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพแล้วว่า ได้เตรียมการลอบวางระเบิดล่วงหน้ามาแล้วราว 1 สัปดาห์ โดยมี "สาย" ซึ่งอยู่ในโรงเรียนเป็นผู้แจ้งเบาะแสการเข้า-ออกของทหาร
กระนั้น นับเป็นเรื่องน่าแปลกที่เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ขึ้นอีก ทั้งที่หลายครั้งในการประชุมร่วม พล.ต.สำเร็จ ศรีหร่าย ผู้บัญชาการกองกำลังศรีสุนทร ได้แจ้งเตือนว่า
กลุ่มโจรได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยจะใช้ถนนเป็นสนามรบ ซึ่งส่งผลให้ทหารและตำรวจเสียชีวิตกว่า 15 ชีวิต ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในที่ประชุมยังมีความเห็นตรงกันว่า การลอบวางระเบิดหน่วยลาดตระเวน ถือเป็นยุทธิวิธีที่ "หวังผล" ได้มากที่สุด เพราะมี "เป้าหมาย" และ "ระยะเวลา" ที่ชัดเจนที่สุด
กลุ่มโจรจะสำรวจพื้นที่เป้าหมาย ก่อนจะ "กำหนดเป้าสังหาร" ใน "ทุ่งสังหาร" เพื่อขีดเส้นให้ทหารและตำรวจอยู่ในฐานะ "ตั้งรับ" อยู่ฝ่ายเดียว!!!
ผู้บังคับบัญชาทหารของที่เสียชีวิตนายหนึ่ง พูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า อย่าง "เหลืออด" เต็มทีว่า
"เบื้องบนเขาสั่งให้ทหารทำมวลชนสัมพันธ์ตามแนวทางสมานฉันท์ แต่ในสภาพความเป็นจริงในพื้นที่สีแดงแทบทั้งหมด มันไม่สามารถทำได้ในการดึงมวลชนกลับมา อีกอย่างการสั่งให้ทหารออกลาดตระเวนในพื้นที่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะสิ่งที่เห็น การลาดตระเวนของทหารบนถนน ก็คือ การเป็นเป้านิ่งเพื่อรอถูกซุ่มโจมตีเท่านั้น"
เขามองว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งทำในขณะนี้ คือ การสร้างขวัญกำลังใจให้ทหาร และต้องปรับแผนยุทธการใหม่ทั้งหมด เพราะเราตามหลังโจรมานานมากพอแล้ว
เมื่อโจรไม่รับการสมานฉันท์...วิธีการที่ใช้ คือ ต้อง "เด็ดขาด" ซึ่งนำมาใช้ในทุกพื้นที่ที่มีปัญหา
สำหรับมาตรการเด็ดขาดของเขาไม่ได้หมายถึงการใช้ความรุนแรงโดยไม่เลือกเป้าหมาย หากแต่หมายถึงการใช้กำลัง "ปิดล้อม" และ "ตรวจค้น" ในพื้นที่สีแดง ซึ่งน่าจะได้ผลมากกว่าการลาดตระเวน
สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคง ซึ่งระบุว่า ก่อนหน้านี้ทางหน่วยข่าวกรองได้มีการแจ้งเตือนมาแล้วว่า กลุ่มโจรได้มีการประชุมวางแผนการลอบวางระเบิด และซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ในเส้นทางลาดตระเวน รวมทั้งเส้นทางที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในพื้นที่
การประชุมครั้งนั้น มีระดับ "หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ" อยู่ 3 คน 1.ผู้ประกอบระเบิด 2.มือวางระเบิด และ 3.ผู้ชี้เป้า ซึ่งขณะนี้ทางทหารทราบชื่อทั้งหมดแล้ว พร้อมยังมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ อ.จะแนะ อ.ระแงะ และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส
แหล่งข่าวคนเดิม ให้ข้อมูลอีกว่า หน่วยข่าวกรองก็แจ้งมาก่อนหน้านี้เช่นกันว่า มี "กองกำลังติดอาวุธ" ของกลุ่มโจรประมาณ 30 คน พร้อมอาวุธครบมือ ใช้วิทยุไอคอมที่สามารถดักฟังได้ในรหัสความถี่ 123.450 เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่อำเภอรอบนอกของ จ.นราธิวาส และมีการใช้เครื่องขยายเสียงในมัสยิดหลายแห่ง
กองกำลังดังกล่าวประกาศตัวชัดเจนว่า เป็น "นักรบอิสลามฟาตอนีดารุสลาม" จึงเป็นไปได้สูงว่า กองกำลังกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เข้ามาซุ่มโจมตีซ้ำ ภายหลังจากรถของหน่วยทหารถูกลอบวางระเบิด
เขาตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เป้าหมายในการสังหาร 7 ศพ น่าจะเป็นการล้างแค้นยุทธการ "บองอสันติ" ที่ทำให้กลุ่มโจรเสียรังวัดมาแล้วตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งแผนยุทธการดังกล่าวสามารถทำให้แกนนำกลุ่มโจรหลบหนีออกพื้นที่ บางคนก็ถูกจับกุม จึงมีการวางแผนตอบโต้ทหารเพื่อให้ถอนกำลังออกนอกพื้นที่ กลุ่มโจรจึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ทั้งเรื่องของการรักษาพยาบาล หรือการส่งเสบียงอาหาร เป็นต้น
แหล่งข่าวระดับสูงคนเดิม บ่นทิ้งท้ายด้วยความอึดอัดใจว่า
"ขณะนี้กำลังทหารระดับปฏิบัติการในพื้นที่แทบทุกหน่วย เริ่มมีความอึดอัดใจที่ต้องคอยตั้งรับอยู่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า โจรเป็นใคร แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะทหารติดขัดอยู่คำเดียว คือ การสมานฉันท์ตามนโยบายรัฐบาล"
//////////////////////////////////////////////////////////////////
ประยุทธ สิวายะวิโรจน์/นิแวแย เตาะสาตู
จาก คอลัม ตะลุยกองทัพ นสพ.คม ชัด ลึก ครับ
http://www.komchadluek.net/2007/05/mili/u001_115061.php?news_id=115061
ถ้าผู้รับผิดชอบรู้สึกรู้สาถึงการสูญเสียที่จะทำให้เสียกำลังใจต่อกำลังพลคงทำบางอย่างไปแล้ว...แล้วทีสูญเสียก็เป็นหน่วนรบชั้นดีด้วย..เขารู้สึกละอายแทนผู้ที่เสียสละหรือเปล่า....แต่พวกเขาก็ยังเฉยอยู่...หรือว่ายังเสียไม่พอท่าน ผู้บัญชาการทั้งหลาย.....
แด่ทหารหาญ....ทั้ง 7 นาย..ครับ..
ขอดวงวิญญาณของ..ท่าน..จงสู่สุขคติ..ครับ..
เพื่อนแก้วผู้แกล้วกล้า...........ทอดกายา ณ แดนไกล
ต้องเหน็บหนาวร้าวฤทัย.........อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย
รอบข้างมีร่างเพื่อน.............นอนกล่นเกลื่อนชีวาวาย
กอดปืนไว้แนบกาย.............ที่สาหัสด้วยดัสกร
โอ้ เพิ่งได้รู้ความจริง
คือผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าสนับสนุนนโยบายสมานฉันท์
แต่ไม่ใช่สมานฉันท์เชิงรับ มันต้องสมานฉันท์เชิงรุกครับ
สมานฉันท์ท่าเดียวกับคนที่ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นไม่ได้ครับ
คนที่รู้ตัว หมู่บ้านที่ต้องสงสัย มันก็ต้องมีการปิดล้อมตรวจค้น ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ ตั้งรับอย่างเดียว
อย่างนี้คือรอวันตายครับ เพราะโจรเลือกวันว. เวลา น. ได้ตลอด
สำหรับมาตรการเด็ดขาดของเขาไม่ได้หมายถึงการใช้ความรุนแรงโดยไม่เลือกเป้าหมาย หากแต่หมายถึงการใช้กำลัง "ปิดล้อม" และ "ตรวจค้น" ในพื้นที่สีแดง ซึ่งน่าจะได้ผลมากกว่าการลาดตระเวน
อันนี้เห็นด้วยเลยครับ
อ.ระแงะอีกแล้วเหรอ วันนี้ตำรวจก็เสียชีวิตไปอีก 2 นายกลางเมืองระแงะเลย สงสัยคงได้ใจจากวันก่อน
ใครก็ได้บอกผมที ว่าเรามีสิทธิ์โดนแบบที่กบฏโซมาเลียสอยฮ.Black Hawkของทอ.สหรัฐไหม
คิดเล่นๆ อาวุธที่สามารถทำอันตรายได้มากที่สุด ถ้าไม่นับระเบิดแล้ว มันก็มีแค่M-79
ผมไม่ทราบนะว่าM-79นั้นคว่ำฮัมวี่ได้หรือไม่
แต่ไม่แน่ มันอาจซุกRPG-7ไว้ก้นหีบแบบที่กบฏโซมาเลียใช้สอยBlack Hawkก็ได้
กรุณาตอบคำถามผมด้วย ได้ไหมครับ
"บ้านเมืองไหนกฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ นั้นหมายความว่า อำนาจรัฐของบ้านเมืองนั้นหมดสิ้นไปแล้ว"
ไม่รู้จะพูดยังไงให้ผู้ใหญ่เข้าใจน่ะว่าการสมานฉันท์ มันทำได้แค่ระดับหนึ่ง การอาศัยความเด็ดขาดก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เราต้องใช้ แล้วแหกปากโว้ยวายอยู่ได้ว่าการทำงานไม่เป็นเอกภาพในระดับปฎิบัติ ที่พูดเพราะระดับผู้ปฎิบัติเข้ารู้ว่าต้องทำยังไงและหลายหน่วยงานด้วย แต่หน่วยงานหลักโดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ในกองทัพดันแต่ไปตีกอฟล์ เปิดประชุมบอรด์เอาเบี้ยเลี้ยง นั่งจิบไวน์ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา มั่วแต่ไป ซาอุ กลัว OIC กลัวบ้ากลัวบออะไร บ้านเมืองเราทำไมต้องไปถามคนอื่นแล้วเอามาเป็นเงื่อนไขหลักให้เราเป็นฝ่ายเดินไปให้มันยิงเล่นระเบิดเล่นน่ะ
เขาก็มีครอบครัวน่ะครับท่าน และผมขอโทษผมไม่อยากให้ท่านบอกว่า " เรายังยึดแนวทางสมานฉันท์ แต่ในการใช้ความรุนแรงให้ผู้ปฎิบัติเป็นผู้พิจารณา " ฟังดูแล้วเครียด คนระดับนี้พูดออกมาได้ไง เวรกรรม ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนลูกน้องคุณกล้าทำเหรอ
บ้านเมืองไทยเป็นอะไรไปหมด ท่านผบ.ทบ.ครับ พ.ต. ที่ตายไปท่านก็รู้จักลูกน้องท่านเองน่ะ