สงครามจริงนี่ใช้หลายรอบแล้วครับ จรวดร่อนโทมาฮอว์คที่เมกายิงๆๆๆๆๆ ไปหลายร้อยลูกแล้ว ส่วนมากยิงจากแท่นยิง Mk41 VLS ครับ

ส่วนการทำงานนี้เดี๋ยวหาเวลามาเล่าให้ฟังครับ

แท่นยิงรุ่น Mark 41 VSL นั้นเริ่มแรกได้ติดตั้งบนเรือชั้นไทคอนโดโรกากับเรือชั้นสะปร้วนก่อน แล้วจึงนำมาติดตั้งบนเรือพิฆาตชั้นอาเลเบิก ระบบนี้จึงเป็นระบบมาตรฐานสำหรับ ทร.สหรัฐครับ ที่จะติดตั้งบนเรือลาดตระเวณและบนเรือพิฆาต ข้อดีของระบบนี้คือสามารถที่จะบรรจุ อาวุธได้หลากหลายชนิดตั้งแต่ Standart Sm-2 ยัน Asroc และ Tomahawk ครับ

ส่วนเคยได้ใช้งานจริงนั้นก็ใช้ตั้งแต่สงครามอ่าวครั้งแรกแล้วละครับ และก็ยังใช้มาถึงปัจจุบันนี้

Vertical Launch System (VLS) หรือ

แท่นยิงขีปนาวุธแนวตั้ง

คือ แท่นยิงขีปนาวุธจากภาคพื้นดินขึ้นไปบนอากาศตั้งฉากกับเส้นขอบฟ้า หรือแท่นยิงแนวตั้งหรือแท่นยิงแนวดิ่ง ลักษณะแท่นยิงแบบนี้จรวดจะถูกยิงขึ้นไปในแนวตั้งฉากกับตัวเรือ (แนวน้ำ) โดยจรวดจะบรรจุอยู่ในท่อยิง (cell) ซึ่งจะนำมาวางเรียงกันไว้เป็นชุดเดียวกัน อย่างน้อยๆ ก็มักจะ 8 cells ขึ้นไป (มากๆ ก็ถึง 64 cells) รวมกันเป็นแท่นยิง VLS 1 ชุด และใน 1 ท่อยิงนี้ยังอาจจะบรรจุจรวดมากกว่า 1 ลูกก็ได้ ถ้าจรวดมีขนาดเล็ก แท่นยิงขีปนาวุธแบบนี้ที่เป็นที่นิยมมากของชาติตะวันตก คือ แบบ Mk41 VLS ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา

จุดเด่นของแท่นยิง VLS ที่มีเหนือกว่าแท่นยิงแบบหัน-กระดก แบบปกติ (เช่น แท่นยิงจรวดแอสปิเด บนเรือสุโขทัย) คือ

1. ในพื้นที่เท่าๆ กัน แท่นยิง VLS จะมีลูกจรวดพร้อมใช้งาน-ยิงได้ทันที ในจำนวนที่มากกว่ามาก แท่นยิงปกติอาจจะมีลูกจรวดเพียง 6-8 ลูก เท่านั้น เมื่อยิงหมดต้องบรรจุใหม่ด้วยมือ ซึ่งเสียเวลามาก

2. การที่จรวดถูกยิงขึ้นในแนวดิ่ง ทำให้จรวดสามารถเลี้ยวไปได้ในทุกทิศทางที่ต้องการได้เลย ในขณะที่แท่นยิงแบบปกติ ต้องทำการหันและกระดกก่อน จึงจะยิงได้ ทำให้เสียเวลามากกว่า รวมทั้งถ้าจะยิงจรวดลูกต่อไปในทิศทางอื่น ก็ต้องหันแท่นยิงอีก ในขณะที่แท่นยิงแบบ VLS สามารถยิงจรวดทั้ง 2 ลูก ต่อเนื่องกันได้เลย จุดเด่นนี้มีประโยชน์มาก สำหรับการยิงจรวดแซม เข้าหาเป้าในหลายทิศทาง เพิ่มความรวดเร็วในการตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศได้มาก

อย่างไรก็ดี  VLS มีข้อด้อยหลายประการ คือ

1. ถ้าจรวดในแท่นยิง VLS หมด การบรรจุใหม่จะยากกว่าแท่นปกติมาก เนื่องจากต้องใช้เครนยก cell บรรจุลูกจรวดใหม่ ใส่ลงไป ซึ่งโดยมากต้องทำกันในท่าเรือ กลางทะเลจะยุ่งยากมาก

2. ถ้าเรือถูกยิงที่แท่นยิง VLS จะเหมือนเรือถูกยิงเข้าที่คลังลูกจรวดเลยทีเดียว เพราะ จรวดจะอยู่รวมๆ กันจำนวนมาก คงระเบิดกระจุยกระจายทีเดียว

3. แท่นยิง VLS ต้องการเนื้อที่ภายในตัวเรือมาก (เพราะ แท่นยิงต้องฝังลงไปในตัวเรือจนหมด) เรือเล็กๆ จะติดตั้งลำบาก แต่ก็แก้โดยติดตั้งแท่นยิงให้บางส่วนโผล่ขึ้นมาเหนือดาดฟ้า

4. ลูกจรวดที่ใช้กับแท่นยิง VLS ต้องออกแบบเฉพาะ โดยเพิ่มบูสเตอร์สำหรับผลักดันจรวดขึ้นจากแท่นยิงในแนวดิ่ง และต้องมีระบบปรับทิศทางแรงขับด้วย เพื่อบังคับให้จรวดเลี้ยวไปยังทิศทางที่ต้องการ

ภาพท่อยิง Mk41 VLS ขณะยังไม่มีการยิง - ภาพขวามือเปิดฝา

และภาพขณะส่วนหัวของอาวุธทุ่งออกจากท่อยิง

ภาพขณะส่วนหัวของอาวุธพุ่งออกจากท่อยิง

อาวุธปล่อยชนิดอื่นๆที่ใช้กับท่อยิงแนวดิ่ง VLS ได้ ก็มีเช่น

1. ซี สแปร์โรว์

2. STANDARD Missile-2 Block II, III

3. ASROC ที่ใช้ยิงกับแท่นยิงแนวดิ่ง ที่คุณ Kjnavy กล่าวถึงในกระทู้เรือพุทธยอดฟ้าคะ

ASROC ที่ใช้ยิงกับแท่นยิงแนวดิ่ง จะมีชื่อเรียกว่า VLASROC หรือในชื่อเต็ม คือ Vertical Launch Anti-Submarine Rocket คะ (ASROC ย่อมาจาก Anti-submarine rocket - 0รวดต่อต้านเรือดำน้ำ +  VL ตัวย่อของ Verticcal Launch - การยิงในแนวดิ่ง)

อาวุธปล่อยชนิดอื่นๆที่ใช้กับท่อยิงแนวดิ่ง VLS ได้ (ต่อ)

4. โทมาฮอกว์

5. STANDARD Missile-2 Block IV, IVA Missile-3²

ภาพวาดย่อของท่อยิงแนวดิ่งต่างๆที่นำมาให้ชมนี้ จะเป็นภาพท่อยิงตามแนวยาว และอาวุธที่บรรจุอยู่ข้างใน และรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คือ ภาพท่อยิงเมื่อมองจากฝาท่อยิงลงไปข้างในคะ