หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


Mig31 ยังมีความจำเป็นอยู่รึเปล่าครับ

โดยคุณ : toto เมื่อวันที่ : 27/04/2007 17:27:52

ในปัจจุบันนั้น mig31 มีความสามารถที่จะต่อกรกับ บ ใหม่ๆ อย่าง ef2000 ราฟาล ฯลฯ ได้รึเปล่าครับ




ความคิดเห็นที่ 1


รัสเซียนั้นออกแบบ MiG-31 มาสำหรับภารกิจการสกัดกั้นทางอากาศระยะไกลซึ่ง การวางกำลังของหน่วยบิน MiG-31 นั้นมักจะอยู่ที่สนามบินแถบพรมแดนด้านตะวันออกของรัสเซียเพื่อสกัดกั้น บ.สอดแนมหรือบ.ทิ้งระเบิดของสหรัฐฯที่อาจจะเจาะห้วงอากาศเข้ามาได้ครับ

MiG-31 นั้นเป็น บ.ขับไล่ขนาดหนักซึ่งมีความคล่องตัวในการรบระยะประชิดต่ำ แต่เนื่องจากที่ บ.นั้นมีกำลังขับสูงและติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยไกลอย่างรุ่นปรับปรุงที่ประจำการในรัสเซียปัจจุบันนี้สามารถติด R-77 รุ่นใหม่ที่มีพิสัยการยิงหลาย100กิโลเมตรทำให้ บ.MiG-31 อันตรายมากในการต่อสู้ระยะไกลครับ ซึ่งอาวุธปล่อยที่ทั้ง Typhoon กับ Rafale พอจะแลกหมัดได้ก็มี Meteor ครับ

Typhoon กับ Rafale มีข้อได้เปรียบ MiG-31 ตรงที่ระบบที่ติดตั้งภายในนั้นมีความทันสมัยกว่าครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของนักบินและระบบการควบคุมในสนามรบด้วยครับว่าใครเห็นใครก่อน

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 24/04/2007 09:24:51


ความคิดเห็นที่ 2


อ่าวบ.MiG-31ไม่ติด Amos แล้วหรอครับ ผมว่าถ้ายังติด Amos อยู่ef2000 ราฟาล ฯลฯ mig31ก็มีความสามารถที่จะต่อกรแน่ๆครับอาจจะได้เปรียบด้วยซ้ำนะ
โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 24/04/2007 09:45:04


ความคิดเห็นที่ 3


มิก-25 และ มิก-31 เป็นเครื่องบินขับไล่ป้องกันภัยทางอากาศยุทธศาสตร์ ครับ..........อาวุธติดตั้งระดับยุทธศาสตร์ จึงต้องมโหรทึก อย่างน้อยก็ต้อง เอๆ-9 อาโมส จรวดอากาศ - อากาศ พิสัยไกล(ระดับเดียวกะ เอไอเอ็ม-54 ดี ฟีนิกส์) เจ้าตัวนี้ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วย ขอบอก .................. ไม่ถูกนัก ที่จะนำ มิก-31 มาเทียบกับ ราฟาล หรือ ยูโร่ไฟเท่อร์ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับขนาด และภารกิจ มันแตกต่างกันอย่างชัดเจน ................ ภารกิจหลักของมิก-31 ควรเป็นการจัดการกับ หมู่ฝูงบินขับไล่ หรือฝูงบินทิ้งระเบิด และแม้แต่เครื่องบินจารกรรมที่บินด้วยเพดานบินสูงๆ ...........เนื่องจากแต่เดิม โซเวียต มีอาณาบริเวณกว้างขวาง เครื่องบินป้องกัยภัยทางอากาศที่มีพิสัยบินไกล มีความเร็วสูง มีเพดานบิน/อัตราไต่มโหฬาร มีเรดาร์ตรวจการณ์และอาวุธยิงพิสัยไกล เป็นหัวข้อสำคัญในการกำหนดสเป็ค ครับ................................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 24/04/2007 11:04:52


ความคิดเห็นที่ 4


ขอถามอีกอย่างครับสมมุตว่า เกิดเครื่องบินพวก B-2 F-117 F-22 หลงทางบินเข้าไปในน่านฟ้าของพี่หมี มิก31 จะสามารถจัดการใด้รึป่าวครับ เรดาห์ของมิก31สามารถตรวจจับและจัดการพวกเครื่องบินสเตรธ์ได้รึป่าวครับ
โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 24/04/2007 12:14:07


ความคิดเห็นที่ 5


.......มิก 31 นั้นหลังๆมานี่ใช้เป็นเครื่องบิน เอแวค ไปในตัวในและใช้อาวุธยิงพิสัยไกลเข้าต่อตี ก่อนจะใช้เครื่องบินที่ตามกันมาเข้าไปลุยกันอีกที และ ยังใช้ตรวจการณ์ ขีปนาวุธ จรวดครูซ นำวิถี ที่ยิงเข้ามาในพื้นที่ ไม่ว่าจะทางเรือดำน้ำ ยิงมากับรถ แล้วทำลายได้ทันที  นอกจากนั้นยังใช้ ดาตาลิงซ์ ระบบเรดาห์ของ มิก 31 ด้วยกัน รวมกันได้ถึง 4เครื่อง สามารถทำให้ระยะตรวจการณ์ได้ไกลถึง 900 กิโลเมตร 

....นอกจากนั้น ยังมี จีน ที่จำไม่ได้ว่าซื้อ สิทธิบัตร ไปผลิตใช้เอง หรือ ซื้อเข้าประจำการเลยหรือไม่ ในปี 1992 ประมาณเนี้ยล่ะ

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 24/04/2007 13:39:09


ความคิดเห็นที่ 6


การมีมิก-31ไว้ในประจำการก็เหมือนมีฐานปล่อยขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศเคลื่อนที่ได้นั่นเอง........................ ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีใช้อยู่นั้น ส่วนใหญ่จะวางเป็นเคลือข่าย คือมีสถานีแพร่คลื่นวางกระจายตามที่ต่างๆ แล้วส่งข้อมูลมาสังเคราะห์เป็นภาพต่อเนื่องที่ศูนย์บัญชาการ(มีในหัวข้อเก่าๆเรื่องเอแวคส์ (บาตรน้ำมนต์ และเรดาร์อุตุฯ)) หลังจากนั้นผู้บังคับบัญชาจึงสั่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสกัดกั้น หรือ สั่งฐานยิงขีปนาวุธให้เตรียมพร้อมรอคอยเป้าหมายเข้าใกล้ระยะยิง ................... กรณีโซเวียตซึ่งมีพื้นที่กว้างใหม่ การมีเครื่องบินรบ ซึ่งมีเรดาร์ตรวจการได้ไกล มีพิสัยบินไกล/เร็ว แถมมีอาวุธยิงระยะยาว จึงเหมือนกับมีสถานีตรวจการณ์  และฐานปล่อยขีปนาวุธ รวมไว้ในอย่างเดียว ..............การวางกำลังมิก-31 จึงนิยมในพื้นที่ส่วนหน้า หรือบริเวณที่คาดว่าล่อแหลมต่อการถูกบุกรุกหรือเจาะแนวป้องกันเข้ามา หรืออีกนัยหนึ่งเหมือนเป็นการลดช่องว่างของระบบใหญ่....................... เคยได้ยินว่า เรดาร์เฟสอะเรย์ของมิก-31 มีกำลังแรงมาก เทียบได้กับเอแวคส์น้อยๆเลยทีเดียว ดังนั้นจึงเชื่อว่าแรปเตอร์จึงอยู่ใน"วิสัย" ที่เจ้ายักษ์ใหญ่จะเด็ดปีกได้ ................................ ขอให้เพื่อนๆทำความเข้าใจใหม่.......................ขอให้เข้าใจว่า มิก-25 และ มิก-31 ไม่ใช่เครื่องบินขับไล่ยุทธวิธี................มันคือระบบป้องกันภัยทางอากาศยุทธศาสตร์ เปรียบเหมือน ฐานเรดาร์และฐานปล่อยขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศซึ่งเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและไกลสุดกู่.......ดังนี้เป็นต้น.......
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 24/04/2007 13:48:28


ความคิดเห็นที่ 7


ขอบคุณท่าน กบครับ ท่านMIG31 ครับเท่าที่ผมทราบจีนไม่มีmig31ครับ
โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 24/04/2007 14:03:29


ความคิดเห็นที่ 8


เท่าที่เคยได้ยินมีอิหร่านครับนะครับที่เคยได้ยินว่ามีความพยายามขอซื้อ MIG-31เพื่อมาทดแทนF-14
โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 24/04/2007 14:06:30


ความคิดเห็นที่ 9


จากที่ จขกท.ถามมาก็คือว่า

MIG 31 สามารถจัดการกับ บ. พวกนั้นได้จากระยะไกลได้เลยใช่ไหมครับ

โดยคุณ SS_THaiLAnd เมื่อวันที่ 24/04/2007 14:28:32


ความคิดเห็นที่ 10


สรุปง่ายๆนะครับ Mig31 นั้นก็เปรียบเสมือนเครื่อง Awac ลำย่อยๆนั่นเองครับแล้วอย่างที่มีหลายท่านได้กล่าวมาข้างต้นก็คือ Mig31 นั้นเป็นเครื่องบินที่ออกแบบสำหรับภารกิจป้องกันน่านฟ้าอันกว้างใหย่ของอดีตสหภาพโซเวียตนั้นแหละครับ

โดยคุณ photo pds เมื่อวันที่ 24/04/2007 17:33:34


ความคิดเห็นที่ 11


.....สำหรับที่ผมบอก เกี่ยวกับ มิก 31 ของ จีนนั้น ตามนี้อ่ะครับ

...In 1992 the Chinese reached agreement with the Russian Federation to buy 24 MiG-31 Foxhound long-range interceptors. The MiG-31s were expected to be assembled at a newly set-up factory in Shenyang, with production at a rate of four per month expected by 2000. The last aircraft was to be delivered by the year 2000. According to some reports the agreement included a license to build as many as 700 aircraft, and some projection envisioned that at least 200 would actually be deployed by the year 2010.

.....เลยไม่รุว่า มีประจำการหรือไม่สำหรับ จีน   โดย มิก 31 นั้นก็อย่างที่กล่าวกันไปแล้วว่า เป็นแนวหน้าของเครื่องสกัดกั้นขนาดใหญ่เพดานบินสูง ความเร็วสูง รุ่นสุดท้าย ต่อ จาก มิก25 ตู 128 พีลิแกน และ ลาวอชกิน แอลเอ 250 อนาคอนด้า


โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 24/04/2007 18:05:05


ความคิดเห็นที่ 12


เคยอ่านในหนังสือเล่มไหน จำไม่ได้แล้วครับ...แล้วจะหามาให้อ่านครับ..ว่า Mig-31 รัสเซีย มีไว้เพื่อต่อต้าน เครื่องบินติดอาุวุธนิวเคลียร์ ในช่วงสงครามเย็น คือ บินขึ้นฟ้า ไปสกัดกั้น แล้วก็ต้องรีบกลับลงมา...เพราะรบไม่ได้นาน..เน้น ความเร็วสูงเพื่อขึ้นไปสกัดกั้นเท่านั้น ครับ...น่าจะแบบที่ ท่าน กบ ให้ีีความเห็นไว้ครับ...และรู้สึกว่า จะมีความเสียหายค่อนข้างสูง ในการขึ้นบินแต่ละครั้ง...อายุการใช้งานต่ำ...จนเมื่อสงครามเย็นยุติ รัสเซียแตกสลาย...Mig-31 จึงน่าจะสลายตามไปด้วยครับ...

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 24/04/2007 22:09:50


ความคิดเห็นที่ 13


รบกวนถามต่อนะครับ เรดาร์เฟสอะเรย์ของมิก-31 เทียบกับเรดาร์ที่ติดกับ su30 แล้ว ของ มิก31 มีกำลังสูงกว่าเหรอครับ ถ้างั้นแล้ว ทำไมไม่ติดเรดาร์ของมิก31 ให้กับsu30 อ่ะครับ อีกอย่างระบบอาวุธของ ซู30 กับมิก31 นั้น อันไหนมีปนะสิทธิภาพมากกว่ากันครับ

โดยคุณ toto เมื่อวันที่ 25/04/2007 02:37:35


ความคิดเห็นที่ 14


Radar Zaslon-M ของ MiG-31 นั้นมีระยะตรวจจับเป้าหมายสูงสุดที่ 400กิโลเมตร(ถ้าเป็นเป้าขนาด บ.ขับไล่น่าจะลดลงเป็น 200กิโลเมตร)ครับ สามารถติดตามและโจมตีเป้าหมายได้พร้อมกัน10เป้าหมายในเวลาเดียวกัน

 สำหรับ Radar Phazotron BARS N-011M ของ Su-30 นั้นมีระยะตรวจจับที่ 200กิโลเมตร ติดตามเป้าได้พร้อมกัน 15เป้าหมาย

เหตุผลที่ไม่มีการนำ Radar ของ MiG-31 มาติดกับ Su-30 นั้นก็มีเหตุหลักๆมาจากขนาดและน้ำหนักของRadar ที่ยัดเข้าไปไม่ได้นั้นแลครับ

อินเดียเองเคยเสนอความต้องการให้เปลี่ยน Radar ของ MiG-29K จาก Zhuk-M มาเป็น Bars ครับแต่รัสเซียบอกว่าทำให้ไม่ได้  

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 25/04/2007 09:38:21


ความคิดเห็นที่ 15


เรดาร์พวกนี้ตรวจไม่พบ F-22A หรอกครับ ยกเว้นว่าจะอยู่ในระยะใกล้ๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นเรดาร์ที่ใช้ความถี่ช่วง X-band ซึ่ง F-22A รวมทั้ง F-35 ต่างออกแบบมาเพื่อรับมือกับเรดาร์ประเภทนี้อยู่แล้ว อีกอย่างนึง คือ Mig-31 เป็น บ.ขนาดใหญ่มาก และไม่ได้ออกแบบให้ตรวจจับได้ยาก ดังนั้นพวก บ.stealth นั้น จะตรวจพบ Mig-31 ด้วยเรดาร์ AESA ได้ตั้งแต่ระยะไกลทีเดียว และก็จัดการด้วยจรวดระยะยิงปานกลางครับ

โดยคุณ rinsc_seaver เมื่อวันที่ 25/04/2007 17:40:26


ความคิดเห็นที่ 16


 

   แต่ผมกลับเห็นว่าแนวคิดของการวาง Mig-31 ที่เป็นเครื่องขับไล่ขนาดใหญ่นั้นน่าสนใจมากครับ

       เพราะปัจจุบันเครื่องบินมีความสามารถในการเสตลธ์สูงขึ้นเรื่อยๆ     เครื่องขนาดเล็กจะไม่สามารถตรวจจับเครื่องเสตลธ์ได้ง่ายๆเลย   เพราะว่าระบบเรด้าร์และอุปกรณ์อินฟาเรดที่ติดตั้งนั้นมีประสิทธิภาพต่ำ    ระยะการตรวจจับสั้น     จึงยากมากที่จะทำการตรวจจับเครื่องเสตลธ์ได้แต่เนิ่นๆ        ก็เลยมีโอกาสที่จะถูกตรวจจับและถูกสอยได้ก่อน      แต่เครื่องขนาดเล็กเองก็มีดีตรงที่ "เล็ก"      จึงสามารถออกแบบให้มีหน้าตัดขนาดเล็กได้ง่ายกว่ามาก       และนอกจากนี้มีความคล่องตัวในการ dog fight ที่ดีมาก      ดังนั้นถ้าเข้าคลุกวงในได้    เครื่องขับไล่ครองอากาศขนาดใหญ่ท่าทางจะต้องเจอกระดูกชิ้นโต     แถมราคาก็ถูกกว่าด้วย    จึงจัดหาจำนวนมากได้

           ในขณะที่เครื่องขับไล่ครองอากาศขนาดใหญ่ดูจะได้เปรียบกว่าในเรื่องเรด้าร์และอุปกรณือินฟาเรดสำหรับการตรวจจับ     ระบบเรด้าร์ใหม่ๆนั้น    น่าจะสามารถส่งคลื่นเรด้าร์ที่มีความยาวคลื่นสั้นๆได้ดีกว่า     เพราะกำลังส่งสูงกว่า    ขนาดสายอากาศก็ใหญ่กว่า    และพลังของแบตตารี่ก็น่าจะมากกว่าด้วย     ทำให้สามารถตรวจจับเครื่องบินเสตลธ์ได้ง่ายกว่าและตรวจจับได้ในระยะทางที่ไกลกว่าด้วย         แต่ตัวมันเองก็ถูกตรวจพบได้ง่ายกว่า    เพราะการที่จะทำให้เครื่องขนาดใหญ่มีหน้าตัดเรด้าร์เล็กมากๆนั้น   ทำได้ยากกว่าเครื่องขนาดเล็ก   

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 25/04/2007 22:42:47


ความคิดเห็นที่ 17


 

    ผมเลยมีแนวคิดว่า    ถ้าจะให้ฝูงบินขับไล่ของเราสามารถทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น     จะต้องทำกันเป็นทีม     คือ   มีเครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่มากที่อาจมีนน.ตัวเปล่าล่อเข้าไป 20 ตันอย่างMig-31   แต่ระบบเรด้าร์ของเครื่อง     จัดอยู่ในระดับเดียวกับเครื่อง AWAC   โดยออกแบบให้จมูกยาวมากๆๆๆ   และทำการติดตั้งเรด้าร์ ASEA  ที่ส่งสัญาณเรด้าร์ไปข้างหน้า  และ เรด้าร์เฟสอาเรย์ที่สามารถส่งสัญญาณเรด้าร์ออกไปทางข้างตรงจมูกที่ยาวนั้น       กำลังส่งสูงระดับน้องๆ AWAC     แบ๊ตเตอร์รี่ทนทานยาวนาน      

       นอกจากนี้ให้เครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่มาก   ติดตั้งระบบดาต้าลิ้งค์ที่ประสิทธิภาพสูงมาก     เพื่อนำส่งข้อมูลให้เครื่องบินขับไล่เล็กๆที่บินอยู่ในทีมได้ทีเดียวมากกว่า 8-12 เครื่อง       และนอกจากนี้เครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่มากต้องสามารถแบกอาวุธนำวิถี BVR ที่มีระยะยิงไกลๆระดับ 200+ กม. ได้จำนวนหลายลูกมากๆ    

     ดังนั้นในระยะไกลเครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่มาก     จะเป็นตัวทำหน้าที่เป็นเครื่อง AWAC  สามารถตรวจจับเครื่องเสตลธ์ได้ระยะไกล     ทำการส่งข้อมูลเกี่ยวกับข้าศึกให้เครื่องขับไล่เบา(ที่มีเทคโนโลยีเสตลธ์)     และทำหน้าที่เป็นฐานจรวด SAM ที่จะทำการส่ง BVR ที่มีระยะยิง 200+ กม.   ไปให้ข้าศึกลองฝึกหลบจรวดเล่นๆก่อน       ใครมือไม่ถึงก็เดี้ยงตั้งแต่ยังไม่เข้าประชิด       ช่วงที่ BVR ระยะ 200+ กม. ของฝ่ายเรายิงออกไป      ก็จะเปิดโอกาสให้เครื่องบินขับไล่ขนาดเบาของเราที่อยู่ในทีม    สามารถเข้าชาร์จหาข้าศึกในทันทีเพื่อปิดระยะเข้าคลุกวงในที่ตนเองได้เปรียบ     พอเครื่องบินขับไล่เบาเข้าชาร์จได้แล้ว     เครื่องบินขับไล่ขนาดใหญามากก็จะต้องตีวงออกไปนอกสมรภูมิทันทีเพราะความคล่องตัวทางการบินเป็นรองข้าศึก   

        นี่เป็นแนวคิดของผมครับ

          

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 25/04/2007 22:57:06


ความคิดเห็นที่ 18


สิ่งสำคัญของระยะตรวจจับของเรดาร์คือ กำลังส่ง และขนาดของเป้า ........................แต่ย่านความถี่ของคลื่นเรดาร์เป็นอีกนัยสำคัญซึ่งต้องสัมพันธ์กับขนาดของเป้าหมาย.................... ผมยกตัวอย่างเรดาร์อุตุนิยมวิทยา สามรถตวจจับกลุ่มเมฆฝนซึ่งมีอณูภายในจับกันอยู่อย่างเบาบางได้ที่ระยะเกือบ 100 กิโลเมตร แต่สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาดโบอิ้ง 737  ขณะเอพโพรชเข้าสนามบินระยะแบบเผาขน เรดาร์แบบนี้กลับมองไม่เห็น.................. การทำงานของระบบสเตวท์คือความพยายามในการลดทอนหน้าตัดเรดาร์ มันตรงไปตรงมาไม่มีอะไรที่ซับซ้อนหรือเงื่อนงำเกินความสามารถที่เราจะเข้าใจได้ .................ดังนั้น ทางแก้ไขสำหรับมิก-31 ต่อเครื่องบินสเตวล์ก็คือการปรับปรุงย่านความถี่ของเรดาร์ อาจทำโดยสลับการแพร่ไปมาในย่านต่างๆสำหรับโหมดตรวจการณ์ (จับได้ทั้งแมงเม่าแมงหวี่ ไปจนถึงอีแร้งดง) ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้เป็นเทคโนโลยี่ใหม่เลย มีใช้ในเรือเอจีสแทบทุกลำ..............................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 26/04/2007 09:24:14


ความคิดเห็นที่ 19


 

      คลื่นเรด้าร์ปัจจุบันทำงานในย่านความยาวคลื่นระดับเซนติเมตรเวฟ        ก็ถือว่าเยี่ยมมากแล้ว    แต่เครื่องเสตลธ์นี่ทำให้ความยาวคลื่นระดับนี้มีประโยชน์น้อยมาก

       จะตรวจจับเครื่องเสตลธ์   คงต้องใช้ความยาวคลื่นแค่ 1-2 เซนติเมตร  หรือระดับ มิลลิเมตรเวฟ    ซึ่งจะกินพลังงานมากกว่าความยาวคลื่นปัจจุบัน 3- 5 เท่าเลยนะ    ซึ่งเครื่องระดับ AWAC น่าจะทำได้โดยไม่มีปัญหา

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 26/04/2007 20:47:40


ความคิดเห็นที่ 20


เท่าที่ผมเรียน  คือ  เรดาร์ ความยาวคลืนน่าจะอยู่ประมาณ
มิลลิเมตร นะครับ
โดยคุณ c_hai เมื่อวันที่ 27/04/2007 08:11:53


ความคิดเห็นที่ 21


เรดาร์ที่มีช่วงคลื่น L หรือ S-band มีโอกาสที่จะตรวจจับเครื่อง stealth ได้ดีกว่า X-band ครับ

โดยคุณ rinsc_seaver เมื่อวันที่ 27/04/2007 17:27:52