เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 22 เม.ย. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางออกจากบ้านพักย่านลาดกระบัง ไปยังสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เพื่อรับประทานอาหารกลางวันกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยมี พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วย ทั้งนี้ คาดว่านายกรัฐมนตรี ได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทยในหลายประเด็น เพราะนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นการ ปลายเดือนพฤษภาคมนี้.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=124921&NewsType=1&Template=1
ไม่ทราบ ว่า พอจะมีความหวังหรือโครงการเกี่ยวกับ อาวุธอะไรใหม่ ๆ จากจีน บ้างไหมครับ
ปกติแล้ว ระดับผู้นำประเทศ ไปสถานทูตของประเทศต่าง ๆ นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติครับ แสดงว่ามีเรื่องสำคัญมาก ๆ ที่ไม่สามารถใช้โทรศัพท์พูดคุย หรือไม่สามารถใช้ตัวแทน และไม่สามารถใช้สถานที่อื่น ๆ ในการพบกันได้แม้แต่ทำเนียบรัฐบาล คิดมากไปหรือป่าวหว่า..
ส่วนหนึ่งของเหตุผลที่นายกไป นอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจ นายกคุยเรื่อง ปัญหาสามจังหวัด เนื่องจากขระนี้มีชาติบางชาติได้ไปเสนอเรื่องราวใน3จังหวัด ในแง่ลบ หาว่าคนไทยพุทธรังแกคนมุสลิมต่อสมาชิกขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลกหรือ OIC โดยหวังให้ OICให้นำเรื่อง3สามจังหวัด เข้าเสนอต่อที่ประชุมสหประชาชาติ พี่ไทยจึงต้องวิ่งไปหาจีนซึ่งเป็น1ใน 5 สมาชิกถาวรที่มีสิทธิในการยับยั้งมติได้........อนึ่งหากสหประชาชาติเข้ามาจริงๆ และมีการให้ออกเสียงว่าจะอยู่กับไทยหรือแยกตัว เรือหลวงหลายลำคงจะได้เปลี่ยนชื่อแน่ เพราะถึงวันนั้น ไม่ทราบว่าในดินแดนสามจังหวัดยังจะมีคนไทยทั้งกายและใจหลงเหลือจะออกเสียงอยู่หรือไม่
ปล. สัตว์นรกที่วิ่งไปOICและสหประชาชาติมีทั้งพวกใกล้บ้านเราและที่อยู่ไกลๆ ที่คนของเราเคยไปขโมยเพชรมาและคนไทย ( พวกสาวไส้ให้กากิน )