สืบเนื่องจากกระทู้ c-802 (3955) มีข้อสงสัยดังนี้ครับ
1. ถ้าระยะยิงมันถึง 120 KM นี่มันเกินระยะขอบฟ้าล่ะเปล่าครับ แล้วระยะขอบฟ้านี่ประมาณกี่กิโลเมตรล่ะครับ
ถ้าเกินระยะขอบฟ้า.........อ่านข้อ2.ต่อนะครับ
2.ถ้าต้องยิงเกินระยะขอบฟ้าแล้วเราจะเอา s-70b หรือ super lynk300 ไปชี้เป้าได้หรือไม่ครับ(ไม่รู้ระบบจะเข้ากันได้ล่ะเปล่าหรือต้องมีการปรับปรุงให้ชี้เป้าหมายได้อีกทีนึง)
3.เรือชุดเจ้าพระยามีแค่ 2 ลำที่สามารถนำ ฮ. ไปได้แสดงว่าจะมี 2 ลำที่ไม่มีความสามารถที่จะยิงอาวุธเกินขอบฟ้าด้วยตัวเองได้สิครับ
4.เป็นไปได้ไหมครับที่จะมีการปรับปรุงเอา 100mm แท่นคู่ท้ายเรืออีก 2 ลำ ออกด้วยเพื่อจะแปลงเป็นลานจอด ฮ.แทน ทำให้มีขีดความสามารถยิง c-802 ได้อย่างเต็มระยะยิง(ไหนๆจะปรับปรุงแล้วแล้วทำไมไม่ทำโรงเก็บ ฮ.ท้ายลำแล้วเอา ciws ไปไว้บนโรงเก็บฮ.ซะเลยอ่ะ)
5.งั้นเรือโจมตี อวป. พม่าที่ติด c-802 ก็ไม่มีขีดความสามารถนี้เช่นกันสิครับเพราะไม่มีขีดความสามารถนำวิถีให้อาวุธปล่อยไปได้ไกลเกินขอบฟ้า
หมดคำถามแล้วครับขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ
เคยได้ยินมาว่า ระยะเส้นขอบฟ้าในทะเล(ซึ่งน่าจะไกลกว่าบนบกเพราะพื้นน้ำราบเรียบ) อยู่ที่ราวๆ 20 ไมล์ทะเล หรือราวเกือบ 40 กิโลเมตร ................... หลังจากเส้นขอบฟ้า เราจะไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายด้วยสายดา(ถ้าใครเห็นได้ ถือเป็นภัยคุกคามต่อภาวะความเป็นส่วนตัวของมวลมนุษยชาติ.....) และทำนองเดียวกันเป้าหมายหลังเส้นขอบฟ้าย่อมรอดพ้นจากการตรวจจับด้วยเรด้าร์ ....................นั่นหมายความว่า อาวุธนำวิถีแม้จะมีระยะยิงมากๆ แต่ก็ไม่สามารถยิงเข้าใส่เป้าหมายหลังเส้นขอบฟ้า ในกรณีที่เรือยิงไม่มีข้อมูลใดๆของเป้าหมายสำหรับโปรแกรมส่วนนำวิถีของจรวด............... ในทางปฎิบัติ การยิงอาวุธนำวิถีพื้นสู่พื้นด้วยเรดาร์ไปยังเป้าหมายหลังเส้นขอบฟ้า จำเป็นจะต้องมีการชี้เป้าหมายจากแหล่งแพร่สัญญาณ ซึ่งตรวจจับเป้าหมายได้โดยตรงแล้วส่งต่อไปยังฐานยิงอาวุธ ........................ ในการรบทางทะเล นิยมใช้เฮลิคอปเตอร์(เรียกว่า ตะเกียง)เป็นตัวชี้เป้าหมาย เนื่องจากเข้าหาและออกจากเป้าหมายได้รวดเร็วคล่องตัว......................
1. ตอบไปแล้วจากอธบายข้างบน
2. เท่าทีทราบ จรวดหลายแบบโคจรเข้าหาเป้าหมายโดยแรงเฉื่อยในเบื้องแรก กระทั่งใกล้เป้าหมายจึงเปิดระบบค้นหาเป้าหมายด้วยเรดาร์ที่อยู่ส่วนหัวของจรวดเอง(อำรามเป็นต้น) ซึ่งการโปรแกรมข้อมูลในเบื้องแรก จำเป็นต้องป้อนระยะ ทิศทาง ความเร็ว ความสูงของเป้าหมาย เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สร้างแผนภาพคร่าวๆในหน่วยความจำ แล้วจึงโคจรเข้าหาด้วยอุปกีณ์การนำร่องด้วยแรงเฉื่อย(ไจโร มีอธิบายในกระทู้เก่าๆ(ฉี่หัวคะมำ)) ดังนั้น เจ้าตะเกียงต้องมีระบบตรวจจับที่แจ้งข้อมูลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ และส่งต่อข้อมูลในเชิงดิจิตั้ลได้ด้วย (ไม่แน่ใจ เรดาร์ในซีฮอว์ค จะทำได้หรือไม่) ที่สำคัญจะต้องมีระบบดาต้าลิ้งค์ใช้ส่งข้อมูล
3 รอเพื่อนๆมาตอบ
4 เหมือน 4
5 ไม่น่าได้...........
เคยได้ยินมาว่า ระยะขอบฟ้าในทะเล(ซึ่งน่าจะไกลกว่าบนบกเพราะพื้นน้ำราบเรียบ) อยู่ที่ราวๆ 20 ไมล์ทะเล หรือราวเกือบ 40 กิโลเมตร ................... เราไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆหลังเส้นขอบฟ้า (ถ้าใครมองเห็น ถือเป็นภัยคุกคามต่อภาวะความเป็นส่วนตัวของมวลมนุษยชาติ.....) ในทำนองเดียวกันเป้าหมายหลังเส้นขอบฟ้าย่อมรอดพ้นจากการตรวจจับด้วยเรด้าร์ ....................นั่นหมายความว่า อาวุธนำวิถีแม้จะมีระยะยิงไกลมากๆ แต่จะไม่สามารถยิงใส่เป้าหมายหลังเส้นขอบฟ้า เนื่องจากเรือยิงไม่มีข้อมูลใดๆของเป้าหมายสำหรับโปรแกรมส่วนนำวิถีของจรวด............... ในทางปฎิบัติ การยิงอาวุธนำวิถีพื้นสู่พื้นด้วยเรดาร์สู่เป้าหมายหลังเส้นขอบฟ้า จำเป็นต้องมีแหล่งชี้เป้า ซึ่งตรวจจับเป้าหมายได้โดยตรงแล้วส่งต่อไปยังฐานยิงอาวุธ ........................ ในการรบทางทะเลปัจจุบันนิยมใช้เฮลิคอปเตอร์(เรียกว่า ตะเกียง)ทำหน้าที่ดังกล่าว เนื่องจากเคลื่อนที่เข้าและออกจากเป้าหมายได้รวดเร็วคล่องตัว......................
1. ตอบไปแล้วจากอธบายข้างบน
2. เท่าทีทราบ จรวดหลายแบบโคจรเข้าหาเป้าหมายโดยแรงเฉื่อยในเบื้องต้น กระทั่งเข้าใกล้จึงเปิดระบบค้นหาด้วยเรดาร์ที่ติดอยู่ส่วนหัวของจรวด(อำรามเป็นต้น) ..........ซึ่งการโปรแกรมข้อมูลก่อนทำการปล่อยอาวุธนั้น จำเป็นต้องป้อนระยะ ทิศทาง ความเร็ว ความสูงของเป้าหมาย เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สร้างแผนภาพคร่าวๆประกอบด้วยวิถีและมุมเล็งดักในหน่วยความจำ จากนั้นในระหว่างการโคจรระบบจะนำร่องเข้าสู่ตำบลของเป้าด้วยแรงเฉื่อย(ไจโร มีอธิบายในกระทู้เก่าๆ(ฉี่หัวคะมำ))...................... ดังนั้น สำคัญอย่างยิ่งเจ้าตะเกียงต้องมีระบบตรวจจับได้ครบถ้วนอย่างถูกต้องแม่นยำ และส่งต่อข้อมูลในเชิงดิจิตั้ลได้ด้วย (ไม่แน่ใจ เรดาร์ในซีฮอว์ค จะทำได้หรือไม่) ที่สำคัญจะต้องมีระบบดาต้าลิ้งค์ใช้ส่งข้อมูล
3 รอเพื่อนๆมาตอบ
4 เหมือน 4
5 ไม่น่าได้...........
ระยะขอบฟ้า ขึ้นอยู่กับความสูงของผู้มองด้วยครับ ถ้าอยู่สูง ก็มองได้ไกล เฉกเช่นเรดาร์ ทำไมเรดาร์ถึงต้องอยู่สูงๆ ก็เพื่อเพิ่มระยะทำการ ทีนี้ ตามที่พี่กบว่า อวป.พวกนี้ส่วนมากบินเรี่ยน้ำ ทำให้ระยะขอบฟ้าอยู่ราวๆ20ไมล์ทะเล ถ้านำวิถีด้วยเรดาร์ของตัวอวป.เอง ก็ไปได้แค่นั้น
จึงมีการคิดค้นการแก้ปญหาโดย หาหูตาที่เกินระยะขอบฟ้ามากระซิบบอกทิศทาง ดังนั้น การที่จะทำเช่นนั้นได้ต้อง
1.มี หูตานั้น ในที่นี้หมายถึงฮ.
2.มีปากไว้สื่อสาร มีหูไว้ฟัง หมายถึงทั้งคู่ต้องมีระบบดาต้าลิงค์
ซึ่งไม่แน่ใจว่า C-802 มีดาต้าลิงค์แบบไหน คุยกับลิงซ์หรือซีฮอว์ครู้เรื่องไหม ไม่ใช่ หนีห่าวใส่ แต่ซีฮอว์คตอบ ไอด้อนท์อันเดอร์สแตนด์
C-802 มีระบบนำวิถีแบบ INS+นำวิถีด้วยเรดาร์ในเฟสสุดท้าย
หมายถึงอย่างที่พี่กบบอก ในข้อ2
แต่ถ้าเป็นอาวุธของรัสเซีย เช่น SS-N-12 ในการซัลโว1ครั้ง (อวป.นี้ไว้จมเรือบรรทุกบ.โดยเฉพาะ) จะมี1ลูกทีบินสูงเพื่อล่อเป้า และทำการนำวิถีให้เพื่อนๆ
แบบนีแสดงว่าพม่าก็ต้องจัดหา ฮ. มาชี้เป้าให้เรือตรวจการณ์ใหม่ของเขาซิครับ หรือพม่ามีฮ.ทางทะเลอยู่แล้ว ไม่งั้นระยะยิงไกลๆของC-802 ก็ไม่มีประโยชน์ แล้วกรณีของทร.ไทย ที่จะปรับปรุงเรือชุดเจ้าพระยา เพื่อติดC-802แทนC-801 เป็นเพราะC-801ใกล้หมดอายุใช้งานแล้วจีนไม่มีสายการผลิดC-801 หรือไม่ครับ
ปัจจุบันพม่ายังไม่มี ฮ.แบบใดที่เป็น ฮ.สำหรับงานทางทะเลได้โดยตรงครับ (ฮ.แทบทุกแบบของกองทัพพม่านั้นสังกัดกองทัพอากาศ) และเท่าที่ทราบมาพม่าเองก็ไม่มีเรือที่มีลานจอด ฮ.เลยจนกระทั้งเพิ่งจะเริ่มโครงการต่อเรือฟริเกตขนาด 107เมตร ไม่นานนี้ครับ
มีรายงานข่าวว่าพม่าได้รับมอบ ฮ.อเนกประสงค์ขนาดเบาแบบ Dhruv จากอินเดียมาจำนวนหนึ่งครับซึ่ง ฮ.แบบนี้น่าจะลงจอดบนเรือที่มีลาดจอด ฮ.ได้
และ ฮ.Dhruv ก็มีรุ่นสำหรับใช้งานทางทะเลของกองทัพเรืออินเดียด้วย แต่ไม่มีการยืนยันข้อมูลครับว่า ฮ.Dhruv ของพม่านั้นเป็นรุ่นอะไรมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง
C-802 อาจไม่จำเป็น ต้องใช้ฮ.ครับ เพราะช่วงต้นใช้การนำทางด้วยแรงเฉื่อยอยู่แล้ว
ก็อย่างที่ว่าไว้นะครับว่าต้องมีการชี้เป้าหลังแนวขอบฟ้า ระบบlinkเป็นระบบที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันระหว่างเรือหรือเครื่องบินซึ่งแล้วแต่จะติดตั้งไว้
แต่ชุดเรือที่มาจากจีนติดตั้งระบบlinkไม่เหมือนที่อื่นสรุปแล้วก็ติดต่อกันไม่ได้อยู่ดี และไม่ต้องห่วงเรื่องว่าจะยิงไกลเกินขอบฟ้ารึป่าว กองทัพไทยไม่ยิงแน่ส่วนใหญ่ที่ฝึกๆกันก็ไม่เกิน20ไมล์
เพราะไม่มันใจในระบบการติดต่อสื่อสารว่าจะถูกต้องรึป่าว อีกทั้งในน่านน้ำไทยมเรือประมงเยอะมากถ้าเกินกว่าที่ตัวเองเห็นกลัวมันจะไปสอยเรือประมง แล้วไอ้เรือประมงนี่ก็ "หะเลี่ย" ประกาศเตือนว่าจะมีการฝึกใช้อาวุธในพื้นที่ บางลำมันกะเอาแต่ได้อย่างเดียวไม่สนว่าใครทำอะไร ทำให้การฝึกยิงลำบาง ดูอย่าง harpoon ที่เคยยิงก็ต้องไปฝึกร่วมกับสิงคโปร์ ใช้พื้นที่ฝึกคนอื่น
แล้วเรือไทยที่ต่อนั้น ทุกอย่างที่มีบนเรือจะมาจากหลายที่ เรือต่อจีน อาวุธยุโรป ระบบอเมริกา อะไรประมาณนั้นซึ่งมันก็จะมั่วต้องเสียเวลาหาอุปกรณ์เสริมเพื่อให้ทุกอย่างมันคุยกันได้รู้เรื่อง ถึงรู้เรื่องแล้วแต่ก็ไม่ค่อยดีเท่าที่มันควรจะมี อีก50ปีข้างหน้าไม่รู้จะมีเรือที่พร้อมจริงเหมือนเมื่อก่อนรึป่าว เช่นเรือชุด รัตนโกสินทร์ มกุฎราชกุมาร ที่มาจากฝั่งยุโรป นำทีมโดยระบบ WM ที่ทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้ ไม่มีปัญหาเหมือนเรือจีนที่ทะยอยเจ๊งไปที่ละลำ