พอดีเพื่อนผมส่งเมล์นี้มาให้ผมน่ะครับ
วันนี้มีเรื่องจะรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆวานอ่านบทความนี้
ถ้าใครมีความกรุณาจะช่วยส่งต่อ หรือบริจาค ก้อแล้วแต่ความกรุณาของเพื่อนๆ
วันนี้วิไปเปิดบทความนึงจากเว็บไซค์ศาสนา ก้อเลยจะมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ หัยเพื่อนลองอ่านข้างล่าง
|
|
-พ่อถูกจับไปเดินนำหน้าให้เหยียบกับระเบิด ทหารพม่าที่เดินตามหลังจะได้
|
ปลอดภัย
|
|
-แม่ถูกทหารพม่า ๑๕ คนข่มขืน และลากออกมาเอามีดรุมกระหน่ำเสียบอกตายต่อหน้า -ลุงถูกฆ่าตัดหัวเสียบไว้กลางป่า -ลูกเล็กถูกทหารพม่าเผาตายในกองไฟ -วัวถูกเชือดเนื้อออกจากตัวทั้งเป็นไปกินทีละส่วน นอนร้องครวญคราง -ชาวไทใหญ่ต้องฝึกไก่ตัวผู้ไม่ให้ขัน เพราะ.... นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว (เอียด) เพื่อนนักเขียนคนนึงของ "ง้วนดิน"ส่งอีเมลมาชวน
|
เพื่อน ๆ ร่วมบริจาคเงินซื้อหนังสือเรียนให้เด็กชาวไทใหญ่"ง้วนดิน" เลยขอมาบอก
บุญเพื่อน ๆ พี่น้องพลังจิตต่อลองอ่านรายละเอียดดูนะคะ...น่าสงสารมากเรื่องที่
นิพัทธ์พรเล่ามายาวมากแต่ก้อขอให้ช่วยอ่านกันหน่อยนะคะเป็นเรื่องจริงจาก
ประสบการณ์การทำงานเขียนสารคดีของนิพัทธ์พร"ไทใหญ่" ก้อไม่ใช่อื่นไกล พี่น้อง
เราหละขะขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านถึงจะไม่ร่วมบริจาคก้อไม่เป็นไรนะคะ...ฝากบอก
ต่อ ๆ กันไปก้อแล้วกันขะ
|
|
จาก เอียด (นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว)เรื่อง ขอบริจาคเงินซื้อหนังสือเรียนให้เด็กไท
|
ใหญ่ถึง เพื่อน ๆ ที่รักตลอดเวลา ๒ ปีกว่ามาแล้ว ที่เอียดได้ขึ้นไปทำงานเขียน
สารคดีในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า มาหลายครั้ง โดยได้เข้า-ออกข้ามชายแดนไปใน
พื้นที่ของกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ (Shan State Army) ซึ่งอยู่บนสันเขา รอยต่อ
ระหว่างอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน กับรัฐฉาน ประเทศพม่า แต่ละครั้งที่
เข้าไปนอกจากจะสัมภาษณ์ผู้นำทางทหาร เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและการสู้รบ
แล้ว งานสำคัญที่เป็นงานหลักอีกส่วนหนึ่งก็คือการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพของ
ชาวบ้าน ชาวนา ผู้หญิง เด็ก ประชาชนไทใหญ่ที่ถูกทหารพม่ากดขี่ข่มเหง ละเมิด
สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาบนดอยไตแลงแม้จะเป็นที่ตั้งของ
กองบัญชาการสูงสุดทางด้านการทหาร แต่ประชาชนส่วนใหญ่บนดอย ที่อยู่กันหมื่นกว่า
คนนั้น คือประชาชนชาวนาชาวไร่ในรัฐฉาน ที่อพยพหนีภัยสงคราม เข้ามาอยู่รอบ ๆ ค่ายทหาร เพื่ออาศัยทหารไทใหญ่ให้ช่วยป้องกันภัยคุกคามจากทหารพม่า และบนดอยเต็ม
ไปด้วยเด็กกำพร้าที่ถูกส่งมาให้อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบนดอยไตแลง เด็ก
เหล่านี้มาจากทั่วรัฐฉาน ขณะนี้มีอยู่ ๒๐๐ กว่าคน และยังมีเด็กลูกประชาชนที่
เกิดบนค่ายทหารอีก ๕๐๐ กว่าคน รวมแล้ว ๗๐๐ กว่าคน และในปีการศึกษา ๒๕๕๐ ซึ่งจะ
เปิดเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้ เด็กยังไม่มีหนังสือเรียนเอียดได้เคยขอหนังสือจากทาง
พี่ป๋อ มูลนิธิสานแสงอรุณ ไปให้เด็กในเดือนมีนาคม และได้หนังสือมา ๓-๔ กล่อง ได้ส่งขึ้นดอยไตแลงเรียบร้อยแล้ว แต่หนังสือยังไม่พอ และหนังสือคละกันไป มีไม่
ครบทุกวิชา ทางกองทัพไทใหญ่ที่ดูแลเด็กอยู่ขณะนี้ จึงติดต่อเอียดมา ขอเงิน
บริจาคซื้อหนังสือเรียนให้เด็ก เพราะกองทัพไทใหญ่เองก็ยากจนมาก เขาไม่มีเงิน
เพียงพอ เพราะเด็กมีมากขึ้นทุกวัน แม้มีNGO ช่วยอยู่บ้าง แต่เงินก็ไม่พอ เนื่อง
จากต้องใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้าของเด็ก และเงื่อนไขหนึ่งก็เพราะ
โรงเรียนดอยไตแลงอยู่นอกเขตประเทศไทย และไม่ใช่ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยทางการเมือง (
รัฐบาลไทยไม่เปิดให้มีการก่อตั้งศูนย์อพยพคนไทใหญ่ลี้ภัยทางการเมืองในชายแดน
ไทย ทำให้ NGO เข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ เพราะขัดกับหลักการดำเนินงานของ NGO ต่าง
ชาติ และติดขัดในเรื่องข้อกฎหมาย) NGO จึงไม่อาจเข้าไปช่วยได้เต็มที่ มีแต่
บางNGO ที่ดำเนินงานในพื้นที่ระหว่างพรมแดนเท่านั้นที่ข้ามชายแดนไทยไปทำงานช่วย
เหลือผู้คนบนดอยไตแลงได้ ทางกองทัพจึงติดต่อเอียดมา เพราะปีนี้เด็กบนดอยยังไม่
มีหนังสือเรียน เพราะนอกจากทางสภาพื้นฟูกอบกู้รัฐฉาน (RCSS- Restoration Council the of Shan State) จะผลิตตำราเรียนภาษาไทใหญ่สอนภาษาและวัฒนธรรมไทใหญ่
ให้เด็กแล้ว ทางไทใหญ่จะซื้อหนังสือไทยและหนังสือจากฝั่งไทยหลายวิชา ที่เขายัง
ไม่ได้ทำหนังสือขึ้นมา อย่างเช่นวิชาเลข วิชาภาษาอังกฤษ วิชาภาษาไทย เอาขึ้นไป
ให้เด็กบนดอยได้เรียนกัน ในช่วงเปิดภาคเรียนนี้เด็กกำพร้าบนดอยไตแลง ที่เอียด
ได้คุยด้วยนั้น พ่อแม่เด็ก ๆ เป็นประชาชนธรรมดา ชาวนาชาวไร่ พ่อของเด็กถูกจับไป
เป็นลูกหาบให้แบกกระสุนปืนของทหารพม่า และให้เดินนำหน้ากองทหารเพื่อเคลียร์ทุ่น
ระเบิด ประชาชนไทใหญ่ และชนกลุ่มน้อย ทั้งมอญ กะเหรี่ยง กะเรนนี ปะหล่อง ทุก
เผ่าในแผ่นดินพม่า ต่างถูกทหารพม่าไปจับตัวมาใช้แบกของ และเดินนำหน้ากองทหาร
เวลาลาดตระเวน เพื่อให้เหยียบกับระเบิด ซึ่งฝังอยู่ทั่วไปในพื้นที่ป่า และ
พื้นที่สู้รบถ้าชนกลุ่มน้อยเหยียบกับขาขาดหรือตายไปแล้ว ทหารพม่าที่เดินตามหลัง
จะได้ปลอดภัยตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นต้นมา หลังจากขุนส่า ผู้นำกองทัพเมิง
ไต (Mong Tai Army) วางอาวุธ ยอมแพ้รัฐบาลทหารพม่า ทหารพม่าได้เข้าไปทั่ว
พื้นที่รัฐฉาน ขณะนี้มีจำนวนถึง ๑๑๐,๐๐๐ คน (ได้ข้อมูลจากเอกสารทางทหารของไทย) คิดเป็น ๑ ใน ๔ ของจำนวนทหารในกองทัพพม่า ทหารพม่าได้เข้าไปฆ่าฟันประชาชนไทใหญ่
ใจกลางรัฐฉานอย่างหนัก เผาหมู่บ้านทิ้งถึงประมาณ ๑,๔๐๐ หมู่บ้าน มีคนไทใหญ่ไร้
ที่อยู่ถึง ๓๐๐,๐๐๐ กว่าคน มีผู้หญิงจำนวนนับพันคนที่ถูกข่มขืนหมู่และถูกฆ่าข่ม
ขืน ระหว่างปี ๒๕๓๙-๒๕๔๒ มีเด็กไทใหญ่ที่พ่อแม่ตาย ไม่มีครอบครัวดูแล หนีซุก
ซ่อนอยู่ตามป่า ไปขออาศัยทหารไทใหญ่ที่ไม่ยอมวางอาวุธ ซึ่งขณะนั้นผู้นำทหารไท
ใหญ่คือเจ้ายอดศึก ได้ข้ามแม่น้ำสาละวินกลับไปในป่ากลางรัฐฉานกับเพื่อนทหาร
ประมาณ ๗๐๐ คน ช่วยกันรวบรวมอาวุธ รวบรวมกำลังพลขึ้นมาใหม่ ผู้นำไทใหญ่เล่าให้
ฟังว่า เจอเด็กกำพร้าไม่มีทางไปเต็มไปหมด กองทหารจึงต้องรับเลี้ยงรวบรวมเด็ก
กำพร้ามาไว้ด้วย เจ้าแตกทหารทั้งหมดเป็นหน่วยเล็ก ๆ กระจายกำลังกัน ไม่งั้นจะ
สู้รบและดูแลเด็กไม่ได้ เด็กมีตั้งแต่อายุ ๒-๓ ขวบ จนถึง ๗-๘ ขวบ พวกเขาหนีการ
ล้อมปราบของทหารพม่า ที่ไล่ล่าอยู่ตลอด ๒ ปีกว่า ทหารพม่า ๕,๐๐๐-๖,๐๐๐ คน รุม
ล้อมปราบ ตามฆ่าทั้งทหารทั้งเด็ก บางครั้งจวนตัวทหารไทใหญ่เล่าให้ฟังว่า เด็ก ๆ ต้องช่วยจับปืนยิงสู้ทหารพม่าก็มีจายตา เด็กวัยรุ่นชายอายุ ๑๗ ปี ซึ่ง
ขณะนี้เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้า ๒๒๙ คน บนดอยไตแลงเล่าให้ฟังถึงความทรงจำเมื่อ ๑๐ ปีก่อนว่า ?ผมอยู่ที่บ้านหนองแดง เมืองนาย รัฐฉาน ปี ๒๕๓๙ ผมยังเด็กมาก
อายุ ๖-๗ ขวบ พี่สาวผมเพิ่งอายุ ๑๔ ปี ถูกทหารพม่า ๔-๕ คนมาเอาตัวจากที่บ้านไป
รุมข่มขืน พ่อผมถูกจับไปเป็นลูกหาบให้หาบอาวุธให้ทหารพม่า หายไปนาน พ่อกลับมา
แผลเต็มตัว แต่พ่อเด็กอื่นไปตายไม่ได้กลับ หลังจากนั้นทหารพม่าเข้ามาในหมู่บ้าน
สั่งให้ทุกคนย้ายออกใน ๗ วัน ใครไม่ไปถูกยิง เขาเข้ามาเผาหมู่บ้าน ชาวบ้านหนี
ออกหมด บางคนย้ายไม่ทัน ลูกเล็กถูกเผาตายในกองไฟ เสียงร้องไห้ดังทั่ว พ่อแม่ผม
ร้องไห้ หมดตัวไม่รู้จะไปไหน พ่อแม่ผมกับครอบครัวลุงอ่องหนีไปอยู่ในป่า ไม่มี
อะไรกิน ไม่มีที่อยู่ หลบอยู่ตามป่าขุดหาเผือกมันกินอยู่กัน ๖-๗ เดือน วันหนึ่ง
ผมไปดักนกได้ยินเสียงปืน ผมแอบในป่าจนค่ำกลับมาดูเห็นพ่อแม่โดนยิงตายเลือดเต็ม
หน้า ลุงอ่องถูกฆ่าตัดหัวเสียบไว้กลางป่า เหลือผมคนเดียวไม่รู้ไปไหน เดิน
ร้องไห้ไปเรื่อย ๆ ป่ารกก็บุกไป ไม่ได้กินอะไรวันหนึ่งเต็ม ๆ สัตว์ป่าร้องทั้ง
คืนผมกลัวมาก เดินไปจนไปเจอชาวบ้านที่หลบอยู่ในป่า เขาเลยพาผมไปส่งไว้กับทหารไท
ใหญ่ในป่าเมืองโขหลำ?นอกจากจายตาแล้ว ยังมีเด็กไทใหญ่อายุตั้งแต่เพิ่งเดินได้ ไปจนประมาณ ๑๐ ขวบ ที่พ่อแม่ตาย ถูกทิ้ง อดอยาก ไร้ที่พึ่งอยู่ทั่วไป ครูเคอแสน
เลขาธิการอันดับ ๒ ของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน RCSS (Restoration Council Of Shan State) หน่วยงานทางการเมืองของกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่เล่าว่า ?ถ้าเป็นเด็ก
ผู้หญิงชาวบ้านไทใหญ่จะช่วยดูกันเอง แต่เด็กชายเขาไม่กล้าเลี้ยงไว้ เพราะโตขึ้น
มาทหารพม่าจะมาจับไปเป็นลูกหาบ อีกอย่างทหารพม่าจะคิดว่าชาวบ้านเลี้ยงเด็กชาย
ไว้เพื่อเตรียมให้เป็นทหารกู้ชาติไทใหญ่ ช่วงสิบปีก่อนเด็กกำพร้าผู้ชายลำบากมาก
ไม่มีใครกล้าเลี้ยง ไม่มีใครเอา ไม่มีคนให้พึ่งพา เพราะพม่ามาเจอจะอันตราย ชาว
บ้านพบเด็กที่ไหนก็พามาส่งไว้กับเจ้ายอดศึก เจ้ารับไว้หมด เพราะเด็กไม่มีที่ไป รวมๆแล้วราว ๔๐?๕๐ คน ตอนนั้นเจ้ายอดศึกก็ลำบากมาก ไม่มีที่อยู่ไม่มีที่ตั้ง ร่อนเร่อยู่ในป่าประมาณ ๒ ปี ไปไหนต้องพาเด็กตามกองทหารไทใหญ่ไปด้วย เจ้ากระจาย
ทหารเป็นชุดเล็กชุดน้อย รบแบบกองโจร แบ่งเด็กไปกับทหารชุดต่าง ๆ ช่วยกันดูแล หลบอยู่ในป่า กินอยู่เดินทางไปกับทหาร เด็กเล็กลำบากมาก ทหารต้องดูแลเหมือนพา
ลูกไปด้วย จนปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เจ้าเห็นว่าพาเด็กไปมาตามป่าอย่างนี้อันตรายกับเด็ก
มาก เด็กไม่มีอนาคต จะทำแบบนี้อยู่ตลอดไม่ได้ เจ้ายอดศึกเลยติดต่อกลุ่มคริสต์
ของทางสาธุคุณจอห์น โปรฟิลด์ ชาวนอรเวย์ที่เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ฝากให้
ช่วยดูแลเด็ก แล้วเจ้าก็พาเด็กทั้งหมดมาที่ชายแดนไทย เอาแต่หน่วยรักษาความ
ปลอดภัยของเจ้ามาด้วยกันช่วยคุ้มครองเด็ก ทหารพม่ารู้ข่าว พากำลัง ๖ ทัพ ๒๐๐๐ กว่าคนตามฆ่าเจ้า ล้อมปราบ ยิงกันหลายครั้ง เด็กต้องหยิบปืนยิงกับทหารพม่า
ป้องกันชีวิตตัวเอง รอดมาได้จนถึงชายแดนไทย พอปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เจ้าตั้งกองบัญชาการ
ที่ดอยไตแลงพออยู่ได้แล้ว ก็ไปเอาเด็ก ๗๐ กว่าคนมาไว้บนดอย เปิดโรงเรียนสอนภาษา
ไทใหญ่ พม่า อังกฤษ ไทย และสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ธรรมชาติศึกษา สอน
วัฒนธรรมไทใหญ่ทั้งหมด หลักสูตรมีถึงชั้นม. ๖ รวมลูกชาวบ้านที่หนีมาจากในรัฐฉาน
ด้วยตอนนี้มีนักเรียนอยู่ ๗๐๐ กว่าคน?พันเอกเจ้ายอดศึกผู้นำสูงสุดของกองกำลัง
กู้ชาติไทใหญ่ กล่าวถึงการเปิดโรงเรียนสอนเด็กไทใหญ่บนยอดดอย และการพยายามพัฒนา
ดอยไตแลงให้เป็นศูนย์กลางในการฟื้นฟูภาษา วัฒนธรรม และจิตวิญญาณรักชาติของ
เยาวชนไทใหญ่ว่า ?วัฒนธรรมไทใหญ่เป็นสายเลือดของประชาชนเราหากกู้ชาติได้แต่แผ่น
ดินกลับคืนมาแต่คนไทใหญ่ไม่รู้จัก ไม่มีวัฒนธรรมของตนเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร?
|
|
อีกคนหนึ่งที่ได้ไปสัมภาษณ์มาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กมาก ถูกทหารพม่าข่มขืนและ
|
หนีมาอยู่บนดอยไตแลง เพิ่งเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่ผ่านมานี้ เด็กหญิงจ๋า
มเฮือง อายุ ๗ ขวบ ตัวเล็กผอมบาง อยู่บ้านคานมน จังหวัดหัวเมือง ตรงข้ามจังหวัด
แม่ฮ่องสอน นั่งเล่นกับน้องชายอายุ ๓ ขวบอยู่ใต้ถุนบ้าน วันนั้นพ่อแม่ของเธอออก
ไปทำงาน จ๋ามเฮืองเล่าว่า เธอไม่ทันรู้ตัวเมื่อผู้ชายตัวดำ ๆ ใหญ่ ๆ นุ่งโสร่ง
ใส่เสื้อทหารพม่าเข้าประชิดตัว เอาแตงกวายัดปากเธอไม่ให้เสียงร้องดังออกมา เขา
มัดมือเธอไว้ข้างหลัง อุ้มเธอตัวปลิวขึ้นไปบนบ้าน ดึงผ้าถุงเธอออกและข่มขืนเธอ จ๋ามเฮืองบอกว่า เธอไม่รู้ทหารพม่าทำอะไร แต่เจ็บมากและเลือดไหลเต็มไปหมด หลัง
จากนั้นทหารพม่าแก้มัดหันหลังเดินออกไป จ๋ามเฮืองเดินไม่ไหว ได้แต่ร้องไห้คลาน
ลงบันไดบ้าน ไปหลบอยู่ข้างกอไม้ ขณะที่เลือดไหลไม่หยุด สักพักพ่อแม่กลับมาบ้าน เห็นสภาพจ๋ามเฮืองก็รู้ว่าลูกโดนข่มขืน พ่อแม่รีบพาจ๋ามเฮืองไปหาหมอ หมอถามว่า
โดนอะไรมา แม่ไม่กล้าบอก หมอถามว่าใครทำ ฉีดยาให้แล้วบอกให้ไปแจ้งความ หลังจาก
นั้นตำรวจพม่าไปเอาคนมา ๕ คนให้ชี้ตัว จ๋ามเฮืองชี้ไม่ได้เพราะไม่เห็นหน้า ตำรวจพม่าก็ไม่ทำอะไรอีก๑๕ วันแรกที่นอนป่วยจ๋ามเฮืองลุกไม่ได้ เพราะแผลอักเสบ
มาก เธอป่วยหนักอยู่เดือนหนึ่งเต็ม ๆ หลังจากนั้นพ่อแม่กลัวทหารพม่าจะตามมาทำ
ร้าย พอจ๋ามเฮืองเริ่มเดินได้ ญาติพี่น้องจึงไปชวนทั้งครอบครัวให้หนีมาอยู่ที่
ดอยไตแลง เพราะเป็นที่เดียวที่ทหารพม่าจะเข้ามาทำร้ายประชาชนไทใหญ่ไม่ได้ส่วน
บัวหอมเด็กหญิงกำพร้าอายุ ๑๕ ปีซึ่งอยู่ที่ดอยไตแลงมา ๗ ปีแล้วนั้น แม้ตัวเองจะ
ไม่โดนข่มขืน แต่พอถามถึงเรื่องราวชีวิตในวัยเด็ก บัวหอมก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
เล่าให้ฟังว่า ตอนเธออายุ ๘ ขวบ แม่ของเธอถูกทหารพม่า ๑๕ คนข่มขืน และลากออกมา
เอามีดรุมกระหน่ำเสียบอกตายต่อหน้าเธอ บัวหอมหนีออกมาพร้อมเด็ก ๆ รุ่นเดียว
กัน ๓-๔ คน ในหมู่บ้านเดียวกัน เด็ก ๆ ต่างอายุไม่ถึง ๑๐ ขวบ พากันหลบซ่อนใน
ป่า กระเซอะกระเซิงเดินลงมาตามลำน้ำสาละวิน อาศัยเก็บกินยอดไม้เป็นอาหารอยู่
หลายเดือน ได้ข้าวสุกจากคนไทใหญ่ที่ผ่านทางมาแบ่งให้กินบ้าง และมีคนชี้ทางให้
ข้ามแม่น้ำไปหากองทัพของเจ้ายอดศึก เพราะเป็นที่เดียวที่ดูแลเด็กไทใหญ่ไร้ที่
พึ่ง บนดอยไตแลงมีข้าวกิน มีที่พัก และมีโรงเรียนให้เรียนหนังสือ
|
|
ตอนหลังนี้เอียดไม่ได้ถามประวัติเด็กอีกแล้ว เพราะจะขึ้นดอยไปทำงานในช่วงมี
|
เทศกาลงานฉลอง เด็กกำลังหัวเราะมีความสุข แต่พอมานั่งคุยกัน ในวันปีใหม่ของพวก
เขา เด็กกลับต้องมานั่งร้องไห้ทุกครั้งที่บอกเล่าถึงชีวิตที่ผ่านมา เอียดหดหู่
ใจและเสียใจที่ไปถามเขาในวันรื่นเริงของพวกเขา ซึ่งทั้งปีบนดอยจะมีงานให้เด็ก
ได้สนุกกันปีหนึ่ง ๒-๓ ครั้งเท่านั้นทางกองทัพต้องใช้เงินประมาณ ๕๐,๐๐๐-๖๐,๐๐๐ บาทในการซื้อหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียน สมุด ดินสอ ปากกา ให้เด็ก เอียดบอก
เจ้าหน้าที่ที่ติดต่อขอเงินมาว่า เอียดคงหาเงินเยอะขนาดนั้นให้ไม่ไหว แต่ถ้า
ประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท เอียดจะพยายามลองหาเงินบริจาคจากเพื่อน ๆ ดู แต่ได้แค่ไหน ยังไม่รู้ เพราะเอียดเองก็มีแต่เพื่อนในแวดวงหนังสือ และเอียดเองก็เป็นนักเขียน
อิสระ ไม่ได้มีเงินเยอะ แต่เชื่อว่าเพื่อนทุกคนจะพยายามช่วยกัน หากเงินไม่พอขอ
ให้ทางโรงเรียนดอยไตแลง และทางทหารไทใหญ่ ลองพยายามหาด้วยตัวเองจากทางอื่นดู
ด้วยเอียดได้เปิดบัญชีธนาคารไว้ เป็นบัญชีรับเงินบริจาค ไปติดต่อทางธนาคารไทย
พาณิชย์ เขาบอกว่าไม่อาจใช้ชื่อบัญชีเป็นนามแฝงของกองทุนใด ๆ ได้ จึงต้องเปิด
บัญชีในนามของตัวเอง แต่เอียดได้แยกเป็นสมุดบัญชีสำหรับเงินบริจาคให้นักเรียนไท
ใหญ่โดยเฉพาะ และเมื่อได้รับเงินรวบรวมเงินเรียบร้อย จะทำรายการส่งอีเมล์มาให้
เพื่อน ๆ ดูอีกครั้ง และจะนำจดหมายตอบรับจากทางโรงเรียนดอยไตแลง ส่งให้
เพื่อน ๆ ดู เพื่อยืนยันว่าเอียดได้ดูแลเงินของเพื่อน ๆ ให้ไปถึงเด็ก ๆ ได้
อย่างเต็มที่ และอย่างแท้จริงหากเพื่อน ๆ ต้องการช่วยบริจาคเงินซื้อหนังสือ
เรียนให้เด็กไทใหญ่กรุณาบริจาคเงินได้ที่คุณอัจ (อัจฉราวดี สต็อคมันน์) บก. ELLEหรือคุณจิ๋ว (วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล) ที่มูลนิธิสานแสงอรุณซึ่งจะรวบ
รวมเงินมาให้เอียด หรือฝากเข้าบัญชีธนาคารที่เอียดเปิดไว้รับเงินบริจาคโดยตรง
ที่ นางสาวนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยคลอง
จั่น เลขที่บัญชี 113-2-11910-3อีเมล nipatporn@yahoo.com
ความคิดเห็นที่ 1
น่าสงสารจังนะครับ คงไม่มีความคิดเห็นมากกว่านี้เพราะถ้าอำนาจอยูในมือทหาร ยากที่จะเกิดเสรีภาพ ที่สำคัญผมอยากให้ชาติเรพัฒนาก่อน ตั้งแต่ เรื่องทุจริต เพราะถ้าประเทศไทยของพวกเราเมื่อไม่มีเรื่องนี้เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น
ไม่จำเป็นต้องพึงค่าเงินและไทยก็จะกลายเป็นหนึ่งในประเทศ
มหาอำนาจในเอเซียอย่างแน่นอนครับ
ผมมั่นใจมากครับ
โดยคุณ
c_hai เมื่อวันที่
04/04/2007 13:13:52
ความคิดเห็นที่ 2
โดยคุณ
ไข่ย้อย เมื่อวันที่
04/04/2007 15:14:07
ความคิดเห็นที่ 3
โดยคุณ
ไข่ย้อย เมื่อวันที่
04/04/2007 15:17:27
ความคิดเห็นที่ 4
โดยคุณ
ไข่ย้อย เมื่อวันที่
04/04/2007 15:19:05
ความคิดเห็นที่ 5
โดยคุณ
ไข่ย้อย เมื่อวันที่
04/04/2007 15:20:33
ความคิดเห็นที่ 6
โดยคุณ
ไข่ย้อย เมื่อวันที่
04/04/2007 15:22:25
ความคิดเห็นที่ 7
ท่าน ไข่ย้อย ลงต.991ลงน้ำแล้วหรอคับ
โดยคุณ
too เมื่อวันที่
04/04/2007 19:14:42
ความคิดเห็นที่ 8
บอกได้คำเดียวคับ สงสาร
นี้มันเป็นผลของไฟสงครามที่ไม่มีความปราณีทำให้ผู้บริสุทธิ์ เด็ก ผู้หญิงต้องรับเคราะห์
(อีกไม่นานคับ แรมโบ้4 จะไปลุยที่พม่า)
โดยคุณ
แรมโบ้ เมื่อวันที่
05/04/2007 06:53:12
ความคิดเห็นที่ 9
โดยคุณ dboy เมื่อวันที่
08/04/2007 22:02:57