C-802 for Thai frigates
Chinese experts will assist the Royal Thai Navy in upgrading 4 Chinese-built Chao Phraya class frigates with the YJ-82 (export designation C-802) anti ship missiles, a Chinese official said friday. The Thai frigates carry eight C-801 SSM, two 100 mm/56 DP (1 in last two), foul dual 37 mm AA, two RBU-1200 ASW rockets. The Thai Navy will be replaced the C-801 with C-802 SSM with in next 2 years. The upgrade program also includes installation of new fire-control systems, air/surface search radars, long-range air search radars, electronic warfare systems and electronic equipment. A military source said that the Thai Navy will sign a $ 70 million contract with as soon as the Thai cabinet approves the navy development plans. The source also said that the Thai Navy wants to improve underwater warfare and air warfare combat system performance. There have been unconfirmed reports that MK 32 Mod 5 (2 triple) torpedo tubes and a launched variant of the LY-60 SAM would be fitted on the frigates if the funds are available.
กองทัพเรือขยับแล้ว สดๆร้อนๆจาก www.chinadaily.com
ขอโทดน่ะคับ คือไม่เก่งอังกฤษพอรู้ความหมายรวม แต่ถ้าท่านผู้ได้ช่วยแปลให้ก็ดีครับ
......แต่ก็นับว่าท.ร.ไทยเริ่มปรับปรุงเรือให้มีหมัดยาวขึ้น ทำการรบถึงบนฟ้าได้ซะที
อัพเกรดเฉพาะเรือชั้นเจ้าพยาหรอมีข้อมูลของเรือรุ่นอื่นๆของเราอีกมั้ยครับ
จากข่าว ถ้าจะแปลจับใจความคือ
เรือชั้นเจ้าพระยาจะติดC-802 พร้อมระบบควบคุมการยิงใหม่ เรดาร์พื้นน้ำ/อากาศ ตัวใหม่ เรดาร์อากาศระยะไกล พร้อมระบบอิเล็กทรอนิคส์ใหม่เอี่ยมอ่อง งานนี้ ควักกระเป๋าราว 70M$ แต่จะจรดปากกทันที เมื่อได้รับความเห็นชอบจากครม.
ส่วนโปรแกรมที่จะทำถ้ามีเงิน คือ ติดระบบSam LY-60 และ ท่อตอร์ปิโดแฝด3 Mk32 ม๊อด5
ไอ้โปรแกรมหลังนี่น่าสงสัย คือ ระบบโซน่าร์ของเรือชั้นนี้มีคุณภาพขนาดไหน กองทัพเรือจึงจะติดระบบตอร์ปิโดทันสมัยให้
แล้วเรือนเรศวรล่ะ
แล้วฟรีเกตใหม่ล่ะ ในเมื่อปรับปรุงแล้ว เรือฟรีเกตใหม่จะเกิดไหม
LY-60
The LieYing-60 (LY-60) is the surface-to-air missile developed from the Italian Alenia Aspide. The missile is available in surface-to-air (LY-60), ship-to-air (LY-60), and air-to-air (PL-11) versions. The PLA designation for the land/ship-to-air variant is HQ-64. The land-based variant was first revealed in 1994. Two box launchers of the shipborne variant LY-60 were temporarily fitted on the HQ-61 SAM launcher of a Type 053H2G (Jinagwei-I class) frigate for missile testing. The shipborne LY-60 was exported to Pakistan to be fitted on a frigate but the missile has received no order from the PLA. Unconfirmed report suggested that a vertically launched variant of the LY-60 is currently being developed for the PLAN?s latest Type 054 Ma?anshan class frigate.
The LY-60 is mainly intended for the interception of aircraft and missiles flying in medium- and low-altitude. The missile is guided via radio command by the fire-control system with artificial interference capability. The LY-60 design team claimed that it is the only medium/low-altitude air defence missile in the world that uses microprocessor intelligent module technology. The LY-60's search radar (I/J-band) can simultaneously track up to 40 targets, and the tracking radar is able to simultaneously track 12 targets, and engage three targets at once. The use of the moving target tracking processing system and frequency agility technology also gives the system good anti-jamming capability.
SPECIFICATIONS
Missile dimensions: Length 3.89m; Diameter 0.208m; Wingspan: 0.68m
Launch weight: 220kg
Propulsion: Single stage solid rocket
Operating altitude: 0.03~12Km
Operating range: 1~18km
Maximum speed: Mach 4.0
Guidance: Semi-active radar
Warhead: HE, prefabricated steel ball fragmentation type
System reaction time: 9 seconds
Single-shot hit probability: 60~80% depending on the type of targets
ดูเหมือนระบบอัลบาทรอส หรือสแปรโรว์
ว้าว ข่าวใหม่มาให้แปลกใจจริง ๆ ครับ คล้าย ๆ ทำ MLU ก็มิปาน
แปลว่าที่ผมคิดมาตลอดว่า up C-802 มันยากแสนยากนั่นความจริงก็สามารถทำได้น่ะสิ อืมมมม
แต่ผมว่าที่น่าสนใจที่สุดก็ตรงติด SAM นี่แหละครับ ระยะยิงพอ ๆ กับ Aspide เลย น่าสน ๆ
แต่จะติดตรงไหนเหรอครับ
ผมคิด(เดา)ว่า LY-60 sam นี้คงจะติดแทน37มม.ด้านหลังเรือ(มั้ง)ครับ
คือผมถามพี่ๆหน่อยนะครับสมมุติว่าเราติด C 802ให้เรือทั้ง4ลำแล้ว แล้วC801ของเราที่มีอยู่เดิมละคับสมมุติว่ามันยังไม่หมดอายุการใช้งานเราจะเอาไปทำอะไรได้มั่งครับ
ได้ยินพี่Mr. Beanพูดว่าเรือรจอ.ชุด ร.ล.ปราบปรปักษ์ ถอดอาวุธนำวิธีเกเบรียล ออกแล้ว ผมเคยก็ได้ยินว่าจะติดปืนแทน แต่สมมุติเราสามารถที่จะเปลี่ยนระบบควบคุมการยิงใหม่แล้วติดC 801ที่มีไปแทนได้ป่าวคับ..-*-
ไม่สนแบบนี้บ้างหรอครับ...
PLANได้มีการอัพเกรดเรือชั้นเจียงหูไปค่อนข้างหลากหลายและน่าสนใจ ทีนี้เราต้องมาดูกันต่อครับว่านอกจากSSM C-802หรือSAM LY-60แล้ว ทร.ไทยจะจัดหาอะไรมาอีกบ้าง อยากให้เน้นที่ระบบตรวจจับ,ควบคุมการยิงหรืออุปกรณ์สงครามอิเล็คโทรนิคมากๆน่ะ ถ้าตาไม่แจ่ม หูไม่ชัด สมองเบลอๆ ติดลูกยาวดุ้นใหม่ไปก็เท่านั้นล่ะครับ อัพเกรด4ลำ ถ้าต้นทุนไม่เกินครึ่งของเรือฟริเกตใหม่ลำนึงก็น่าจะคุ้มนะ จะได้มีกองเรือจี้ดๆกับเค้าซักที..
แต่อยากได้ SS-N-19 + SA-N-6 อะไรเทือกๆนี้อะ 555
^
^
^
โหดไปมั๊ยครับนั่น -O-"
ฝันที่เป็นจริงครับ อยากเรียนถามต่อว่า
1. ในเมื่อ LY-60 มีพื้นฐานมาจาก Aspide แล้วไซร้ เราสามารถนำมาดัดแปลงให้เข้ากับแท่นยิง Albatros หรือแม้กระทั่ง Spada ของทบ. ได้หรือไม่ครับ ราคาน่าจะถูกกว่า
2. ระบบ LY-60 ใช้ระบบควบคุมการยิง Type ไหนครับ
3. หากสามารถเพิ่มระบบ PL-9 เข้าไปด้วย การทำลายเป้าหมายพร้อมกัน 2 ระบบก็จะเพิ่มโอกาสมากขึ้น ว่าแต่ความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหนครับ
4. ทร.ไม่สนใจระบบ CY-1 ที่มีหลักการทำงานคล้ายๆ กับ ASROC ของ US บ้างหรือครับ ในการโจมตีหากเราปล่อยอาวุธปล่อย 2 ระบบในเวลาเดียวกัน โอกาสที่เป้าหมายจะถูกทำลายด้วยชนิดใดชนิดหนึ่งจะมีโอกาสสูงกว่านะครับ ซึ่งเป็นการเพิ่มความยุ่งยากในการแจมของเป้าหมายด้วย
ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะครับ
น่าสนใจมากครับ ซึ่งตามข่าวนั้นโครงการดังกล่าวนี้จะมีช่วงระยะเวลาดำเนินการ2ปีครับ
สำหรับตำแหน่งติดตั้งขีปนาวุธ LY-60 นี้เชื่อว่า ทร.คงจะเลือกติดแทนที่ป้อมปืนแฝด 37มม. 2ป้อมหน้าแบบเดียวกับเรือของปากีสถานครับ(เพราะถ้าติดแทนในช่วงท้ายเรือน่าจะมีปัญหาเกะกะลานจอด ฮ.ในเรือชั้น ร.ล.กระบุรี ได้ครับ)
ส่วนTorpedo แฝดปราบเรือดำน้ำนั้นส่วนตัวคิดว่าน่า ทร.อาจจะจัดหาระบบ Yu-7 ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Mk 46 ก็ได้ครับ
รูปไม่ขึ้น เอาใหม่
.....ถ้ามีงบเพิ่ม จริงๆแล้วผมว่า น่าจะถอดปืน 37 ม.ม. ออกแล้วติดระบบป้องกันระยะประชิดแบบAKM 230 หรือ 630 เหมือนเรือพม่าไปเลย จะช่วยให้การป้องกันในระยะสุดท้ายดีขึ้นน่ะครับ
.....ส่วนระบบปราบเรือดำน้ำ ก็มีแค่ อาร์บียู กับ ตอร์ปิโด เท่านั้นอ่ะครับ นอกจากนั้นไม่มีพื้นที่แล้ว
ขอให้ผ่านมติ ครม. ด้วยเถอะ สาธุ.................................ฮ้ออออออออ
ของจีนครับของจีน ไม่ได้ว่านะ ถูกจริงแต่โคตรห่วย อีกไม่นานคงเปลี่ยนไปเรื่อย 803 804 805...........
แต่ก็อย่างว่านะมันมีนอกมีในมานานแล้ว ลองคิดดูซื้อเรือยุโรปมาตลอด คุณภาพดี ตอนนี้เอาแต่ของจีน ชุดแรกๆหมดสภาพกันหมดแล้วมั้ง(ไม่มั้งหรอก จริงๆ) แต่ก็ดีที่คิดจะทำอะไรบ้าง
เอาน่า อย่างน้อย ก็คงอัพเกรดให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่
ยิงได้ไกลขึ้น ข้างๆบ้านทั้งหลายก็คงหวั่นๆ แม้ว่า มันจะยิงไม่แม่นเหมือนของ ฝรั่ง มังค่า แต่ ยิงพร้อมๆกัน สี่ ลำ ก็น่ากลัว
อย่างน้อยหากว่าทำได้ตามแผน อย่างน้อยก็รบได้ สามมิติ แม้จะไม่ไฮเทค แต่ก็ไม่โลว์เทค มาก
ลำนี้โดนอะไรครับ บอกผมที
uss starkโดน exocet AM39 2ลูกจากมิราจ F-1 ของอิรักครับ
ถ้าเอารายละเอียดเพิ่มก็ตามนี้ครับ
คุณ basaranavy ครับ
เข้าใจครับว่าของยุโรปกับของอเมริการน่ะ ดีกว่าของอาตี๋อยู่หลายขุม แต่เงินในกระเป๋านี้ซิครับ เป็นคำตอบของคำถาม เรือจีนชุดนี้ 4 ลำ ( ตั้งกองเรือฟรีเกตที่สอง ได้ 1 กองเรือ ) มีราคาแค่ เรือยุโรปดีๆ 1 ลำ
สถานการณ์ตอนนั้นเราขาดแคลนเรือมากๆ หากลองนับนิ้วระลึกถึงช่วงเวลาดังกล่าวคงจะรู้ เรือที่ได้มาสี่ลำ กับ ภาระกิจที่ราชนาวีต้องรับผิดชอบนั้นยังไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ หากจะเอาของหรูของดี ก็จะได้มาลำเดียว แล้วมันจะพอทำงานหรือเปล่า เดี๋ยวก็ต้องซ้อมทำ เดี๋ยวก็ต้องพัก ไม่พอทำงานแน่ครับ
ผมยังสนับสนุนแนวทางการติดสินใจของ ทร ณ ช่วงเวลานั้นที่หา Inter-Rim Solution มาแก้ขัดได้อย่างสมเหตุสมผล ยิ่งมีแนวทางในการ Upgrade ต่อด้วยผมถือว่าใช้ได้ครับ
อ่านดูแล้ว เปลี่ยนจรวดเป็น C-802 ภายใน 2 ปี ส่วน LY-60 ยังไม่รับรองว่าจะเปลี่ยน แต่ถ้ามีเงิน ก็อาจจะเปลี่ยน รึเปล่าครับ...
ส่วน แท่นยิงตอร์ปิโด ผมสงสัยว่า น่าจะเอาจาก ร.ล.ปิ่นเกล้า กับ ร.ล.ตาปี กับ คีรีรัฐ ย้ายมาติดตั้งแทน รึเปล่า...เพราะดูแล้ว ระยะเวลาดำเนินการ คงอีก 2-3 ปี ถึงเวลานั้น ร.ล.ตาปี ร.ล.คีรีรัฐ อายุก็คงจะ 40 ปีแล้ว น่าจะใกล้ ปลด เต็มทีแล้ว....
เรือหลวงตาปี กับ เรือหลวงคีรีรัฐ ได้รับการปรับปรุงให้ติดท่อยิงTorpedo ปราเรือดำน้ำแฝดสาม Mk32 ที่ท้ายเรือ2ชุดยิงครับ ซึ่งถ้ารวมกับที่ติดกับเรือหลวงปิ่นเกล้านี้ จะมีทั้งหมดสัก 6ชุดยิงครับ ซึ่งถ้าถอดไปหลังปลดแล้วนี้ไม่น่าจะติดในเรือชั้น ร.ล.เจ้าพระยา และกระบุรี ได้ครบ4ลำครับ(ขาดชุดยิงอีกคู่)
พี่basaranavyครับผมว่าอาวุธจีนมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะครับแล้วC802เท่าที่ทราบมันมีระยะยิง 120km นะครับแล้วตอนนี้ผมก็ว่าถ้าเราสามารถที่จะปรับปรุงเรือของเราที่มีอยู่ให้สามารถใช้ได้เต็มขีดความสามารถ(มีอาวุธครบ)ผมก็คิดว่ามันก็น่าจะดีนะครับ
ถ้าเราสามารถทำให้เรือของเราทุกลำที่มีอยู่มีอาวุธใช้ครบถึงคุณภาพปานกลางผมว่ามันก็ดีกว่าที่เรามีเรือคุณภาพดีแค่1-2นะครับผมว่า
นโยบายของทร.แบบนี้ใช้ได้เลยครับ มีงบน้อยก็ปรับปรุงก่อน ทหารจะได้เรียนรู้และตามทันเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ ผมว่าดีแล้วครับ อย่าน้อยทร.ก็มีการก้าวเดินไปข้างหน้าบ้าง อีกอย่างหากปรับปรุงในไทย ผมว่าดีเลยครับ ทร.ได้ทั้งอาวุธใหม่และประสบการณ์การติดตั้งใหม่ๆ เอาไว้อนาคตมีเงินแล้วค่อยซื้อของตะวันตกก็ไม่สายครับ บางครั้งยี่ห้อดีๆดังๆ ก็อาจไม่เหมาะกับเราครับ เหมือนซื้อเสื้อผ้า บางทีซื้อเสื้อโหลอาจทำให้เราดูดีได้ครับ
........อาวุธจีนเป็นแบบพัฒนา ดีขึ้นเป็นลำดับน่ะผมว่า แรกๆพัฒนาเองหรือใช้ต้นแบบ หลังๆมานี่มีเทคโนโลยีหลายๆชาติรวมเข้าไป
...เรือเราก็ยังมีดีพอที่จะต้านภัยคุกคามในภูมิภาคนี้ได้ รอมีงบดีๆค่อยต่อเรือจากตะวันตกเข้าประจำการก็ได้ แต่ตอนนี้เรามีเรือเก่าอยู่แล้ว จะทิ้งไปเลยมันก็ไม่ได้ยังอัพเกรดได้อยู่ ยังสามารถติดระบบป้องกันระยะประชิดได้ จรวดพ.ส.อ.ได้อีก ก็ทำๆไปก่อนดีกว่าไม่มี แล้วค่อยออกตังค์หาลำใหม่
บางครั้งยี่ห้อดีๆดังๆ ก็อาจไม่เหมาะกับเราครับ เหมือนซื้อเสื้อผ้า บางทีซื้อเสื้อโหลอาจทำให้เราดูดีได้ครับ |
โดยคุณ : Chelsea วันที่ : 2007-04-05 11:56:13 |
พูดถูกใจ ผมเองใส่แบรนด์เนมไม่ได้ฮะ คันยิบๆ ต้องตลาดนัด กับ กาดหลวงเท่านั้น ใส่ได้ดี 555
ของแพงไม่จำเป็นว่าดีครับ เลือกใส่เลือกใช้ตามงบ เหลืองบก็ลงขวด เฮ้ .................
Mr. Bean ครับ ถ้าทร.ต้องเผื่อการติดตั้ง SAM ด้วยนั้น ทร.จะต้องเผื่อพื้นที่สำหรับการติดตั้งเรด้าร์ควบคุมการยิง 2 ชุด คือ หน้าและหลังด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าติดตั้ง SAM ด้านหน้าแทนแท่นปืน 37 มม. (ยังสงสัยว่าจะมีพื้นที่พอที่จะติดตั้งจริงหรือ?) ก็ต้องทำการติดตั้งเรด้าร์ควบคุมการยิงใหม่ เรด้าร์ชุดหน้าก็ติดตั้งทดแทนเรด้าร์ตัวเดิมเหนือสะพานเดินเรือ ชุดที่สองเพื่อทำการควบคุมจรวดในมุมการยิงด้านหลังนี่สิครับ จะติดตรงไหน(เรือชั้นเรศวรยังต้องมีเสตียร์ 2 ชุด หน้า-หลังเลย) ผมว่าคงจะมาวางตรงตำแหน่งของเรด้าร์ควบคุมการยิงปืน 37 มม. เดิมน่ะสิครับ ดังนั้นพื้นที่ๆจะติดตั้งปืน 30 มม. ที่คุณว่าคงต้องเสียสละให้เรด้าร์ควบคุมการยิงชุดหลังอันที่สองเสียแล้วกระมังครับ
ใจผมนะ อยากให้แยกการอัปเกรดเป็น 2 ชุด ชุดแรกก็คือเรือชั้นนี้ที่ไม่มีลานจอดฮ. โดยถอดถอนปืน 100 มม. คู่ออกไปเลย(เอาไปทำอะไหล่ซะ) แล้วเอาแท่นยิง LY-60 มาติดตั้งแทน ส่วนแท่นปืน 37 มม. ตอนหน้าก็ติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโดไปซะ ส่วนแท่นยิง 37 มม. ชุดหลังก็ทดแทนด้วยปืน 30 มม. AK 630 ไปสิครับ ส่วนเรด้าร์ควบคุมการยิงก็ติดตั้งสองตัววางเรียงไล่ระดับกันไป ตัวหนึ่งควบคุมการยิง AK-630 อีกตังหนึ่งควบคุมการยิง LY-60 ในส่วนด้านหลังไงครับ แบบนี้แจ่มสุดๆ ได้ครบเครื่อง
พิมพ์ตกครับ
" ถอนปืน 100 มม. คู่หลังออกไปเลย(เอาไปทำอะไหล่ซะ)"
ส่วนเรือชุดที่ 2 (กระบุรี) ที่มีลานจอดฮ. ก็คงต้องติดตั้ง LY-60 ด้านหน้าแบบที่เพื่อนๆว่าน่ะครับ เรด้าร์ควบคุมการยิงของมันชุดหน้าก็ติดตั้งเหนือสะพานเดินเรือ(ถอดถอนของเก่าออกไป) ชุดหลังก็ติดตั้งแทนเรด้าร์ควบคุมการยิงของปืน 37 มม. ไปซะ ส่วนแท่นยิงปืน 37 มม. ชุดหลังก็ถอดถอนออก นำท่อยิงตอร์ปิโดไปใส่แทนที่ แล้วตัดใจไปซะว่า AK-630 คงจะติดตั้งในเรือชุดนี้ไปได้ แค่นี้ก็แจ่มแล้วล่ะครับ
saar 5 ไม่จมครับคุณ paoo แต่เดี้ยงถูกลากเข้าอู่หมดสภาพที่จะทำการรบต่อได้ นี่ขนาดโดนรุ่นเล็กยิงนะครับ ถ้าโดน C-802 ล่ะก็โป้งเดียวจอดครับ
ของก็อปปี้ ยังไงก็ยังไม่ดีเทียบเท่าต้นฉบับหรอกครับ แต่ถ้าได้ประสิทธิภาพ 80% ขึ้นไป แต่ราคาแค่ครึ่งเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่าการลงทุนสุดๆล่ะครับ
ปืนห่วยแค่ไหนระดมยิงมันเข้าไปเถอะ มันก็ต้องโดนเข้าสักนัดละหว้า อะไรเทือกนั้นนะครับ
พิมพ์ผิดอีกแล้ว
" แล้วตัดใจไปซะว่า AK-630 คงจะติดตั้งในเรือชุดนี้ไม่ได้ "
ขอบคุณคุณ neosiamese ครับ ฮิๆๆ.....เห็นพูดถึง ak-630 เลยเอาภาพมาฝากครับแต่ทำไม่มันขนาดเล็กน่ารักจังเลยอ่ะ พื่งสังเกตว่ามันเล็กจริงๆแต่เรดาห์ความคุมการยิงมันหน้าตายังไงน่ะครับ ในภาพมาจากเรือคนละลำกันนะครับเอามารวมกันเฉยๆ
ไปค้นมาให้ครับ เขาว่าAK-630M มีระบบตรวจจับที่เต็มรูปแบบที่สุด คือ ใช้เรด้าร์ควบคุมการยิงแบบ MR-123-02 Fire Control Radar System เห็นเขาว่าเรด้าร์ตัวนี้สามารถควบคุมการยิงปืน 76 มม. และ 100 มม. ได้ครับ โดยจะเห็นเป้าพื้นน้ำได้ไกลมากเลย ในขณะที่เป้าอากาศยานจะจับได้ไกล 4-7กม. และมีระบบอิเล็คโทรออปติคเป็นแบคอัพด้วยครับ คือ SP-521 Electrical-Optical Tracker
เรด้าร์ควบคุมการยิงตัวเล็กๆที่หัวโด่อยู่ท้ายเรือ Type 054 เหนือแฮงก้าร์น่ะครับ คือ MR-123-02 Fire Control Radar System
ส่วนรูปของเรือพม่านั้นผมไม่แน่ใจว่าใช่ MR-123-02 Fire Control Radar System หรือเปล่า เพราะไม่เห็นตัวอุปกรณ์อิเล็คโทรออปติคติดอยู่ อาจเป็นเรด้าร์รุ่นเก่าก็ได้ครับ เอื้อเฟื้อรูปจากเพื่อนๆในเวป TFC และวิกกิพิเดีย
ไหน ๆ ก็ทำทั้งที เอา C-803 ไปเลย บวกกับ LY-60 เปลี่ยนเรดาร์และระบบควบคุมการยิงให้เทียบเท่า Jiangwei2 เท่านี้ ก็ใช้ไปได้อีกอย่างน้อย 20 ปีแล้ว
เรดาร์ภาคพื้น/อากาศแบบ 360 ที่ใช้ใน Jiangwei2 ก็เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในชุด รล.นเรศวรด้วยนะ
ภาพเป็น Jiangwei2 ซึ่งใช้ HQ-7 แต่ของเราเป็น LY-60 (HQ-64) ก็พอแล้ว (ภาพจาก www.sinodefence.com)
ได้ข่าวว่าโครงการนี้ มีของจีน มะกัน กับฝรั่งเศษ ที่ต้องแข่งขันกัน งบประมาณ ไม่เกิน 1600 ล้าน