หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เลขท้ายสองตัว จะ ออกที่ไหน ระหว่าง 16 กับ 39

โดยคุณ : TOP SECRET เมื่อวันที่ : 30/03/2007 20:43:41

           จาก กระทู้ บข.20 ของท่าน SKYMAN

  ถ้า ทอ. ตัดสินใจ เลือก JAS-39 GRIPEN ระบบ อาวุธ เราจะเลือก ใช้ ของ อเมริกา หรือของ ยุโรป

  แต่ ผมคิดว่า น่าจะเลือก ของ อเมริกา เพราะ ระบบ อาวุธ ที่เรา ใช้ กับ F-16 อยู่ ก็สามารถ ใช้กับ JAS-39 ได้ อย่าง AIM-9 Sidewinder และ AIM-120 AMRAAM

  คำถาม มีอยู่ว่า ถ้าซื้อเครื่องบิน เขาแล้ว เขาจะแถมอาวุธ รุ่นล่าสุดให้เราหรือเปล่า?

  อย่าง AIM-9X  และ AIM-120C-5 ระยะยิง 105 กิโลเมตร

 AIM-120D ระยะยิง > 180 กิโลเมตร รุ่นใหม่ อเมริกา มันคงไม่ขายให้ใครหรอก

  ใจจริง อยากได้ MBDA METEOR จาก ยุโรป มากกว่า METEOR ระยะยิง 100 - 130 กิโลเมตร

  และ จรวด พิสัยใกล้ IRIS-T ระยะยิง 25 กิโลเมตร ซึ่งยิงได้ ไกลกว่า AIM-9

 

 





ความคิดเห็นที่ 1


  ถ้า ทอ.ไทย ตัดสินใจ เลือก F-16 C/D ก็ขอ ให้เป็น BLOCK 50/52 ถ้าเป็นรุ่น Plus ด้วยยิ่งดี มือสอง ก็ได้ แต่ใจจริง อยากได้ ของใหม่ๆ เอี่ยมๆ

  ความ จริง ผมชอบ F-16 E/F Block 60 ของ ทอ.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( UAE ) มากกว่า แต่ใน เมื่อ ราคา มันแพงไป ก็เอา แค่ Block 50/52+ ก็ได้

   ถ้า ทอ. ตัดสินใจ เลือก F-16 C/D Block 50/52 แล้ว ระบบ อาวุธ จะได้ รุ่นใหม่ ด้วยหรือเปล่า อย่าง AIM-9X Sidewinder และ AIM-120C-5

   จะลงทุน ซื้อของ ทั้งที ขอให้ ซื้อให้คุ้ม

ได้เครื่องบิน ใหม่ แต่ระบบอาวุธ ยังเป็นแบบ Medium Tech มัน ก็ไม่ เต็มสูบ

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 28/03/2007 21:29:17


ความคิดเห็นที่ 2


  ช่วย เปรียบเทียบ JAS-39 GRIPEN Vs. SU-30 MKM

และ F-16 C/D BLOCK 50/52 Vs su-30 MKM

 

  ผมจะให้ ข้อมูล อาวุธ ของ SU-30

                  SU-30 MKM

  เรดาร์ สามารถ จับได้ไกล ถึง 400 กิโลเมตร

-จรวด อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยกลาง RW-AE ( R-77 ) พิสัยยิง 90 กิโลเมตร

-จรวด อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยไกล R-77 M1 พสัยยิง 175 กิโลเมตร

-จรวด อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยใกล้ R-73 ( AA-11 ARCHER ) พิสัยยิง 30 กิโลเมตร

  ผมไม่ ทราบว่า เรดาร์ ของ JAS-39 GRIPEN และ F-16 C/D BLOCK 50/50 มัน จับได้ไกลเท่าไร

  แต่ ดูจาก ระบบ อาวุธของเขา ก็ ไกลกว่า ของเราแล้ว

แล้ว เราจะสู้ได้ ไหม

  ถ้า ซื้อ JAS-39 GRIPEN แล้วแถม ERIEYE ผม เชียร์ เต็มที่

 

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 28/03/2007 21:48:24


ความคิดเห็นที่ 3


 

 เท่าที่ผมและเพื่อนๆในเวปหลายท่านลองประขีดความสามารถของเครื่องทั้ง 3 แบบ   ก็พอจะพบว่า

    ในภาระกิจขับไล่ครองอากาศ  SU-30 MK ได้เปรียบที่สุดเพราะสามารถยิงได้ก่อน    แต่ว่าหน้าตัดเรด้าร์ของ F-16 50/52 ( RCS)  เล็กกว่าSU-30 มาก คือประมาณ 1 ตารางเมตร   ในขณะที่ SU มีหน้าตัด 5-10 ตารางเมตร(รุ่นหลังสุดน่าจะอยู่แถวๆ 5 ตารางเมตร)     ดังนั้น F-16 50/52 และ SU-30 สามารถจะตรวจพบฝ่ายตรงข้ามและปล่อยอาวุธ BVR  ได้เกือบพร้อมๆกัน    ในขณะที่ JAS-39 ดูจะเสียเปรียบที่สุด แม้ว่าแมธิเออร์จะสามารถยิงได้ไกลกว่า 100 กม.    แต่เรด้าร์ประจำตัวของมันมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด

   ในระยะประชิดนั้น  ทั้ง 3 รุ่นก็มีหมวกที่ควบคุมการยิงอาวุธนำวิถีได้เหมือนกัน    ความได้เปรียบเสียเปรียบกันคงไม่มากนัก

    ส่วนระยะปฎิบัติการ อันดับแรกก็ SU-30  ที่สอง F-16 ที่สามรั้งท้ายคือ JAS-39   และพิเศษนิดนึงสำหรับ F-16 ที่มีถัง CFT ทำให้ในภาระกิจโจมตีจะสามารถมีระยะบินได้ไกลเพิ่มขึ้นมาก   ลดความเสียเปรียบ SU ไปได้บ้างไม่น้อยเลย     แต่การคุ้มกันระยะไกลและการครองอากาศที่จำเป็นต้องประจำสถานีรบในอากาศนานคงจะเสียเปรียบ SU มากครับ

    การบรรทุกนน.ในภาระกิจโจมตี  SU-30 ได้เปรียบกว่าเพื่อน    รองมา F-16 ซึ่งแม้จะน้อยกว่า SU แต่อัตราส่วนน้ำหนักที่บรรทุกต่อนน.ตัวนั้นดีกว่า SU       ดังนั้นสำหรับภาระกิจโจมตีแล้ว F-16 จัดว่าอยู่ในระดับตัวกลั่นที่ไว้ใจได้มากและมีผลงานมากที่สุด      ผมว่าน่าจะไว้ใจได้กว่า SU-30     เพราะ SU-30 มีโอกาสแสดงผลงานน้อยกว่ามาก            ส่วน JAS-39 รั้งท้ายตามเดิม

       ความพร้อมรบ    ข้อดีของ F-16 คือ  นักบินเราคุ้นเคย    ช่างก็คุ้นเคย    ดังนั้นการฝึกนักบินและการเตรียมความพร้อมรบสำหรับทอ.ไทยของเรา F-16 นั้นได้เปรียบที่สุด      ส่วน JAS-39 รองลงมา   แต่ SU-30 Mk น่าจะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทอ.มากที่สุด     แม้ว่าเราจะโมดิฟายด์มันในรองรับระบบของตะวันตกมากที่สุดเท่าที่ทำได้     ก็ยากอยู่ดี    รวมทั้งข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักเรื่องความเข้ากันได้ของระบบที่เครื่องของมาเลย์เจอปัญหาอยู่    ทำให้ SU-30 ลูกครึ่งมีความน่าเชื่อถือในตัวระบบต่ำที่สุด         นอกจากนี้การที่อายุการใช้งานของเรด้าร์และเครื่องยนต์ที่สั้นกว่าของตะวันตกประมาณครึ่งหนึ่ง    น่าจะทำให้ค่าโสหุ้ยของการบำรุงรักษา SU-30 ดูจะแย่มากๆ     ส่วน JAS-39 นั้นถ้าซื้อมา  รับรองได้ว่าเจอสวีเดนฟันค่าอะไหล่เลือดกระฉูดแน่นอน    เพราะมันเหมือนรถยนต์ที่ยี่ห้อไม่ติดตลาด    อะไหล่แพงมากและหายากมาก     ทำให้การซ่อมบำรุงประสบปัญหาได้   โดยเฉพาะเมื่อมีการปิดสายการผลิตแล้ว   อะไหล่จะยิ่งหายากมาก(เหมือนกรณี L-159)     ดังนั้นในระยะยาวแล้ว   ระดับความพร้อมรบของ JAS-39 จะต่ำที่สุดและมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะหาอะไหล่มาไม่ได้     รวมทั้งในกรณี่ที่ถูกกดดันทางการเมืองจากชาติมหาอำนาจแล้ว    JAS-39  จะมีความเสี่ยงยิ่งขึ้นไปอีก     เพราะแม้ว่าสวีเดนอาจจะยังมีอะไหล่ให้เรา    แต่สวีเดนอาจถูกบีบให้ไม่ส่งมอบอะไหล่แก่เราได้    ในขณะที่ F-16 และ SU-30 หาอะไหล่ง่ายและไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบีบจากมหาอำนาจจนขาดอะไหล่          

          ในสายตาผมแล้ว  

- ถ้าทอ. เน้นการป้องกันเชิงรุก(เน้นข่มขู่ชาวบ้านเขา)   คือ  สามารถบุกไปถล่มข้าศึกได้ในบ้านแทบทุกจุด    มีอำนาจการยิงมหาศาล    และสามารถครองอากาศได้ยอด    คงต้องใช้ SU-30 เป็นอันดับแรก     เพราะประสิทธิภาพสูงสุด    ราคาย่อมเยาว์(แต่ค่าโสหุ้ยระยะยาวสูง  ความพร้อมรบต่ำ)        รองลงมา F-16    รั้งท้าย JAS-39

- ถ้าทอ.  เน้นการป้องกันตัวเป็นหลัก(ขึ้นสกัดกั้นชาวบ้านเขาตลอดกาล)    ค่าใช้จ่ายที่ต่ำ   ความพร้อมรบสูงและการบำรุงรักษาต่ำ    F-16 มาอันดับ 1     JAS-39 มาอันดับ 2 โดยมี SU-30 ตามตูดมาติดๆ    เพราะผมเชื่อว่า การซ่อมบำรุงและการจัดหาอะไหล่ของ JAS-39 นั้นน่าจะมีปัญหาไม่น้อยกว่า SU-30 เผลอๆมากกว่าด้วย(ในระยะยาว)     แต่ JAS-39 มีค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการต่ำมากที่สุดใน 3 แบบ     

- ถ้า ทอ. ต้องปฎิบัติการด้วยเครื่อง AEW&C แล้ว    ทั้ง SU-30 และ F-16 50/52 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า JAS-39 อยู่ดี  

         สำหรับผม    ขอตัด JAS-39 ออกจากรายการครับ    แม้ว่าราคาที่สวีเดนขายนั้นจะมีราคาต่ำที่สุดจนน่าเย้ายวนใจ   และ แถมกระจาย    แต่ปัญหาระยะยาวดูไม่โสภาเอาซะเลย      

    ในสถานะนี้  รัฐบาลแบบนี้    F-16 50/52 น่าจะมาวินครับ      แต่ถ้ามาอุบัติเหตุแล้วเกิดเปลี่ยนรัฐบาล   ก็อาจจะอีกเรื่องครับ

   

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 28/03/2007 22:49:00


ความคิดเห็นที่ 4


 

 ราคาที่สวีเดนเสนอขายนั้นไม่ได้แถมเครื่อง AEW&C ให้หรอกนะครับ     เพียงแต่ราคาถูกกว่าปกติเท่านั้นเอง    แต่ต้องซื้อเป็นแพตเกจนะครับ    แบบว่าขายเหล้าพ่วงเบียร์อะไรเทือกนั้น   

     ส่วนการปฎิเสธ F-16 ในคราวนั้น  ยุคของทักกี้ครับ    ซึ่งเขาต้องการ SU-30 เท่านั้น     ดังนั้น JAS-39ก็เดี้ยงเมือนกัน          แต่ตอนนี้ยุคเปลี่ยนไปอีกแล้ว(หวังว่าคงจะไม่เปลี่ยนบ่อยๆหรือว่าต้องเปลี่ยนอีกในเร็วๆนี้ก็ม่ายรู้)     

      ส่วนระบบดาต้าร์ลิ้งนั้น   ก็ต้องยอมรับว่า JAS-39 ดีที่สุดครับ      ซื้อของเน้นถูกและแถมกระจายนี่ต้องคิดให้รอบคอบนะครับ     ช้ำใจกันมาเยอะแล้ว

   ของถูกไม่มีดี  ของดีมักไม่ถูก    ส่วนของดีและถูกมี 2 กรณี คือ  เปิดตลาด(เราจะต้องเสี่ยงเอาในการเป็นลูกค้ารายๆแรกๆ)     และสอง    ของมีตำหนิครับ   

       

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 28/03/2007 23:03:49


ความคิดเห็นที่ 5


ผมว่า A-7 ที่จะทำให้กลับมาบินได้ เราควรเลิกคิดดีกว่า เพราะสายการผลิต ปิดไปนานแล้ว  ผมคิดว่า ท.ร. ควรจะมองหาเครื่องที่มาทดแทน A-7 ดีกว่า ควรมองไปข้างหน้าครับ ถ้าท.ร.มีงบ จะหาอะไรมาประจำการ แต่ควรเลิกมองเครื่องที่จวนจะปลดหรือปิดสายการผลิต ถ้าเป็นมือ 2ก็ควรมองเครื่องที่ประจำการอยู่ในหลายๆชาติครับ
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 30/03/2007 07:50:22


ความคิดเห็นที่ 6


แต่แน่ๆ ผมเหมาเลข 35 มา 20 ใบแล้วครับ

พอดีไปไหว้ พระพุทธชินราช ที่พิษณุโลก เพิ่งกลับมา เลยมาอ่านกระทู้เลยครับ

เลขตามอายุ เลย อิอิ

โดยคุณ Webmaster เมื่อวันที่ 29/03/2007 05:45:09


ความคิดเห็นที่ 7


ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคุณ นีโอสยาม  ครับ...............ถ้ามองในเรื่องความคุ้มค่าสมราคา ไม่มีใครเกินเอฟ-16 ครับ ...............สายการผลิตยังไม่มีทีท่าว่าจะปิด มีเพื่อนร่วมใช้งานเยอะแยะ อะไหล่ก็มีขายอีกเป็นกุรุด ดังนั้นถ้ามองตัวเล็กๆแต่คุ้มค่า ผมว่า บล็อค 50/52 แบบสิงคโปร์ กินแจซ ขาด ...........................ระบ่งระเบิดอาวุธสแตนออฟมีให้เลือกมากมาย สุดแล้วแต่จะหามาติดได้((ถ้ามีปัญญา) มีอาวุธสองตัวถ้าหามาได้ถือได้ว่าเป็นพญาเหยี่ยวแท้ นั่นคือ ป็อปอาย และ เจแดม) ............. ผมไม่ค่อยได้มองภารกิจสกัดกั้น/ครองอากาศมากนัก เพราะเพื่อนๆเชื่อเถอะ แค่ เอดีเอฟติดอัมราม ผมเชื่อว่าสามารถรับมือ กับเครื่องบินทุกแบบในย่านนี้ได้หมด(รวมถึงซู-30ด้วย) แต่มีข้อแม้ว่า ต้องอยู่ในน่านฟ้าไทยซึ่งพื้นที่เกือบทั้งหมดอยู่ในระบบตรวจการทางอากาศที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ..................... เราควรมองไปที่ภารกิจโจมตีขัดขวาง (เหมือนที่ ทอ.เคยมองเอฟ-18 สองที่นั่งในภารกิจโจมตี) ว่าไปแล้ว เอฟ-16 ที่มีอยู่ก็สนองภารกิจได้ดีระดับหนึ่ง แต่จะให้ดียิ่งขึ้นไปก็ควรจัดหาเครื่องบินที่มีขีดสมรรถนะสูงขึ้น คำว่าสมรรถนะที่สูงขึ้นนอกจากระบบเอวิโอนิคส์ที่ทันสมัยขึ้น สามารถติดอาวุธที่แม่นยำและยิงได้ไกลขึ้น น่าจะรวมเอาพิสัยบินและน้ำหนักบรรทุกเพิ่มเข้าไปด้วย โดยส่วนตัวผมว่า การเลือกแจส เป็นการ "ถอยหลังลงคลอง" ผมว่า ไนท์ฟัลคอล ฝูง 403 ถ้าได้รับการอัพเกรทเอวิโอนิคส์ ยังทำภารกิจโจมตีได้ดีกว่าด้วยซ้ำ จึงอยากมองเครื่องบินที่เจ๋งแจ๋วขึ้น เอฟ-16 ก็ไม่หยอก หรือจะใจปล้ำ ถอยเอฟ-18 เอฟ หรือราฟาล นั่นก็โอ่อ่าไม่หยอก ซู-30 นั่นก็ใช่ แต่เรื่องรายหลังนี่เรื่องซ่อมทำ อันนี้ยอมรับแบบหมดใจ คงไม่ใช่เรื่องสบายตัวนัก.......................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 29/03/2007 09:27:05


ความคิดเห็นที่ 8


เห่อๆ แต่ยาส ถ้าไม่กังวลเรื่องอะไหล่ ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนนะครับ  แบบว่า คนมันชอบน่ะฮะ 555

แต่ใจลึกๆถ้าไม่มองเรื่องปัญหาต่างๆที่ข้างบนกล่าวมาอยากได้ซู-30  มากกว่าฮะ เผื่อเวลาฝึก โคปไทเกอร์ จะได้ทำคอบร้าปูกาเชฟ สอย 18 16 ลงมาได้มั่ง หุหุ 

 

สาระๆ

ต้องยอมรับจริงๆว่า ยาส มีจุดอ่อนคือระยะปฏิบัติการ และ จำนวนอาวุธที่ติดตั้ง ถ้าอ้างตามที่พี่กบพูด  ทอ.ต้องการเครื่องบินโจมตีขัดขวาง ก็เหลือตัวเลือกแค่2ตัว คือ F-16 C/D Block40/42 ขึ้นไป กับ F-18 E/F ซึ่ง 18 มีภาษีดีกว่าตรงระยะปฏิบัติการ และความทันสมัย แต่ก็ตามมาด้วยปัญหา ที่ค่าตัวเจ้าต่อมหาภัยนี้ แพง จนไม่น่าจัดหาได้ครบฝูง หรือ ไม่น่าจัดหามาได้เลยด้วยซ้ำ

ฉะนั้น จึงเหลือตัวเลือกที่เหมาะสม นั่นคือF-16 C/D ซึ่งคราวนี้ ต้องมาดูที่ออปชั่น เบาะหนังแท้ DVD ลายคาร์บอนไฟเบอร์ อันนี้ ต้องดูที่งบประมาณ ซึ่งถ้าจะดีลตอนนี้ ผมว่า ทำให้เราน่าจะได้ตัวเลือกที่ดีขึ้น เนื่องจาก ค่าเงินบาทที่แข็ง  โดยส่วนตัว ถ้าจะเอา 16 ก็ขอ บล็อค 40/42 ที่ทำการ ฟอลคอนอัพ/สตาร์ ยืดอายุการใช้งานแล้ว  ซึ่งทำให้เรา มีเงินเหลือ ไปจัดหาอาวุธมาติดให้โก้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น กระเปาะต่างๆ  เจแดม อามราม และ ไซด์ไวน์เดอร์ (แต่ถ้าเป็นไปได้ ขอรุ่นX ถ้าไม่ได้ ก็ขอ งูหลาม5 พร้อมหมวกแล้วกัน) เพราะอะไร ผมถึงเชียร์มือ2  เพราะถ้าเราถอยมือ1 เราก็จะมาแบบด้วนๆ (เหมือนเคย) ไม่มีแพ็คเกจอาวุธแถมมาด้วย (ค่าน้ำร้อนน้ำชา แบบซื้อแยก มันได้มากกว่า)  บล็อค 40/42 บางลำ ได้รับการปรับปรุงจนมีระบบใกล้เคียงกับบล็อค50/52  เรดาร์ี่ที่ติดก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย   จ่ายแพงกว่าทำไม? 

ถ้าตามความต้องการ ฝูงนี้ จะมาแทน F-5  และฝูงหน้า อาจจะทดแทน F-16 ฝูง 103  ผมรอดูฝูงหน้าดีกว่า น่าสนุกกว่า  ฝูงนี้ หวยล็อค 16 ชัวร์  ฟันธง!

โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 29/03/2007 10:34:16


ความคิดเห็นที่ 9


ถูกครับน้อง นอมินี่.............. ฝูงนี้หวยล็อค ...............ฝูงหน้า น่าลุ้นกว่าเยอะ อย่าลืมว่า ไทกรีส จะหมดวาระลงในปี 2554 นะครับ ................... ว่าแต่พายุต้มยำกุ้งรอบสองมันกำลังก่อตัวอยู่ในอ่าว ถ้าขึ้นบกเมื่อไหร่ หวยบนดินอาจถูกล้มโต๊ะ เจ้ามือใต้ดินมีเฮคราวนี้ เอดีเอฟ ฝูงที่สองอาจมีอีกก็เป็นได้ น่อ...................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 29/03/2007 10:52:05


ความคิดเห็นที่ 10


แต่ผมรู้สึกว่า เครื่องบินที่จะมาแทน บ.รบ เก่านี่ต้องทันสมัยกว่าของเก่าด้วยครับ และอย่าลืมว่า บ.อะไรของเราที่กำลังจะปลดประจำการ F-5 ไงครับ และ JAS-39 นี่ก็อาจจะอยู่ในชั้นเดียวกับ F-5 ก็จริง แต่ระบบภายในนั้นทันสมัยมาก อาวุธก็ชั้นดี เราอย่ามัวแต่ไปเอาอาวุธมะกันสิครับ ไม่ลองดูอาวุธจากค่ายอื่นมั่งหรอครับ F-16 C/D ก็ดีครับ เราสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่า ส่วน JAS-39 มีรัศมีการปฏิบัติการที่ด้อยกว่าก็จริง แต่ขึ้นอยู่กับ ท.อ.ครับว่าจะ เชิงรุก หรือเชิงรับ ครับ แต่ผมว่า JAS-39 นี่ยังไม่มีประเทศใดในภูมิภาคนี้มีประจำการเลยครับ  ถ้าเรามี ประเทศเพื่อนบ้านก็จะไม่แน่ใจว่ามันมีประสิทธิภาพสูงขนาดไหน ว่ากันว่า JAS-39 สามารถตั้งรับได้ดีมากครับ 

กองบิน 7 ซึ่งกำลังจะปลด F-5 นี่ กองบินนี้มีความรับผิดชอบทั้งอ่าวไทยและอันดามัน F-16 นี่ก็สามารถโจมตีเรือได้ด้วยจรวด Harpoon ส่วน  JAS-39 นี่ใช้ RBS-15 จรวด Harpoon นี่สิงคโปร์ก็มีใช้งาน ส่วน RBS-15 ยังไม่มีประเทศไหนมีประจำการเลยครับ ประเทศรอบข้างก็อาจจะหวั่นๆ ว่ามันมีประสิทธิภาพขนาดไหน ก็อาจจะเป็นการดีสำหรับเราครับ

ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลใน JAS-39 และการตั้งรับ สมมุติJAS-39 ออกสกัดกั้น 4 ลำ ลำนึงจะเปิดเรดาห์ค้นหาข้าศึก ส่วนอีก 3 ลำจะปิดเรดาห์ ทำให้ข้าศึกไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง ระบบนี้ดีมากครับ ไม่มีในบ.รบอื่น มีแต่ใน JAS-39 ถ้า ท.อ.เน้นการป้องกัน JAS-39 ดีที่สุดแล้วครับ

สุดท้าย JAS-39 ไม่ใช่กระจอกนะครับ ในตอนนี้อาจจะ....ก็จริง แต่ลองดู JAS-39 N กับ JAS-39 DK ก่อนครับ บรรทุกอาวุธได้มากกว่าเก่า บินไกลกว่าเก่า ดุดันกว่าและขอบอกอีกอย่างนึงครับ ให้ ท.อ.พิจารณาเองดีกว่าครับ ไม่ใช่ให้การเมืองเข้ามายุ่ง ท.อ.รู้ดีกว่าเรามากๆ ครับ จะเป็น บ.อะไรก็ได้ครับ แต่ขอให้มาจริงๆ เหอะครับ   

โดยคุณ Air Force One เมื่อวันที่ 29/03/2007 11:39:53


ความคิดเห็นที่ 11


แน่ใจหรือครับ ว่าการเลือกงวดนี้จะไม่มีการแซกแซง ????? การซื้ออาวุธทุกครั้งของกองทัพไทย ถูกบีบคั้นจากแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก ภายนอกเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ส่วนภายในเป็นเรื่องของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่ได้มีคนเดียวครับ..... เก่าไปใหม่ก็มา ...........หรือคิดว่าไม่จริง...?????

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 29/03/2007 11:51:49


ความคิดเห็นที่ 12


ความทันสมัย ไม่เถียงครับ การดวลแบบหมากัดกัน ยาสก็ชนะ 16 ครับ แต่ปัญหาคืออะไหล่ ที่จะสนับสนุนในอนาคต มากกว่า  ส่วน ยาสดีเค กับ ยาสเอ็น ไม่รู้จะได้เกิดหรือเปล่าครับ เหมือนกับ เอฟ-16 บล็อค70 นั่นแล  แถม ที่เค้าเสนอเรา เป็น ยาสซี/ดี แสตนดาร์ด ครับ
โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 29/03/2007 11:58:28


ความคิดเห็นที่ 13


งวดนี้ขอเล่น 47 บนเล่น 35 ล่างเล่น 22 แต่แทง 47 ไป3000

โดยคุณ A-mark เมื่อวันที่ 29/03/2007 12:23:30


ความคิดเห็นที่ 14


4 Flankers with 16 AAM + 7.2 ton payload = 8 Gripens (7.2 ton) payload + 4 Gripen (8-16 AAM) + 2 KC-135 tankers

 

สุดยอดสมการ ที่ทำให้คิดว่า ซูมันโหด แค่ไหน -*-


โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 29/03/2007 12:27:31


ความคิดเห็นที่ 15


สวัสดีครับ ผมคิดว่าการเลือกซื้อเครื่องบินจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆด้าน เช่นการฝึกบิน การซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายที่จะต้องเกี่ยวพันกันในอนาคต ไม่ใช่ว่า 1 ฝูงสามารถปฎิบัติการได้เพียง ครึ่งฝูง ที่เหลือกราวด์ เพราะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ อายุการใช้งาน ปัญหาการซ่อมบำรุง

อย่างงี้นักบินก็มีชั่วโมงบินน้อยขาดความชำนาญ

ผมว่าดีทุกแบบ แต่ควรเลือกที่เหมาะสมกับประเทศให้มากที่สุด

โดยคุณ son30 เมื่อวันที่ 29/03/2007 12:34:15


ความคิดเห็นที่ 16


เสริมน้องไอซี่นอมินี่......ยังจำยุทธการบาบิโลน ที่อิสราเอลทิ้งบอมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้มั๊ยครับ.....................มันนานมาแล้ว เทคโนโลยี่การบินยังไม่ดีโด่เหมือนในตอนนี้ ครั้งนั้นยิวปฏิบัติการด้วย เอฟ-16 เอ/บี โหลดระเบิดคอนเวนชั่นนั่ลเต็มพิกัดร่วม 12 ลำ โดยทั้งหมดถูกคุ้มกันด้วย เอฟ-15 เอ ติดสแปร์โร่ว์และไซด์ไวเดอร์ จำนวนอีก 12ลำ บินเกาะหมู่ชิด ทะลุน่านฟ้าอาหรับหลายชาติเข้าไปทอยระเบิดสำเร็จภารกิจอย่างงดงาม แต่ด้วยระยะทางที่ไกลโข เจ้าเหยี่ยวก็ต้องได้รับการเติมน้ำมันทางอากาศ ............แผนการทั้งหมดต้องบอกว่า "โคตรเซียน" เพราะมันสุดแสนยุ่งยากและเสี่ยงเป็นไหนๆ......................ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน หากเหตุทำนองนี้การเกิดขึ้นอีก โคตรเซียนของเราคงเบาลงไปเยอะ รายการนี้ใช้ สไตร้ค์ไฟเท่อร์ เอฟ-15 อี นำร่องด้วยแลนเทอร์น โหลดด้วยเจแดม และที่สำคัญคือ ด้วยระบบเรดาร์ที่ทันสมัยและจรวดพิสัยไกลก้าวหน้าอาราม ภารกิจนี้ไม่ต้องใช้เครื่องบินคุ้มกัน......................ครับ ทีนี้รู้พิษสงของความใหญ่หรือยังครับว่ามันแจ๋วแค่ไหน............................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 29/03/2007 12:49:01


ความคิดเห็นที่ 17


ทีนี้มามองว่า ถ้าเพื่อนบ้านเรามีสไตร้ค์ไฟเตอร์ในคลาสเดียวกับเอฟ-15อี สักฝูงสองฝูง ผมว่ามันน่าเสียวสันหลังดีเหมือนกันนะครับ ฝูงนึง 12 ตัว ติดบีวีอาร์เอๆ-12 ลำละ 2-4 ลูก โหลดระเบิดเต็มลำ บินต่ำเวลากลางคืนนำร่องด้วยกระเปาะอิเลคทรอนิคส์ ขาเดียวไม่ต้องเติมน้ำมันถึงเมืองหลวงกรุงเทพของเราเลย.................ศักยภาพมากมายก่ายกองจริงๆผับผ่า มิไย เราจะเพิ่มสมดุลให้เกิดขึ้นเล่าครับ...................ตัวใหญ่ๆหน่ะ ตัวใหญ่ๆ รู้จักรึเปล่า.......................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 29/03/2007 13:03:24


ความคิดเห็นที่ 18


คุณกบหมายถึงเราควรซื้อ F-15หรือครับ ถึงจะพอขี่SU-30ได้  แต่ผบ.ทอ.กล่าวดัดคอคล้ายจะซื้อเครื่องตะวันตกมากกว่าน่ะครับ เหมือนมีตัวเลือกเรียบร้อย แค่รอมีรัฐบาลใหม่เท่านั้น แต่ผมว่าเศษฐกิจไทยกำลังถอยลงทุกวัน และดูเหมือนจะแย่กว่าคราวก่อน มีแต่ยกเลิกการลงทุนในไทย ไปลงทุนในจีนและเวียดนาม บ้างก็ไปมาเลเซียแทน คนไทยน่าจะตกงานอีกมากโดยเฉพาะคนทำงานโรงงาน  วันก่อนก็มีการแถลงยอดการผลิตรถยนต์ของไทย อัตราลดลงน่าใจหาย คนไทยกำลังซื้ออาจจะพอมีแต่คงไม่มีใครเสี่ยงลงทุนกู้ยืมตอนนี้ ผมว่าทอ.อาจจะต้องขี่เครื่องมือสองมากกว่าครับ นอกจากรัฐบาลใหม่จะใจถึงครับ แต่หากมือสองก็ของให้เล่น F-15C หรือ F-15E ไปเลยน่ะครับซักฝูงเต็มๆ บวกF-16 ทำMLU ให้หมดผมว่าก็น่าดูแล้ว สำหรับประเทศที่คิดร้ายกับเรา

โดยคุณ Chelsea เมื่อวันที่ 29/03/2007 15:16:18


ความคิดเห็นที่ 19


......ถ้าเกิดยังไงๆก็อยากได้ เอฟ 18 ล่ะก็ หรือบ.ข.ขนาดใหญ่ เอาตังค์ไปซื้อ เอฟ 15 อี หรือ ซี  แบบที่ ท่านChelsea  บอกอ่ะครับ หรือไม่ก็ เอฟ 18 ซีดี ไม่ก็ อีเอฟ มือสองไปเล้ย เราถนัดของมือสองอยู่แล้ว  นอกจากเขาจะขายให้ในราคาที่คุ้มค่าหรือขายให้น่ะครับ  ไหนจะระบบอาวุธที่ไม่ใช่แค่เพียงสกัดกั้นเท่านั้น หากเป็น ซู 30 คงจะได้อาวุธ ทั้ง อ.ส.พ.และอ.ส.อ. มาจนครบจำนวนความต้องการ ไหนจะเปิดโอกาสให้อาวุธรัสเซียชนิดอื่นๆเข้ามาในบ้านเราอีก ติดตรง ความเคยชิน อายุการใช้งาน และ ระบบอาวุธเท่านั้น แต่สามารถทำภารกิจที่เราขาดได้หมดเลย สามารถบินไปลึกในอ่าวไทยทำการโจมตีรอบแรกต่อกองเรือศัตรูได้ด้วยอาวุธ นำวิถีรัสเซียแต่ล่ะระบบก็แรงๆทั้งนั้นแถมหมัดยาวป้องกันการสวนกลับได้อีก  ช่วยลดภาระกองเรือไปได้  คงไม่มีงบไปหักฮาร์พูนมาใช้กับ เอฟ 16 หรอกนะครับ

.....มันจะดีต่อเราหากมีเครื่องบ.ข. 2เครื่องยนต์ทำหน้าที่ครองอากาศให้กับ เอฟ 16 ที่เราไปทำการอัพเกรดแล้วใช้ทำหน้าที่โจมตีเป็นหลักน่ะครับ แบบ อิสราเอลนั้นล่ะ

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 29/03/2007 20:31:24


ความคิดเห็นที่ 20


เครื่อง f16 I รุ่นเดียวกับอิสราเอล ราคาตัวเปล่า 45 mus$ (f16cdถูกกว่านิดหน่อย แต่ถ้ารวมระบบอาวุธแล้วเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70-80 us$)น่าจะเหมาะสมที่สุด ยิวซื้อรุ่นนี้มาเพื่อจะเอาไว้โจมตีอิหร่านและลิเบียโดยเฉพาะ รัศมีปฏิบัติการไกลไม่เป็นรอง f15e แน่นอน เพราะตอนนั้น boeing ก็เสนอ f15I แต่ยิวเลือก f16 Iมีสองที่นั่ง ขับไล่สกัดกันก็ได้ ใช้จรวด ไพธอน 4,5 ร่วมกับหมวกเล็งแดช และในระยะไกลใช้ดาร์บี้ ยิงก่อนแล้วค่อยล็อกออนทีหลัง ส่วนเรื่องระบบดาต้าลิงค์ของ jasนั้น ยิวใช้มาสิบกว่าปีแล้วครับ ด้านประสิทธิภาพแล้ว f16I ไม่เป็นรอง jas แน่นอน

เรื่องการซ่อมบำรุงนี่ เครื่องที่มีคนใช้น้อยอย่าง jas น่าจะมีปัญหา

การอัพเกรดเครื่องที่มีจำนวนผลิตน้อยๆ อย่าง jas rafale typhoon f18 ไม่ค่อยมีแพ็คเกท อัพเกรด ผิดกับ f16 su30 ดูง่ายๆ อย่าง mig 21 และ f5 เป็นตัวอย่าง ตอนนี้ก็ยังมีการอัพเกรดยืดอายุการใช้งานให้ทันสมัยได้อยู่ ถ้าซื้อ jas มา ไม่เกิน 15 ปีน่าจะหมดสภาพที่จะต่อกรกับ fighter รุ่นใหม่ๆได้ครับ

ข้อดีอีกอย่างของการซื้อ f16I ก็คือเราไม่ต้องฝึกช่างใหม่ ฝึกนักบินใหม่ ซื้อเครื่องมือสนับสนุนโรงซ่อมและอะไหล่ใหม่ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ระยะยาวแพงกว่าค่าเครื่องบินอีกครับ

โดยคุณ nars เมื่อวันที่ 29/03/2007 21:22:23


ความคิดเห็นที่ 21


อืม ผมคิดตามภาษาคนรู้น้อยนะครับ ผมว่าคราวนี่คงไม่พ้น f-16หรอกครับ น่าจะมี f16 1 ฝูงแน่ผมว่านะ แต่ไม่รู้จะซื้ออย่างอื่นอีกรึป่าว ประเภท f-18c/d ซัก8-12ลำ ให้ทร.รึเปล่าแต่คงไม่มี f18 e/f หรอกครับ ผมว่านะ มันคนแพงไปสำหรับประเทศไทย

ปล.อยากรู้ว่าเรามีโครงการทำให้ A7 เรากลับบินได้รึอีกครั้งรึเปล่าครับ ถ้ามีก็คงจะทำให้ดุลอำนาททางทะเลของเราเพิ่มขึ้นมากนะครับ

โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 29/03/2007 21:54:18


ความคิดเห็นที่ 22


ผมมั่นใจว่า F-16 มาแน่ครับ หากมีตัวเลือกแค่สองตังเลือก เพราะว่าเหตุผลมันไม่ได้อยู่ที่ความต้องการและออฟชั่นอย่างเดียว แต่มันจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องชัวร์ๆ ส่วนขีดความสามารถนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าหากเลือก JAS-39 มาได้จริง แต่คงไม่ได้ขีดความสามารถมาเต็มสูบเหมือนกับที่เขาโปรโมทแน่นอน อย่างเช่น ระบบดาต้าลิงค์ที่มีติดตั้งใน JAS-39 นั้นกองทัพอากาศเราพร้อมแล้วหรือเปล่า แน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะมีเครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศ เมื่อไม่มีก็แสดงว่าเราต้องอาศัยเรดาร์ภาคพื้นอย่างเดียวนั่นหมายถึงการที่เราจะบุกไปโจมตีที่หมายที่อยู่ไกลออกไปนั้นยากลำบาก แต่น่าจะได้เปรียบเมื่ออยู่ในเขตของเรา และการที่ JAS-39 ใช้ถนนแทนรันเวย์ได้นั้น ตามปกติแล้วเครื่องบินจะอยู่ในส่วนของกองบิน หากเกิดอะไรขึ้นมาจะใช้ถนนแทนได้อย่างไร นอกเสียจากว่านำเครื่องบินมาจอดแสตนด์บายไว้ข้างถนนหรือบินขึ้นไปแล้วไม่มีที่ลงแล้วต้องมาลงบนถนน แต่กระนั้นแล้วรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ล่ะ ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับ คุณกบ และคุณicy ครับ ส่วน F-16 นั้นสมมุติว่าเราต้องการก็คงเป็นรุ่นที่ดีกว่า F-16 C/D ที่มีอยู่แน่นอน แต่อาวุธที่ได้ไม่มั่นใจว่าเขาจะติดให้เรามากน้อยแค่ไหน แต่การซ่อมบำรุงในระยะยาวนั้นน่าจะสบายใจกว่า แต่ก็เหมือนเราไม่เปิดหูเปิดตากับสิ่งใหม่ๆ ส่วนการที่จะเอา F-16I ผมว่ายากนะครับ เพราะ F-16I เป็นเวอร์ชั่นของอิสราเอลที่อิสราเอลเขามีส่วนในการพัฒนาระบบของเขาเอง นอกจากเราให้อิสราเอลพัฒนาระบบให้เรานั่นอีกเรื่องหนึ่ง ในใจผมอยากให้มีตัวเลือกอื่นเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยครับ อย่างเช่น ราฟาล หรือ ไต้ฝุ่น เอากลับมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่งจะดีไหม แล้วเราจะได้อะไรมากกว่าการที่ง้อของไม่กี่อย่างทำให้การเจรจาต่อรองลดด้อยลงไป แล้วได้ของที่กำลังจะเลิกใช้เพื่อเปลี่ยนของใหม่แล้วมีออพชั่นไม่กี่อย่างให้ปลาบปลื้ม ส่วนเรื่อง A-7 เห็นด้วยกับ นายนก ทุกประการครับ(หลังสงกรานต์เราจะพากันแก่อีกปีแล้วสินะ นายนก)
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 30/03/2007 20:43:41