จาก กระทู้ บข.20 ของท่าน SKYMAN
ถ้า ทอ. ตัดสินใจ เลือก JAS-39 GRIPEN ระบบ อาวุธ เราจะเลือก ใช้ ของ อเมริกา หรือของ ยุโรป
แต่ ผมคิดว่า น่าจะเลือก ของ อเมริกา เพราะ ระบบ อาวุธ ที่เรา ใช้ กับ F-16 อยู่ ก็สามารถ ใช้กับ JAS-39 ได้ อย่าง AIM-9 Sidewinder และ AIM-120 AMRAAM
คำถาม มีอยู่ว่า ถ้าซื้อเครื่องบิน เขาแล้ว เขาจะแถมอาวุธ รุ่นล่าสุดให้เราหรือเปล่า?
อย่าง AIM-9X และ AIM-120C-5 ระยะยิง 105 กิโลเมตร
AIM-120D ระยะยิง > 180 กิโลเมตร รุ่นใหม่ อเมริกา มันคงไม่ขายให้ใครหรอก
ใจจริง อยากได้ MBDA METEOR จาก ยุโรป มากกว่า METEOR ระยะยิง 100 - 130 กิโลเมตร
และ จรวด พิสัยใกล้ IRIS-T ระยะยิง 25 กิโลเมตร ซึ่งยิงได้ ไกลกว่า AIM-9
ถ้า ทอ.ไทย ตัดสินใจ เลือก F-16 C/D ก็ขอ ให้เป็น BLOCK 50/52 ถ้าเป็นรุ่น Plus ด้วยยิ่งดี มือสอง ก็ได้ แต่ใจจริง อยากได้ ของใหม่ๆ เอี่ยมๆ
ความ จริง ผมชอบ F-16 E/F Block 60 ของ ทอ.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( UAE ) มากกว่า แต่ใน เมื่อ ราคา มันแพงไป ก็เอา แค่ Block 50/52+ ก็ได้
ถ้า ทอ. ตัดสินใจ เลือก F-16 C/D Block 50/52 แล้ว ระบบ อาวุธ จะได้ รุ่นใหม่ ด้วยหรือเปล่า อย่าง AIM-9X Sidewinder และ AIM-120C-5
จะลงทุน ซื้อของ ทั้งที ขอให้ ซื้อให้คุ้ม
ได้เครื่องบิน ใหม่ แต่ระบบอาวุธ ยังเป็นแบบ Medium Tech มัน ก็ไม่ เต็มสูบ
ช่วย เปรียบเทียบ JAS-39 GRIPEN Vs. SU-30 MKM
และ F-16 C/D BLOCK 50/52 Vs su-30 MKM
ผมจะให้ ข้อมูล อาวุธ ของ SU-30
SU-30 MKM
เรดาร์ สามารถ จับได้ไกล ถึง 400 กิโลเมตร
-จรวด อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยกลาง RW-AE ( R-77 ) พิสัยยิง 90 กิโลเมตร
-จรวด อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยไกล R-77 M1 พสัยยิง 175 กิโลเมตร
-จรวด อากาศ-สู่-อากาศ พิสัยใกล้ R-73 ( AA-11 ARCHER ) พิสัยยิง 30 กิโลเมตร
ผมไม่ ทราบว่า เรดาร์ ของ JAS-39 GRIPEN และ F-16 C/D BLOCK 50/50 มัน จับได้ไกลเท่าไร
แต่ ดูจาก ระบบ อาวุธของเขา ก็ ไกลกว่า ของเราแล้ว
แล้ว เราจะสู้ได้ ไหม
ถ้า ซื้อ JAS-39 GRIPEN แล้วแถม ERIEYE ผม เชียร์ เต็มที่
เท่าที่ผมและเพื่อนๆในเวปหลายท่านลองประขีดความสามารถของเครื่องทั้ง 3 แบบ ก็พอจะพบว่า
ในภาระกิจขับไล่ครองอากาศ SU-30 MK ได้เปรียบที่สุดเพราะสามารถยิงได้ก่อน แต่ว่าหน้าตัดเรด้าร์ของ F-16 50/52 ( RCS) เล็กกว่าSU-30 มาก คือประมาณ 1 ตารางเมตร ในขณะที่ SU มีหน้าตัด 5-10 ตารางเมตร(รุ่นหลังสุดน่าจะอยู่แถวๆ 5 ตารางเมตร) ดังนั้น F-16 50/52 และ SU-30 สามารถจะตรวจพบฝ่ายตรงข้ามและปล่อยอาวุธ BVR ได้เกือบพร้อมๆกัน ในขณะที่ JAS-39 ดูจะเสียเปรียบที่สุด แม้ว่าแมธิเออร์จะสามารถยิงได้ไกลกว่า 100 กม. แต่เรด้าร์ประจำตัวของมันมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด
ในระยะประชิดนั้น ทั้ง 3 รุ่นก็มีหมวกที่ควบคุมการยิงอาวุธนำวิถีได้เหมือนกัน ความได้เปรียบเสียเปรียบกันคงไม่มากนัก
ส่วนระยะปฎิบัติการ อันดับแรกก็ SU-30 ที่สอง F-16 ที่สามรั้งท้ายคือ JAS-39 และพิเศษนิดนึงสำหรับ F-16 ที่มีถัง CFT ทำให้ในภาระกิจโจมตีจะสามารถมีระยะบินได้ไกลเพิ่มขึ้นมาก ลดความเสียเปรียบ SU ไปได้บ้างไม่น้อยเลย แต่การคุ้มกันระยะไกลและการครองอากาศที่จำเป็นต้องประจำสถานีรบในอากาศนานคงจะเสียเปรียบ SU มากครับ
การบรรทุกนน.ในภาระกิจโจมตี SU-30 ได้เปรียบกว่าเพื่อน รองมา F-16 ซึ่งแม้จะน้อยกว่า SU แต่อัตราส่วนน้ำหนักที่บรรทุกต่อนน.ตัวนั้นดีกว่า SU ดังนั้นสำหรับภาระกิจโจมตีแล้ว F-16 จัดว่าอยู่ในระดับตัวกลั่นที่ไว้ใจได้มากและมีผลงานมากที่สุด ผมว่าน่าจะไว้ใจได้กว่า SU-30 เพราะ SU-30 มีโอกาสแสดงผลงานน้อยกว่ามาก ส่วน JAS-39 รั้งท้ายตามเดิม
ความพร้อมรบ ข้อดีของ F-16 คือ นักบินเราคุ้นเคย ช่างก็คุ้นเคย ดังนั้นการฝึกนักบินและการเตรียมความพร้อมรบสำหรับทอ.ไทยของเรา F-16 นั้นได้เปรียบที่สุด ส่วน JAS-39 รองลงมา แต่ SU-30 Mk น่าจะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทอ.มากที่สุด แม้ว่าเราจะโมดิฟายด์มันในรองรับระบบของตะวันตกมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็ยากอยู่ดี รวมทั้งข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักเรื่องความเข้ากันได้ของระบบที่เครื่องของมาเลย์เจอปัญหาอยู่ ทำให้ SU-30 ลูกครึ่งมีความน่าเชื่อถือในตัวระบบต่ำที่สุด นอกจากนี้การที่อายุการใช้งานของเรด้าร์และเครื่องยนต์ที่สั้นกว่าของตะวันตกประมาณครึ่งหนึ่ง น่าจะทำให้ค่าโสหุ้ยของการบำรุงรักษา SU-30 ดูจะแย่มากๆ ส่วน JAS-39 นั้นถ้าซื้อมา รับรองได้ว่าเจอสวีเดนฟันค่าอะไหล่เลือดกระฉูดแน่นอน เพราะมันเหมือนรถยนต์ที่ยี่ห้อไม่ติดตลาด อะไหล่แพงมากและหายากมาก ทำให้การซ่อมบำรุงประสบปัญหาได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการปิดสายการผลิตแล้ว อะไหล่จะยิ่งหายากมาก(เหมือนกรณี L-159) ดังนั้นในระยะยาวแล้ว ระดับความพร้อมรบของ JAS-39 จะต่ำที่สุดและมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะหาอะไหล่มาไม่ได้ รวมทั้งในกรณี่ที่ถูกกดดันทางการเมืองจากชาติมหาอำนาจแล้ว JAS-39 จะมีความเสี่ยงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะแม้ว่าสวีเดนอาจจะยังมีอะไหล่ให้เรา แต่สวีเดนอาจถูกบีบให้ไม่ส่งมอบอะไหล่แก่เราได้ ในขณะที่ F-16 และ SU-30 หาอะไหล่ง่ายและไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบีบจากมหาอำนาจจนขาดอะไหล่
ในสายตาผมแล้ว
- ถ้าทอ. เน้นการป้องกันเชิงรุก(เน้นข่มขู่ชาวบ้านเขา) คือ สามารถบุกไปถล่มข้าศึกได้ในบ้านแทบทุกจุด มีอำนาจการยิงมหาศาล และสามารถครองอากาศได้ยอด คงต้องใช้ SU-30 เป็นอันดับแรก เพราะประสิทธิภาพสูงสุด ราคาย่อมเยาว์(แต่ค่าโสหุ้ยระยะยาวสูง ความพร้อมรบต่ำ) รองลงมา F-16 รั้งท้าย JAS-39
- ถ้าทอ. เน้นการป้องกันตัวเป็นหลัก(ขึ้นสกัดกั้นชาวบ้านเขาตลอดกาล) ค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ความพร้อมรบสูงและการบำรุงรักษาต่ำ F-16 มาอันดับ 1 JAS-39 มาอันดับ 2 โดยมี SU-30 ตามตูดมาติดๆ เพราะผมเชื่อว่า การซ่อมบำรุงและการจัดหาอะไหล่ของ JAS-39 นั้นน่าจะมีปัญหาไม่น้อยกว่า SU-30 เผลอๆมากกว่าด้วย(ในระยะยาว) แต่ JAS-39 มีค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการต่ำมากที่สุดใน 3 แบบ
- ถ้า ทอ. ต้องปฎิบัติการด้วยเครื่อง AEW&C แล้ว ทั้ง SU-30 และ F-16 50/52 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า JAS-39 อยู่ดี
สำหรับผม ขอตัด JAS-39 ออกจากรายการครับ แม้ว่าราคาที่สวีเดนขายนั้นจะมีราคาต่ำที่สุดจนน่าเย้ายวนใจ และ แถมกระจาย แต่ปัญหาระยะยาวดูไม่โสภาเอาซะเลย
ในสถานะนี้ รัฐบาลแบบนี้ F-16 50/52 น่าจะมาวินครับ แต่ถ้ามาอุบัติเหตุแล้วเกิดเปลี่ยนรัฐบาล ก็อาจจะอีกเรื่องครับ
ราคาที่สวีเดนเสนอขายนั้นไม่ได้แถมเครื่อง AEW&C ให้หรอกนะครับ เพียงแต่ราคาถูกกว่าปกติเท่านั้นเอง แต่ต้องซื้อเป็นแพตเกจนะครับ แบบว่าขายเหล้าพ่วงเบียร์อะไรเทือกนั้น
ส่วนการปฎิเสธ F-16 ในคราวนั้น ยุคของทักกี้ครับ ซึ่งเขาต้องการ SU-30 เท่านั้น ดังนั้น JAS-39ก็เดี้ยงเมือนกัน แต่ตอนนี้ยุคเปลี่ยนไปอีกแล้ว(หวังว่าคงจะไม่เปลี่ยนบ่อยๆหรือว่าต้องเปลี่ยนอีกในเร็วๆนี้ก็ม่ายรู้)
ส่วนระบบดาต้าร์ลิ้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่า JAS-39 ดีที่สุดครับ ซื้อของเน้นถูกและแถมกระจายนี่ต้องคิดให้รอบคอบนะครับ ช้ำใจกันมาเยอะแล้ว
ของถูกไม่มีดี ของดีมักไม่ถูก ส่วนของดีและถูกมี 2 กรณี คือ เปิดตลาด(เราจะต้องเสี่ยงเอาในการเป็นลูกค้ารายๆแรกๆ) และสอง ของมีตำหนิครับ
แต่แน่ๆ ผมเหมาเลข 35 มา 20 ใบแล้วครับ
พอดีไปไหว้ พระพุทธชินราช ที่พิษณุโลก เพิ่งกลับมา เลยมาอ่านกระทู้เลยครับ
เลขตามอายุ เลย อิอิ
เห่อๆ แต่ยาส ถ้าไม่กังวลเรื่องอะไหล่ ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนนะครับ แบบว่า คนมันชอบน่ะฮะ 555
แต่ใจลึกๆถ้าไม่มองเรื่องปัญหาต่างๆที่ข้างบนกล่าวมาอยากได้ซู-30 มากกว่าฮะ เผื่อเวลาฝึก โคปไทเกอร์ จะได้ทำคอบร้าปูกาเชฟ สอย 18 16 ลงมาได้มั่ง หุหุ
สาระๆ
ต้องยอมรับจริงๆว่า ยาส มีจุดอ่อนคือระยะปฏิบัติการ และ จำนวนอาวุธที่ติดตั้ง ถ้าอ้างตามที่พี่กบพูด ทอ.ต้องการเครื่องบินโจมตีขัดขวาง ก็เหลือตัวเลือกแค่2ตัว คือ F-16 C/D Block40/42 ขึ้นไป กับ F-18 E/F ซึ่ง 18 มีภาษีดีกว่าตรงระยะปฏิบัติการ และความทันสมัย แต่ก็ตามมาด้วยปัญหา ที่ค่าตัวเจ้าต่อมหาภัยนี้ แพง จนไม่น่าจัดหาได้ครบฝูง หรือ ไม่น่าจัดหามาได้เลยด้วยซ้ำ
ฉะนั้น จึงเหลือตัวเลือกที่เหมาะสม นั่นคือF-16 C/D ซึ่งคราวนี้ ต้องมาดูที่ออปชั่น เบาะหนังแท้ DVD ลายคาร์บอนไฟเบอร์ อันนี้ ต้องดูที่งบประมาณ ซึ่งถ้าจะดีลตอนนี้ ผมว่า ทำให้เราน่าจะได้ตัวเลือกที่ดีขึ้น เนื่องจาก ค่าเงินบาทที่แข็ง โดยส่วนตัว ถ้าจะเอา 16 ก็ขอ บล็อค 40/42 ที่ทำการ ฟอลคอนอัพ/สตาร์ ยืดอายุการใช้งานแล้ว ซึ่งทำให้เรา มีเงินเหลือ ไปจัดหาอาวุธมาติดให้โก้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น กระเปาะต่างๆ เจแดม อามราม และ ไซด์ไวน์เดอร์ (แต่ถ้าเป็นไปได้ ขอรุ่นX ถ้าไม่ได้ ก็ขอ งูหลาม5 พร้อมหมวกแล้วกัน) เพราะอะไร ผมถึงเชียร์มือ2 เพราะถ้าเราถอยมือ1 เราก็จะมาแบบด้วนๆ (เหมือนเคย) ไม่มีแพ็คเกจอาวุธแถมมาด้วย (ค่าน้ำร้อนน้ำชา แบบซื้อแยก มันได้มากกว่า) บล็อค 40/42 บางลำ ได้รับการปรับปรุงจนมีระบบใกล้เคียงกับบล็อค50/52 เรดาร์ี่ที่ติดก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย จ่ายแพงกว่าทำไม?
ถ้าตามความต้องการ ฝูงนี้ จะมาแทน F-5 และฝูงหน้า อาจจะทดแทน F-16 ฝูง 103 ผมรอดูฝูงหน้าดีกว่า น่าสนุกกว่า ฝูงนี้ หวยล็อค 16 ชัวร์ ฟันธง!
แต่ผมรู้สึกว่า เครื่องบินที่จะมาแทน บ.รบ เก่านี่ต้องทันสมัยกว่าของเก่าด้วยครับ และอย่าลืมว่า บ.อะไรของเราที่กำลังจะปลดประจำการ F-5 ไงครับ และ JAS-39 นี่ก็อาจจะอยู่ในชั้นเดียวกับ F-5 ก็จริง แต่ระบบภายในนั้นทันสมัยมาก อาวุธก็ชั้นดี เราอย่ามัวแต่ไปเอาอาวุธมะกันสิครับ ไม่ลองดูอาวุธจากค่ายอื่นมั่งหรอครับ F-16 C/D ก็ดีครับ เราสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่า ส่วน JAS-39 มีรัศมีการปฏิบัติการที่ด้อยกว่าก็จริง แต่ขึ้นอยู่กับ ท.อ.ครับว่าจะ เชิงรุก หรือเชิงรับ ครับ แต่ผมว่า JAS-39 นี่ยังไม่มีประเทศใดในภูมิภาคนี้มีประจำการเลยครับ ถ้าเรามี ประเทศเพื่อนบ้านก็จะไม่แน่ใจว่ามันมีประสิทธิภาพสูงขนาดไหน ว่ากันว่า JAS-39 สามารถตั้งรับได้ดีมากครับ
กองบิน 7 ซึ่งกำลังจะปลด F-5 นี่ กองบินนี้มีความรับผิดชอบทั้งอ่าวไทยและอันดามัน F-16 นี่ก็สามารถโจมตีเรือได้ด้วยจรวด Harpoon ส่วน JAS-39 นี่ใช้ RBS-15 จรวด Harpoon นี่สิงคโปร์ก็มีใช้งาน ส่วน RBS-15 ยังไม่มีประเทศไหนมีประจำการเลยครับ ประเทศรอบข้างก็อาจจะหวั่นๆ ว่ามันมีประสิทธิภาพขนาดไหน ก็อาจจะเป็นการดีสำหรับเราครับ
ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลใน JAS-39 และการตั้งรับ สมมุติJAS-39 ออกสกัดกั้น 4 ลำ ลำนึงจะเปิดเรดาห์ค้นหาข้าศึก ส่วนอีก 3 ลำจะปิดเรดาห์ ทำให้ข้าศึกไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง ระบบนี้ดีมากครับ ไม่มีในบ.รบอื่น มีแต่ใน JAS-39 ถ้า ท.อ.เน้นการป้องกัน JAS-39 ดีที่สุดแล้วครับ
สุดท้าย JAS-39 ไม่ใช่กระจอกนะครับ ในตอนนี้อาจจะ....ก็จริง แต่ลองดู JAS-39 N กับ JAS-39 DK ก่อนครับ บรรทุกอาวุธได้มากกว่าเก่า บินไกลกว่าเก่า ดุดันกว่าและขอบอกอีกอย่างนึงครับ ให้ ท.อ.พิจารณาเองดีกว่าครับ ไม่ใช่ให้การเมืองเข้ามายุ่ง ท.อ.รู้ดีกว่าเรามากๆ ครับ จะเป็น บ.อะไรก็ได้ครับ แต่ขอให้มาจริงๆ เหอะครับ
แน่ใจหรือครับ ว่าการเลือกงวดนี้จะไม่มีการแซกแซง ????? การซื้ออาวุธทุกครั้งของกองทัพไทย ถูกบีบคั้นจากแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก ภายนอกเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ส่วนภายในเป็นเรื่องของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่ได้มีคนเดียวครับ..... เก่าไปใหม่ก็มา ...........หรือคิดว่าไม่จริง...?????
งวดนี้ขอเล่น 47 บนเล่น 35 ล่างเล่น 22 แต่แทง 47 ไป3000
4 Flankers with 16 AAM + 7.2 ton payload = 8 Gripens (7.2 ton) payload + 4 Gripen (8-16 AAM) + 2 KC-135 tankers
สุดยอดสมการ ที่ทำให้คิดว่า ซูมันโหด แค่ไหน -*-
สวัสดีครับ ผมคิดว่าการเลือกซื้อเครื่องบินจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆด้าน เช่นการฝึกบิน การซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายที่จะต้องเกี่ยวพันกันในอนาคต ไม่ใช่ว่า 1 ฝูงสามารถปฎิบัติการได้เพียง ครึ่งฝูง ที่เหลือกราวด์ เพราะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ อายุการใช้งาน ปัญหาการซ่อมบำรุง
อย่างงี้นักบินก็มีชั่วโมงบินน้อยขาดความชำนาญ
ผมว่าดีทุกแบบ แต่ควรเลือกที่เหมาะสมกับประเทศให้มากที่สุด
คุณกบหมายถึงเราควรซื้อ F-15หรือครับ ถึงจะพอขี่SU-30ได้ แต่ผบ.ทอ.กล่าวดัดคอคล้ายจะซื้อเครื่องตะวันตกมากกว่าน่ะครับ เหมือนมีตัวเลือกเรียบร้อย แค่รอมีรัฐบาลใหม่เท่านั้น แต่ผมว่าเศษฐกิจไทยกำลังถอยลงทุกวัน และดูเหมือนจะแย่กว่าคราวก่อน มีแต่ยกเลิกการลงทุนในไทย ไปลงทุนในจีนและเวียดนาม บ้างก็ไปมาเลเซียแทน คนไทยน่าจะตกงานอีกมากโดยเฉพาะคนทำงานโรงงาน วันก่อนก็มีการแถลงยอดการผลิตรถยนต์ของไทย อัตราลดลงน่าใจหาย คนไทยกำลังซื้ออาจจะพอมีแต่คงไม่มีใครเสี่ยงลงทุนกู้ยืมตอนนี้ ผมว่าทอ.อาจจะต้องขี่เครื่องมือสองมากกว่าครับ นอกจากรัฐบาลใหม่จะใจถึงครับ แต่หากมือสองก็ของให้เล่น F-15C หรือ F-15E ไปเลยน่ะครับซักฝูงเต็มๆ บวกF-16 ทำMLU ให้หมดผมว่าก็น่าดูแล้ว สำหรับประเทศที่คิดร้ายกับเรา
......ถ้าเกิดยังไงๆก็อยากได้ เอฟ 18 ล่ะก็ หรือบ.ข.ขนาดใหญ่ เอาตังค์ไปซื้อ เอฟ 15 อี หรือ ซี แบบที่ ท่านChelsea บอกอ่ะครับ หรือไม่ก็ เอฟ 18 ซีดี ไม่ก็ อีเอฟ มือสองไปเล้ย เราถนัดของมือสองอยู่แล้ว นอกจากเขาจะขายให้ในราคาที่คุ้มค่าหรือขายให้น่ะครับ ไหนจะระบบอาวุธที่ไม่ใช่แค่เพียงสกัดกั้นเท่านั้น หากเป็น ซู 30 คงจะได้อาวุธ ทั้ง อ.ส.พ.และอ.ส.อ. มาจนครบจำนวนความต้องการ ไหนจะเปิดโอกาสให้อาวุธรัสเซียชนิดอื่นๆเข้ามาในบ้านเราอีก ติดตรง ความเคยชิน อายุการใช้งาน และ ระบบอาวุธเท่านั้น แต่สามารถทำภารกิจที่เราขาดได้หมดเลย สามารถบินไปลึกในอ่าวไทยทำการโจมตีรอบแรกต่อกองเรือศัตรูได้ด้วยอาวุธ นำวิถีรัสเซียแต่ล่ะระบบก็แรงๆทั้งนั้นแถมหมัดยาวป้องกันการสวนกลับได้อีก ช่วยลดภาระกองเรือไปได้ คงไม่มีงบไปหักฮาร์พูนมาใช้กับ เอฟ 16 หรอกนะครับ
.....มันจะดีต่อเราหากมีเครื่องบ.ข. 2เครื่องยนต์ทำหน้าที่ครองอากาศให้กับ เอฟ 16 ที่เราไปทำการอัพเกรดแล้วใช้ทำหน้าที่โจมตีเป็นหลักน่ะครับ แบบ อิสราเอลนั้นล่ะ
เครื่อง f16 I รุ่นเดียวกับอิสราเอล ราคาตัวเปล่า 45 mus$ (f16cdถูกกว่านิดหน่อย แต่ถ้ารวมระบบอาวุธแล้วเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70-80 us$)น่าจะเหมาะสมที่สุด ยิวซื้อรุ่นนี้มาเพื่อจะเอาไว้โจมตีอิหร่านและลิเบียโดยเฉพาะ รัศมีปฏิบัติการไกลไม่เป็นรอง f15e แน่นอน เพราะตอนนั้น boeing ก็เสนอ f15I แต่ยิวเลือก f16 Iมีสองที่นั่ง ขับไล่สกัดกันก็ได้ ใช้จรวด ไพธอน 4,5 ร่วมกับหมวกเล็งแดช และในระยะไกลใช้ดาร์บี้ ยิงก่อนแล้วค่อยล็อกออนทีหลัง ส่วนเรื่องระบบดาต้าลิงค์ของ jasนั้น ยิวใช้มาสิบกว่าปีแล้วครับ ด้านประสิทธิภาพแล้ว f16I ไม่เป็นรอง jas แน่นอน
เรื่องการซ่อมบำรุงนี่ เครื่องที่มีคนใช้น้อยอย่าง jas น่าจะมีปัญหา
การอัพเกรดเครื่องที่มีจำนวนผลิตน้อยๆ อย่าง jas rafale typhoon f18 ไม่ค่อยมีแพ็คเกท อัพเกรด ผิดกับ f16 su30 ดูง่ายๆ อย่าง mig 21 และ f5 เป็นตัวอย่าง ตอนนี้ก็ยังมีการอัพเกรดยืดอายุการใช้งานให้ทันสมัยได้อยู่ ถ้าซื้อ jas มา ไม่เกิน 15 ปีน่าจะหมดสภาพที่จะต่อกรกับ fighter รุ่นใหม่ๆได้ครับ
ข้อดีอีกอย่างของการซื้อ f16I ก็คือเราไม่ต้องฝึกช่างใหม่ ฝึกนักบินใหม่ ซื้อเครื่องมือสนับสนุนโรงซ่อมและอะไหล่ใหม่ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ระยะยาวแพงกว่าค่าเครื่องบินอีกครับ
อืม ผมคิดตามภาษาคนรู้น้อยนะครับ ผมว่าคราวนี่คงไม่พ้น f-16หรอกครับ น่าจะมี f16 1 ฝูงแน่ผมว่านะ แต่ไม่รู้จะซื้ออย่างอื่นอีกรึป่าว ประเภท f-18c/d ซัก8-12ลำ ให้ทร.รึเปล่าแต่คงไม่มี f18 e/f หรอกครับ ผมว่านะ มันคนแพงไปสำหรับประเทศไทย
ปล.อยากรู้ว่าเรามีโครงการทำให้ A7 เรากลับบินได้รึอีกครั้งรึเปล่าครับ ถ้ามีก็คงจะทำให้ดุลอำนาททางทะเลของเราเพิ่มขึ้นมากนะครับ