หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


หลังจากดูเรื่อง 300 แล้วมาดูประวัติศาสตร์กันบ้างดีกว่า

โดยคุณ : piyabhut เมื่อวันที่ : 28/03/2007 22:46:12

ประมาณปีพ.ศ.63(480ปีก่อนค.ศ.) กองทัพเปอร์เซียของกษัตริย์เซอร์ซิสที1 ?ได้นำกองทัพขนาดมหาศาลจำนวน500,000คน (ทัพบก250,000 ?ทัพเรือ250,000)เข้าตีดินแดนกรีกทางเขตมาซีโดเนีย ?เพื่อเป็นการล้างแค้นแทนพระบิดาของตนที่เคยพ่ายแพ้สงครามแก่พันธมิตรแห่งกรีกในสงครามเปอร์เซียครั้งแรก ?และเป็นการเปิดฉากสงครามเปอร์เซียครั้งที่2

(กองทัพเปอร์เซียจากการที่ผมศึกษามา นักประวัติศาสตร์จำนวนมากบอกว่ามีจำนวนไม่ถึงล้านอย่างที่ใครเข้าใจครับ ?เพราะสมัยก่อนประชากรน้อยผู้คนอาศัยกระจัดกระจายเมืองใหญ่ๆไม่ได้มีขนาดอย่างปัจจุบัน ?ทหารล้านคนจึงเป็นเรื่องเฟคของผู้บันทึกประวัติศาสตร์เพื่อให้เรื่องราวดูอลังการเฉยๆครับ)

ด้วยความเข้มแข็งของทัพเปอร์เซียและแผนของแม่ทัพกรีกที่จะถ่วงเวลาเพื่อรวบรวมกำลัง ?กรีกจึงต้องยอมเสียเมืองเล็กเมืองน้อยให้ฝ่ายเปอร์เซียยึดไล่มาเรื่อยจนทัพเปอร์เซียมาถึงบริเวณช่องเขาแห่งหนึ่งคือ"เธอร์โมไพลี"(Thermopylae) ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงนครเอเธนส์ ?ช่องเขานี้เองจะกลายเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามครั้งนั้น

ตอนนี้ทัพเปอร์เซียต้องมาเจอกับกองกำลังผสมของทหารเอเธนส์-สปาร์ตา-นครพันธมิตร จำนวน7,000นายซึ่งนำมาโดยกษัตริย์"เลโอนิดาส"แห่งสปาร์ตาผู้เจนศึก ?แต่จำนวนทหารสปาร์ตาที่เชี่ยวชาญสงครามนั้นมีจำนวนแค่น้อยนิด ?เพราะว่าเวลานั้นเป็นช่วงเทศกาล"คาร์เนี่ยน"ที่ชาวสปาร์ตาเขาถือกันว่าไม่ควรออกทำศึก ทหารสปาร์ตาที่มาจึงเป็นกองกำลังเล็กๆของเลโอนิดาสที่คัดเลือกมานั่นเองครับ

(เทศกาล"คาร์เนี่ยน"จัดขึ้นในสปาร์ตายุคโบราณเพื่อบูชาเทพเจ้าอะพอลโล่ครับ โดยเมื่อถึงเวลาชาวสปาร์ตาจะเก็บตัวและจัดงานฉลองอยู่ในบ้านเมืองตนเองเท่านั้น ?และห้ามทหารออกรบรึเข้าร่วมศึกสงครามใดๆทั้งสิ้นครับ)

แถมเกร็ดนิดหน่อยสมัยนั้นกรีกมีการปกครองแบบสาธารณรัฐครับ ?มีนครรัฐหลายแห่งมารวมตัวกัน ?ซึ่งนครเอเธนส์กะนครสปาร์ตานี้จะเป็นคู่กัดกันตลอดครับ ?เพราะเอเธนส์เน้นการปกครองประชาธิปไตยกับการพัฒนาวัฒนธรรมมีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งสุด ส่วนสปาร์ตาเน้นด้านเผด็จการทหารมีกองทัพบกที่แกร่งสุด 2 นครนี้จึงต่างแย่งกันจะเป็นผู้นำของกรีกครับ

รวมถึงจากการที่สปาร์ตาทอดทิ้งเอเธนส์ในสงครามเปอร์เซียครั้งแรก ?เมื่อพลนำสารเอเธนส์วิ่งทรหดจากหาดมาราธอนเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากกองทัพสปาร์ตาจนเป็นตำนานอันลือลั่น ?แต่สปาร์ตาไม่ส่งกำลังมาช่วยเพราะอ้างว่าอาณาจักรของตนกำลังมีเทศกาล"คาร์เนี่ยน"อยู่

และเหตุการณ์ดันพลิกผันเมื่อเอเธนส์สามารถเอาชนะเปอร์เซียตอนนั้นได้ด้วยกำลังตนเอง ?และได้รับการยกย่องจากนครรัฐต่างๆของกรีกให้เป็นผู้นำ ?นครสปาร์ตาซึ่งอยากเป็นใหญ่จึงเริ่มมีอคติกับเอเธนส์มากขึ้นครับ)

กลับมาที่เธอโมไพลี กษัตริย์เลโอนิดาสคะเนจากชัยภูมิแล้วจึงให้วางกำลังทหารส่วนหนึ่งไว้บนที่สูงและบริเวณปากช่องเขาครับ ?พอทหารเปอร์เซียเดินทัพเข้ามาทางหุบเขาที่เป็นบริเวณแคบอยู่แล้วก็ถูกกำลังของเลโอนิดาสซุ่มโจมตีจนต้องสูญเสียไพร่พลไปจำนวนมาก

สองวันแรกของการรบนั้นสถาณการณ์อยู่ข้างฝ่ายกรีกครับ ?ตอนแรกฝ่ายเปอร์เซียส่งทหารชาวเมเดส(Medes)เข้าเป็นหน่วยแนวหน้า ?แต่เมื่อชาวเมเดสอันเหี้ยมหาญต้องมาเจอกับยุทธวิธีแบบ"ฟาแลงซ์"(phalanx)ของชาวกรีกเข้าก็ต้องสิ้นท่าครับตายกันเกลื่อนบริเวณ ?แม้ต่อมาเซอร์ซิสได้ส่งทหารหน่วยอมตะ(Immortal)จำนวน10,000นายซึงเป็นทหารหน่วยที่เยี่ยมที่สุดเข้าต่อกรแต่ก็ให้ผลไม่แตกต่างกันครับ การรบช่วงแรกชัยชนะจึงตกเป็นของกรีกครับ

(เสริมหน่อยครับยุทธวิธีแบบ"ฟาแลงซ์"เป็นการรบของทหารกรีกโบราณ ?คือการให้ทหารแต่ละคนจัดขบวนให้ชิดกันเอาโล่ห์ประจำกายมาตั้งเรียงซ้อนกันและรุกไปข้างหน้าพร้อมหอกยาวในมือ ?เป็นการป้องกันลูกธนูกับหอกซัดพร้อมกับตีโต้ไปในตัวได้ดีครับ ?ถ้านึกไม่ออกให้ไปดูเรื่อง"ทรอย"ตอนแบรดพิตต์ยกพลทหารขึ้นบกแล้วให้ทหารเอาโล่ห์มาต่อกันน่ะครับ)

มีต่อครับ...

(ภาพแสดงการบุกของทัพเปอร์เซียครับ)

ระหว่างที่คิดหาทางจะโจมตีทัพกรีกอยู่นั้นก็เหมือนสวรรค์เข้าข้างเปอร์เซียครับ ?มีชายชาวมาเลียนชื่อ"เอพิเทส"(Ephialtes)ได้มาเสนอว่าจะพาเซอร์ซิสไปชมพื้นที่ของช่องเขาแห่งนี้โดยแลกกับรางวัลครับ ?เอพิเทสพากษัตริย์เปอร์เซียไปชมช่องเขารอบๆและเส้นทางแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รกไปด้วยพุ่มไม้หนามแต่ว่าสามารถไปทะลุที่หลังค่ายชาวกรีกได้

(ต่อมาชื่อ"เอพิเทส"นี้ได้ถูกนำมาต่อท้ายกลายมาเป็นคำว่า"Ephialtes the tratiors" หรือเอพิเทสคนขายชาติ ?โดยชื่อของเขาได้กลายมาเป็นคำศัพท์ในภาษากรีกซึ่งถ้าแปลเป็นอังกฤษจะหมายความว่า "nightmare" ฝันร้ายนั่นเองครับ

ในวันที่สามตอนรุ่งสางแม่ทัพเปอร์เซียได้นำทหารหน่วยอมตะจำนวนหนึ่งไปตามเส้นทางลับนี้และเจอกองทหารชาว"โพเชี่ยน"1,000นาย ?ซึ่งเลโอนิดาสให้มาเฝ้าเส้นทางไว้ ?ฝ่ายเปอร์เซียได้ทำการยิงห่าฝนธนูจำนวนมากไปยังทหารโพเชี่ยนที่ส่วนใหญ่ยังหลับอยู่ ?ก่อนเข้าประจัญบานจนทหารโพเชี่ยนแตกกระบวนถอยหนีไปหมด ?ทำให้เปอร์เซียสามารถตียึดเส้นทางนี้ได้อย่างง่ายดายครับ

เมื่อตะวันขึ้นเลโอนิดาสจึงทราบว่ากองทัพของตนตอนนี้ถูกล้อมกรอบเสียแล้วเขาจึงทำการเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งหมดครับ ?โดยขุนศึกของเอเธนส์และนครกรีกอื่นๆเสนอว่าควรถอยทัพกลับไปขณะที่ยังมีโอกาสครับ ?หลังการประชุมกษัตริย์เลโอนิดาสจึงออกคำสั่งที่กล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษครับ ?

คำสั่งคือให้ทัพจากนครกรีกอื่นๆถอยทัพไปรวมพลกับกองทัพพันธมิตรที่ตั้งค่ายรออยู่ ?ส่วนตนเองพร้อมทหารสปาร์ตา "300" นายจะคอยยันถ่วงเวลาทหารเปอร์เซียไว้เพื่อให้ทัพกรีกหนีไปอย่างปลอดภัยครับ ?โดยที่มีทหารจากนคร"เทปเซียน"(Thepsians)จำนวน700นายซึ่งนำโดยแม่ทัพ"เดโมฟิลัส"ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยสปาร์ตาอีกแรงหนึ่งด้วยครับ

โดยในวันนั้นเลโอนิดาสได้จัดการแจกจ่ายเสบียงให้ทหารของตนกินกันให้เต็มที่พร้อมทั้งกล่าวปลุกใจทหารของตนว่า(Tonight we dine in Hades)"คืนนี้เราจะฉลองมื้อค่ำกันในนรกภูมิ" ?โดยหลังจากนั้นเมื่อทหารกรีกอื่นๆเริ่มทยอยหนีจากค่ายไปแล้วทหารสปาร์ตา300นายและทหารเทปเซียนได้เดินทัพออกมาจากค่ายและได้เข้าประจัญบานกับทัพเปอร์เซียในที่โล่งครับ

ทหารหลายคนโดนธนูยิงตายตั้งแต่ยังไม่ตะลุมบอน ?ที่รอดจากคมธนูต่างต่อสู้อย่างถวายชีวิตด้วยรู้ว่าตนจะไม่มีโอกาสรอดกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว ทั้งหอกและดาบสั้นถูกนำมาใช้ประมือกันในระยะใกล้อย่างเหี้ยมโหด ?ถึงแม้ทหารสปาร์ตาแต่ละคนจะเป็นเผ่าพันธุ์นักรบและได้รับการฝึกมาอย่างดี ?แต่ด้วยจำนวนเพียงน้อยนิดจึงทำให้ตกเป็นรองและถูกฝ่ายเปอร์เซียฆ่าล้างบางจนเกลี้ยง T_T

หนึ่งในจำนวนนี้ยังรวมถึงกษัตริย์เลโอนิดาสซึ่งได้ทรงสิ้นพระชนม์ในที่รบนั้นด้วย ?จากนั้นทัพเปอร์เซียได้ทำการล้อมค่ายของชาวกรีกที่ตอนนี้เหลือทหารเทปเซียนและธีบานส์อยู่ไม่มาก ?ทหารกรีกที่เหลือในค่ายตอนนี้ต่างเข้าทำการรบครั้งสุดท้ายอย่างไว้ลายด้วยอาวุธทุกอย่างที่พอจะหามาได้ครับ

มีต่อครับ... ?

(ภาพกษัตริย์เลดอนิดาส"คนกลาง"กับทหารสปาร์ตาที่ช่องเขาเธอร์โมไพลีครับ)





ความคิดเห็นที่ 1


ส่วนทหารธีบานส์ภายใต้การคุมของแม่ทัพ"เลออนไธเดส"ได้แสดงความขี้ขลาดออกมาโดยได้ยกมือทิ้งอาวุธยอมจำนนทันที ?แต่ชาวเปอร์เซียซึ่งไม่ฟังเสียงก็ได้ทำการล้อมค่ายแล้วยิงธนูเป็นห่าฝนเข้าสังหารทหารในค่ายที่เหลือจนเกือบหมดครับ

เมื่อเสร็จศึกบริเวณช่องเขากษัตริย์เซอร์ซิสได้ทำการตัดหัวของเลโอนิดาสจากร่างอันสิ้นลมของเขาและนำร่างที่เหลือไปตรึงกับแผ่นไม้ครับ ?แต่ภายหลังกษัตริย์เซอร์ซิสรู้สึกว่าตนลบหลู่เกียรติของกษัตริย์เลโอนิดาสผู้ห้าวหาญจึงได้สำนึกเสียใจขึ้นมา ?

พระองค์จึงสั่งให้บรรจุศพของเลโอนิดาสไปฝังอย่างสมเกียรติและทำแท่นหินรูปสิงโตปักไว้เหนือหลุมในบริเวณช่องเขาเธอร์ไมโพลีนั่นเอง ?40ปีต่อมาพระศพของเลโอนิดาสจึงถูกส่งคืนกลับสปาร์ตาครับ ?

จากเหตุการณ์นี้ทำให้เปอร์เซียสูญกำลังรบหลักไปหลายหมื่นนายด้วยน้ำมือของทหารสปาร์ตาแค่ไม่กี่หยิบมือ ?กษัตริย์เซอร์ซิสจึงเร่งเดินทัพไปจนถึงกรุงเอเธนส์และทำการเผาเมืองจนวอดวายไปหมดด้วยความแค้น ?แต่ทว่าชาวเมืองไหวตัวทันก่อนและได้ชิงหลบหนีไปหมดแล้วจึงเป็นการเผาเมืองเปล่าๆครับ

ส่วนทหารพันธมิตรนั้นได้ย้ายกองทัพไปซ่อนที่เมืองชายฝั่งบนเกาะแห่งหนึ่งชื่อ"ซาลามิส"เพื่อรอรับการโมตีจากเปอร์เซีย ?เมื่อกองเรือเปอร์เซียตามมาทันแม่ทัพกรีก"เธมิสโตคลิส"จึงสั่งให้ทัพเรือเอเธนส์ระดมยิงลูกไฟจากเรือ ?เพื่อทำการโจมตีแบบไม่ให้เปอร์เซียตั้งตัวและทำการหันหัวเรือเข้าชนเรือเปอร์เซียจนเสียหายไปมากถึง200กว่าลำ

(เรือกรีกสมัยนั้นนิยมทำหัวให้แหลมและติดเหล็กยาวปลายแหลมที่ทำเป็นรูปต่างๆไว้เพื่อสะดวกเวลาพุ่งชนเรือข้าศึกให้จมลงครับ)

ทัพเรือเปอร์เซียทนความสูญเสียไม่ไหวจึงต้องถอนทัพกลับ ?ส่วนทัพบกนั้นได้เข้าตะลุมบอนกับทัพพันธมิตรกรีก ?ซึ่งตอนนี้ได้ระดมพลมาได้จำนวนมาก (รวมทั้งจากนครสปาร์ตาที่ตอนนี้หมดหน้าเทศกาลคาร์เนี่ยนแล้ว) ทัพกรีกเวลานี้มีการเตรียมตัวมาอย่างดีและก็เป็นกรีกที่ชนะได้เกือบจะทุกสมรภูมิ

จนการรบไปจบลงที่สมรภูมิสุดท้ายบริเวณเมือง"พลาเทีย"ซึ่งหลังจากนั้นแม่ทัพกรีกได้มีการตั้งฆ่าหัวของเอพิเทสที่ทรยศชาวกรีกไว้ด้วย ?ต่อมาชายชื่อ"อาเธนาเดส"ได้เป็นผู้สังหารเอพิเทสผู้ทรยศครับ ?

เมื่อกองทัพเปอร์เซียต่างพากันพ่ายแพ้อย่างหมดรูปกษัตริย์เซอร์ซิสจึงต้องจำใจยกทัพที่เหลือกลับอาณาจักรเป็นการปิดฉากสงครามเปอร์เซียลงอย่างสิ้นเชิงครับ


(เพราะหลังจากนั้นอาณาจักรเปอร์เซียเริ่มอ่อนแอลงและไม่มีกำลังพอจะก่อสงครามใหญ่ๆขนาดนี้ได้อีก ?จนปีพ.ศ.209 "อเล็กซานเดอร์มหาราช" ได้เป็นผู้นำกองทัพชาวกรีกไปบดขยี้ชาวเปอร์เซียถึงถิ่น จนชนชาติเปอร์เซียต้องดับสูญลงอย่างถาวร)

...จบบริบูรณ์ครับ...

(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 27/03/2007 13:57:29


ความคิดเห็นที่ 2


ที่มา http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5150296/A5150296.html 

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 27/03/2007 12:37:55


ความคิดเห็นที่ 3


สงครามครั้งนี้เริ่มมาจากตอนต่อของหนัง 300 เปอร์เซียได้นำกองทัพบุกเข้าสู๋เมือง Athen ชาวเมือง Athen ตัดสินใจทิ้งเมืองหนีไปอาศัยอยู่บนเรือ และตัดสินใจแบ่งหน้าที่กับ Sparta โดยให้ Sparta ดูแลเรื่องการรบทางบก ส่วน Athen ดูแลเรื่องทางน้ำ กองทัพเปอร์เซ๊ยเมื่อยกทัพเข้าถึง Athen นั้นก็เผาเมืองทิ้งทันที และคิดที่จะไปรบกับทาง Sparta ต่อ แต่ติดปัญหาที่ว่าชาว Athen ดันหนีลงเรือไปซะงั้น ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็คงไม่เป็นผลดีแน่ สมมติว่า นำทหารไปตีสปาร์ต้า
ชาว Athen ก็คงมาตอดหลัง Xexes ก็เลยตัดสินใจแบ่งกำลังส่วนหนึ่งยกทัพไปทาง Spata ประมาณ 120,000-200,000 ก็ปะทะกับชาวกรีก 30,000 + Sparta 10,000 ที่เห็นในตอนท้ายของหนัง

ส่วนที่เหลือตรึงกำลังไว้รอบๆ Athen แล้วก็ระดมกองทัพเรือเข้าโจมตีเรือรบของ Athen ปรากฏว่ากองทัพเปอร์เซียแพ้ยับเยินที่สมรภูมิซาลามีส

Xexes เห็นว่าไม่มีทางเลือกเพราะกองทัพเรือถูกทำลาย แล้วจะเอาเรือรบที่ไหนมาคุ้มกันเรือที่ส่งเสบียงดูแลหทารเกือบ 300,000-500,000 คนได้ ว่านั้นก็รีบยกทัพกลับไป
,
หลังจากนั้น Athen ก็ได้รีบฟื้นฟูบ้านเมืองตัวเอง ก่อตั้งสหพันธ์เกาะเดลอสขึ้น โดยบอกให้รัฐอื่นๆ ส่งกำลังทหารไม่ก็เงินมาให้ Athen สร้างกองทัพเรือ เพราะ Athen คิดได้ว่า เอ.... ถ้าเรามีกองทัพเรือยิ่งใหญ่แล้ว พวกเปอร์เซ๊ยก็คงไม่กล้ายกทัพมาโจมตีอีก เพราะการจะขนทหารเป็นแสนๆได้นั้นต้องเดินทางมาทางเรือ....ดังนั้นเราก็ชิงยกทัพไปโจมตีเรือที่ขนทหารมาซะก็สิ้นเรื่อง....แต่ในระยะหลังนั้น Athen เริ่มทำตัวเป็นพี่ใหญ่ เอาเงินต่างๆที่ได้มานั้นมาสร้างเมืองให้สวยสดงดงาม เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน

ทาง Sparta เองก็ตั้งสหพันธ์เพโลนีเซียนขึ้น เพื่อสร้างกองทัพบกที่ยิ่งใหญ๋ Sparta ก็ทำตัวเป็นพี่เบิ้มเหมือนกัน

ทั้งสองสหพันธ์นี้ต่างมีข้อตกลงที่ว่า ถ้ารัฐใดที่เป็นสมาชิกถูกรุกราน รัฐอื่นๆจะต้องเข้าช่วยเหลือมาชิก และประกาศสางครามต่อรัฐที่มารุกรานนั้น

เอาหละสิครับ ทั้ง Athen และ Spata ก็ทำตัวเป็นคู่แข่งกันมาเรื่อยๆ สุดท้ายสงครามมันก็ระเบิดจนได้ เพราะอยู่ดีๆก็มีรัฐหนึ่งของสหพันธ์เกาะเดลอส(ฝ่ายเอเธนส์) เกิดเซ็งพี่เบิ้มของตัวเองอย่างรุนแรง แมร่งเอาเงินของตรูที่อุตส่าห์จ่ายให้ไปพัฒนากองทัพเรือ ดันเจือกเอามาพัฒนาเมืองของตัวเองอยู่ได้ ก็เลยตัดสินใจลาออกไปอยู่กัยสหพันธ์เพโลนีเซียนของสปาร์ต้าดีกว่า

เท่านั้นเองเอเธนส์โกรธเป็นพืนเป็นไฟ และคิดว่า .... แย่แล้ว ถ้าตรูปล่อยให้ไอ้นี่มันลาออก เดี๋ยวสมาชิกคนอื่นมันจะเอาเป็นแบบอย่าง แล้วตรูจะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาสร้างอาคารที่ยิ่งใหญ๋+สวยสดงดงามหละ.....ว่าแล้วก็ส่งทัพบุกรัฐนั้นทันที

Spata อ้าวไอ้ Athen นี่ ทำงี้ได้งาย ก็รัฐนั้นมันไม่พอใจลื้ออะ มันอยากมาอยู่กะอ๊วะ ลื้อจะมาบังคับกันอย่างงี้ม่ายได้ ถ้าลื้อไม่ถอนทหารออกจากรัฐนั้น ลื้อเจอสงครามแน่!!!!!

Athen คิดว่า Sparta แมร่งปัญญาอ่อนป่าววะ ตรูมีกองทัพเรืออันเกรียงไกรอยู่นะเว่ย เดี๋ยวก็เอาเรือของตรูไปปิดท่าเรือของเอ็งซะหรอก.....และนี่ก็เป็นเรื่องในสหพันธ์ตรู เอ็งอย่ามาเจือกหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว....เองจะดีกว่า



ว่าแล้ว Spata ก็โมโห ที่ Athen สบประมาท ตัดสินใจนำสหพันธ์เพโลนีเซียนประกาศสงครามกับสหพันธ์เกาะเดลอสซะเรย

สงครามครั้งนี้ยืดเนื้อยาวนานเกือบ 20 ปีเพราะ
Athen ใช้ยุทธวิธีนำทัพเรือไปปิดปากอ่าว Sparta ส่วนกองทัพบกก็ตั้งรับอยู่ในเมือง

Sparta ก็ยกทัพบกมาล้อมเมือง Athen ก็ตะโกนว่า เฮ้ ลื้ออะมารบกะอ๊วะซะดีๆ

Athen ตอบกลับไปว่า ออกมารบให้โง่ดิ ว่าแล้วพี่ท่านก็ป๊อดอยู่ในแต่กำแพงเมือง

สาเหตุเพราะว่า Sparta ได้ชื่อว่ามีกองทัพบกที่เก่งกาจที่สุดในกรีก แต่อ่อนทางด้านกองทัพเรือ
ส่วน Athen นั้นก็มีกองทัพเรือที่เก่งกาจที่สุดในเกรีกเช่นกัน แตอ่อนทางด้านกองทัพบก

(การรบย่อยๆไม่ขอพูดถึง)

จนกลายเป็นการแข่งความอดทนซะงั้น สถานการณ์การรบคลอบคลุมเกือบทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

การรบเริ่มเปิดฉากจริงๆจังขึ้นเมื่อ ทาง Athen ประมาทนำทัพเรือไปรบแถบเกาะซิซิลี สุดท้ายแพ้ฝ่ายSpartaยับเยิน

Sparta ยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ 5555 ลื้อเสร็จอัวะแน่ ว่าแล้วก็ยกทัพบุกตี Athen อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นกัน สุดท้ายก็เสียกำลังทหารไปมหาศาลเหมือนกัน แล้ว Athen ก็ยังไม่แตก

สุดท้าย การรบก็ยุติลง
เมื่อ Athen ขอยอมแพ้ เพราะว่ากองทัพเรือถูก Sparta ทำลายไปที่เกาะซิซิลีแล้ว เศรษฐกิจ Athen ก็ทรุด เรือคุ้มกันเส้นทางการค้า + เสบียงก็ไม่มี แล้วตรูจะเอาอะไรไปสู้อะ

ทางด้าน Sparta ก็เหลือกำลังทหารเพียงหยิบมือเดียว ก็ok ลื้อยอมแพ้ก็ดีเหมือนกัน แต่อั๊วะก็ไม่รู้จะไปปกครองเมืองลื้อยังไงอะ มีหทารเพียงแค่เนี้ย ลำพังแค่เมือง Sparta ก็มีพวกทาสให้หนักใจอยู่แล้ว ว่าแล้วก็ถอยทัพกลับไป

สุดท้ายสงครามครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดชนะเลย ผู้แพ้คือชาวกรีกทั้งมวล ซึ่งตรงกับหลักพิชัยสงครามซูนวู
"ที่ว่าการทำศึกสงครามมยืดเยื้อ จะเป็นผลดีต่อประเทศชาตินั้น ไม่เคยมี!!!"

ซึ่งสงครามครั้งนี้ผู้ที่แอบยิ้ม หัวเราะกร๊ากก็คือ นครรัฐทีป(Thebes )นั่นเอง ทำให้ชื่อนครรัฐทีปแห่งนี้โด่งดังทันที ก้าวขึ้นสู่เป็นมหาอำนาจอำดับหนึ่งในกรีกในช่วงนั้น สปาร์ต้าก็โมโห อ้าวไอ้เวงนี่ รอคอยเก็บผลประโยชน์ได้งาย ลื้อต้องล่มจมไปกับอ๊วะด้วยสิ ว่าแล้วก็ยกทัพที่เหลือไปบุกตี นครรัฐทีปเสียทหารไปมากมายพอสมควร ศึกนี้จบโดยการเจรจาสงบศึก Sparta ผู้ชนะในสงครามเพโลนีเซียนก็ยิ่งมีทหารน้อยเข้าไปอีก

ผู้ทีหัวเราะคนสุดท้ายดังที่สุดก็คือ พระเจ้าฟิลิปแห่งมาซิโดเนีย(พ่อของ Alexander )ที่ยาตราทัพเข้ามายึดกรักได้อย่างรวดเร็ว เพราะไอ้พวกนี้แมร่งรบกันจนเสื่อมโทรมไปหมดแล้ว

นครรัฐ Sparta อยู่มาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าภายหลังจะโดน Pyrrhus แห่ง Epirus ยกทัพเข้าโจมตี (ยุคหลัง Alexander) แล้วก็ถูกยึดครองไป

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 27/03/2007 12:39:13


ความคิดเห็นที่ 4


รูปปลากรอบ เชิงสารคดี UBC และ กราฟฟิค ไปดูที่http://www.thaitotalwar.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=695
โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 27/03/2007 12:45:07


ความคิดเห็นที่ 5


รูปปลากรอบ

ที่นี่ คือ เทอร์โมพิลลาย(THERMOPYLAE)ชายฝั่งกรีกแผ่นดินใหญ่ เมื่อ 480ปีก่อนคริสตกาล...





...ทหารกรีก 7000คน นำโดยกษัตริย์ลีโอนีดาส และทหารสปาทันอีก300คน เข้าต่อสู้จากการรุกราน
ของทหารเปอร์เซียร์ 250000คน(แค่ สองแสนห้าหมื่นคนเองครับ แหะๆ)ซึ่งนำโดยกษัตริย์เซอร์ซิส

ความดำรงอยู่ของชนชาติกรีก ขึ้นอยู่กับสงครามครั้งนี้

เราจะได้ดูขบวนรบของกองทหาร การต่อสู้ และชัยชนะ ใน Decisive Battles(อีกแล้ว
ครับท่าน-เบื่อกันหรือยังอะนะ หรือแอบไปเล่นBIกันอยู่ อิอิ)

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 27/03/2007 12:46:14


ความคิดเห็นที่ 6


ขอบคุณมากครับได้ความรู้มากเลย

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 27/03/2007 13:14:37


ความคิดเห็นที่ 7


""อเล็กซานเดอร์มหาราช" ได้เป็นผู้นำกองทัพชาวกรีกไปบดขยี้ชาวเปอร์เซียถึงถิ่น จนชนชาติเปอร์เซียต้องดับสูญลงอย่างถาวร"

ชาติเปอร์เซียดับสูญ แต่ชนชาติเปอร์เซียที่เป็นคนเปอร์เซียจริงๆ ยังอยู่ครับไม่ได้ถูกล้างเผ่าพันธ์ไปไหน ที่เป็นชาวเปอร์เซียกันเกือบทั้งรัฐก็คือ ประเทศอิหร่านไงครับ

โดยคุณ ??? เมื่อวันที่ 27/03/2007 18:10:07


ความคิดเห็นที่ 8


คัดลอกเขามาครับคุณ ??? ขอเรียกว่าคุณงงแล้วกัน เอามาให้อ่านเพื่อความรู้ครับ อาจจะไม่ถูกต้องร้อย เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่จดหมายเหตุ  อย่าคิดมากซิครับ คนบ้านใกล้กันเอง ม.พิเชษฐ์ คนร่มเกล้าเหมือนกัน อีกอย่างเอามาให้ดูว่าทำไมหนังเรื่องนี้ มาฉายตอนนี้ครับ ช่วงอิหร่านกำลังจะโดนไม่ใช่น้อย ชาวเปอร์เซียจริงๆกระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆเช่น อิหร่าน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิจสถาน บาห์เรน ประเทศเหล่านี้พูดภาษา ดารี แต่ที่คุณว่า

ชาติเปอร์เซียดับสูญ แต่ชนชาติเปอร์เซียที่เป็นคนเปอร์เซียจริงๆ ยังอยู่ครับไม่ได้ถูกล้างเผ่าพันธ์ไปไหน ที่เป็นชาวเปอร์เซียกันเกือบทั้งรัฐก็คือ ประเทศอิหร่านไงครับ

ก็ถูกครับ

ถาม : ?ชนชาติ? หมายถึงอะไร?

ตอบ : ?ชนชาติ? หมายถึง กลุ่มชนที่มีเชื้อชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน และมีวัฒนธรรมเป็นแบบเดียวกัน. อาจจะอาศัยอยู่ในประเทศเดียวกัน หรือแยกย้ายกันอยู่ในหลายประเทศก็ได้ เช่น ชนชาติจีนซึ่งอยู่ในประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ. ปัจจุบัน ชนชาติไทยก็มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย เป็นต้น.

ที่มา :  บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย"  ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๖

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้ค้นคว้าเพิ่มขึ้น

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 27/03/2007 19:37:25


ความคิดเห็นที่ 9



อานะ ?ผมก็ไปดูหนังมาแล้วสะใจคอซาดิสม์อย่างมากฟันกันคอหลุด แขนขาด ขาขาด
แต่ดูๆ แล้วเลือดออกน้อยมาก และก็ไม่มีไส้ไหล มีแต่เซนเซอร์ เหอๆ

จะว่าไปหนังเรื่องนี้อิหร่านเค้าก็ต้องโมโหอยู่บ้างละเล่นสร้างภาพให้เปอร์เซียเป็นกองทัพ
ที่โหดร้ายทารุณ มีตัวประหลาดหน่วยอิมมอทัลก็ทำออกไปในแนวปีศาจอีก
เหอะๆ เค้าก็ช่างทำหนังได้ถูกช่วงเวลาจริงๆ

ขอสปอยล์จงสถิตอยู่กับท่านเช่นกัน ?อิอิ
โดยคุณ Tasurahings เมื่อวันที่ 27/03/2007 20:05:05


ความคิดเห็นที่ 10


ผมก๊ดูแล้วหนุกดีแต่อยากให้ทุกคนรู้ไว้อย่างนะครับคนไทยก็เก่งแต่ที่ไปไม่ถึงไหนเพราะขัดขากันเองจนกว่าจะเกิดเหตุร้ายจริงคนไทยถึงจะสามัคคีกันสักพักก็ขัดขากันใหม่

อยากให้ทุกคนสามัคคีกันนะครับ

ชาติไทยก้าวไกล  เราจะไป"ครองโลก"

โดยคุณ basaranavy เมื่อวันที่ 27/03/2007 23:14:18


ความคิดเห็นที่ 11


ก็ต้องขอขอบคุณ คุณ piyabhut   สำหรับเกร็ดประวัติศาสตร์ที่หยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง ครับ

ผมเองก็ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้แล้วเช่นกันครับ

ส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมากครับ ถ้าว่ากันที่ตัวหนัง ก็ขอบอกว่าสนุกและชอบ ครับ

ถ้าให้ดูแล้วคิดอะไร ก็แค่สั้นๆ ว่า  ถึงเวลาจริงๆ ก็ขอให้เราสู้ให้ได้อย่างเขา แหละครับ

โดยคุณ ลุงหมี เมื่อวันที่ 28/03/2007 00:14:51


ความคิดเห็นที่ 12


ขอบคุณเช่นกันครับสำหรับความหมายของคำว่า "ชนชาติ" ช่วยให้ผมหายสับสนกับภาษาไทยซักที
โดยคุณ ??? เมื่อวันที่ 28/03/2007 17:56:40


ความคิดเห็นที่ 13


"ชาติเปอร์เซีย" ที่ผมว่าหมายถึง อาณาจักรเปอร์เซียหรือจะเรียกว่าประเทศเปอร์เซียในสมัยก่อนนะครับ
โดยคุณ ??? เมื่อวันที่ 28/03/2007 17:59:45


ความคิดเห็นที่ 14


ประเทศอิหร่าน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

جمهوری اسلامی ايران
Jomhūrī-ye Eslāmī-ye Īrān
จอมฮูรี เย เอสลามี เย อีราน

สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
ธงชาติอิหร่าน ตราประจำชาติอิหร่าน
ธงชาติ ตราประจำชาติ
คำขวัญ: เปอร์เซีย: Esteqlāl, āzādī, jomhūrī-ye eslāmī
("Independence, freedom, (the) Islamic Republic")
เพลงชาติ: Sorūd-e Mellī-e Īrān
แผนที่แสดงที่ตั้งของประเทศอิหร่าน
เมืองหลวง เตหะราน
35°40′N 44°26′E
เมืองใหญ่สุด เตหะราน
ภาษาราชการ ภาษาเปอร์เซีย
รัฐบาล สาธารณรัฐอิสลาม
ผู้นำสูงสุด
ประธานาธิบดี
อาลี คาเมเนอี
มาห์มูด อาห์มาดีเนจาด
การปฏิวัติ
ประกาศ
11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522
เนื้อที่
 - ทั้งหมด
 
 - พื้นน้ำ (%)
 
1,648,195 กม.² (อันดับที่ 17)
636,372 ไมล์² 
0.7%
ประชากร
 - 2548 ประมาณ
 - 2539

 - ความหนาแน่น
 
68,467,413 (อันดับที่ 18)
60,055,488

41/กม² (อันดับที่ 128)
106/ไมล์² 
GDP (PPP)
 - รวม
 - ต่อประชากร
2548 ค่าประมาณ
560.348 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 19)
8,065 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 74)
HDI (2549) 0.736 (อันดับที่ 99) ? กลาง
สกุลเงิน เรียลอิหร่าน (ريال) (IRR)
เขตเวลา
 - ฤดูร้อน (DST)
(UTC+3.30)
(UTC+3.30)
รหัสอินเทอร์เน็ต .ir
รหัสโทรศัพท์ +98

ประเทศอิหร่าน (ภาษาเปอร์เซีย: Īrān, ایران) เป็นประเทศในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งช่วงก่อนปี พ.ศ. 2478 ชาวตะวันตกเรียกว่า เปอร์เซีย (Persia)

อิหร่านมีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดต่อกับปากีสถาน (909 กิโลเมตร) และอัฟกานิสถาน (936 กิโลเมตร) ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับเติร์กเมนิสถาน (1,000 กิโลเมตร) ทิศเหนือจรดทะเลแคสเปียน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดต่อกับอาเซอร์ไบจาน (500 กิโลเมตร) และอาร์เมเนีย (35 กิโลเมตร) ตุรกี (500 กิโลเมตร) และอิรัก (1,458 กิโลเมตร) ส่วนทิศใต้จรดอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมาน ในปี พ.ศ. 2522 การปฏิวัตินำโดยอายาตอลลาห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ทำให้มีการก่อตั้งเป็น สาธารณรัฐอิสลามโดยโค่นล้มราชวงศ์ปาห์เลวีที่ปกครองภายใต้เทวาธิปไตย (theocratic Islamic republic) ทำให้ชื่อเต็มของประเทศนี้ในปัจจุบันคือ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Islamic Republic of Iran, جمهوری اسلامی ایران)

สารบัญ

[ซ่อนสารบัญ]

[แก้] ประวัติศาสตร์

(รอเพิ่มเติมเนื้อหา)

[แก้] การเมือง

ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งประกาศใช้เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) และแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) กำหนดให้อิหร่านเป็นสาธารณรัฐอิสลาม โดยมีโครงสร้างดังนี้

[แก้] ประมุขสูงสุด (Rahbar)

ประมุขสูงสุดของอิหร่านคนปัจจุบันคือ อาลี คาเมเนอี (เกิดเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2482) เป็นผู้นำสูงสุดทั้งฝ่ายศาสนาจักรและอาณาจักร

[แก้] ประธานาธิบดี (Ra'is-e Jomhoor)

เป็นตำแหน่งที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทุก ๆ 4 ปี และจะได้รับเลือกตั้งได้ไม่เกิน 2 สมัย ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหาร ถึงแม้ประธานาธิบดีจะได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนก็ตาม แต่อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งโดยประมุขสูงสุดได้

[แก้] รองประธานาธิบดี

มีตำแหน่งรองประธานาธิบดี 6 คน และคณะรัฐมนตรี 20 คน ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

[แก้] สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (Majlis)

ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทุก ๆ 4 ปี จำนวน 290 คน ทำหน้าที่ออกกฎหมายและควบคุมฝ่ายบริหาร

(รอเพิ่มเติมเนื้อหา)

[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

ประเทศอิหร่านแบ่งออกเป็น 30 จังหวัด (provinces - ostanha) แต่ละจังหวัดปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมาจากการแต่งตั้ง (استاندار: ostāndār)

  1. เตหะราน
  2. โกม
  3. มาร์กาซี
  4. กาซวีน
  5. กีลาน
  6. อาร์ดะบีล
  7. ซานจาน
  8. อาซาร์ไบจานตะวันออก
  9. อาซาร์ไบจานตะวันตก
  10. เคอร์ดิสถาน
  11. ฮามาดาน
  12. เคอร์มานชาห์
  13. อีลาม
  14. ลอริสถาน
  15. คูเซสถาน
  1. ชาฮาร์มาฮาลและบัคเตียรี
  2. โคห์กีลูเยห์และบูเยอร์อาห์มัด
  3. บูเชร์
  4. ฟาร์ส
  5. โฮร์โมซกอน
  6. ซิสถานและบาลูจิสถาน
  7. เคอร์มาน
  8. ยาซด์
  9. เอสฟาฮาน
  10. เซมนาน
  11. มาซันดะรอน
  12. โกเลสถาน
  13. โคราซานเหนือ
  14. ราซาวีโคราซาน
  15. โคราซานใต้
แผนที่เขตการปกครองของประเทศอิหร่าน

[แก้] ภูมิศาสตร์

(รอเพิ่มเติมเนื้อหา)

ประเทศอิหร่านเป็นประเทศที่มีประชากรมาก

[แก้] เศรษฐกิจ

(รอเพิ่มเติมเนื้อหา)

[แก้] ประชากร

[แก้] เชื้อชาติ

  • เปอร์เซีย 51%
  • อาเซอรี 24%
  • กิลัค (กิลาคิ)-มาซานดาราน 8%
  • เคิร์ด 7%
  • อาหรับ 3%
  • บาลอช 2%
  • เติร์กเมน 2%
  • ลูร์ 2%
  • อื่นๆ 1%

[แก้] ภาษา

[แก้] ศาสนา

[แก้] อัตราการอ่านออกเขียนได้

  • อัตราการอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป 80%
    • ผู้ชายที่อ่านออกเขียนได้ 86%
    • ผู้หญิงที่อ่านออกเขียนได้ 73%

[แก้] วัฒนธรรม

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 28/03/2007 22:42:09


ความคิดเห็นที่ 15


 

รัฐ ชาติ และประเทศ

ความหมายของรัฐ ชาติ ประเทศ
?รัฐ? หมายถึง ชุมชนทางการเมืองของมนุษย์ อันประกอบด้วยดินแดนที่มีขอบเขตแน่นอน มีประชากรอาศัยอยู่ในจำนวนที่เหมาะสม โดยมีรัฐบาลปกครองและมีอำนาจอธิปไตยของตัวเอง
?ชาติ? หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทางวัฒนธรรม และมีความผูกพันกันในทางสายโลหิต เผ่าพันธุ์ ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ตลอดจนมีประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน หรือมีวิวัฒนาการทางการเมืองการปกครองร่วมกัน เช่นคำว่า ?ชาติไทย?
?ประเทศ? ความหมายกว้าง หมายรวมถึงดินแดนที่มีฐานะเป็นรัฐหรือไม่มีฐานะเป็นรัฐ แต่โดยสรุปแล้ว คำว่า ?ประเทศ? ตามกฎหมายระหว่างประเทศ หมายถึง ดินแดน อาณาเขต และสภาพภูมิศาสตร์ เป็นต้นว่า ความอุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศ
แม่น้ำ
ภูเขา ทะเล ป่าไม้ ฯลฯ เช่น ประเทศไทย

องค์ประกอบของรัฐ

1.ประชากร (Population) หมายถึง มนุษย์ทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตของรัฐถือว่ามีฐานะเป็นส่วนของรัฐโดยอัตโนมัติสิ่งที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับประชากรก็คือ

    1)จำนวนประชากรแต่ละรัฐมีประชากรจำนวนเท่าใด ไม่มีการกำหนดที่
    แน่นอนแต่ควรจะมีมากพอที่จะกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้ปกครองได้
    2)ลักษณะของประชากร หมายถึง ลักษณะทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพราะมีหลายรัฐที่ประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติภาษา และวัฒนธรรม 3)คุณภาพของประชากร ขึ้นอยู่กับการศึกษา สุขภาพ อนามัย ทัศนคติ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการพัฒนาทุกรูปแบบ

2.ดินแดน (Territory) มีข้อสังเกตดังนี้คือ

    1)ที่ตั้ง ดินแดนของรัฐหมายถึง อาณาเขตพื้นดิน น่านน้ำ อาณาเขตในท้องทะเล น่านฟ้า บริเวณใต้พื้นดิน พื้นน้ำและพื้นทะเล
    2)ขนาดของดินแดนไม่มีหลักเกณฑ์ไว้แน่นอนตายตัวว่าจะต้องมีขนาดเท่าใดจึงจะถือว่าเป็นรัฐ แต่ควรจะมีความเหมาะสมกับจำนวนประชากรด้วย

3.รัฐบาล (Government) คือ องค์กร หรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ปกครองและบริหารภายในโดยเป็นผู้กำหนดนโยบายและนำนโยบายไปปฏิบัติ เพื่อจัดระเบียบ
ทางสังคม และดำเนินทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ รัฐบาลจึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองรัฐ

4.อำนาจอธิปไตย (Sovereignty) เป็นองค์ประกอบประการสุดท้ายที่สำคัญของรัฐ อำนาจอธิปไตย คือ อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ อำนาจอธิปไตย
มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ อำนาจอธิปไตยภายใน (Internal Sovereignty) หมายถึง การที่มีอำนาจที่จะปกครองตนเองและมีอำนาจสูงสุดที่จะดำเนินการใด ๆ ในประเทศ
อย่างมีอิสระ ปราศจากการควบคุมจากรัฐอื่น อำนาจอธิปไตยภายนอก (External Sovereignty) หมายถึง การมีอิสระ มีเอกราชสามารถจะดำเนินความสัมพันธ์กับ
ประเทศอื่น ๆหรือกล่าวกันอีกอย่างหนี่งว่าเอกราชก็คืออำนาจอธิปไตยภายนอกนั่นเอง


องค์ประกอบของรัฐทั้ง 4 ประการนี้ มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ถ้ารัฐใดขาดองค์ประกอบในข้อใดข้อหนึ่ง แม้เพียงองค์ประกอบเดียวก็ตาม ถือว่าขาดคุณสมบัติของความเป็นรัฐโดยสิ้นเชิง

จุดประสงค์ของรัฐ
1.สร้างความเป็นระเบียบ
2.
การส่งเสริมสวัสดิภาพแก่ประชาชน
3.การส่งเสริมสวัสดิการแก่ส่วนรวม
4.การส่งเสริมคุณธรรม

หน้าที่ของรัฐ
หน้าที่ของรัฐแล้วมีอยู่ 4 ประการ คือ

      1. การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน
      2. การให้บริการและสวัสดิการทางสังคม
      3. การพัฒนาประเทศ
      4. การป้องกันการรุกรานจากภายนอก

รูปแบบของรัฐ (Forms of State)

1.  รัฐเดี่ยว (Unitary State) คือ รัฐที่มีรัฐบาลกลางเป็นผู้มีอำนาจปกครอง และอำนาจบริหารสูงสุดเพียงองค์กรเดียว      
     รัฐบาลกลางเป็นผู้ที่ใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง  3  อำนาจคือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ 
     รัฐบาลเป็นองค์กรกลางองค์กรเดียวของรัฐที่ปกครองประชาชนได้โดยตลอด   รวมถึงการติดต่อสัมพันธ์กับ
     ต่างประเทศด้วย   ตัวอย่างรัฐเดี่ยว  ได้แก่  อังกฤษ  ญี่ปุ่น และไทย เป็นต้น
2.  รัฐรวม (Composit State) ได้แก่ การรวมตัวกันของรัฐ ตั้งแต่ 2 รัฐขึ้นไป 
     โดยมีรัฐบาลเดียวกันซึ่งแต่ละรัฐยังคงมีสภาพเป็นรัฐอยู่เช่นเดิมแต่การใช้อำนาจอธิปไตยของรัฐที่มารวมกัน      
     อาจถูกจำกัดลงไปตามข้อตกลงที่ทำขึ้น 

รัฐรวมมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ
1)สหพันธรัฐ (Federal State) สหพันธรัฐ คือ รัฐที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันระหว่างรัฐต่าง ๆ ตั้งแต่ 2 รัฐขึ้นไปโดยใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับเดียวกันร่วมกัน
และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐเหล่านั้นเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนั้น ๆ รูปแบบการปกครอ
งแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ มีรัฐบาลกลางของสหพันธรัฐ
และรัฐบาลท้องถิ่นเป็นของแต่ละรัฐซึ่งเรียกกันว่า ?มลรัฐ? ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย มาเลเซีย
2)สมาพันธรัฐ (Confederation State) สมาพันธรัฐเป็นการรวมตัวกัน
ระหว่าง 2 รัฐขึ้นไป โดยไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือรัฐบาลร่วมกัน แต่เป็นการรวมตัวกันอย่างหลวมๆเพื่อจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการชั่วคราวและเป็นบางกรณีเท่านั้น เช่นการเป็นพันธมิตรกันเพื่อทำสงครามร่วมกัน เป็นต้น ในปัจจุบันนี้รูปแบบของ
รัฐแบบ
สมาพันธรัฐไม่มีอีกแล้ว แต่จะกลายเป็นลักษณะของการรวมตัวกันในรูปขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การนาโต้ องค์การอาเซียน เป็นต้น


ระบอบการเมือง การปกครองที่สำคัญ

ระบอบประชาธิปไตย
เป็นระบอบการปกครองที่มีหลักการ และความมุ่งหมายที่ผูกพันอยู่กับประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน ระบอบประชาธิปไตยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
แบบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
กับแบบที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แบบแรกคือแบบที่ใช้อยู่ในประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่นและไทย
แบบที่ 2 คือแบบที่ใช้อยู่ในประเทศอินเดีย ฝรั่งเศส และอเมริกา

หลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย มีดังต่อไปนี้คือ

    1.อำนาจอธิปไตยหรืออำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรือเรียกว่าอำนาจของรัฐ (State Power) เป็นอำนาจหน้าที่มาจากประชาชน
    และผู้ที่จะได้อำนาจปกครองจะต้อง
    ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
    2.ประชาชนมีสิทธิที่จะมอบอำนาจการปกครองให้แก่ประชาชนด้วยกันเอง โดยการออกเสียงเลือกตั้งบุคคลกลุ่มหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศ
    ตามระยะเวลาและวิธีการที่
    กำหนดไว้ เช่น ทุก 4 ปี จะมีการออกเสียงเลือกตั้งผู้แทนของประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศ
    3.รัฐบาล จะต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพมูลฐานของประชาชน เช่น สิทธิเสรีภาพในทรัพย์สินและการแสดงความคิดเห็น การรวมกลุ่ม เป็นต้น
    โดยรัฐบาลจะต้องไม่ละเมิด
    สิทธิเหล่านี้เว้นแต่เพื่อรักษาความมั่นของชาติหรือเพื่อสร้างสรรค์ความเป็นธรรมแก่สังคมเท่านั้

    4.ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสมอภาคกัน ในการที่จะได้รับบริการทุกชนิดที่รัฐจัดให้แก่ประชาชน
    5.รัฐบาล ถือกฎหมาย และความเป็นธรรมเป็นบรรทัดฐานในการปกครอง และในการแก้ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ เพื่อความสงบสุขของประชาชน

ระบอบเผด็จการ
ระบอบเผด็จการคือ ระบอบการเมืองการปกครองที่โอกาสในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ตกลงใจถูกจำกัดอยู่ในบุคคลเพียงคนเดียวหรือสองสามคน กล่าวคือจะใช้โอกาสในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้อำนาจที่ตนมีอยู่ปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน หากประชาชนคัดค้านก็จะถูกผู้นำหรือคณะบุคคลลงโทษ

หลักการสำคัญของระบอบเผด็จการ มีดังนี้

    1)ผู้นำคนเดียว หรือคณะผู้นำของกองทัพ หรือของพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวกลุ่มเดียว มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง สามารถใช้อำนาจนั้นได้อย่างเต็มที่โดยไม่ฟังเสียงคนส่วนใหญ่ของประเทศ
    2)การรักษาความมั่นคงของผู้นำหรือคณะผู้นำมีความสำคัญกว่าการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประชาชนไม่สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของผู้นำได้เลย
    3)ผู้นำหรือคณะผู้นำสามารถที่จะอยู่ในอำนาจได้ตลอดชีวิต ตราบเท่าที่กลุ่มผู้ร่วมงาน หรือกองทัพยังให้ความสนับสนุนอยู่ ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิที่จะเปลี่ยนผู้นำได้โดยวิถีทางรัฐธรรมนูญ
    4)รัฐธรรมนูญหรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญและรัฐสภา ไม่มีความสำคัญต่อกระบวนการทางการปกครอง
    เหมือนในระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ รัฐธรรมนูญเป็นแต่เพียงรากฐานรองรับอำนาจของผู้นำหรือคณะ
    ผู้นำเท่านั้น ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง

ระบอบเผด็จการมี 3 แบบ คือ เผด็จการทหาร เผด็จการฟาสซิสต์ และเผด็จการคอมมิวนิสต์

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 28/03/2007 22:46:12