.......จะกล่าวถึงรถถังที่ดีที่สุดในโลกในยุคนั้น(เขาว่างั้นอ่ะ ) ซึ่งคือ ไทเกอร์ เลยนำข้อมูลมาให้ชมกันสำหรับบางคนที่ทราบแล้วและยังไม่ทราบน่ะครับ
.......หลังจากพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมันถูกจับเซ็นสัญญาแวร์ซาย์ จำกัดอาวุธและกำลังทหาร แต่มีรึเยอรมันจะทำตามยังแอบสร้างสถานีทดลองอย่างลับๆและเปิดเผยสวมรอยว่า พัฒนารถแท็คเตอร์ซะ และยังจับมือกับ สหายสลาฟ(ตอนนั้นยังรักกันอยู่)ตั้งสถานีทดลองอาวุธในถิ่นหมีขาวอีกด้วย แม่แบบตัวรถมาจากรถถังตะวันตกที่รัสเซียซื้อมาทดสอบ(ก๊อปไปในตัว) เนื่องจากที่ทำแบบนี้เพราะรถถังจากค่ายพันธมิตรมี ศรีนครินทร์ เอ้ย พัฒนาการทางเทคโนโลยีมากกว่าลดเวลาในการวิจัยไปได้เยอะนั้นเอง
......ไทเกอร์ ได้รับคำสั่งฟ้าผ่าออกมาคลุกฝุ่นจากทำเนียบผู้นำเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 1941 (ก่อนบุกรัสเซีย 1เดือน) สองสำนักวิจัยเอกชนได้รับโครงการนี้ไปแข่งขันซึ่งก็มี Hendchel และ Porsche โดยสำนักPorschelเป็นฝ่ายแพ้ไป โดยทางHendchel ได้ต้นแบบมาจาก VK.3600 (36ตัน )ซึ่งเป็นรถถังทดลองแล้วนำแบบมาขยายเพือให้มีขนาด 45 ตัน แต่ที่น่าแปลกคือ ป้อมปืนนั้นถูกแยกวิจัยโดยบริษัท Krupp และวิจัยเสร็จก่อนตัวรถอีกด้วย โดย100ป้อมแรกเสร็จในระยะเวลาเพียง 9เดือน
ขอบคุณมากครับได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ
....มีเรื่องเล่าว่ากันว่าต้นแบบของHendchel เกือบพลาดไปหากไม่ได้โชคบวกไหวพริบและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของช่างเทคนิคของโครงการ เพราะในวันทดสอบซึ่ง ฮิตเลอร์จะมาดูด้วยตนเองเนื่องจากตรงกับวันเกิดในปี 1942 เนื่องจากท่านผู้นำจะมาเป็นประธานในการทดสอบด้วยตนเอง ปรากฏว่า VK.4501 (H) ของHendchel เกิดมีปัญหาโดยไม่พร้อมทดสอบตามเวลาเนื่องจากเฟืองท้ายเกิดขัดข้อง แต่โชคช่วยฮิตเลอร์มาช้ากว่า 3 ช.ม. ช่างทั้งหมดของHendchel จึงแก้ไขได้ทัน
......การทดสอบการเร่งฝ่ายHendchel แทบถอดใจเนื่องจากทำความเร็วได้เพียง45ก.ม.ต่อช.ม. ช้ากว่าPorschel อยู่ 5ก.ม.ต่อช.ม. แถมสภาพเครื่องยนต์แทบพังรอมร่อ เครื่องโอเวอร์ฮีทจนแทบระเบิด (จนมาเป็นปัญหาตลอดสงครามในเรื่องเครื่องยนต์) แต่ไม่ทราบว่าฝ่ายHendchel รู้อย่างไรว่า สภาพช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยงของฝ่าย Porschel ย่ำแย่มาก จึงกระซิบบอกกรรมการให้เน้นหนักในเรื่องขับวิบาก หลบหลีกเครื่องกีดขวาง ความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ซึ่งฝ่ายHendchel ชนะขาดลอย จนฝ่าย Porschel แทบเป็นเต่าไปเลย จนทำให้รถถังVK4501 (H) กลายเป็นรถถังแบบที่6ของเยอรมัน
.......สายผลิต ไทเกอร์ อี เริ่มตั้งแต่ พ.ค.1942 จนถึง ส.ค.1944 เป็นระยะเวลา2ปีกว่าๆได้ ไทเกอร์ 1350 คัน นจำนวนนี้กองทัพญี่ปุ่นสั่งซื้อไป แต่ไม่รู้ว่าไปจมอยู่แถวไหน แต่ญี่ปุ่นไม่ได้ของ
....รุปแบบไทเกอร์สร้างตามแบบหลักนิยมเยอรมัน ที่ช่วงล่างและลำตัวนำเหล็กแผ่นเรียบมาเชื่อมติดกันโดยมีลักษณะพิเศษคือมีสลักคล้องกันเองในตัวช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งกว่าเชื่อมปกติ แทบจะรู้กันทุกคนเลยว่าเหล็กแต่ละแผ่นนั้นเน้นหนาและหนักกว่าชาวบ้านเสมอ ดานหน้ารถหนาสุด บางสุดที่หลังคาหนาเพียง 25 ม.ม.เท่านั้น กระสุนวิถีราบจากรถถังด้วยกันสะกิดไม่ได้ยกเว้นเจอมาจากปืนใหญ่และเครื่องบินจึงจัดการได้อยู่
.......จุดเด่นประจำตัวของไทเกอร์คือป้อมปืนรูปทรงเกือกม้าที่ไม่เหมือนใคร ที่ได้จากการนำเหล็กมาม้วน ไม่ได้จากการหล่อขึ้น ป้อมผ.บ.อยู่ทางด้านบนซ้ายของตัวรถ รุ่นแรกๆเป็นท่อเตี้ยๆมีฝาปิดแบบยกขึ้น ( ทรงหม้อข้าว ) รุ่นนี้จึงเป็นป้อมที่ ผ.บ.สังเวยชีวิตกันไปมากเพราะอยู่ในแนวเล็งยิงของพลประจำปืนฝ่ายรัสเซีย
....การแบ่งส่วนของตัวรถแบบเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆคือ ตอนหน้าได้แก่ พลขับ พลวิทยุ ชุดเกียร์ เฟืองขับ และ เบรกค และตอนกลางในส่วนป้อมปืนส่วนดำเนินการรบมี ผ.บ. พลปืน(เล็งยิง )และพลบรรจุกระสุน โดยใต้ท้องเป็นคลังกระสุนขนาดบรรจุ 9 นัด
.....และยังมีหน้าที่พิเศษของพลวิทยุในดานขวาของตัวรถคือ พลปืนกล เอ็มจี 34 ระบบการหมุนเป็นเบ้ากลมพร้อมกล้องเล็งประสิทธิภาพสูง เป็นที่เกลียดชังของทหารรัสเซีย จนไม่กล้าวิ่งตัดหน้าไทเกอร์
.....ปืนใหญ่กระสุนวิถีราบแบบ 88 ม.ม. แบบ KWK 36L/36 คืออาวุธหลักที่มีความแม่นยำมากที่ระยะ 1500 เมตร จนถึงระยะ 3000 เมตรยังมีโอกาสถูก 50 เปอร์เซ็น (สนามทดสอบ ) 2นัดถูก 1 นัด (เยอรมันได้เปรียบในเรื่องนี้เนื่องจากความเร็วในการยิง ) ครึ่งนึงของจำนวนกระสุนที่พาไปเป็นกระสุนแบบ เจาะเกราะP2gr39 (มีความแม่นยำที่สุด ) อีกครึ่งคือกระสุนSpigr เป็นกระสุนนระเบิดแรงสูงตั้งระยะระเบิดได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกระสุนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแบบ Pzgr 40 ที่มีความเร็วปากลำกล้องสูงมาก สามารถเจาะเกราะได้100เปอร์เซ็น เก็บไว้เล่นรถถังเกราะหนาๆฝ่ายข้าศึก กระสุนมีให้เบิกคนล่ะหน่อย เพราะทังสเตนขาดแขลนมากในช่วงสงคราม
......ระบบกล้องเล็งยิง 3 ตาแบบ T.Z.F.9 Bมีการเล็งยิงที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมาก มีการวัดระยะความลึกเป้าหมายแบบกึ่งอัตโนมัติ และแนวปรับหมุนแก้การเล็งยิงก็ง่ายมาก ด้วยพวงมาลัย 2 อัน คือ แนวระดับ และแนวดิ่ง นอกจากนี้พลปืนยังใช้เท้าควบคุม( แป้นเหยียบง่ายต่อการใช้ ) การหมุนของป้อมปืน และ ปืนกลร่วมแกนอีกด้วย ป้อมปืนหมุนเร็วสุดที่ 360 องศาใน 60 วินาที เร็วพอที่กำหนดเป้าหมายหลายๆแห่งได้
.....ผลงานของไทเกอร์ตลอดการรบ ในตอนท้ายสงครามต้นปี 1944 ได้ปะทะกับรถถังสายพันธุ์ใหม่จากรัสเซีย หรือปืนต่อสู้รถถังประสิทธิภาพสูง หัวขบวนที่มีอำนาจร้ายแรงสุดคือ JS-2 เป็นรถถังหลัก แต่เมื่อเทียบกับไทเกอร์ก็ยังเป็นรองอยู่ดี เนื่องด้วยอำนาจการยิงที่เร็วกว่าแม่นยำกว่า จากการปะทะในวันที่ 2 ม.ค.1945 กองร้อยที่ 3 ของกองพันรถถังหนักที่ 507 ผลออกมาว่า ไทเกอร์ 1 ไม่พังเลยแม้แต่คันเดียว แต่ รัสเซียเสีย JS-2 ไป22 คันในเวลาอันรวดเร็ว จนต้องแตกทัพไปตั้งขบวนใหม่
.......ไทเกอร์ในแนวนบตะวันออกต้องรับภาระในการตรึงแนวรบที่ยาวเหยียดภายในดินแดนทุรกันดารของ รัสเซีย มีสถิติการสังหารคือ กองพันที่ 502 สังหารไป 1400 คัน(มี ผ.บ. ออตโต้ คาริอุท เป็นผู้สังหารถึง 150 คัน ) กองพัน503 สังหารไป1700 คัน กองพัน 505 สังหารไป505คัน
.....โดยกองพันรถถังหนักที่ 503 รับหน้าที่เป็นหัวหอกในการป้องกันพื้นที่แม่น้ำ รอสตอฟ 1943 ถึง 1944 สังหารรถถังข้าศึกไป 1700 คันโดยมีเสือรถถังหลายคน เช่น รอนดอลฟ์ 106 คันใช้รถถังหมายเลข 332
......ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหนือชั้นของรถถังเยอรมันคือ พลประจำรถที่ได้มากจากผู้มีประสบการณ์รบและการฝึกคัดเลือกที่เข้มข้นและการฝึกอย่างหนักเต็มรูปแบบมาตราฐาน เยอรมันปรัสเซีย ตลอดแนวการรบตะวันออกสังหารรถถังและยานเกราะไปกว่า 8000 คัน อยากที่รถถังใดจะมาเทียบได้
.......ฤดูใบไม้ร่วงปี 1942 หลัง ไทเกอร์วัน เข้าสู่สายการผลิตเพียงเดือนกว่าๆ โครงการรถถังทดแทน ไทเกอร์วันก็ปรากฎ ทันทีเช่น ไทเกอร์ ทู และ คิง ไทเกอร์ จุดเด่นในรุ่นนี้ไม่ว่าเวอร์ชั่นใดๆคือปืนต่อสู้รถถังแบบ 88 m.m. L71ที่มีอำนาจการยิงสูงกว่ารถถังใดๆในยุคนั้น แต่จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดคือน้ำหนักที่มากขึ้นจนอุ้ยอ้าย โดยเยอรมันก็ไม่สามารถสร้างเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ไทเกอร์วัน และ แพนเธอร์ได้
....เมื่อเครื่องยนต์เป็นแบบเดียวกันแต่ภาระหนักขึ้นคือแบกน้ำหนักกว่า ไทเกอร์ 11 ตัน และมากกว่าแพนเธอร์ถึง 22 ตัน เครื่องยนต์จึงซดน้ำมันคือ 7ลิตร ต่อ ก.ม. ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นสถิติการกินน้ำมันอย่างมากและพ่วงปัญหาเครื่องยนต์อีกมากมาย.
....KING ไทเกอร์ นั้น แบ่งออกเป็น 2 รั่นคือ ป้อมของ พอร์เช่ P และ เฮนเชล H แต่ใช้ท่อนล่างเดียวกัน แต่ป้อมของ พอร์เช่ เป็นรุ่นที่ค้นพบปัญหาในเวลาต่อมาว่า ด้านหน้าป้อมที่เป็นส่วนโค้งมาจากด้านฐานนั้นหนาเพียง 110 ม.ม. เทียบกับของ เฮนเชล หนากว่า 70 ม.ม. จุดที่เป็นอันตรายต่อมาคือ บริเวณป้อมบัญชาการที่ยื่นออกมาด้านข้างและเกราะบางลงไป ป้อมของ พอร์เช่ จึงถูกระงับการผลิตทันทีจึงมีออกมาเพียง 50 ป้อมเท่านั้น ส่วนเอกสารการรบจิงนั้นมีน้อยมาก จนแทบหากันไม่ได้เลย มีเพียงรุปถ่ายเพียงเล็กน้อย วนไปๆมาๆ ข้อมูลบงที่บอกว่า ช่วงท้ายๆสงคราม ศูนย์ข้อมูลกองทัพบกที่ พอสแดม ได้เผาข้อมูลและรุปถ่ายที่เก็บไว้ทั้งหมดที่นี่จำนวนมาก จนKING ไทเกอร์ ไม่เหลือข้อมูลอีกเลย ยิ่งรูปในการออกรบยิ่งหาไม่ได้ จึงคาดกันไว้น่าจะจริง
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอะครับ DiscoveryPowerzone เคยนำเสนอเกี่ยวกับสองตำนาน เชอร์แมนกับไทเกอร์ ซึ่งคำบอกเล่าของทหารพันธมิตรจะกลัวไทเกอร์มากๆตอนเวลาเจอหมู่บ้านหรือผ่านป่าข้างทางโดยในสนามรบเสียงสายพานและเครื่องยนต์ของมันจะดังจนน่าขนลุกเลยละครับ ประสิทธิภาพในการยิงของมันก็รุนแรงสุดในยุโรปอย่างที่ท่าน MIG31เรียนไว้ ซึ่งในการพบกันการยิงหวังผลของเชอร์แมนต่อไทเกอร์อยู่ที่ประมาณ500ม ถ้าไกลกว่านั้นอาจเหมือนมดกัดเลยละครับ แต่ไทเกอร์ยิงเจ้าเชอร์แมนกระจุยไฟไหม้ทั้งคันได้ในระยะไกลถึง 2000ม ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าของไทเกอร์เชอร์แมนจึงมีชัยในสมรภูมิรบที่ชี้ชะตาสงครามโลกครั้งที่สองในยุโรปที่ บาทต์สโต เบลเยี่ยมครับ (ฝ่ายเยอรมันคุมโดยนายพลทหารม้า มอนทอย์เฟล ทหารคนโปรดที่เชื่อว่ามีฝีมือดีที่สุดของฮิตเลอร์เลยละครับ) ถ้าผิดผลาดด่าได้นะครับถือว่าเป็นพี่ด่าน้องละกัน
ตามหัวข้อของท่าน MIG31 ช่วยเสนอครับ อิอิ
คู่มวย คนละรุ่น
ลุย