อันดับแรกผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมยินดีและเต็มใจรับฟังข้อเสนอแนะ ร่วมทั้งความเห็นที่แตกต่างจากทุก ๆ ท่านครับ เพราะผมมองว่าความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคลซึ่งกันและกันนั้นเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ครับ
ถึงเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่านครับ คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุกวันนี้ปัญหาภาคใต้บ้านเราทวีความรุนแรงมาขึ้นเป็นลำดับ ผมอดที่จะนึกเป็นห่วงไม่ได้ครับ เพราะถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไปเราจะมีแต่แพ้กับแพ้ มีแต่ว่าจะแพ้เร็วแพ้ช้าก็เท่านั้น สำหรับผมพอจะมีข้อเสนอแนะครับ มันอาจจะเป็นความคิดโง่ ๆ ของเด็กวัยรุ่น(ตอนปลาย)คนหนึ่ง ที่อาจจะใจร้อนและยังอ่อนประสบการณ์ แต่ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่พวกเราคนไทยรัฐบาลไทยต้องทำอะไรซักอย่าง หนทางเดินข้างหน้ามันอาจจะเสี่ยง แต่ถ้าทำได้มันก็คุ้มค่าน่าดูเหมือนกันครับ ?.
สำหรับผมและพวกเราอีกหลาย ๆ คนสงครามเป็นสิ่งที่ชวนให้ศึกษา แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ เพราะสงครามจะนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งตัวเราเอง คนที่รักและคนที่เรารู้จัก ดีไม่ดีอาจจะถูกต่างประเทศประณามได้ว่าเป็นพวกกระหายสงคราม แต่ทำไงได้ละครับถ้ามันคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
สำหรับผมปัญหาภาคใต้ที่หยั่งรากลึกมานานตั้งแต่อดีตนั้น ส่วนหนึ่งเป็นความผิดพลาดของเราเอง แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่มีคนจงใจจะให้เกิด สิ่งที่มีเป็นอยู่ทุกวันนี้ในมุมมองของผม ผมว่ามันเหมือนต้นหญ้า เพราะว่าตั้งแต่สมัยคอมมิวนิสต์แล้ว ที่ต้นหญ้า ต้นนี้เกิดและเติบโตขึ้นในสามจังหวัดชายแดนเรา และก็เริ่มแพร่กระจายไปสู่ตอนบนของประเทศเพื่อนบ้าน แต่แล้วโชคก็เข้าข้างเราที่ทำให้เราสามารถจัดการต้นหญ้าได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่ยังคงอยู่นั้นก็คือราก มันรอเวลาที่จะมีน้ำฝนตกลงมามันก็พร้อมที่จะเติบโต มันเติบโตตามกระแสความขัดแย้งของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่นในอดีตก็เรื่องคอมมิวนิสต์
แล้วทุกวันนี้มันก็กลับมาเติบโตและพร้อมที่จะขยายพันธ์อีกครั้ง แต่คราวนี้ด้วยเหตุการณ์ความขัดแย้งของโลกที่รุ่นแรงมากกว่าเดิม เกิดขึ้นทั้งจากเรื่องศาสนาลามไปจนถึงภัยการก่อการร้าย และมันกลับกลายเป็นว่าเป็นต้นหญ้าต้นใหญ่ขึ้น ที่มีรากอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านลำต้นกลับมาโผล่ในประเทศไทย สิ่งที่เราทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือการฆ่าที่รากเท่านั้น คือทุกวันนี้กลุ่มก่อความไม่สงบมัน(ผมขอใช้คำไม่สุภาพนะครับ) อยู่ได้ด้วยปัจจัย 2 อย่างนั้นคือ 1.ที่พักพิง 2.แหล่งเงินทุน ถ้าขาดปัจจัย 2 อย่างนี้ก็ยากนักที่ต้นหญ้าจะเติบโตต่อไปได้ แต่สิ่งที่เราต้องการ พวกนี้ไม่ได้อยู่ในฝั่งไทย แต่กลับอยู่ในดินแดนของเพื่อนบ้าน
สิ่งที่ผมอยากเสนอแนะให้รัฐบาลทำ คือเราต้องเปิดเกมรุก เพราะถ้าไม่รุกเราก็มีแต่จะแพ้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็นำมากล่าวย้ำเพื่อเตือนความจำ รวมไปถึงบอกให้คนที่ยังไม่ทราบได้รู้ด้วยครับ คืออันดับแรกผมอยากให้ไปขอร้องประเทศเพื่อนบ้านเราให้เค้าช่วยกำจัด 2 ปัจจัยนี้อย่างเต็มความสามารถ โดยมีกรอบระยะเวลากำหนดให้เค้า ขอย้ำนะครับว่าขอร้อง (กราบเท้าก็ยอม) เพราะเราไม่ต้องการให้ใครตายเพิ่ม เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็มากพอแล้ว ต่อมานำข้อมูลความจริงที่เกิดขึ้นไปนำเสนอต่อประชาชนชาวโลก โดยประมาณว่าทำให้ออก CNN ทุกวันเลยยิ่งดี เพื่อให้คนส่วนใหญ่ของโลกอยู่ข้างเรา อันนี้อาจจะทำได้โดยของความร่วมมือจากประเทศมหามิตร (จริงเปล่าหว่า) อย่างอเมริกาโดยเฉพาะทางด้านสื่อ เพราะอย่างน้อยเรากับเค้าก็มีเป้าหมายเดียวกัน(ภัยก่อการร้าย) และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เพื่อน ๆ ที่เก่งภาษาอังกฤษ นำข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาภาคใต้ ไปลงตามเว็บบอร์ดทางทหารของต่างประเทศ ซึ่งผมเองก็เห็นอยู่บ้างแต่ที่ยังขาดคือคนปั่นกระทู้ เพราะถ้ากระทู้มีคนเข้าน้อย ถึงจะเป็นฝรั่งก็เถอะเค้าก็ไม่สนใจเหมือนกัน โดยนำภาพและเรื่องราวที่แสดงให้เห็นให้เห็นถึงความโหดร้ายของสัตว์ (ขออภัยอีกครั้งเพราะผมมองว่ามันไม่ใช้คน) พวกนี้ ทั้งหมดนี้ที่ทำไปก็เพื่อเป้าหมายเดียวให้คือคนส่วนใหญ่ของโลกอยู่ข้างเรา แต่สิ่งที่สำคัญคือแสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าคนไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด ถ้าคนไทยจะรบนั้นก็หมายความว่าเราทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
ตอนนี้ผมพูดไรไปมันก็เท่านั้นแหละครับ
ประชาชนส่วนหนึ่งต้องการสมานฉันท์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการเกมรุก
ฉนั้นผลจึงปรากฎออกมาว่า เด๋วสมานฉันท์ เด๋วเปิดเกมรุก พอสมานฉันท์ซึ่งทำได้ยากกว่าต้องอดทนกว่า กว่าจะได้พลังมวลชลกลับมา(ก็คือได้รากหญ้ามาส่วนนึง) ไปๆมาๆ ก็มีคนดันไปยิงยาฆ่าวัชพืชใช้เกมรุก ไอ้คนกำลังถอนหญ้าก็ซวย ดันมาดำเนินนโยบายสองอย่างพร้อมกัน
อนึ่งรัฐบาลพยายามสร้างภาพลักษณ์(ขอเลี่ยงประเด็นการเมือง ฟังซ้ำซากมาพอแล้ว เดิมๆซ้ำๆซากๆ)ว่าต้องการสมานฉันท์ แต่ก็มีประชาชนสร้างภาพลักษณ์จะไปญาติดีกับไอ้โจรใต้ทำไม ไอ้พวกมุสลิมทำไม(บางคนเหมารวม)
ฉนั้นมันจึงออกมาลักษณะที่เฮงซวย ไม่เป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
ผมโดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยเลยว่าจะใช้นโยบายรุนแรกรุกคืบต่างๆนานา ไม่เห็นด้วยเลย ถึงแม้จะต้องสูญเสียพี่น้องทหารเราไปอีกก็เถอะ (เหมือนกรรมที่เราไปตีเมืองเขาในอดีต)
ประวัติศาสตร์ 60-70 ปีมานี้ ข้าราชการเฮงซวยอะไรทำตัวไม่ดี(โดยเฉพาะไอ้พวกสีกากี)ก็ส่งลงปักษ์ใต้ คงได้ยินคำว่า "สั่งย้าย" นะครับ ก็ย้ายลงเนี่ยแหละ ไปรังแกพวกมุสลิมเขา ยามเรารังแกเขา เราไม่สนใจ เขาไม่ได้รับการเหลียวแลใยดีมานานมากขนาดไหน แต่เพียงเราโดนเขาต่อต้านคืนบ้าง ทำไมเราช่างอยุติธรรมเช่นนี้
ตอนนี้เราทำอะไรครึ่งๆกลางๆตลอดมา จนมันเหมือนไอ้คนเป็นหวัดบอกอยากหายหวัดก็กินยา แต่ก็ซดน้ำเย็นกินไอติม
ตอนนี้เท้าของประเทศไทยกำลังเป็นแผลอยู่ และเป็นแผลหนองในแล้วด้วย เพราะคนนึงบอกจะรักษา อีกคนบอกจะเฉือนเนื้อร้ายทิ้งไป สุดท้าย หากดำเนินนโยบายแรงขึ้นไปได้ตัดเท้าตัวเองทิ้งแน่
ทำอะไรครึ่งๆกลางๆ
ตอนนี้ผมไม่ขอเสนออะไรนอกจากเสนอสิ่งที่เป็นอยู่
จะเห้นด้วยกับผมหรือไม่ ผมไม่สนใจเพราะคนเห็นด้วยกับผมก็มี คนไม่เห็นด้วยกับผมก็มี แล้วก็ไม่มีใครคิดจะเปลี่ยนแนวคิดกันแน่นอน
แต่อย่างน้อยๆกลับไปมองประวัติศาสตร์ดูซิว่าไอ้คนที่เคยดำเนินนโยบายอย่างที่เราเคยชื่นชม อย่างที่เราเคยคิดมาก่อน ไอ้รุกคืบไรเนี่ย มันมีกี่แห่ง ประสบกับอะไร
ที่สำคัญ เทียบให้ถูก...ในรายละเอียดด้วย
อะไรคือจุดประสงค์ ก็คือ ต้องการให้เกิดความสงบ แต่ภายใต้เงื่อนไขอะไร
1.ให้เขากลับมารักกับเราฉันท์พี่น้องชาวไทยไม่ว่าศาสนาอะไรก็ช่าง
http://www.bkthai.com/peace/pattani/vision/vision.html
http://www.pattani.go.th/Photo_slice/tugee/tugee.htm
2.ให้กลับมาอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าเรา ภายใต้ความกลัว ภายใต้ชัยชนะทางความรุนแรง
http://www.aljazeerah.info/News%20photo%20negatives/2004%20phot%20originals/October/thaimass26.jpg
http://news.bbc.co.uk/media/images/40459000/jpg/_40459575_arrestsafp300.jpg
เลือกเอาจะเอารูปแบบไหนที่อยากให้เกิดอีกในอนาคต
คิดกันเองละกันคนที่จะตอบ (จะมีคนอ่านกี่คนอยากจะรู้?)
เอ็งมาข้ามุด
เอ็งหยุดข้าแหย่
เอ็งแย่ข้าตี
เอ็งหนีข้าไล่
กลยุทธของเวียดกงที่ใช้ต่อสู่กับทหารสหรัฐ
(มันเกี่ยวกับเรื่องของกระทู้เขาไหมเหนี้ย)
ในหนังพระนเรศวรนั่น พอหงสาวดี ขาดผู้นำที่เข้มแข็งอย่างบุเรงนอง ก็เลยทำให้ประเทศราชต่างๆพากันแข็งเมืองไปตามๆกันครับ อย่างเมืองคังเป็นต้น สุดท้าย ก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้พม่าภูมิใจอีกเลย เมื่ออยุธยาประกาศเอกราช ในที่สุด
ปัญหาภาคใต้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับคราวใดที่รัฐบาลกลางอ่อนแอเอาแต่แย่งชิงอำนาจส่วนกลางกันเอง หรือ นโยบาย ของรัฐขัดแย้งกันเอง ทางผู้ถุกปกครองเขาก็จะหาช่องทางประกาศเอกราชกันเป็นปกติตรับ เหมือนในหนังนเรศวรนั่นแหละ เรื่องที่เราจะเปิดแนวรบสองด้าน กับมาเลย์ ทั้งๆที่เราเองยังทะเลาะกันเองในส่วนกลาง นี่ยิ่งอันตรายครับ และไม่มีประเทศไหนเขาเสี่ยงทำกันเพราะโอกาสพังสูง ครับได้ไม่คุ้มเสียแน่ๆ
จริงอย่างที่ท่าน data กล่าวครับ ผมลืมคิดไปครับ
แต่ผมกลับมองว่ารัฐบาลน่าจะใช้โอกาสนี้ ในการปลุกกระแสรักชาติและส่งเสริมให้คนไทยหันมาร่วมมือกัน ลืมเรื่องความขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
โดยเลิกที่จะให้ความสนใจกับประเด่นการเมืองอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และมุ่งมาสนใจในประเด่นปัญหาเรื่องความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ ซึ่งจะเป็นการต่ออำนาจของรัฐบาลเองอีกด้วย (ถึงผมจะไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ก็เถอะนะ)
ถ้าสังเกตให้ดี ๆ จะเห็นว่าประเทศเพื่อบ้านเริ่มเตรียมการที่จะสะสมอาวุธแล้วนะครับ เพราะโอกาสในอนาคตที่ความขัดแย้งจะปานปลายนั้นมีสูงครับ
ของคุณความคิดเห็นของทุก ๆ ท่านครับ อืมครับอาจจะพลาดไปนิดหนึ่งพอดีไม่ได้กล่าวถึงเรื่องสมานฉันท์เลย
อืมครับคุณ BloodRoyal คือทีแรกผมก็คิดอย่างคุณละครับ ว่าการสมานฉันท์เป็นหลักนั้นคือทางออกที่เหมาะสมที่สุด แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาสำหรับผมมันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันไม่ได้ผล(ผมอาจจะใจร้อนไปก็ได้) มันกลับทำให้คนทำผิดได้ใจ กระทำการรุนแรงมากขึ้น คนดีก็ไม่กล้าอยู่ ไม่กล้าลุกขึ้นมาสู้ พอจะสู้ก็ถูกมันฆ่า ก็เพราะติดคำว่าสมานฉันท์ มาตรการทางกฎหมายใช้ไม่ได้ผลก็เพราะคำว่าสมานฉันท์ จริงอยู่ว่าการใช้วิธีนี้เป็นการซื้อใจโจร แต่มันก็เหมือนเป็นดาบ 2 คม อีกทั้งมันใช้ได้กับคนที่รู้จักสำนึกผิดชอบชั่วดี (โจรจำเป็น) ซึ่งมีความรับผิดชอบและรู้จักบุญคุณ อย่างที่ขงเบ้งในเรื่องสามก๊กเคยใช้กับหัวหน้ากลุ่มกบฏทางตอนใต้ คือใช้วิธีจับได้แล้วปล่อยตัวถึง 7 ครั้งเพื่อเป็นการซื้อใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างและรู้จักให้อภัยคนของขงเบ้ง แต่ในสถานการณ์นี้ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะไอพวกนี้มันไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย มันทำสิ่งที่โหดร้ายได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะความเชื่อที่ผิด ๆ ของพวกมัน ที่มันเชื่อว่าคือสิ่งที่ถูกต้อง อีกทั้งกระแสงความขัดแย้งของโลกในปัจจุบันที่รุนแรงขึ้น นั้นได้เข้ามาบดบังความเป็นมนุษย์ของพวกมันไปเสียจนหมดแล้ว
สำหรับคนชั่วนั้นเราต้องใช้มาตราการเชิงรุก รวมถึงเพื่อนบ้านด้วยครับ เราต้องใช้มาตราการทั้ง 2 อย่างประกอบกัน และเดินไปพร้อม ๆ กัน ต้องตีโอบล้อมจากภายในประเทศและภายนอกประเทศ ต้องทำให้คนชั่ว ๆ พวกนี้เห็นว่าพวกมันไม่มีที่พึ่ง เพราะถ้าหากเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างสุดโต่งแล้วละก็มันจะกลับมีผลเสียมากขึ้นเท่านั้น แต่โอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นอาจจะดูยาวไกล เพราะปัญหาภัยการก่อการร้าย และความเชื่อทางศาสนาที่ผิด ๆ เหล่านั้นยังคงอยู่ และยังอยู่ในอีกหลายประเทศด้วยครับ ไม่เหมือนกับคราวที่สหภาพโซเวียดล่มสลาย แล้วคอมมิวนิสต์ขาดที่พึ่งจนสุดท้ายอยู่ไม่ได้และสลายตัวไป
ผมเข้าใจจิตใจของชาวไทยครับ เพราะผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง คนไทยส่วนใหญ่เชื่อเรื่องบาปกรรม สำหรับผมคนพุทธ ผมเชื่อเรื่องบาปกรรมเช่นกันครับ แต่บางครั้งบาปกรรมมันก็ต้องใช้เวลากว่าที่จะตามทันครับ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นเราอาจจะไม่เหลืออะไรให้ปกป้องแล้วก็ได้ อีกทั้งมันไม่ใช้วิสัยของทหารที่จะถือเอามาเป็นสำคัญ เพราะถ้าหากเชื่อว่าต้องเป็นไปตามกรรมหรือโชคชะตามันก็ไม่มีค่าอะไรที่จะต่อสู้ ผมทำผิดพลาดจริงผมยินดีใช้กรรมครับ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ต่อสู้เพื่อให้เค้าได้ชดใช้กรรมที่เค้าทำ มันต้องมีซักวันครับ ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่รุ่นลูกก็รุ่นหลานครับ
แต่ถึงอย่างไรถ้าฝ่ายเราจริงใจที่จะแก้ปัญหาและพร้อมที่จะชดใช้กรรม พร้อมที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข พร้อมที่จะเลิกเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน โดยไม่เสียดินแดนและไม่สูญเสียอำนาจภายในเขตแดนแล้วแต่อีกฝ่ายกลับดื้อดึง และพยายามใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธ์อยู่ต่อไปแล้วละก็ การรุกรานอย่างชอบธรรมถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ อย่างน้อย ๆ เราก็สามารถที่จะทำให้ปัญหามันเกิดไกลตัวมากขึ้นได้ครับ
ปล.ทำไมเดี่ยวนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองชั่วร้ายขึ้นจัง.....เฮ้ย....ก็นี้มันสงครามนี้ครับ
ถามเล่นๆนะ (แต่เกิดกับตัวผมมาแล้ว จิงๆ)
คุณมีเพื่อนรักสุดแสนจะรักคนนึง
เกิดทะเลาะกันครั้งใหญ่ไม่อาจจะคืนดีได้ด้วยเวลาอันสั้น
ผลคือ ง้อไปเรื่อยๆ อยากให้เขามาคืนดี แต่เขาไม่เล่นด้วย แถมด่าทอเราเรื่อยเปื่อย ป่าวประกาศให้ข่าวลือร้ายๆกับเรา แต่เราก็พยายามต่อไป ตื๊อ ง้อไปเรื่อยๆ
สุดท้าย นัดไปเจอคุยกับเขา ก็คุยกันพักนึง แล้วเขาก็ยังด่าเราอีก เกิดปฏิกริยา reflect action หมัดขวาเราไปสอยคางเพื่อน
สุดท้าย เราก็ตามง้อขอโทษมันอีก
ถามว่าจะแก้ไขได้มะ?
มุสลิมปักษ์ใต้ก็คิดว่าคนในบอร์ดนี้รู้จักดีหลายคน มีคนรู้จักเป็นชาวมุสลิมปักษ์ใต้เยอะ
เอ่อ สำหรับผมนะ ตอนแรกเขาก็พอรับได้หรอก แต่เกิดเหตุการณ์ตากใบขึ้นมา ก็เกลียดชังขึ้นมา แล้วก็มาดีขึ้นมาอีก ยืนยิ้มระรื่นว่า เออ ดีจัง นายกขอโทษ เริ่มใช้ไม้อ่อน
แต่พอเปิดเว็บไซต์ muslimcampus muslimthai ต่างๆ ก็มีไอ้พวกชาวพุทธจากต่างจังหวัดออกมาด่าปาวๆ ไอ้โจรใต้ชั่ว ไอ้โจรใต้บลาๆๆ ฆ่าให้หมดเลยดีกว่าไอ้พวกแขก ไอ้พวกมุสลิมปักษ์ใต้
เริ่มมีสื่อมวลชลบางแห่ง และเว็บไซต์บางที่ ออกมากล่าวสนับสนุน ให้ใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น ให้ใช้การตอบโต้ที่รุนแรงมากขึ้น
สุดท้าย ก็ไม่ต่างอะไรกับผมที่เสียเพื่อนคนนี้ไปเพราะตอนจบต้องใช้วิธีการรุนแรง(ตอบโต้กันด้วยกำลัง)
ฉนั้น ผมก็ว่ามันสายไปแล้วจริงๆสำหรับขณะนี้ แต่เพราะอะไรละ?.........
สำหรับส่วนตัวผม ผมโทษไอ้ประชาชนคนไทยทุกคน...
อย่าอยู่กันตามรูปข้างบนเลยละกัน เพราะผมว่าแยกไม่ได้หรอกว่าคนไหนดีคนไหนไม่ดี ผลสุดท้ายได้นองเลือดกันแน่นอน
กลยุทธสมานฉันท์ใช่ มันใช้กับเฉพาะคนดี แต่เพื่อดึงขุมกำลังมวลชล แต่หากว่าเริ่มนโยบายเชิงรุกไป ก็เท่ากับ่วา ทิ้งมวลชลไปเสีย เหมือนปริ๊นท์ใบสมัครเข้าขบวนการโจรให้พวกนั้นฟรีๆ ชาวบ้านเข้ากันแน่นอน มากกว่าเดิมเสียด้วย
ถึงอย่างไรถ้าฝ่ายเราจริงใจที่จะแก้ปัญหาและพร้อมที่จะชดใช้กรรม พร้อมที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข "พร้อมที่จะเลิกเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน" โดยไม่เสียดินแดนและไม่สูญเสียอำนาจภายในเขตแดนแล้วแต่อีกฝ่ายกลับดื้อดึง และพยายามใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธ์อยู่ต่อไปแล้วละก็ การรุกรานอย่างชอบธรรมถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ อย่างน้อย ๆ เราก็สามารถที่จะทำให้ปัญหามันเกิดไกลตัวมากขึ้นได้ครับถ้าพูดเช่นนี้อย่าใช้คำว่า "พร้อมที่จะเลิกเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน" อย่าใช้เลย เพราะมันขัดกับคำว่า "การรุกรานอย่างชอบธรรม"
แบบนี้ก็ไม่ต่างกับอเมริกา infinit justice ชื่อฟังดูสวยหรู แต่ก็คือไปทำสงครามนั่นแหละ
สถานการณ์ภาคใต้ไม่ใช่สงครามในขณะนี้ แต่เท่าที่ดูอยากให้เป็นกันเหลือเกิน
ผมไม่พูดแล้วละ เด๋วจะโดน Webmaster ลบเปล่าๆ เพราะผมเปลี่ยนความคิดของบุคคลในยุคนี้ไม่ได้ บารมีไม่เพียงพอในความเป็นผู้นำ
สมแล้วที่เขาว่า 2500 คือกึ่งพุทธกาล...
ปล.ถึงคุณ Webmaster ขออภัยแต่ผมรู้สึกไม่ดีมากๆจึงต้องเสนอความคิดดังกล่าวอันก่อจะเกิดความขัดแย้ง แต่ถือว่าเป็นการดีเบทในเรื่องของมุมมอง สุดแท้แล้วแต่พิจารณาของคุณ Webmaster นะครับ
ปล2.ขออภัยทุกท่านหากความเห็นไม่ตรงกันและใช้วาจาที่ค่อนข้างจะดุดัน แต่ผมต้องการชี้ให้เห็นภาพที่เป็นอยู่จากมุมอีกมุมหนึ่ง ของผู้ที่ยืนจากจุดที่ต่างจากท่าน ซึ่งเคยย้ายจุดยืนมานักต่อนัก และสุดท้ายเลือกที่จะยืนจุดนี้ และมองจากจุดนี้
ถ้าพูดเช่นนี้อย่าใช้คำว่า "พร้อมที่จะเลิกเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน" อย่าใช้เลย เพราะมันขัดกับคำว่า "การรุกรานอย่างชอบธรรม"
ชี้แจงนิดเด๋วจะตีความผิด
เพราะมันเหมือนกับว่า คุณเองก็ไม่ต่างกับเขาอีกเลย เมื่ออีกฝ่ายต้องการใช้กำลัง คุณก็ต้องใช้กำลัง มันก็คือวิธีการเดียวกัน
แต่อันนี้มันต่างกันในเรื่องของมุมมองสำหรับคุณกับผม ไม่ขอเถียงประเด็นนี้ดีกว่า เพราะผมมีทฤษฎีอีกอัน ไม่อยากร่ายยาว
สันติจงบังเกิดกับชาติไทยหนอ
ผมดีใจครับคุณ BloodRoyal ผมชอบความคิดเห็นของคุณนะ ผมพูดจากใจจริงนะครับ ถ้าเป็นไปได้คุณช่วยลง ทฤษฎีที่คุณกล่าวให้ผมได้อ่านด้วยนะครับ ผมอาจจะเป็นพวกที่ศึกษาแนวความคิดของพวกฝรั่งมาจน หลกลืมความเป็นไทย ร่วมทั้งวิธีการแก้ไขปัญหาแบบไทย ๆ ก็เป็นได้ครับ ผมว่าคนไทยหลาย ๆ คนก็คิดเหมือนกันเราน่าที่จะช่วยเหลือกันได้นะครับ อย่างน้อย ๆ เราก็มีเป้าหมายเดียวกัน
พระทิเบตบอกว่าการได้พูดคุยกัน นำเสนอมุมมองจากหลาย ๆ ด้านและรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกันก็เหมือนกับการหมั่นรับมีดดาบให้แหลมคมอยู่เสมอ
ปล.สำหรับเรื่องเพื่อนคุณถ้าเป็นผมคงจะเลิกคบไปตั้งแต่เค้า ?ประกาศให้ข่าวลือร้ายๆกับเรา? เพื่อนดี ๆ ที่ไหนเค้าทำกันอย่างนี้ครับ
ถึงเวลารึยังคงต้องตอบว่า...
ถึงเวลาแล้วที่จะมีประเทศเพื่อนบ้านใหม่แล้ว
มีเมื่อไรบอกด้วยจะได้ไปเที่ยว
ประเทศปัตตานี นะ
ทำไมยังคิดแก้ปัญาหาแบบสมานฉันท์อยู่ละ
ถ้าฟ่ายตรงข้ามใช้กำลังเเล้วเราไม่ใช้กำลังใครจะสูญเสียมากกว่า
มันมีระเบิด เรามีแต่คำขอโทษ
โจรจะรับคำขอโทษและสมานฉันท์ต่อเมื่อได้ของที่ต้องการแล้วเท่านั้น
ถ้าอยากสมานฉันท์ก็ยกสามจังหวัดให้มันเลย
จบ..
ส่วนเรื่องเพื่อนนั้น
ก็ลองยกบ้านให้มันสิ
เงียบแน่
เปิดหูเปิดตากันได้แล้วเลิกเหอะการสมานฉันท์นะ
ไร้ประโยชน์
เราก็มีมือมีเท้าเหมือนกันทำไมไม่คิดสู้โจรบ้างละโจรมีมือมีเท้ามันยังจับอาวุธสู้รัดถะบานได้แล้วเราละสองเท้ามีไว้วิ่งหนีสองมือกราบteenสมานฉันท์
ผมมันแนวคิดศาสนาพุทธ แต่ก็ไม่รู้ตรงกับกี่คน
ฉนั้นผมไม่พูดนะ เพราะมันจะบานปลายไปเป็นถกเรื่องศาสนาอีก -*-
ของผมจะกึ่งๆผสมระหว่างของท่านพระพุทธทาสภิกขุ กับความคิดทางการเมืองสไตล์ฝรั่งเขา ผมก็ราวๆพวกหัวสังคมนิยม(สังคมนิยม คอมมิวนิสต์ เผด็จการ ประชาธิปไตย เสรีนิยม แยกกันให้ดีๆนะ...)
ผมให้คุณลองมองนะ หากว่าเราเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ ประเทศนี้มีคริสเตียนเป็นใหญ่(ขอสมมุตินะ อย่าว่านะคริสเตียนทั้งหลาย) แล้วมีเรื่องปะทะกันระหว่างพุทธกับคริสเตียน
เราไปเว็บต่างๆทั่วไปอ่านข่าว อ่านความเห็นก็มีแต่บอกว่า ฆ่าไอ้พวกพุทธมันเลย ทั้งๆที่มีพวกพุทธแบ่งแยกดินแดนนิดเดียวแต่ทำที่เหลือเละหมด ถูกโจมตีศาสนา เห็นมั้ยคนพุทธมันชั่ว ศีลข้อ 1 มันละเมิดกัน ทั้งที่สำคัญในข้อห้ามที่สุดแล้วแท้ๆ เห็นัม้ยต้องฆ่าไอ้พวกพุทธให้หมด
อ่านเว็บธรรมะของเราเองก็เจอคนเข้าไปตั้งกระทู้ "ไอ้พวกพุทธ มรึงไปตายกันซะ"
แล้วรัฐบาลคริสเตียนจะบอกว่า สมานฉันท์เราต้องรักเพื่อนมนุษย์กัน แต่อีกฝ่ายก็บอก เราเริ่มลุยกันได้แล้วรุกกันได้แล้ว เลิกเหอะสมานฉันท์ ไอ้พวกพุทธไม่เชื่อในพระองค์ มันไม่ใช่มนุษย์เป็นไอ้พวกนอกรีต
อ่านไปเจอแต่อย่างเงี้ยเรื่อยๆ
เทคโนโลยีสารสนเทศก็สุดยอดจริงๆ ยุคนี้จะกล่าวหา จะสร้างข่าวโคมลอยอะไรก็ง่ายดายเสียจริงๆ อยู่ที่คนจะมีสติคิดได้หรือไม่ หรือว่าหลงงมงายกับทางโลกมากไปจนเสื่อมทั้งโลกทั้งธรรม
ลองเอาใจเขาใส่ใจเราดู
แล้วหากว่าวันดีคืนดี ลูกของคุณหรือลูกของผมเป็นผู้ก่อความไม่สงบ ผมถามว่าจะแจ้งตำรวจรึ? ว่าลูกเราฆ่าคน (พูดตรงๆเลยนะ เอาใจตรงๆเลย) ผมว่าความเป็นพ่อเป็นแม่คนมันแสนจะเจ็บปวด มันไม่มีทางจับลูกไปส่งตำรวจข้อหาแบ่งแยกดินแดน ฆ่าคนตาย มีอาวุธครอบครอง (กี่ข้อหาเนี่ย?) ฉนั้นเรื่องมวลชลค่อนข้างลำบาก
แล้วถ้าหากว่าลูกของคุณถูกเจ้าหนี้ที่ฆ่าตายละครับ? อาจจะลูกหลง หรือลูกคนไปก่อการจริงๆ ถามว่าคุณมีสติพอจะไม่คิดแค้นรึ? มันก็อาจจะได้บ้างไม่ได้บ้าง
ผมถามว่าถ้าหลานคุณถูกฆ่าบ้างละ? คุณจะเคียดแค้นมั้ย? หากว่าพี่ชายคุณบอกว่าหลานคุณไม่ได้เป็นพวกก่อการร้ายจริงๆ(แท้จริงเป็นไงพิสูจน์ไมได้ เหมือนทีมนักฟุตบอลที่ตายทั้งหมดนั่นพ่อแม่ก็ไม่รู้เรื่องหรือแกล้งไม่รู้ก็พิสูจน์ไม่ได้)
ฉนั้นความแค้นเริ่มบังเกิดเช่นไร?
พ่อแม่แค้น ลุงป้าน้าอาแค้น ไอ้บ้า ทำร้ายหลานของฉัน เพื่อนบ้านเริ่มแค้น ประชาชนเริ่มแค้น (สังเกตุพี่น้องชาวพุทธเราก็เริ่มแล้วในปักษ์ใต้)
กฎแห่งกรรมเริ่มสานต่อเริ่มก่อร่างขึ้นมา (จริงๆแค่มีจิตนึกคิดจะปฏิบัติก็เกิดแล้ว)
สุดท้ายคืออะไร? เกิดแนวร่วมมากขึ้น มากขึ้น ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรุนแรงเหลือเกินจะบรรยาย จากสหายสู่ญาติ ญาติของญาติอีก สหายของญาติของญาติ
คุณลองคิดเอาใจเขามาใส่ใจเราดู แล้วต่างคนต่างบอกรุกเลย ไม่ต้องสมานฉันท์ มาสนุกกับศีลข้อ 1 กันดีกว่า
ก็ดีครับ...
300ปีก่อน เราไปตีบ้านยกครัวเขาขึ้นมา จดหมายแห่งความหยาบคายที่กษัตริย์ปัตตานีส่งมาให้กษัตริย์ไทยทำให้เขาเจ็บปวด และทหารไทยเนี่ยแหละ ที่ไปตีจนเมืองเขาราบเป็นหน้ากลอง ต้อนขนยกครัวมากรุงเทพฯ จัดการเอาลูกเด็กเล็กแดงผู้หญิงมามัดรวมกันมัดละกี่คนจำไม่ได้ไม่อยากจำ แล้วกองไปเป็นแนวทางยาวให้ช้างเดินเหยียบไล่ไปเรื่อยๆ
พวกเราก็เคยทำบาปทำกรรมมาเหมือนกันไม่ใช่ว่าไม่เคย เรื่องนี้ผมพิมพ์ เขียนไม่รู้กี่สิบกระทู้แล้วในเว็บนี้ก็ช่างเถอะ เหมือนกับว่าพิมพ์แล้วพิมพ์อีก มันเหนื่อยเมื่อยนิ้วเสียเปล่า
ไม่ได้ให้ต้องการมาเชื่อฟังผม แต่ต้องการให้ "ใช้สติ" หากเป็นชาวพุทธ ต้องการเตือนเรื่องทางธรรมประยุกต์ทางโลก "ใช้ปัญญาสังเกตุกฎแห่งกรรม"
แล้วสังเกตุทั่วโลกซิ ทำไมตะวันออกกลางอาหรับ กับตะวันตก รบกันไม่เลิก ตั้ง 2 พันกว่าปี
แล้วทำไมปัจจุบันทางยุโรปเลิกรบกันเอง? ทำไม ปธน เยอรมันไปเยี่ยมไว้อาลัยความโหดร้ายที่บรรพบุรุษเคยไปย่ำยีไว้ในการฆ่าล้างหมู่ที่อิสราเอล แล้วได้รับการต้อนรับอย่างดี?
เพราะอะไรอเมริกาถึงถูกอาหรับประณามไม่รู้จักจบสิ้นและไร้ทีท่าว่าจะจบ แล้วทางกลุ่มมูจาฮีดิน ยอมมั้ย? ไม่ยอม
เพราะอะไร ไปวิเคราะห์กันดู
แล้วหากว่ากลุ่มชาวไทยพุทธ ลุยขย้ำกลุ่มสามจังหวัดใต้ที่เป็นมุสลิมก่อการร้าย(มุสลิมดีๆก็มีแต่จะแยกยังไง?)
ถามว่าจะเป็นไปในทิศทางใด? จะมีสันติแบบไหน? สันตีแบบหวานชื่นหรือว่าสันติแบบอมทุกข์ในความมืดมิด แล้วจะยืนยาวสักเพียงใด?
ไปคิดไปตอบกันเองนะคัรบ
สำหรับผม ตอนนี้กำลังพยายามอุเบกขาให้ได้อยู่ ซึ่งยังทำไม่ได้เพราะอนึ่งติดสอบด้วย...
คร่าวๆแล้วกันทฤษฎีผม หากว่าจะให้ทฤษฎีเน้นๆล้วนๆเด๋วจะไม่เข้าใจต้องมีตัวอย่าง(ชอบตีความผมผิดๆมาหลายแห่งละ)
ฉนั้นแค่นี้พอนะครับ
ชาติไทยจงรอดพ้นภัย ชาติไทยจงมีคุณธรรม ชาติไทยจงมีความสุขกับความพอเพียง ชาติไทยจงหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมและสร้างกรรมชั่ว
(เพื่อความฮาและลดความตึงเครียด ขออภัย Webmaster อย่าคิดลึกกันนะ)
ปล.เรื่องเพื่อนผม ภายหลังจบกันที่การต่อยกันขนาดที่สาหัสกันเหมือนกัน สุดท้ายยันปัจจุบันยังไม่คุยกัน แต่ผมยังทักทายพ่อแม่กับคุณยายของเขาได้ตามปกติ(นิสัยดีมาก) และการต่อยกันครั้งนั้นมันประสาเด็ก และเกิดจากการป้องกันตัวด้วย ผมถือคติมีมิตร 1 ล้านยังมิปลอดภัยแม้มีศัตรูเพียง 1 คน
อืมแล้วจะแก้ปัญหายังไงดีครับ
ยกสามจังหวัดให้มันเถอะเรื่องจะได้จบๆไปไหนๆเราก็เป็นคนไปทำกับมันก่อนแล้วจริงไหมครับ